ホーム / โรแมนติก / ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ / บทที่ 6 ชีวิตที่จัดการไม่ลงตัวเสียที

共有

บทที่ 6 ชีวิตที่จัดการไม่ลงตัวเสียที

last update 最終更新日: 2025-07-04 17:22:41

รมิดากำลังเร่งรีบเดินออกจากตึกคณะ มุ่งหน้าไปยังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเพื่อพาน้องอชิไปทานข้าว หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเรื่องการทิ้งหลานชายไว้กับพี่แป้งนานเกินไป เธอก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะถึงห้องสมุด เสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“นี่เธอ!”

รมิดาชะงักหันกลับไปมอง พบว่ากลุ่มนักศึกษาหญิงกลุ่มเดิมที่เจอในโรงอาหารเมื่อเช้า เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร

“มีอะไรอีกคะ?”

รมิดาถอนหายใจ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

หนึ่งในกลุ่ม หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีม เอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มเยาะ

“ตกลงเธอเป็นอะไรกับเมศกันแน่?”

รมิดาก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วเงยหน้าตอบ

“ฉันตอบคุณไปแล้วค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา”

ทุกคนในกลุ่มแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ หนึ่งในนั้นแค่นหัวเราะ

“ไม่ได้เป็นอะไร? ถ้าไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมเมศถึงไม่มีเวลาไปทานข้าวกับฉัน? หรือไปนอนกับฉัน? เขาติดธุระ แต่ธุระที่ว่าคืออยู่กับเธอ”

คำพูดนั้นทำให้รมิดาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“ฉันบอกให้คุณไปถามเขาเองค่ะ คุณถามฉันไป คุณก็ไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี”

หญิงสาวคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ราวกับคำตอบของ

รมิดาเป็นน้ำมันราดไฟ

“ถ้าฉันถามเขา แล้วเขาพูดว่าเธอไม่มีความหมายอะไรเลย เธอจะยอมออกไปจากชีวิตเขาไหม?”

รมิดาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ

“ถ้าคุณได้คำตอบแบบนั้น ก็ถือว่าเรื่องจบ แต่ถ้าคำตอบมันไม่เป็นอย่างที่คุณคิด คุณจะทำยังไง?”

คำตอบที่สงบนิ่งแต่เต็มไปด้วยชั้นเชิงของรมิดาทำให้กลุ่มนักศึกษาหญิงเงียบไปชั่วครู่ แต่ความโกรธยังไม่จางหาย หญิงสาวคนนั้นกัดฟันแล้วพูดขึ้น

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะสำคัญอะไรขนาดนั้น เมศแค่สงสารเธอเท่านั้นแหละ”

รมิดายักไหล่เบา ๆ ก่อนจะตอบ

“ถ้าคุณมั่นใจแบบนั้น คุณก็ควรเลิกสนใจฉันได้แล้วใช่ไหมคะ?”

หญิงสาวในกลุ่มเริ่มโวยวายเบา ๆ แต่ดูเหมือนหัวหน้าทีมจะตัดสินใจว่าคำตอบของรมิดาทำให้เธอไม่มีอะไรจะพูดต่อ เธอสะบัดหน้าแล้วพูด

“อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเรื่องนี้ง่าย ๆ ล่ะ”

ก่อนจะพากลุ่มของเธอเดินจากไป

รมิดามองตามพวกเธอไปอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันกลับไปรีบเดินต่อไปที่ห้องสมุด พลางคิดในใจว่า

“ทำไมฉันต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย?”

เมื่อรมิดาเดินมาถึงหน้าห้องสมุด เธอหยุดชะงักเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า โต๊ะที่เธอคาดว่าน้องอชิกับพี่แป้งจะนั่งอยู่กลับไม่มีใคร เธอกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างกังวล ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาพี่แป้ง

รมิดา: “พี่แป้งอยู่ไหนคะ? อชิอยู่กับพี่ใช่ไหม?”

ไม่กี่วินาทีต่อมา โทรศัพท์ของเธอส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความกลับมา

พี่แป้ง: “อยู่โรงอาหารจ้ะ พาน้องอชิมาทานข้าว รออยู่ตรงโต๊ะข้าง ๆ ร้านน้ำส้มเลยนะ”

รมิดาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยล้าจากความวุ่นวายที่วนเวียนอยู่ในชีวิตเธอทุกวัน เธอรีบก้าวเท้าตรงไปยังโรงอาหาร แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิด

“ทำไมฉันถึงยังจัดการชีวิตตัวเองไม่ได้เลยนะ? ตั้งแต่พี่สาวจากไป ฉันก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อชิมีความสุข แต่บางครั้งมันก็ยากเหลือเกิน…”

ตั้งแต่วันนั้นที่พี่สาวจากไปอย่างไม่มีวันกลับ รมิดา ซึ่งยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลาย ต้องแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในฐานะแม่บุญธรรมของน้องอชิ

นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว แม้เธอจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อบาลานซ์ชีวิตการเรียนกับหน้าที่การดูแลหลาน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัย ความซับซ้อนและภาระที่เพิ่มขึ้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิ่งวนอยู่ในวงจรที่ไม่สิ้นสุด

ตึก ตึก ตึก !

เสียงฝีเท้าของเธอหยุดลงเมื่อถึงโรงอาหาร ดวงตาของเธอมองเห็นพี่แป้งกำลังนั่งยิ้มพูดคุยกับน้องอชิที่กำลังจ้วงข้าวในจานอย่างเอร็ดอร่อย รมิดาอดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้

“ป้าดา!”

เสียงใสร้องเรียกพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างดีใจเมื่อเห็นเธอเดินมา

รมิดารีบเดินไปหาน้องอชิ พี่แป้งเงยหน้าขึ้นมองพลางพูดติดตลก

“มาแล้วเหรอคุณแม่จอมสาย งานยุ่งอีกแล้วใช่ไหม?”

รมิดายิ้มเจื่อน

“ขอโทษนะคะ พี่แป้ง วันนี้ดามีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

พี่แป้งหัวเราะเบา ๆ

“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันอยู่กับอชิได้ทั้งวันเลย เด็กคนนี้เลี้ยงง่ายจะตาย ไม่ดื้อไม่ซน นี่กินข้าวหมดไปจานแล้วนะ”

“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ดาคงไม่รู้จะทำยังไงถ้าไม่มีพี่แป้งช่วยไว้”

รมิดาพูดอย่างซาบซึ้ง

“โอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกจ้ะ ดารีบจัดการชีวิตตัวเองให้ลงตัวก่อนเถอะ อชิเองก็ต้องการป้าที่มีเวลาให้เขาจริง ๆ นะ”

พี่แป้งพูดพลางส่งยิ้มให้กำลังใจ รมิดาพยักหน้ารับ พลางมองหลานชายที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อยู่ เธอสัญญาในใจว่าจะพยายามให้มากกว่านี้ไม่ใช่เพียงเพื่อหลานชาย แต่เพื่อสร้างชีวิตที่มั่นคงสำหรับทั้งคู่ในอนาคต

ทันใดนั้นเองคนตัวเล็กชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั้น เธอหันกลับไปอย่างช้า ๆ และพบว่าเมศกำลังถือแก้วน้ำผลไม้ในมือ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูไม่สะทกสะท้านกับสีหน้าตึง ๆ ของเธอ

“อชิครับ น้ำมาแล้วครับ”

เมศพูดพลางยื่นแก้วให้น้องอชิที่ยิ้มร่าเริง

“ขอบคุณครับ ลุงเมศ!”

น้องอชิตอบอย่างสดใส ทำให้รมิดาหลุบตามองหลานชายด้วยความรัก ก่อนจะกลับมาส่งสายตาเย็นชาให้เมศ

“คุณมาทำอะไรอีก?”

รมิดาถามเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เมศไม่ตอบทันที แต่เลิกคิ้วเล็กน้อย

“ขอผมคุยด้วยหน่อย เกี่ยวกับน้องอชิ”

รมิดากัดริมฝีปากเล็กน้อย เธอไม่อยากมีปัญหาในที่สาธารณะ และการคุยต่อหน้าหลานชายก็ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม เธอจึงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปบอกพี่แป้งที่ยังคงนั่งอยู่

“พี่แป้งคะ รบกวนดูน้องอชิสักครู่ได้ไหมคะ?”

“ได้สิ ไม่ต้องห่วง”

พี่แป้งยิ้มพลางหยอกน้องอชิ

“มานี่มา มาเล่าเรื่องไดโนเสาร์ให้ป้าฟังหน่อยเร็ว!”

น้องอชิหัวเราะคิกคักแล้วกระโดดขึ้นตักพี่แป้งอย่างไว้ใจ

รมิดาหันกลับมามองเมศ ก่อนจะพูดเรียบ ๆ

“ไปคุยกันตรงนั้นค่ะ”

เธอชี้ไปยังมุมเงียบ ๆ ใกล้โรงอาหาร

ทั้งสองเดินเคียงกันออกไป แม้จะไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างทาง แต่บรรยากาศอึดอัดกลับชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อถึงมุมที่คิดว่าปลอดคน

รมิดากอดอกและจ้องเขา

“ว่ามาเลยค่ะ คุณอยากพูดอะไรเกี่ยวกับน้องอชิอีก?”

เมศจ้องรมิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถามเสียงเข้ม

“ทำไมคุณไม่พาน้องอชิทานข้าวให้ตรงเวลา? นี่มันบ่ายแล้ว คุณรู้ไหมว่าเด็กน่ะ รอไม่ได้!”

รมิดาชะงักเล็กน้อยกับน้ำเสียงของเขา แต่เธอก็ตอบกลับไปทันทีด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์

“ก็แค่วันนี้วันเดียว ฉันก็รีบสุด ๆ แล้ว แต่มันมีคนมาขวางทางฉัน คุณจะให้ฉันทำยังไง?”

เมศถอนหายใจยาว

“นี่น่ะเหรอที่คุณบอกว่าเลี้ยงคนเดียวได้? ทั้ง ๆ ที่ชีวิตของคุณก็บาลานซ์ไม่ได้เลย”

คำพูดของเขาทำให้รมิดารู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เธอกำมือแน่น ข่มความโกรธก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ใช่ ฉันบาลานซ์ไม่ได้หรอก แต่ฉันก็ทำเต็มที่แล้ว คุณไม่เข้าใจหรอกว่ามันยากแค่ไหนที่จะเรียนไปด้วย ดูแลหลานไปด้วย ในขณะที่ไม่มีใครช่วยเหลือเลย!”

เมศมองเธออย่างนิ่งเงียบ แต่ในแววตานั้นมีบางอย่างที่ทำให้

รมิดารู้สึกเหมือนเขากำลังพยายามจะพูดบางสิ่ง

“ผมเข้าใจดีว่าคุณเหนื่อย แต่การที่คุณยืนยันจะทำทุกอย่างคนเดียวมันไม่ได้หมายความว่ามันถูกต้อง”

เมศพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย แต่ยังคงความจริงจังไว้

“คุณอาจจะทำได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณให้คนอื่นช่วยแบ่งเบาบ้าง?”

รมิดาส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด

“คนอื่นที่ว่าคุณหมายถึงตัวคุณใช่ไหม? คุณโผล่มาไม่กี่วันแล้วก็คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอชิ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน!”

เมศกัดฟันเล็กน้อยแต่ยังคงความสงบนิ่ง

“ผมไม่ได้จะมาสั่งคุณ แต่ผมมีสิทธิ์ในฐานะคนในครอบครัวของอชิผมไม่ได้มาเพื่อแย่งอะไรจากคุณ ผมแค่อยากช่วย เพราะผมเป็นห่วงทั้งคุณและน้อง”

คำพูดของเขาทำให้รมิดาหยุดชะงัก เธอไม่อยากยอมรับว่าในใจลึก ๆ นั้น เธอก็รู้ว่าเขาพูดถูก แต่ความเจ็บปวดจากการที่ต้องแบกรับทุกอย่างคนเดียวมานานทำให้เธอยังไม่อยากเปิดใจ

“ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าคุณจริงจังแค่ไหน”

เธอพูดเบา ๆ

“แต่ถ้าคุณคิดจะช่วยจริง ๆ คุณต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นก่อนไม่ใช่แค่พูดลอย ๆ แบบนี้”

เมศพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ผมเข้าใจ และผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำ”

รมิดามองเขาอย่างลังเล ก่อนจะหันหลังกลับไปหาน้องอชิที่กำลังเล่นกับพี่แป้งอยู่ แม้เธอจะยังไม่เชื่อมั่นในตัวเมศ แต่บางสิ่งในคำพูดของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงใจ และเรื่องที่ถูกผู้หญิงของเขาหาเรื่องในวันนี้เธอจะยังไม่พูดให้เขาฟังก็แล้วกัน

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 35 ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ

    วันรุ่งขึ้นเช้านี้ แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวในห้องนั่งเล่น รมิดานั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ แต่เธอแทบไม่ได้แตะมันเลย ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งยังคงฉายข่าวเรื่องการจากไปของพ่อแม่พิชชาเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เธอหันไปมองผ่านหน้าต่าง เห็นรถของปรเมศจอดอยู่ รมิดาวางแก้วกาแฟลง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้เขา“เห็นข่าวหรือยังคะ?” เธอถามทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน ปรเมศพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เห็นแล้ว”รมิดาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันว่าจะไปเยี่ยมพิชชาสักหน่อยค่ะ”ปรเมศมองเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมก็ว่าจะไปเหมือนกัน”เธอเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ “คุณก็จะไป?”“ใช่” เขาพยักหน้า แล้วอธิบาย “ตระกูลดั้งเดิมของพิชชาให้ความสำคัญกับหน้าตาทางสังคมมาก ข่าวใหญ่โตขนาดนี้ ผมว่า ญาติของเธอคงไม่มีใครอยากมายุ่งเกี่ยวด้วย”รมิดานิ่งไป“ผมจะไปแสดงความเสียใจ และขอจัดงานศพแทนพ่อแม่ของเธอ” เขาพูดต่อ น้ำเสียงหนักแน่น “ถึงแม้เธอจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน สุดท้ายเธอก็เหลือตัวคนเดียว ผมไม่อยากให้เธอจากไปโดยไม่มีใครเลย”รมิดามองเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 34 ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำ

    “ป้าดา ป่าป๊าอชิไปไหนฮะ ป่าป๊าเจ็บอยู่ ยังอยู่ในนั้นใช่ไหม ป่าป๊าเจ็บมากไหมฮะ ฮึก”เสียงหลานชายสะอื้นเรียกสติรมิดาอีกครั้ง เธอจะบอกอชิยังไงดีรมิดากระชับอ้อมกอดน้องอชิแน่นขึ้น ลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบโยนให้เด็กน้อยสงบลง“อชิไม่ร้องนะครับ ป้าดาอยู่ตรงนี้นะ”เสียงของเธอสั่นเครือพอ ๆ กับหัวใจที่เจ็บปวด ความสูญเสียครั้งนี้หนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ แต่น้องอชิยังเด็กนัก… เขาไม่ควรต้องเผชิญเรื่องแบบนี้เลยเด็กน้อยสะอื้นฮัก ซุกหน้ากับอกของเธอ พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ป่าป๊าภีมไปไหนเหรอฮะ ป้าดา… ทำไมยังไม่ออกมาหาอชิ”รมิดาหลับตาลง พยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธออยากจะบอกความจริงทั้งหมด แต่จะให้เด็กวัยนี้เข้าใจความตายได้อย่างไร“ป๊าภีมต้องไปที่ไกล ๆ แต่เขายังรักอชิอยู่เสมอนะครับ”“แล้วป๊าจะกลับมาไหมฮะ”คำถามนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดกลางใจเธอรมิดาไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอได้แต่ลูบศีรษะเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ป๊าภีมจะอยู่กับอชิตลอดไป… อยู่ในหัวใจของอชิไงครับ”เด็กน้อยสะอื้นหนักขึ้น ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ จะค่อย ๆ อ่อนแรงลงจากความเหนื่อยล้า เสียงร้องแผ่วลงจนกระทั่งเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 33 สูญเสีย

    รมิดาเดินกลับมาถึงหน้าห้องไอซียู ร่างบางมองเห็นปรเมศที่ยืนพิงกำแพง มือหนายกขึ้นเสยผมด้วยความเครียด ก่อนจะลดมือลงมาจับมือน้อย ๆ ของน้องอชิที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆเมื่อปรเมศเห็นเธอเดินกลับมา เขาก็รีบสาวเท้าเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล “คุยกับคุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”รมิดามองหน้าเขาแล้วยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณหญิงแค่… ยอมรับฉันแล้ว”แววตาของปรเมศไหววูบไปชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ“จริงเหรอ?” เขาถามเสียงเบา ราวกับยังไม่อยากจะเชื่อ รมิดาพยักหน้า “ค่ะ จริง คุณหญิงยอมรับฉันแล้ว”ปรเมศมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาเห็นความสุขและความโล่งใจที่สะท้อนอยู่ในนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอดเขายื่นมือไปจับมือเธอเอาไว้ “ดีแล้ว… ผมดีใจจริง ๆ”รมิดากำมือของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองน้องอชิที่ยังคงหลับสนิท เธอถอนหายใจเบา ๆ“ตอนนี้เหลือแค่ภีม…” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลง แววตาหม่นลงเล็กน้อยปรเมศบีบมือเธอเบา ๆ เป็นเชิงปลอบโยน “ภีมต้องปลอดภัย เขาแข็งแรงขนาดนั้น เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก”รมิดาฝืนยิ้ม

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 32 ยอมรับ

    ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งรมิดานั่งอยู่หน้าห้องไอซียู มือของเธอคอยลูบศีรษะเล็ก ๆ ของน้องอชิที่หลับอยู่ในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเด็กน้อยยังคงบวมแดงจากการร้องไห้หนัก ความเหนื่อยล้าทำให้เขาหลับไป แต่ถึงอย่างนั้น มือเล็ก ๆ ก็ยังจับชายเสื้อของเธอไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปรมิดามองประตูห้องไอซียูที่ปิดสนิท หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างหวาดหวั่น ทุกวินาทีที่รอคอยช่างยาวนาน ราวกับเข็มนาฬิกาเดินช้าลงอย่างน่าทรมาน“ถึงมือหมอแล้ว นายจะไม่เป็นอะไร”ริมฝีปากสีสวยพึมพำเบา ๆ เธอเคยดูละครหลังข่าวมาก็เยอะ สถานการณ์ที่พระเอกโดนยิง จะมีปาฏิหารย์ตลอด ฉะนั้นภีมคือพระเอกในเรื่องราวของเธอ เป็นป่าป๊าของน้องอชิ เขาต้องรอดเท่านั้นตึก ! ตึก !ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากปลายทางเดิน ปรเมศที่เพิ่งจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เสร็จ รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเธอ“รมิดา!”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจรมิดาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและความกังวล “ปรเมศ…”ปรเมศทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอ หายใจหอบเล็กน้อยเพราะวิ่งมาอย่างรีบร้อน “เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่ายังไง?” เขาพูดเสียงอ่อนพลางลูบหลังเธอเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 31 ป่าป๊าของอชิ

    ปรเมศกับภีมซุ่มอยู่ด้านนอกโกดัง ดวงตาทั้งสองคนจับจ้องไปยังพวกโจรที่กระจายตัวกันอยู่ด้านหน้าอาคาร“มีสองคนเฝ้าหน้าประตู อีกคนเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ” ภีมกระซิบขณะมองผ่านช่องเล็ก ๆ บนกำแพงร้าง“ถ้าบุกตรง ๆ เสียงปืนดังแน่ ต้องจัดการเงียบ ๆ ก่อน” ปรเมศพยักหน้าเห็นด้วยภีมชี้ไปทางด้านซ้าย “ฉันจะไปจัดการไอ้คนที่เดินตรวจ นายไปดักสองตัวที่เฝ้าประตู”“เออ เจอกันข้างใน” ปรเมศตอบเสียงเรียบ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันดำเนินแผนภีมเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ อาศัยเงามืดเป็นที่กำบัง รอจนโจรที่เดินตรวจตราเผลอ ก่อนจะพุ่งเข้าไปล็อกคอจากด้านหลัง กระชากตัวมันลงกับพื้นอย่างแรง“อึก…!!”ภีมใช้แขนรัดคอแน่นจนร่างนั้นหมดสติไป ก่อนจะค่อย ๆ วางมันลงกับพื้นอย่างไร้เสียง“หนึ่งไป” เขาพึมพำเบา ๆ แล้วส่งสัญญาณให้ปรเมศที่ซุ่มอยู่ใกล้ประตูปรเมศจัดการพวกที่เฝ้าหน้าประตูอย่างรวดเร็ว เขาใช้ท่อนไม้หนัก ๆ ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของคนแรก ก่อนจะเตะเข้ากลางลำตัวของอีกคนจนมันล้มลงไป“สองไป”ภีมรีบเข้ามาสมทบ ทั้งคู่จับอาวุธจากพวกโจรมาไว้ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูโกดังเข้าไปทันทีที่เข้ามาข้างใน“ลุงภีม!! ลุงเมศ!! ช่วยป้

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 30 จะช่วยได้หรือไม่

    โกดังร้าง – เวลากลางคืนปรเมศกับภีมขับรถมาถึงบริเวณโกดังร้าง ก่อนจะดับเครื่องยนต์ไว้ห่างออกไปไม่เกิน 500 เมตร ทั้งสองกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาตึงเครียด บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางต้นที่พอให้มองเห็นโครงสร้างเก่าโทรมของโกดัง“เราจะบุกเข้าไปเลยไม่ได้” ภีมพูดเสียงเครียด “ถ้าคนร้ายรู้ตัวก่อน มันอาจจะใช้รมิดากับอชิเป็นตัวประกัน”ปรเมศพยักหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากตำรวจที่ตอบกลับมาแล้วว่ากำลังเดินทางมา คาดว่าจะถึงภายใน 15 นาที“เราต้องถ่วงเวลาให้ตำรวจมาถึงก่อน” ปรเมศพูดเสียงหนัก “แต่เราก็ต้องหาทางให้พวกมันไม่รู้ตัวว่าเรามาแล้วด้วย”ภีมมองไปยังโกดัง สังเกตเห็นว่ามีลูกน้องของพวกมันสองคนเดินตรวจตราอยู่ด้านหน้า ถือปืนคนละกระบอก“ทางเข้าออกมีแค่ประตูหน้า” ภีมพึมพำ “ถ้าเราจะเข้าไป ต้องหาทางกำจัดยามพวกนั้นก่อน”ปรเมศขบกรามแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางซ้ายมือของโกดัง ซึ่งมีช่องหน้าต่างแตกอยู่ “หรือเราจะลองเข้าไปจากตรงนั้น?”ภีมหรี่ตา “อืม… นั่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของภีมสั่นเบา ๆ เขารีบกดรับ เป็นสายจากตำรวจ“ค

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status