Share

บทที่ 7 ฝากหลานไว้กับลุง

last update Last Updated: 2025-07-04 17:23:43

ณ มุมหนึ่งใกล้ ๆ โรงอาหาร บทสนทนาของรมิดากับปรเมศยังไม่จบ

ริมฝีปากบางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เพียงชั่วพริบตานัยน์ตาสีน้ำผึ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ฉันจะให้คุณช่วยดูแลน้องอชิด้วยก็ได้”

เมศเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามกลับ

“จริงเหรอ?”

รมิดาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างลังเล แต่พูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“แต่มีข้อแม้ คุณห้ามให้ใครรู้ว่าคุณอยู่กับฉันเพราะฉันกลัวสาว ๆ ของคุณจะฉีกอกฉันเอา”

คำพูดของเธอทำให้เมศหลุดหัวเราะเบา ๆ พร้อมยิ้มน้อย ๆ

“แน่นอน เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ ผมก็ไม่อยากมีปัญหาอะไรเหมือนกัน”

รมิดาพยักหน้าอย่างโล่งใจที่เขาไม่คิดจะเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้ เธอไม่อยากให้ชีวิตตัวเองวุ่นวายไปกว่านี้แล้ว เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

“ช่วงบ่ายนี้อาจารย์ยกคลาส ฉันไม่มีเรียน ถ้าคุณมีเรียน ฉันขอตัวก่อนค่ะ”

เมศขยับตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อยก่อนจะรีบพูดขึ้น

“งั้นผมไปส่ง”

คำตอบของเขาทำให้รมิดาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เธอถามกลับทันที

“ไม่มีเรียนเหรอคะ?”

เมศยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ผมมีเรียนหรือไม่มีเรียน ยังไงข้อสอบผมก็ทำได้อยู่แล้ว”

คำตอบนั้นทำให้รมิดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมในความมั่นใจของเขาหรือไม่ดีใจกับความไม่สนใจในชีวิตการเรียนกันแน่

“ถ้างั้นก็แล้วแต่คุณค่ะ แต่ฉันต้องไปหาน้องอชิแล้ว”

รมิดาเอ่ยพร้อมหันตัวเดินออกไป

เมศเดินตามเธอไปอย่างไม่รีบร้อน พลางพูดขึ้นลอย ๆ

“จริง ๆ ผมก็ไม่ได้อยากเรียนมากหรอก แต่ดูเหมือนตอนนี้ชีวิตผมจะมีอะไรน่าสนใจมากกว่าหนังสือเรียนแล้วล่ะ”

คำพูดของเขาทำให้รมิดาหันขวับกลับมามองเขาทันที แววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่เมศกลับทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้พูดอะไรน่าสงสัย

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

รมิดาถามเสียงเข้ม

เมศเพียงยักไหล่และยิ้มมุมปาก

“ก็แค่พูดไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก คุณรีบไปหาน้องอชิดีกว่า ”

รมิดายังมองเขาด้วยความสงสัย แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เธอหันกลับไปเดินนำหน้าเขาไปยังโรงอาหาร ขณะที่เมศยังคงยิ้มบาง ๆ พลางเดินตามหลังเธอไปอย่างสบายใจ

เมื่อกลับมาที่โรงอาหาร รมิดาเห็นน้องอชินั่งอยู่กับพี่แป้งที่กำลังป้อนข้าวให้เด็กชายตัวน้อยอยู่ เด็กชายหันมาทันทีเมื่อเห็นเธอ

“ป้าดา!”

เสียงใส ๆ เรียกด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งมาหาเธอ

“วันนี้อชิอ่านนิทานไดโนเสาร์กับป้าแป้งสนุกมากเลย!” น้องอชิพูดพลางยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกาย

รมิดายิ้มอ่อนโยน ขยับเข้าไปนั่งยอง ๆ ลูบศีรษะผู้เป็นหลานอย่างเบามือ

“งั้นน้องอชิก็ชอบป้าแป้งใช่ไหมครับ?”

เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ

“ชอบฮะ! แล้วก็ชอบลุงเมศด้วย!”

คำพูดนั้นทำให้รมิดาชะงัก เธอหันไปมองเมศที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งตอนนี้กำลังแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่รอยยิ้มมุมปากของเขากลับบ่งบอกชัดว่าเขาได้ยินเต็มสองหู

“ลุงเมศทำอะไรให้อชิชอบเหรอครับ?”

รมิดาถามด้วยความสงสัย

“ลุงเมศเล่าเรื่องรถให้อชิฟังด้วย! โตขึ้นอชิอยากขับรถแบบลุงเมศฮะ!”

เด็กชายตอบเสียงใส รมิดาขยับยิ้ม เอียงคอมองหลาน

“ทำไมถึงอยากขับรถแบบลุงเมศล่ะครับ?”

เด็กชายวัยสามขวบฉีกยิ้มสดใส ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เกินวัย

“จะได้ไปส่งป้าดาไงฮะ ไปส่งทุกที่เลย! เห็นป้าดาขึ้นรถเมล์ทุกวัน คงเหนื่อยฮะ”

คำพูดนั้นทำให้รมิดาอึ้ง เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ ดวงตาคู่นั้นเริ่มรื้นไปด้วยน้ำใส ๆ ความไร้เดียงสาของเด็กชายทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน

“อชิครับ…”

รมิดาก้มลงมองหลานชายตัวน้อย ก่อนจะดึงเขาเข้ามากอดเบา ๆ น้ำเสียงของเธอสั่นนิด ๆ แต่ยังคงอ่อนโยน

“หนูไม่ต้องห่วงป้าดาหรอกครับ แค่หนูตั้งใจโตเป็นเด็กดี ป้าดาก็มีความสุขที่สุดแล้ว”

น้องอชิพยักหน้า

“อชิจะเป็นเด็กดีฮะ จะปกป้องป้าดาด้วย!”

เมศที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ เหลือบตามองภาพตรงหน้า พลางพูดขึ้นลอย ๆ

“น่ารักจริง ๆ เด็กคนนี้”

เสียงของเขาดูเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับใคร แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้รมิดาหันมาสบตากับเขา

“ขอบคุณนะคะ ที่เล่านิทานเรื่องรถให้อชิฟัง”

รมิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าทุกครั้ง เมศยักไหล่เบา ๆ

“ผมไม่ได้ทำอะไรมาก แค่อยากให้เขารู้ว่ารถมันไม่ได้มีไว้แค่ขับ แต่มีไว้ดูแลคนที่เราห่วงใยด้วย”

คำพูดนั้นทำให้รมิดารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ เธอหลบสายตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับมือน้องอชิไว้

“งั้นเราไปล้างมือนะครับ จะได้กลับบ้านกัน”

เมศเดินตามทั้งสองไปเงียบ ๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่ติดอยู่บนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว

ครืด ครืด!

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่รมิดากำลังจูงมือน้องอชิไป

ล้างมือ หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอก่อนจะเห็นชื่อของ มิน เพื่อนสนิทในกลุ่มรายงานที่กำลังจะส่งอาจารย์ เธอสูดหายใจลึกก่อนกดรับสาย

“ฮัลโหล มิน”

เสียงของรมิดาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“ดา! นี่เธออยู่ไหนเนี่ย? พวกเรารวมกลุ่มกันอยู่ที่ห้องสมุดนะ อีกสองวันรายงานต้องส่งแล้วนะ!”

เสียงของมินดังลอดออกมาจากโทรศัพท์อย่างชัดเจน

รมิดาถอนหายใจ

“ขอโทษนะ ฉันอยู่โรงอาหาร พอดีดูแลน้องอชิอยู่”

“อีกแล้วเหรอ?”

มินถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเหนื่อยหน่าย

“นี่เธอจะไม่ว่างอีกแล้วใช่ไหมดา? ทุกครั้งที่ทำรายงาน เธอก็มาช้ากว่าพวกเราเสมอเลย"

คำพูดของมินเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง รมิดาเม้มริมฝีปากแน่น ใจเธอรู้ดีว่ามินไม่ได้ตั้งใจพูดให้เธอรู้สึกแย่ แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้น ทุกครั้งที่ต้องทำงานกลุ่ม เธอมักจะเป็นตัวถ่วงของเพื่อนเสมอ

เธอหันไปมองเมศที่ตอนนี้ย่อตัวลงไปจับมือน้องอชิเพื่อพาไปล้างมือแทนเธอ เมศหันมาสบตาเธอเพียงแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปสนใจน้องอชิอีกครั้ง

หญิงสาวสูดหายใจลึก ก่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เดี๋ยวฉันโทรกลับไปนะมิน แต่วันนี้ฉันจะไปทำรายงานร่วมกับพวกเธอแน่นอน ฉันสัญญา”

“เธอพูดแล้วนะ ถ้าคราวนี้เบี้ยว ฉันจะไม่ช่วยเธออีกแล้วจริง ๆ”

มินตอบพลางแอบหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ยินคำตอบนี้จากรมิดา

“ฉันไม่เบี้ยวแน่”

รมิดายืนยัน ก่อนจะวางสาย เธอสูดหายใจลึกอีกครั้ง ตั้งใจว่าอย่างไรเสีย วันนี้เธอจะต้องทำหน้าที่ในกลุ่มรายงานให้ดีที่สุด

เมศเดินกลับมาพร้อมกับน้องอชิที่กำลังเช็ดมือเล็ก ๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าลายการ์ตูน รมิดาเหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะพูดเบา ๆ

“ขอบคุณนะคะ”

เมศเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ขอบคุณเรื่องอะไรครับ?”

“ที่ช่วยพาน้องอชิไปล้างมือ”

เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า

เมศยักไหล่

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

รมิดามองเมศอย่างลังเล ก่อนที่จะรวบรวมความกล้า แล้วพูดออกมาอย่างช้า ๆ

“ช่วยอะไรฉันอีกสักอย่างได้ไหมคะ?”

เมศเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“คุณ? คนอย่างคุณเคยร้องขอให้ใครช่วยเหรอ?”

เขาถามพร้อมยิ้มเล็กน้อย ทำให้รมิดามีความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังล้อเลียนเธอ

“พูดมาสิ”

เมศพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ารมิดาเงียบไปนาน

รมิดาหายใจลึก ๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

“คุณช่วยดูแลน้องอชิแทนฉันก่อนได้ไหมคะ? ฉันต้องรีบไปทำรายงานกับเพื่อน เย็น ๆ จะกลับบ้านค่ะ”

เมศทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยักไหล่

“ไม่มีปัญหา น้องอชิก็หลานผมเช่นกัน”

เขาตอบพลางยิ้มแววตาอ่อนโยนขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ดูเหมือนจะทำหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ แต่การพูดแบบนี้จากเขาก็ดูจะจริงใจอยู่ดี

รมิดาค่อย ๆ ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกุญแจบ้านจากกระเป๋าและยื่นให้เมศ

“นี่กุญแจบ้านค่ะ"

เมศรับมันมาแล้วมองเธอด้วยแววตาที่มีความสนใจ

“จริงนะ? ไม่มีข้อแม้อะไรเหรอ?”

รมิดาเหลือบมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้า

“ไม่มีค่ะ ขอแค่ดูแลน้องอชิให้ดี ๆ หน่อยนะคะ”

เมศพยักหน้า

“แน่นอนครับ”

หลังจากนั้น รมิดาก็หันไปหาน้องอชิที่กำลังเล่นอยู่ที่มุมห้องโรงอาหาร ด้วยรอยยิ้มสดใสที่อยู่บนใบหน้าเด็กน้อย

“น้องอชิครับ วันนี้เล่นกับลุงเมศไปก่อนนะครับ ตอนเย็นป้าดาจะกลับไปหา”

น้องอชิมองขึ้นมาจากของเล่นในมือ ก่อนจะยิ้มกว้างและตอบเสียงสดใส

“ได้ฮะ!”

รมิดาพยักหน้าก่อนจะหันไปบอกเมศ

“ช่วงบ่าย 2 ให้น้องอชินอนกลางวันด้วยนะคะ ฉันจะรีบกลับบ้านนะคะ”

เมศยิ้มและรับคำ

“เข้าใจแล้วครับ”

เขาตอบในน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง แม้ว่าจะมีท่าทางเป็นกันเองและดูแลเด็กแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อการฝากหลานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รมิดาก็ยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะหันไปทางประตูและเดินออกไปจากโรงอาหาร รู้สึกโล่งใจที่ได้ฝากความรับผิดชอบนี้ไว้กับเมศ ซึ่งบางทีเธอก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่า แต่ในตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก

เมศมองตามเธอจนหายไปจากสายตา ก่อนจะหันไปหาน้องอชิที่กำลังรออยู่

“เอาล่ะ น้องอชิ วันนี้เราไปทำอะไรสนุก ๆ กันดี?”

น้องอชิตาเป็นประกายและพูดออกมาอย่างดีใจ

“ไปเล่นสนามเด็กเล่นฮะ!”

เมศยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ได้สิ!”

ในขณะที่เขาพาน้องอชิออกจากโรงอาหารไปอย่างมีความสุข ความรู้สึกในใจของเขาก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนไปเขาคิดว่า การที่เขาต้องรับผิดชอบดูแลเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แม้เขาจะเคยคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับการทำหน้าที่นี้ แต่ตอนนี้…เขากลับเริ่มรู้สึกว่าอาจจะมีบางอย่างที่เขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากการดูแลน้องอชิ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 35 ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ

    วันรุ่งขึ้นเช้านี้ แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวในห้องนั่งเล่น รมิดานั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ แต่เธอแทบไม่ได้แตะมันเลย ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งยังคงฉายข่าวเรื่องการจากไปของพ่อแม่พิชชาเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เธอหันไปมองผ่านหน้าต่าง เห็นรถของปรเมศจอดอยู่ รมิดาวางแก้วกาแฟลง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้เขา“เห็นข่าวหรือยังคะ?” เธอถามทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน ปรเมศพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เห็นแล้ว”รมิดาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันว่าจะไปเยี่ยมพิชชาสักหน่อยค่ะ”ปรเมศมองเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมก็ว่าจะไปเหมือนกัน”เธอเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ “คุณก็จะไป?”“ใช่” เขาพยักหน้า แล้วอธิบาย “ตระกูลดั้งเดิมของพิชชาให้ความสำคัญกับหน้าตาทางสังคมมาก ข่าวใหญ่โตขนาดนี้ ผมว่า ญาติของเธอคงไม่มีใครอยากมายุ่งเกี่ยวด้วย”รมิดานิ่งไป“ผมจะไปแสดงความเสียใจ และขอจัดงานศพแทนพ่อแม่ของเธอ” เขาพูดต่อ น้ำเสียงหนักแน่น “ถึงแม้เธอจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน สุดท้ายเธอก็เหลือตัวคนเดียว ผมไม่อยากให้เธอจากไปโดยไม่มีใครเลย”รมิดามองเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 34 ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำ

    “ป้าดา ป่าป๊าอชิไปไหนฮะ ป่าป๊าเจ็บอยู่ ยังอยู่ในนั้นใช่ไหม ป่าป๊าเจ็บมากไหมฮะ ฮึก”เสียงหลานชายสะอื้นเรียกสติรมิดาอีกครั้ง เธอจะบอกอชิยังไงดีรมิดากระชับอ้อมกอดน้องอชิแน่นขึ้น ลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบโยนให้เด็กน้อยสงบลง“อชิไม่ร้องนะครับ ป้าดาอยู่ตรงนี้นะ”เสียงของเธอสั่นเครือพอ ๆ กับหัวใจที่เจ็บปวด ความสูญเสียครั้งนี้หนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ แต่น้องอชิยังเด็กนัก… เขาไม่ควรต้องเผชิญเรื่องแบบนี้เลยเด็กน้อยสะอื้นฮัก ซุกหน้ากับอกของเธอ พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ป่าป๊าภีมไปไหนเหรอฮะ ป้าดา… ทำไมยังไม่ออกมาหาอชิ”รมิดาหลับตาลง พยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธออยากจะบอกความจริงทั้งหมด แต่จะให้เด็กวัยนี้เข้าใจความตายได้อย่างไร“ป๊าภีมต้องไปที่ไกล ๆ แต่เขายังรักอชิอยู่เสมอนะครับ”“แล้วป๊าจะกลับมาไหมฮะ”คำถามนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดกลางใจเธอรมิดาไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอได้แต่ลูบศีรษะเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ป๊าภีมจะอยู่กับอชิตลอดไป… อยู่ในหัวใจของอชิไงครับ”เด็กน้อยสะอื้นหนักขึ้น ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ จะค่อย ๆ อ่อนแรงลงจากความเหนื่อยล้า เสียงร้องแผ่วลงจนกระทั่งเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 33 สูญเสีย

    รมิดาเดินกลับมาถึงหน้าห้องไอซียู ร่างบางมองเห็นปรเมศที่ยืนพิงกำแพง มือหนายกขึ้นเสยผมด้วยความเครียด ก่อนจะลดมือลงมาจับมือน้อย ๆ ของน้องอชิที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆเมื่อปรเมศเห็นเธอเดินกลับมา เขาก็รีบสาวเท้าเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล “คุยกับคุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”รมิดามองหน้าเขาแล้วยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณหญิงแค่… ยอมรับฉันแล้ว”แววตาของปรเมศไหววูบไปชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ“จริงเหรอ?” เขาถามเสียงเบา ราวกับยังไม่อยากจะเชื่อ รมิดาพยักหน้า “ค่ะ จริง คุณหญิงยอมรับฉันแล้ว”ปรเมศมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาเห็นความสุขและความโล่งใจที่สะท้อนอยู่ในนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอดเขายื่นมือไปจับมือเธอเอาไว้ “ดีแล้ว… ผมดีใจจริง ๆ”รมิดากำมือของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองน้องอชิที่ยังคงหลับสนิท เธอถอนหายใจเบา ๆ“ตอนนี้เหลือแค่ภีม…” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลง แววตาหม่นลงเล็กน้อยปรเมศบีบมือเธอเบา ๆ เป็นเชิงปลอบโยน “ภีมต้องปลอดภัย เขาแข็งแรงขนาดนั้น เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก”รมิดาฝืนยิ้ม

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 32 ยอมรับ

    ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งรมิดานั่งอยู่หน้าห้องไอซียู มือของเธอคอยลูบศีรษะเล็ก ๆ ของน้องอชิที่หลับอยู่ในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเด็กน้อยยังคงบวมแดงจากการร้องไห้หนัก ความเหนื่อยล้าทำให้เขาหลับไป แต่ถึงอย่างนั้น มือเล็ก ๆ ก็ยังจับชายเสื้อของเธอไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปรมิดามองประตูห้องไอซียูที่ปิดสนิท หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างหวาดหวั่น ทุกวินาทีที่รอคอยช่างยาวนาน ราวกับเข็มนาฬิกาเดินช้าลงอย่างน่าทรมาน“ถึงมือหมอแล้ว นายจะไม่เป็นอะไร”ริมฝีปากสีสวยพึมพำเบา ๆ เธอเคยดูละครหลังข่าวมาก็เยอะ สถานการณ์ที่พระเอกโดนยิง จะมีปาฏิหารย์ตลอด ฉะนั้นภีมคือพระเอกในเรื่องราวของเธอ เป็นป่าป๊าของน้องอชิ เขาต้องรอดเท่านั้นตึก ! ตึก !ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากปลายทางเดิน ปรเมศที่เพิ่งจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เสร็จ รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเธอ“รมิดา!”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจรมิดาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและความกังวล “ปรเมศ…”ปรเมศทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอ หายใจหอบเล็กน้อยเพราะวิ่งมาอย่างรีบร้อน “เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่ายังไง?” เขาพูดเสียงอ่อนพลางลูบหลังเธอเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 31 ป่าป๊าของอชิ

    ปรเมศกับภีมซุ่มอยู่ด้านนอกโกดัง ดวงตาทั้งสองคนจับจ้องไปยังพวกโจรที่กระจายตัวกันอยู่ด้านหน้าอาคาร“มีสองคนเฝ้าหน้าประตู อีกคนเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ” ภีมกระซิบขณะมองผ่านช่องเล็ก ๆ บนกำแพงร้าง“ถ้าบุกตรง ๆ เสียงปืนดังแน่ ต้องจัดการเงียบ ๆ ก่อน” ปรเมศพยักหน้าเห็นด้วยภีมชี้ไปทางด้านซ้าย “ฉันจะไปจัดการไอ้คนที่เดินตรวจ นายไปดักสองตัวที่เฝ้าประตู”“เออ เจอกันข้างใน” ปรเมศตอบเสียงเรียบ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันดำเนินแผนภีมเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ อาศัยเงามืดเป็นที่กำบัง รอจนโจรที่เดินตรวจตราเผลอ ก่อนจะพุ่งเข้าไปล็อกคอจากด้านหลัง กระชากตัวมันลงกับพื้นอย่างแรง“อึก…!!”ภีมใช้แขนรัดคอแน่นจนร่างนั้นหมดสติไป ก่อนจะค่อย ๆ วางมันลงกับพื้นอย่างไร้เสียง“หนึ่งไป” เขาพึมพำเบา ๆ แล้วส่งสัญญาณให้ปรเมศที่ซุ่มอยู่ใกล้ประตูปรเมศจัดการพวกที่เฝ้าหน้าประตูอย่างรวดเร็ว เขาใช้ท่อนไม้หนัก ๆ ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของคนแรก ก่อนจะเตะเข้ากลางลำตัวของอีกคนจนมันล้มลงไป“สองไป”ภีมรีบเข้ามาสมทบ ทั้งคู่จับอาวุธจากพวกโจรมาไว้ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูโกดังเข้าไปทันทีที่เข้ามาข้างใน“ลุงภีม!! ลุงเมศ!! ช่วยป้

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 30 จะช่วยได้หรือไม่

    โกดังร้าง – เวลากลางคืนปรเมศกับภีมขับรถมาถึงบริเวณโกดังร้าง ก่อนจะดับเครื่องยนต์ไว้ห่างออกไปไม่เกิน 500 เมตร ทั้งสองกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาตึงเครียด บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางต้นที่พอให้มองเห็นโครงสร้างเก่าโทรมของโกดัง“เราจะบุกเข้าไปเลยไม่ได้” ภีมพูดเสียงเครียด “ถ้าคนร้ายรู้ตัวก่อน มันอาจจะใช้รมิดากับอชิเป็นตัวประกัน”ปรเมศพยักหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากตำรวจที่ตอบกลับมาแล้วว่ากำลังเดินทางมา คาดว่าจะถึงภายใน 15 นาที“เราต้องถ่วงเวลาให้ตำรวจมาถึงก่อน” ปรเมศพูดเสียงหนัก “แต่เราก็ต้องหาทางให้พวกมันไม่รู้ตัวว่าเรามาแล้วด้วย”ภีมมองไปยังโกดัง สังเกตเห็นว่ามีลูกน้องของพวกมันสองคนเดินตรวจตราอยู่ด้านหน้า ถือปืนคนละกระบอก“ทางเข้าออกมีแค่ประตูหน้า” ภีมพึมพำ “ถ้าเราจะเข้าไป ต้องหาทางกำจัดยามพวกนั้นก่อน”ปรเมศขบกรามแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางซ้ายมือของโกดัง ซึ่งมีช่องหน้าต่างแตกอยู่ “หรือเราจะลองเข้าไปจากตรงนั้น?”ภีมหรี่ตา “อืม… นั่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของภีมสั่นเบา ๆ เขารีบกดรับ เป็นสายจากตำรวจ“ค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status