Beranda / วาย / ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน / ตอนที่ 4 บางสิ่งก็มักจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด

Share

ตอนที่ 4 บางสิ่งก็มักจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด

Penulis: Ferylin79
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-18 18:37:43

คราวนี้ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เหลือแค่ผมส่งแชตไปเท่านั้น ท่ามกลางสายตาเพื่อนและคนดูเป็นร้อย แน่นอนว่าผมไม่สามารถลีลาต่อได้ ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง นิ้วกดไปที่ปุ่มเพิ่มเพื่อน ก่อนที่จะเลื่อนไปตรง [แชต]

“เอ่อ พิมพ์ไรดี” ผมเงยหน้าขึ้นมาถามอีกรอบ

“โอ๊ย ไอ้คิรินโว้ย กูลุ้นจนฉี่จะราด มึงก็ช็อตฟีลตลอด” เปาบ่นกระปอดกระแปด

“ก็พิมพ์ไปแนะนำตัวสิ ชื่ออะไร อายุ เรียนปีไหน สาขาอะไร แล้วก็ค่อยบอกชอบตามด้วยขอคบ” โอบแนะนำอย่างเป็นการเป็นงาน

“ไม่ให้กูบอกน้ำหนัก ส่วนสูง ชื่อพ่อแม่ ที่อยู่บ้านไปเลยล่ะ” ผมประชด

“ก็ได้นะ” โอบตอบอย่างไม่คิดอะไร ทั้งยังเห็นดีเห็นงาม

“ไอ้โอบ มึงจีบสาวแบบนี้เหรอวะ” เซฟถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ใช่ แล้วก็จีบติดตลอดด้วย”

“หา!!!”

ผม เซฟ และเปาประสานเสียงออกมาพร้อมกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่คอมเมนต์ในช่องสตรีมยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด

สาวคนนั้นต้องประหลาดแบบไอ้โอบแน่ ๆ ถึงได้มาหลงคารมคนแบบมัน

“ตกใจอะไรวะ คนตรง ๆ จริงใจสาวชอบนะเว้ย”

“จริงเหรอวะ”

ผมพึมพำเบา ๆ ในใจกำลังครุ่นคิดถึงประโยคทักทายแรก ทว่าคิดไปคิดมาผมก็ไม่ได้อยากจะรู้จักหรือคบกับหมอนี่จริง ๆ เสียหน่อย ทำไมจะต้องไปแนะนำตัวด้วยล่ะ ตอนนี้พวกเราก็แค่เล่นเกมลงโทษกันสนุก ๆ เท่านั้น

อืม เอาสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็พอ!

[ฉันชอบนาย]

“ส่งแล้ว!” ผมตะโกนออกมาเสียงดังพลางยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์หน้ากล้อง

“ไหนวะ ๆ” เปาถามอย่างตื่นเต้น

“อะไรเนี่ย บอกว่าต้องขอคบด้วย” โอบท้วงเมื่อเห็นว่าเพื่อนทำไม่ครบเงื่อนไข

“ไปพิมพ์เพิ่มเลย” เซฟได้ทีขี่แพะไล่ผมทันที

“เออ ๆ ชิ!” ผมสบถออกมา อุตส่าห์ว่าจะแอบโกงสักหน่อย ไอ้พวกนี้นี่มันเขี้ยวจังเลยเว้ย!

[มาคบกันเถอะนะ]

“พอใจยัง”

พอข้อความที่สองถูกส่งไปแล้วก็ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกยังไงก็ไม่รู้ ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความ

ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เขานอนไปแล้วเท่านั้น เพราะหลังจากจบสตรีมกับเพื่อน ๆ ผมจะได้ไปกดยกเลิกข้อความยังไงล่ะ!

“ทำดีมากลูกพ่อ” เปา

“เออ ก็แค่เนี้ย!” เซฟ

“กูว่ามันห้วน ๆ ไปนะ” โอบ

“มึงจะเอาขนาดไหนล่ะ แค่เล่นกันไม่ใช่เหรอ” ผมบ่นเล็กน้อย

ช่วงที่แข่งเกมกับตอนส่งข้อความ จิตใจผมค่อนข้างตื่นเต้นก็เลยไม่ได้รู้สึกง่วงแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้พอทุกอย่างเสร็จสิ้น อาการง่วงก็ตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“จบเรื่องแล้ว งั้นกูไปนอนก่อนนะ”

จะได้รีบลบข้อความด้วย ประโยคหลังผมไม่ได้พูดออกไป

ผมอ้าปากหาวกว้าง หางตามีน้ำออกมาเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่โชว์ในหน้าจอดูค่อนข้างเซื่องซึมราวกับคนใกล้ชัตดาวน์

ทว่ายังไม่ทันที่เพื่อนคนอื่นจะได้พูดอะไรต่อ จู่ ๆ หน้าแชตของคนที่ผมเพิ่งส่งข้อความไปแต่ยังไม่ได้กดออกก็ขึ้นคำว่าอ่านแล้ว ไม่ทันที่ผมจะได้พิมพ์เพิ่มว่าหยอกเล่น บรรทัดถัดมากลับมีสติกเกอร์หมีสีน้ำตาลตอบกลับ

มันจะไม่อะไรเลยถ้าอีหมีตัวนี้มันไม่มีคำว่า OK น่ะ!!!

“เชี่ย!”

ผมสบถ ยกหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมามองใกล้ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าที่อยู่ในจอสตรีมแน่นอนว่าดูเหวอไปแล้ว

“อะไรวะ” เปารีบถามออกมาอย่างตกใจ

“มีอะไรเหรอ” โอบ

Rrrrrrr

“...!”

มันจะโทรมาทำไมเนี่ย!

“อะไรวะคิริน ไอ้หมอนั่นทักมาด่าเหรอ แล้วนี่ใครโทรมา” เซฟถามน้ำเสียงสงสัย เดาเข้าเป้าอย่างจัง แต่ถูกแค่ส่วนเดียว

“ไม่ได้ด่า...” ส่งข้อความบอกว่าโอเคแล้ว แต่ยังเสือกจะโทรมาอีก

ผมตอบเสียงเบาโดยละประโยคหลังเอาไว้ในใจ มองโทรศัพท์ที่แผดเสียงร้องไม่หยุดราวกับเผือกร้อน จนอยากจะโยนทิ้งไปเสียเดี๋ยวนี้ ผมนั่งนิ่งมองสายเรียกเข้าที่มาจากเจ้าของรูปโพรไฟล์แมวดำโดยไม่กล้ากดรับ

กระทั่งเสียงเรียกเข้าดับไป ยังไม่ทันที่จะได้ถอนหายใจ ข้อความใหม่ก็เด้งเข้ามา

[รับสาย]

“...”

ผมมองข้อความนั้นรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง ประโยคนี้มันไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นคำสั่งดี ๆ นี่เอง ให้ตายเถอะ!

“กูต้องไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์คนดูทุกคนนะครับ”

“เดี๋--”

ไม่ปล่อยให้เพื่อนคนไหนได้ถามต่อ ผมรีบกดปิดสตรีมอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ควบคุมนิ้วที่สั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะกดรับ

“ครับ...”

[…ทำไมรับช้า]

“...”

ผมเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี ใครจะไปคิดว่าประโยคแรกของหมอนี่จะเป็นการทักเรื่องรับสายช้ากันล่ะ ทำอย่างกับรู้จักกันมานานแล้วอย่างงั้น

[เงียบทำไม]

“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่า” ผมกลั้นใจถามออกไป

[แล้วทำไมต้องไม่มีล่ะ] น้ำเสียงที่ส่งมาของอีกฝ่ายราบเรียบ เดาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ [ไม่ใช่ว่านายเป็นคนขอฉันคบ?]

“อ่า...ก็ใช่” ผมอึกอัก ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยเนี่ย!

ถึงจะอยากพูดออกไปว่าล้อเล่นจ้าแต่กลับพูดไม่ออก ราวกับคนทำความผิดใหญ่หลวงเสียอย่างงั้น

เอิ่ม อันที่จริงก็ทำผิดนั่นแหละ

โตขนาดนี้แล้ว คนดี ๆ ที่ไหนเขาทักไปแกล้งคนไม่รู้จักแบบนี้กันบ้างเล่า แถมอีกฝ่ายยังตกลงอีกด้วย ถ้าผมบอกว่าล้อเล่นตอนนี้ มันก็เหมือนกับการหักหน้ากันเลยนะนั่น

[แล้วฉันก็ตกลงไง]

“นายจะไม่คิดดูก่อนเหรอ นายไม่ได้รู้จักฉันสักหน่อย” ผมตอบไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าพูดกูมึงกับเขาเหมือนที่พูดกับพวกเพื่อนสนิท

[ฉันรู้จักนาย ‘คิริน’]

“...” ได้ไง?

[เราอยู่คลาสเดียวกัน]

ประโยคนี้ทำเอาผมอ้าปากค้าง มือไม้อ่อนแรงโทรศัพท์แทบจะหลุดออกจากมือ ไม่คิดว่าเขาจะจำได้ด้วย!

ใช่แล้ว ไต้ฝุ่นคนนี้เป็นเพื่อนร่วมคลาสของผมเอง เราเรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขา และเพราะเป็นคณะเดียวกันนี่แหละ หลักสูตรบางวิชาจึงเหมือนกัน ทำให้พวกเราเรียนเซคเดียวกันเป็นบางครั้ง

ผมไม่เคยคิดเลยว่าหนุ่มหล่อโคตรดังคนนี้จะจำผมได้ด้วย เพราะถึงอีกฝ่ายจะหล่อแต่กลับเป็นเด็กเรียนสุด ๆ ทุกครั้งที่เข้าเรียนก็มักจะนั่งด้านหน้าเสมอ ส่วนผมแน่นอนว่าหลังห้องอยู่แล้ว

เห็นผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ไต้ฝุ่นก็พูดมาอีกประโยคที่ทำเอาผมต้องกลั้นหายใจกันเลยทีเดียว

[พรุ่งนี้เที่ยงมาเจอกันที่โรงอาหารคณะ]

“ตะ แต่ฉันมีเรียนบ่าย ปกติก็กินจากที่บ้าน”

[เหรอ งั้นช่างเถอะ]

ให้ตาย! น้ำเสียงราวกับคนผิดหวังนี่มันอะไรกัน อย่ามาทำให้รู้สึกผิดได้ไหม

“เอ่อ...ไปก็ได้”

[นายโอเค?]

“อืม”

หลังจากนั้นก็เกิดเดดแอร์ต่อเป็นเวลานาน พอเขาเงียบ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร แม่ง! กลั้นหายใจจนลมแทบจะหมดปอดอยู่แล้วเนี่ย จะวางก็วางสิ อยู่แบบนี้มันน่าอึดอัดนะ

ช่วยด้วย!

“ฮัดชิ่ว” ท่ามกลางบรรยากาศอย่างกับหนังสยองขวัญ จู่ ๆ ผมก็จามออกมาเสียงดังลั่น

[เป็นหวัด?]

“อืม โดนฝนนิดหน่อย”

ผมตอบกลับไป ไม่ได้บอกว่าตัวเองโดนน้ำโคลนสาดมา รู้สึกโล่งอกนิดหน่อยที่อย่างน้อยบทสนทนามันมีทางให้ไปต่อ

[งั้นไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดี]

“อะ อืม ฝันดี”

ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียง ผมมีเพื่อนผู้ชายเยอะ แต่เพิ่งเคยโดนพูดใส่แบบนี้เป็นครั้งแรก ยอมรับเลยก็ได้ว่าโคตรอาย เขินฉิบหาย ไม่ชินด้วย!

เพราะหากเป็นพวกเพื่อนเวรนั่นละก็ จะต้องเป็นประโยคแบบ นอนแล้วนะเว้ย ขอให้ผีหลอก หรือ อย่าฉี่ราดนะน้องคิริน ไม่ก็ กินนมแล้วไปนอนซะนะ อะไรประมาณนั้นมากกว่า

สายถูกตัดไปแล้ว แน่นอนว่าผมเป็นคนตัดเองนี่แหละ ทว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปผมก็ยังเอาแต่จ้องข้อความที่ตัวเองส่งไปไม่หยุด ปลายนิ้วแตะอยู่ที่คำว่า ‘ยกเลิกข้อความ’ สองจิตสองใจว่าควรจะเอายังไงกับมันดี

แต่พอคิดอีกที ไต้ฝุ่นก็เห็นข้อความแล้ว แถมยังตอบตกลงและนัดให้ไปเจอกันอีก ต่อให้ผมลบข้อความไปมันก็คงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก แถมอาจจะมีคำถามมากมายตามมาอีกว่าจะลบแชตทำไม

ช่างมันแล้วกัน เอาไงก็เอากันวะ!

คบได้ก็เลิกได้สิ ไว้ค่อยหาจังหวะเหมาะ ๆ แล้วขอเลิกก็ได้นี่นา

เมื่อได้ข้อสรุปกับตัวเอง ความตื่นตระหนกก็ราวกับหายวับไป ผมเดินไปปิดไฟ จากนั้นก็มุดผ้าห่มหลับไปด้วยความรวดเร็ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 10 ความตื่นเต้นเข้ามาหาไม่หยุดเลย

    ก่อนที่สายเรียกเข้าจะตัดไป ผมก็กดรับเอาในวิสุดท้ายพอดี“ฮัลโหล”[อยู่ไหน]อีกฝ่ายยังคงเป็นไต้ฝุ่นคนเดิม พูดน้อย ไม่อ้อมค้อม ยิงเข้าประเด็นทันที ผมเริ่มจะชินแล้วละ“อ่า เอ่อ แถว xx”ด้วยความที่ขึ้นรถมาผมก็เอาแต่เหม่อ เลยไม่ได้ดูว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหนแล้ว พอชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงได้เห็นว่ายังมาได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ช่วงเวลาเร่งด่วนกับรถเมล์ ยังไงก็ไม่มีทางเร็วไปกว่ารถเล็กได้[ลงป้ายหน้า]“หา?” ผมเผลอร้องออกมาเสียงดัง จนป้าที่นั่งด้านข้างหันมามอง ผมได้แต่ก้มหัวขอโทษท่านเล็กน้อย พอตั้งสติได้เลยพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ”[ไม่มี อาจารย์ยกคลาส] ไต้ฝุ่นตอบกลับสั้น ๆ ก่อนถามย้ำอีกรอบ [ลงหรือยัง]“ให้ลงทำไม จะมารับ?” ผมแกล้งยียวน[อืม]ชิบ นี่ก็ตรงเกิน“ไม่ใช่แฟนกันจริง ๆ สักหน่อย ไม่ต้องดูแลขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ผมบ่นเสียงเบา ทว่ามือก็เอื้อมไปกดออด แล้วลงที่ป้ายรถเมล์อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ[ฉันไม่เคยทำอะไรเล่น ๆ แล้วก็ไม่ชอบหลอกใครด้วย]“...”ประโยคนี้มันหลอกด่าผมปะวะลงจากรถเมล์มาได้ไม่นาน รถยุโรปเงาวับคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดเทียบท่าทันที ไม่ต้องรออีกฝ่าย

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 9 นายก็บอกไปสิว่าชอบฉัน

    [เราคบกันแล้วใช่ไหม] ประโยคคำถามนี้ ราวกับเพื่อยืนยันให้แน่ใจถึงสถานะของพวกเรา ผมจ้องข้อความนี้ตาค้าง สมองประมวลผลไม่หยุดถ้าบอกว่า อ๋อใช่ เราคบกัน แล้วภายหลังไต้ฝุ่นรู้ความจริงเข้าล่ะ หมอนี่จะไม่รู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นอยู่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับพวกนั้นเลย ผมคงโดนเขาเกลียดแน่นอนผมไม่ได้ชอบไต้ฝุ่นในเชิงนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากถูกเกลียดหรอกนะ อย่างน้อยในแง่ของเพื่อน ผมก็ชอบเขาอยู่บ้างอันที่จริงแล้วผมเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย ถ้าให้โกหกในแชตน่ะได้ เพราะอีกฝั่งไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแล้วเรื่องที่ต้องตอบมีคำโกหก ท่าทางผมมันจะออกจนอีกฝ่ายจับได้แน่นอนว่าด้วยสถานะของเราตอนนี้ ผมคงไม่สามารถโกหกไต้ฝุ่นไปได้ตลอด และจะต้องถูกจับได้แน่นอนถ้าอย่างงั้นควรบอกเลยดีไหมนะ ดีกว่าปล่อยให้เขารู้จากปากคนอื่นระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จู่ ๆ หน้าจอก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมาเป็นไต้ฝุ่น...ผมลังเลอยู่ประมาณห้าวิ จากนั้นก็กดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายกลับเอ่ยถามมาเสียงเรียบ[ทำไมไม่ตอบแชตล่ะ]ก็กำลังคิดอยู่ไงผมสูดลมหายใจเข้าลึก โอเค เอ

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 8 คำถามที่ยากจะตอบ

    วันนี้ผมไม่มีเรียนคลาสเย็น เลยกลับมาถึงบ้านตอนที่ฟ้ายังสว่าง แน่นอนว่าหลังจากอาบน้ำกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องไปสิงในเกมกับเพื่อนต่างคณะตามกิจวัตรเดิมของตัวเองระหว่างเล่นเกมจนใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ มือซ้ายกดคีย์บอร์ดรัว ๆ มือขวาลากเมาส์อย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น จู่ ๆ เซฟก็ถามขึ้นมา“คิริน มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอวะ”“ฮะ! เชี่ย!”ประโยคคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซฟ ทำเอาผมนิ้วเคลื่อนกดปุ่มพลาด ไม่ได้ยิงพลังออกมา สุดท้ายก็โดนฝั่งตรงข้ามฟาดพลังอัดเต็มหน้า จนตายในวินาทีสุดท้าย“พูดอะไรของมึงเนี่ยเซฟ กูตายเลยเห็นไหม”ผมโวยวายออกมา ใบหน้าที่ปรากฏบนจอออกอาการบูดบึ้งเล็กน้อย สองแขนยกขึ้นกอดอก“ตอบกูมาก่อน” เซฟถามย้ำ“ตอบอะไร” ผมทวนคำถามอีกครั้ง เมื่อกี้เพราะตั้งสมาธิมากก็เลยไม่ทันได้ฟังคำถาม รู้แค่ตกใจเสียงของมันที่ดังขึ้นมากะทันหันเท่านั้น“มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอ” เซฟพูด“เออ กูก็อยากรู้ บอกมาเลยนะเว้ย” เปาเสริมขึ้นมาอีกคน“ยังไง ๆ” โอบลากเสียงยาว ฟังแล้วดูกวนตีนสุด ๆส่วนผมนั้นอึ้งกิมกี่ไปแล้วเรียบร้อย ทำไมพวกมันถึงได้ถามคำถามนี้ล่ะ มันไปรู้อะไรมา!“ไม่มี!” ผมพูดเสียงดัง ก่อนที่จะถามออกไปเสียงนิ่ง แต่ใน

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 7 เพื่อนผู้ชายเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกนะ

    “อ้าว คิริน มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่เข้าห้อง แล้วนี่ทำไมหน้าแดง เป็นไข้เหรอ”เสียงของเพื่อนร่วมคลาสคนหนึ่งทักขึ้นมา ผมรีบยกมือปิดแก้มตัวเองอย่างร้อนตัว “แค่ร้อนเฉย ๆ ใช่ อากาศร้อนเนอะวันนี้”“ก็ไม่นะ”ก่อนที่เพื่อนร่วมคลาสจะได้ถามอะไรต่อ ผมก็รีบวิ่งฉิวเข้าห้อง ตัดจบบทสนทนาอย่างคนร้อนตัวทันทีผมจำได้ว่าไต้ฝุ่นบอกให้รอหน้าห้องเรียนตัวเอง แต่ผมยังไม่ทันได้ ‘รอ’ อีกฝ่ายก็มา 'ยืน' เป็นเสาหลักอยู่หน้าห้องแล้วเรียบร้อยดูท่าอาจารย์คงจะเลิกคลาสเร็วสินะ ช่างน่าอิจฉาจริง แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ผมไม่ได้อยากให้หมอนี่มาตอนที่เพื่อนร่วมคลาสอยู่กันเต็มแบบนี้นะ!เสียงจ้อกแจ้กจอแจของสาว ๆ ในคลาสดังกระหึ่มอย่างกับผึ้งแตกรัง สายตาหลายคู่เหล่ออกไปด้านนอก จนลูกตาแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว“วันนี้พวกเธอคงเรียนเข้าหัวหมดแล้วเนอะ น่าจะไม่ต้องสอนอะไรแล้ว เนื้อหาวันนี้ออกสอบนะจ๊ะ”อาจารย์ประจำคลาสกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น และนั่นก็ทำให้ทั้งห้องกลับมาสงบตั้งใจเรียนกันอีกครั้งนักศึกษาที่เรียนวิชานี้ต่างรู้นิสัยของอาจารย์ท่านนี้ดีว่า เป็นคนที่ดูใจดีแค่ภายนอกเท่านั้น ระดับความยากของข้อสอบจะขึ้นอยู่กับความพอใจล้ว

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 6 รู้ว่าหล่อแต่ไม่ต้องยิ้มบ่อย ๆ ก็ได้

    ผมมองเพื่อนทั้งสองของไต้ฝุ่นด้วยรอยยิ้มแห้ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ว่าแต่พวกนายใช้สายตามองประเมินคนอื่นโจ่งแจ้งแบบนี้ รู้ไหมว่ามันเสียมารยาท ยังดีที่หน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ ทั้งยังโดนชมบ่อย ๆ ว่าน่ารัก ถึงจะไม่หล่อแต่ก็พอมั่นใจได้ละนะ ไม่งั้นเจอแบบนี้เข้าไปเป็นต้องเสียเซลฟ์แน่“สวัสดีครับ” ผมทักทายอีกรอบ“จะกินอะไร” ไต้ฝุ่นหันมาถาม “เดี๋ยวไปซื้อให้”ประโยคนี้หลุดออกมายิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองของเขาตาโตแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้วขอร้อง นายช่วยดูหน้าเพื่อนตัวเองหน่อยเถอะ“คิดไม่ออกอะ เดี๋ยวฉันไปด้วย”“อืม”ไต้ฝุ่นพยักหน้า พวกเราจึงเดินออกไปพร้อมกัน แน่นอนว่าผมโกหก ปกติผมมีเมนูประจำของตัวเองอยู่แล้วเวลาที่ต้องมากินข้าวในโรงอาหารมหาวิทยาลัย นั่นก็คือสุกี้น้ำยังไงล่ะ!แต่ที่บอกว่าไม่รู้ ก็เพราะไม่อยากอยู่กับสองคนนั้นต่างหาก ถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางพวกเขา ผมน่าจะโดนจ้องจนตัวหดเหลือสองนิ้วแน่ ๆ“ชอบสุกี้เหรอ?”น้ำเสียงเรียบนิ่งถามออกมา เมื่อเห็นว่าผมหยุดยืนอยู่หน้าร้านเจ้าประจำ“อื้ม เจ้านี้อร่อยนะ” ผมหันไปพูดยิ้ม ๆ “ว่าแต่ทำไมไม่ไปต่อแถวซื้อข้าวล่ะ หรือนายจะกินร้านนี้เหมือนกัน”“ทำไมไม่กินข้า

  • ผมเล่นเกมจนได้หนุ่มหล่อเป็นแฟน   ตอนที่ 5 อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนดวงดีได้เห็นภาพระดับ SSR เฉยเลย

    “แม่ฮะ วันนี้รินไม่กินข้าวเที่ยงที่บ้านนะ” ผมตะโกน มือก็สาละวนผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน“อ้าว แล้วไม่หิวเหรอลูก มื้อเช้าก็ไม่ได้กิน”“เดี๋ยวว่าจะไปกินกับเพื่อนที่โรงอาหารน่ะครับ”“งั้นเอานมไปกินรองท้องก่อนสักกล่องนะ เผื่อหิวจนเป็นลมไป” แม่พูดพร้อมกับเดินไปหยิบนมมายื่นให้“เวอร์น่า” ผมตอบยิ้ม ๆ ทว่าก็รับเอาความหวังดีของผู้เป็นแม่มาอย่างไม่อิดออด พอผูกเชือกรองเท้าเสร็จก็เจาะกล่องกินมันหน้าประตูบ้านนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องหิ้วไปทิ้งนอกบ้านจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อย ครั้งนี้ตัวไม่เลอะแล้ว ผมเลยกระโจนเข้าไปกอดคุณแม่สุดสวยของตัวเอง แล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่“แหม โตแล้วยังจะขี้อ้อนอยู่อีก” แม่หัวเราะคิกคัก พลางตีแขนผมไปด้วย “ถ้ามีแฟนแล้วไปอ้อนแบบนี้ อีกฝ่ายคงหลงตาย”“...”จากที่ผมกำลังอารมณ์ดี ๆ เจอประโยคนี้เข้าไปก็ถึงกับชะงักกึก รอยยิ้มแข็งค้าง มือไม้สับสนไปหมดอย่างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดีทำไมต้องน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status