LOGINหลังจากตบตีแซวพอหอมปากหอมคอกันเป็นพิธีแล้ว พวกเราก็กดเริ่มเกมทันที เนื่องจากมีกันสี่คน หากเป็นปกติก็จะแข่งกันทีละคู่ จนกว่าจะหาผู้ชนะได้ ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนานอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่ง
แต่วันนี้ด้วยความที่ต้องการให้เกมจบไว เราจึงเข้าเกมพร้อมกันทั้งหมดโดยที่อยู่ทีมเดียวกัน กติกาง่าย ๆ เลยคือ ใครฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้เยอะที่สุดคนนั้นชนะ
เกมที่พวกผมเล่นนั้นความจริงจะต้องเล่นตามตำแหน่งของใครของมัน ทว่าตรงจุดนี้คนที่เล่นเป็นเมจ ซัปพอร์ตหรือแทงก์ก็อาจจะเสียเปรียบฆ่าศัตรูไม่ทัน เพราะพลังโจมตีเบาและวิ่งช้ากว่าพวกตำแหน่งแอสซาซินหรือไฟเตอร์
และเพื่อไม่ให้ใครเสียเปรียบใคร พวกเราจึงลงมติกันว่าจะเอาแทงก์มาเลยสี่ตัว เกมนี้ทีมหนึ่งมีห้าคน แน่นอนว่าคนสุดท้ายก็ต้องสุ่มเอาเท่านั้น
[@$#^#@]
[ไอ้พวกหมา@#@%%^]
เพื่อนในเกมคนที่ห้าที่โชคร้ายสุ่มเจอพวกผมออกอาการหัวร้อนจนด่าออกมารัว ๆ นับสิบข้อความ โดยที่มีโอบตอบกลับไป
[ขอโทษนะพวก แต่นี่คือศึกแห่งโชคชะตาของพวกเรา]
[…]
ถึงจะเห็นใจ แต่ก็ทำใจซะเถอะ เหอเหอ
ช่วงเริ่มเกมนั้นไม่มีอะไรมาก พวกเราผลัดกันฆ่าศัตรูได้จำนวนใกล้เคียงกัน มองออกยากว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้ ทว่าพอท้ายเกมจากที่ทีมเราฆ่าศัตรูกันสนุกสนาน กลับกลายเป็นฝ่ายโดนทีมตรงข้ามไล่ต้อนเอาเสียได้
แน่นอนว่าการเลือกแทงก์มาสี่ตัวนั้นย่อมต้องรู้แต่แรกแล้วว่ายังไงก็แพ้ ต่อให้แพ้แต่พวกเรายังมีการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่อยู่
ผมเปิดสเตตัสเพื่อนร่วมทีมดูคร่าว ๆ เห็นว่าคะแนนของตัวเองสูสีกับเซฟมาก ไม่ใช่สูสีว่าจะชนะหรอก แต่เป็นสูสีว่าใครจะแพ้ต่างหาก!
ในขณะที่คะแนนของเซฟเป็น 5/4/10
ส่วนของผมเป็น 5/5/12
คะแนนจะเรียงจาก จำนวนที่ฆ่าศัตรู/จำนวนครั้งที่ตัวเองตาย/และจำนวนการช่วยเหลือเพื่อนตามลำดับ
เห็นแบบนี้ผมยิ่งยอมไม่ได้ ผมไม่อยากแพ้!
และแล้วศัตรูก็บุกเข้ามาถึงบ้านฝั่งตัวเอง ผมอาศัยช่วงเวลานี้ไล่ตีศัตรูไปด้วย แม้ตอนท้ายเกมตัวแทงก์แทบจะทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ก็ตาม แต่มันก็ยังมีตัวเลือดน้อยอย่างเมจหรือแครีอยู่ด้วย
ทว่าในตอนที่ผมกำลังจะกดใช้อัลติอันเป็นไม้ตายสุดยอดนั้น จู่ ๆ ผมก็...
“ฮัดชิ่ว ฮัดชิ่ว”
นิ้วลื่นพรืด กดอัลติไม่ติด
ผมรีบสูดน้ำมูก พลางเงยหน้ามองจอคอมตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง บนหน้าจอปรากฏคำว่า DEFEATED อันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าทีมเราแพ้
ที่ทำเอาผมช็อกจนพูดไม่ออกเลยก็คือ คิลตัดสินชีวิตนั้นกลับโดนเซฟแย่งไปเสียได้!
“...”
สุดท้ายผมก็แพ้ ทำคะแนนได้น้อยที่สุดในทีม ทำไมต้องมาจามเอาตอนนี้ด้วยเนี่ย!
“ว้าย วันนี้มึงแพ้นะ” เซฟพูดใส่ไมค์ด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้สุด ๆ
“โชคไม่ดีเลยนะ คิรินลูกพ่อ” เปาพูดตามมาอีกคน ทำทีเหมือนเห็นใจ ทว่าน้ำเสียงกลับไม่ได้ต่างไปจากเซฟเลยสักนิด
“คิริน เกมลงโทษหลังจากนี้ สู้ ๆ นะ หุหุ” โอบพูดให้กำลังใจ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงหัวเราะอุบาทว์ตามหลังมาด้วย
แหงสิ คนโดนลงโทษไม่ใช่พวกมันนี่หว่า
“ขอบใจ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เพราะกำลังใช้ทิชชูซับจมูกตัวเองอยู่
“เสียงบี้ ๆ นะ เป็นหวัดเหรอ เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงจามด้วย” เปาถาม
“เออ คงเพราะโดนน้ำตอนเย็นมั้ง”
“เออ ใช่ ๆ ตอนเย็นมีไอ้คนรวยนิสัยเสียขับรถเหยียบน้ำใส่กูกับรินตรงหน้ามออะสิ เปียกตั้งแต่หัวยันเท้าเลย”
เซฟรีบเสริมทันที ยิ่งพูดน้ำเสียงมันก็ยิ่งทวีความโมโหราวกับอยากจะฆ่าคน
“ช่างมันเหอะ ไหน จะลงโทษอะไรว่ามา”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เซฟจะทำให้บรรยากาศแย่ไปมากกว่าเดิม แน่นอนว่าเปาก็เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการเป็นอย่างดี เขาเริ่มหันไปพูดคุยกับแฟนคลับของตัวเอง จากนั้นก็ให้แฟนคลับพิมพ์บทลงโทษมา บทลงโทษของใครที่ได้จำนวนไลก์เยอะสุดก็จะใช้อันนั้น
เต้นหน้ามหา’ลัย
“อืม อันนี้เข้าท่าแฮะ แต่มันจะซ้ำกับไอ้เซฟน่ะสิ” เปาพึมพำ
แต่งชุดผู้หญิงไปเรียนหนึ่งวัน
“เฮ้ย อันนี้ก็เจ๋งอะ อยากเห็นเหมือนกัน!” เปาพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ล่องเรือเลี้ยงบุฟเฟต์สุดหรู
“อืม คราวก่อนมันก็เลี้ยงข้าวพวกผมไปแล้ว ถ้าเลี้ยงอีกต้องไม่มีเงินกินข้าวแน่ ๆ ยิ่งตัวนิดเดียวอยู่ด้วย”
ผมนั่งฟังเปาคุยกับแฟนคลับพลางอ่านบทลงโทษไปด้วย บทลงโทษพวกนี้มีแต่ธรรมดา ๆ ที่เคยผ่านตามาเกือบหมดแล้ว เพราะงั้นจะอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
นั่งฟังอยู่นานจนเกือบหลับ จู่ ๆ ผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นของเปา
“เฮ้ย! ทำไมข้อความนี้คนไลก์เยอะจังวะ”
“อะไร” ผมถาม
“ให้คิรินทักแชตไปขอคนที่หล่อที่สุดในคณะตัวเองคบ” เปาอ่านทวนช้า ๆ ให้ผมฟัง
“หล่อ? พิมพ์ผิดจากสวยหรือเปล่า” ผมถามซ้ำ
“เหมือนว่าจะไม่ผิดนะ เพราะหลังจากกูพูดบทลงโทษนี้เขาก็โดเนตชุดใหญ่มาด้วย” เปาพูดด้วยน้ำเสียงอึ้ง ๆ
“อะไรกัน คนที่ต้องโดนลงโทษมันกูไม่ใช่เหรอ ทำไมไปโดเนตมึงล่ะ” ผมแกล้งพูด
จบประโยคนี้ หน้าจอไลฟ์สตรีมของผมก็ขึ้นเป็นรูปพลุหลากสี กินเนื้อที่หน้าจอทั้งหมดอยู่เป็นเวลาห้าวินาทีเลยทีเดียว
“...”
“คิริน เงียบไมวะ”
“มีคนโดเนตมาอะ”
“เอาแล้ว ๆ โดเนตให้ตามที่มึงพูด แถมยังเป็นเมนต์ที่ได้ไลก์เยอะที่สุดด้วย แบบนี้ก็ต้องทำแล้วปะวะ”
“อย่าเบี้ยวนา”
“เออ อย่าปอดนะ”
“ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ทำ” ผมแหวกลับพวกเพื่อนที่พากันล้อเลียน ทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย “ว่าแต่...แค่บอกชอบไรงี้ได้ปะ ไม่ขอคบได้มั้ย”
“ไม่ได้!!!” เพื่อนต่างคณะทั้งสามพากันประสานเสียงกลับมาจนหูผมแทบแตก
“แล้วถ้าเขาตกลงอะ” ผมยังคงลีลาต่อ
“แหม คิรินลูกพ่อ มึงคิดว่าตัวเองเป็นสาวสวยหรือไง ที่ไปสารภาพรักแล้วหนุ่มหล่อจะต้องตอบตกลงน่ะ” เปา
“นี่ยังไม่นับว่ามึงเป็นผู้ชายอีกนะ” โอบ
“อีกฝ่ายคงคิดว่าเป็นคนประสาทไม่ดีทักไปนั่นแหละ เผลอ ๆ อาจจะบล็อกมึงทันทีเลยก็ได้นะ” เซฟ
“นี่ปลอบใจหรือหลอกด่า?”
ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พาให้เพื่อนทั้งสามคนขำก๊ากกันจนสำลักไม่หยุด
“ขอให้น้ำลายติดคอตายไปเลย”
“อย่าโอ้เอ้น่า ทำเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็เอามาโชว์กล้องด้วย”
“เออ!”
หลังจากกระแทกเสียงไปผมก็ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ มันคงจะนานมากเสียจนเซฟอดทนไม่ไหวส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“นานจังวะ ตกลงส่งแชตยังเนี่ย”
“คนที่หล่อที่สุดก็น่าจะเป็นหมอนั่นอะ คนที่เคยแข่งเดือนคณะ แต่กูไม่มีคอนแท็กต์เขาอะดิ เลยกำลังนั่งหาจากกลุ่มแชตรวมสมาชิกคณะบริหาร”
ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มาตอบ สายตาเลื่อนดูช่องคอมเมนต์ของตัวเองที่เงียบกริบไม่มีสักข้อความ ทว่าตัวเลขคนดูกลับยังอยู่ที่หลักร้อยเหมือนเดิม
บางทีก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่มาดูผมนี่คนจริง ๆ หรือบอตกันแน่ เพราะมันจะมีคนเป็นร้อยที่ชอบมานั่งดูสตรีมเมอร์ที่แทบไม่ตอบโต้อะไรเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ
“แล้วเจอไหม” โอบถาม
“ไม่”
“ควายเอ๊ย คงจะเจอหรอก คณะมึงคนเป็นร้อย ไม่มีคอนแท็กต์ก็ไม่บอกแต่แรกวะ เอ้านี่”
เซฟด่าผมเสร็จก็ส่งคอนแท็กต์เหยื่อ แค่ก ผู้โชคร้ายของเกมลงโทษในคืนนี้มาให้ ผมมองผู้ติดต่อที่เพื่อนส่งมา พลางเอียงคอเล็กน้อย
มิน่าถึงหาไม่เจอ ก็รูปโพรไฟล์หมอนี่เป็นรูปแมวดำตาสีฟ้า แถมชื่อไลน์ยังเป็น Olive_2 อีกด้วย แทบจะหาความเชื่อมโยงอะไรกับหนุ่มหล่อคนนั้นไม่ได้เลย มิหนำซ้ำชื่อนี้พอปัดผ่าน ๆ ก็คล้ายกับชื่อผู้หญิงโคตร ๆ
“ขอบใจ ว่าแต่มึงไปมีคอนแท็กต์เขาได้ไง” ผมหรี่ตามองกล้อง ถามเสียงสูง
“ก็ตอนประกวดเดือน ทุกคนที่เข้าประกวดต้องเข้าไลน์กลุ่มนี่หว่า ถามเยอะจังวะ หึงกูหรือไง” ท้ายประโยคเซฟทำน้ำเสียงหล่อเข้ม น่าหมั่นไส้สุด ๆ
“ค...” ผมด่าใส่กล้องแบบไม่ออกเสียง เรียกเสียงขำของเพื่อนได้เป็นอย่างดี
ดวงตาเลื่อนไปมองช่องคอมเมนต์ที่ตอนแรกเงียบ ๆ ทว่าตอนนี้กลับเด้งรัว ๆ พากันหวีดโมเมนต์ที่เซฟขยันสร้าง
ผมถอนหายใจออกมา เคยบอกมันไปแล้วว่าไม่ต้องสร้างโมเมนต์คู่จิ้นบ่อย ๆ แต่ไอ้เพื่อนตัวดีกลับบอกว่าแบบนี้แหละดี แฟนคลับสาว ๆ ชอบ
แต่ผมขนลุกไง!
ก่อนที่สายเรียกเข้าจะตัดไป ผมก็กดรับเอาในวิสุดท้ายพอดี“ฮัลโหล”[อยู่ไหน]อีกฝ่ายยังคงเป็นไต้ฝุ่นคนเดิม พูดน้อย ไม่อ้อมค้อม ยิงเข้าประเด็นทันที ผมเริ่มจะชินแล้วละ“อ่า เอ่อ แถว xx”ด้วยความที่ขึ้นรถมาผมก็เอาแต่เหม่อ เลยไม่ได้ดูว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหนแล้ว พอชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงได้เห็นว่ายังมาได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ช่วงเวลาเร่งด่วนกับรถเมล์ ยังไงก็ไม่มีทางเร็วไปกว่ารถเล็กได้[ลงป้ายหน้า]“หา?” ผมเผลอร้องออกมาเสียงดัง จนป้าที่นั่งด้านข้างหันมามอง ผมได้แต่ก้มหัวขอโทษท่านเล็กน้อย พอตั้งสติได้เลยพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ”[ไม่มี อาจารย์ยกคลาส] ไต้ฝุ่นตอบกลับสั้น ๆ ก่อนถามย้ำอีกรอบ [ลงหรือยัง]“ให้ลงทำไม จะมารับ?” ผมแกล้งยียวน[อืม]ชิบ นี่ก็ตรงเกิน“ไม่ใช่แฟนกันจริง ๆ สักหน่อย ไม่ต้องดูแลขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ผมบ่นเสียงเบา ทว่ามือก็เอื้อมไปกดออด แล้วลงที่ป้ายรถเมล์อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ[ฉันไม่เคยทำอะไรเล่น ๆ แล้วก็ไม่ชอบหลอกใครด้วย]“...”ประโยคนี้มันหลอกด่าผมปะวะลงจากรถเมล์มาได้ไม่นาน รถยุโรปเงาวับคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดเทียบท่าทันที ไม่ต้องรออีกฝ่าย
[เราคบกันแล้วใช่ไหม] ประโยคคำถามนี้ ราวกับเพื่อยืนยันให้แน่ใจถึงสถานะของพวกเรา ผมจ้องข้อความนี้ตาค้าง สมองประมวลผลไม่หยุดถ้าบอกว่า อ๋อใช่ เราคบกัน แล้วภายหลังไต้ฝุ่นรู้ความจริงเข้าล่ะ หมอนี่จะไม่รู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นอยู่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับพวกนั้นเลย ผมคงโดนเขาเกลียดแน่นอนผมไม่ได้ชอบไต้ฝุ่นในเชิงนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากถูกเกลียดหรอกนะ อย่างน้อยในแง่ของเพื่อน ผมก็ชอบเขาอยู่บ้างอันที่จริงแล้วผมเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย ถ้าให้โกหกในแชตน่ะได้ เพราะอีกฝั่งไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแล้วเรื่องที่ต้องตอบมีคำโกหก ท่าทางผมมันจะออกจนอีกฝ่ายจับได้แน่นอนว่าด้วยสถานะของเราตอนนี้ ผมคงไม่สามารถโกหกไต้ฝุ่นไปได้ตลอด และจะต้องถูกจับได้แน่นอนถ้าอย่างงั้นควรบอกเลยดีไหมนะ ดีกว่าปล่อยให้เขารู้จากปากคนอื่นระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จู่ ๆ หน้าจอก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมาเป็นไต้ฝุ่น...ผมลังเลอยู่ประมาณห้าวิ จากนั้นก็กดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายกลับเอ่ยถามมาเสียงเรียบ[ทำไมไม่ตอบแชตล่ะ]ก็กำลังคิดอยู่ไงผมสูดลมหายใจเข้าลึก โอเค เอ
วันนี้ผมไม่มีเรียนคลาสเย็น เลยกลับมาถึงบ้านตอนที่ฟ้ายังสว่าง แน่นอนว่าหลังจากอาบน้ำกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องไปสิงในเกมกับเพื่อนต่างคณะตามกิจวัตรเดิมของตัวเองระหว่างเล่นเกมจนใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ มือซ้ายกดคีย์บอร์ดรัว ๆ มือขวาลากเมาส์อย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น จู่ ๆ เซฟก็ถามขึ้นมา“คิริน มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอวะ”“ฮะ! เชี่ย!”ประโยคคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซฟ ทำเอาผมนิ้วเคลื่อนกดปุ่มพลาด ไม่ได้ยิงพลังออกมา สุดท้ายก็โดนฝั่งตรงข้ามฟาดพลังอัดเต็มหน้า จนตายในวินาทีสุดท้าย“พูดอะไรของมึงเนี่ยเซฟ กูตายเลยเห็นไหม”ผมโวยวายออกมา ใบหน้าที่ปรากฏบนจอออกอาการบูดบึ้งเล็กน้อย สองแขนยกขึ้นกอดอก“ตอบกูมาก่อน” เซฟถามย้ำ“ตอบอะไร” ผมทวนคำถามอีกครั้ง เมื่อกี้เพราะตั้งสมาธิมากก็เลยไม่ทันได้ฟังคำถาม รู้แค่ตกใจเสียงของมันที่ดังขึ้นมากะทันหันเท่านั้น“มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอ” เซฟพูด“เออ กูก็อยากรู้ บอกมาเลยนะเว้ย” เปาเสริมขึ้นมาอีกคน“ยังไง ๆ” โอบลากเสียงยาว ฟังแล้วดูกวนตีนสุด ๆส่วนผมนั้นอึ้งกิมกี่ไปแล้วเรียบร้อย ทำไมพวกมันถึงได้ถามคำถามนี้ล่ะ มันไปรู้อะไรมา!“ไม่มี!” ผมพูดเสียงดัง ก่อนที่จะถามออกไปเสียงนิ่ง แต่ใน
“อ้าว คิริน มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่เข้าห้อง แล้วนี่ทำไมหน้าแดง เป็นไข้เหรอ”เสียงของเพื่อนร่วมคลาสคนหนึ่งทักขึ้นมา ผมรีบยกมือปิดแก้มตัวเองอย่างร้อนตัว “แค่ร้อนเฉย ๆ ใช่ อากาศร้อนเนอะวันนี้”“ก็ไม่นะ”ก่อนที่เพื่อนร่วมคลาสจะได้ถามอะไรต่อ ผมก็รีบวิ่งฉิวเข้าห้อง ตัดจบบทสนทนาอย่างคนร้อนตัวทันทีผมจำได้ว่าไต้ฝุ่นบอกให้รอหน้าห้องเรียนตัวเอง แต่ผมยังไม่ทันได้ ‘รอ’ อีกฝ่ายก็มา 'ยืน' เป็นเสาหลักอยู่หน้าห้องแล้วเรียบร้อยดูท่าอาจารย์คงจะเลิกคลาสเร็วสินะ ช่างน่าอิจฉาจริง แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ผมไม่ได้อยากให้หมอนี่มาตอนที่เพื่อนร่วมคลาสอยู่กันเต็มแบบนี้นะ!เสียงจ้อกแจ้กจอแจของสาว ๆ ในคลาสดังกระหึ่มอย่างกับผึ้งแตกรัง สายตาหลายคู่เหล่ออกไปด้านนอก จนลูกตาแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว“วันนี้พวกเธอคงเรียนเข้าหัวหมดแล้วเนอะ น่าจะไม่ต้องสอนอะไรแล้ว เนื้อหาวันนี้ออกสอบนะจ๊ะ”อาจารย์ประจำคลาสกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น และนั่นก็ทำให้ทั้งห้องกลับมาสงบตั้งใจเรียนกันอีกครั้งนักศึกษาที่เรียนวิชานี้ต่างรู้นิสัยของอาจารย์ท่านนี้ดีว่า เป็นคนที่ดูใจดีแค่ภายนอกเท่านั้น ระดับความยากของข้อสอบจะขึ้นอยู่กับความพอใจล้ว
ผมมองเพื่อนทั้งสองของไต้ฝุ่นด้วยรอยยิ้มแห้ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ว่าแต่พวกนายใช้สายตามองประเมินคนอื่นโจ่งแจ้งแบบนี้ รู้ไหมว่ามันเสียมารยาท ยังดีที่หน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ ทั้งยังโดนชมบ่อย ๆ ว่าน่ารัก ถึงจะไม่หล่อแต่ก็พอมั่นใจได้ละนะ ไม่งั้นเจอแบบนี้เข้าไปเป็นต้องเสียเซลฟ์แน่“สวัสดีครับ” ผมทักทายอีกรอบ“จะกินอะไร” ไต้ฝุ่นหันมาถาม “เดี๋ยวไปซื้อให้”ประโยคนี้หลุดออกมายิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองของเขาตาโตแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้วขอร้อง นายช่วยดูหน้าเพื่อนตัวเองหน่อยเถอะ“คิดไม่ออกอะ เดี๋ยวฉันไปด้วย”“อืม”ไต้ฝุ่นพยักหน้า พวกเราจึงเดินออกไปพร้อมกัน แน่นอนว่าผมโกหก ปกติผมมีเมนูประจำของตัวเองอยู่แล้วเวลาที่ต้องมากินข้าวในโรงอาหารมหาวิทยาลัย นั่นก็คือสุกี้น้ำยังไงล่ะ!แต่ที่บอกว่าไม่รู้ ก็เพราะไม่อยากอยู่กับสองคนนั้นต่างหาก ถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางพวกเขา ผมน่าจะโดนจ้องจนตัวหดเหลือสองนิ้วแน่ ๆ“ชอบสุกี้เหรอ?”น้ำเสียงเรียบนิ่งถามออกมา เมื่อเห็นว่าผมหยุดยืนอยู่หน้าร้านเจ้าประจำ“อื้ม เจ้านี้อร่อยนะ” ผมหันไปพูดยิ้ม ๆ “ว่าแต่ทำไมไม่ไปต่อแถวซื้อข้าวล่ะ หรือนายจะกินร้านนี้เหมือนกัน”“ทำไมไม่กินข้า
“แม่ฮะ วันนี้รินไม่กินข้าวเที่ยงที่บ้านนะ” ผมตะโกน มือก็สาละวนผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน“อ้าว แล้วไม่หิวเหรอลูก มื้อเช้าก็ไม่ได้กิน”“เดี๋ยวว่าจะไปกินกับเพื่อนที่โรงอาหารน่ะครับ”“งั้นเอานมไปกินรองท้องก่อนสักกล่องนะ เผื่อหิวจนเป็นลมไป” แม่พูดพร้อมกับเดินไปหยิบนมมายื่นให้“เวอร์น่า” ผมตอบยิ้ม ๆ ทว่าก็รับเอาความหวังดีของผู้เป็นแม่มาอย่างไม่อิดออด พอผูกเชือกรองเท้าเสร็จก็เจาะกล่องกินมันหน้าประตูบ้านนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องหิ้วไปทิ้งนอกบ้านจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อย ครั้งนี้ตัวไม่เลอะแล้ว ผมเลยกระโจนเข้าไปกอดคุณแม่สุดสวยของตัวเอง แล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่“แหม โตแล้วยังจะขี้อ้อนอยู่อีก” แม่หัวเราะคิกคัก พลางตีแขนผมไปด้วย “ถ้ามีแฟนแล้วไปอ้อนแบบนี้ อีกฝ่ายคงหลงตาย”“...”จากที่ผมกำลังอารมณ์ดี ๆ เจอประโยคนี้เข้าไปก็ถึงกับชะงักกึก รอยยิ้มแข็งค้าง มือไม้สับสนไปหมดอย่างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดีทำไมต้องน




![เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรีส์วายเรื่องหนึ่ง [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

![อุบัติรักฟีโรโมน [Omagaverse]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
