Masuk[เราคบกันแล้วใช่ไหม]
ประโยคคำถามนี้ ราวกับเพื่อยืนยันให้แน่ใจถึงสถานะของพวกเรา ผมจ้องข้อความนี้ตาค้าง สมองประมวลผลไม่หยุด
ถ้าบอกว่า อ๋อใช่ เราคบกัน แล้วภายหลังไต้ฝุ่นรู้ความจริงเข้าล่ะ หมอนี่จะไม่รู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นอยู่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับพวกนั้นเลย ผมคงโดนเขาเกลียดแน่นอน
ผมไม่ได้ชอบไต้ฝุ่นในเชิงนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากถูกเกลียดหรอกนะ อย่างน้อยในแง่ของเพื่อน ผมก็ชอบเขาอยู่บ้าง
อันที่จริงแล้วผมเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย ถ้าให้โกหกในแชตน่ะได้ เพราะอีกฝั่งไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแล้วเรื่องที่ต้องตอบมีคำโกหก ท่าทางผมมันจะออกจนอีกฝ่ายจับได้
แน่นอนว่าด้วยสถานะของเราตอนนี้ ผมคงไม่สามารถโกหกไต้ฝุ่นไปได้ตลอด และจะต้องถูกจับได้แน่นอน
ถ้าอย่างงั้นควรบอกเลยดีไหมนะ ดีกว่าปล่อยให้เขารู้จากปากคนอื่น
ระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จู่ ๆ หน้าจอก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมา
เป็นไต้ฝุ่น...
ผมลังเลอยู่ประมาณห้าวิ จากนั้นก็กดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายกลับเอ่ยถามมาเสียงเรียบ
[ทำไมไม่ตอบแชตล่ะ]
ก็กำลังคิดอยู่ไง
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก โอเค เอาไงเอากัน!
“ฉันขอโทษ ที่จริงแล้วฉันแค่เล่นเกมกับเพื่อน”
จากนั้นผมก็ไม่รอให้ไต้ฝุ่นได้พูดอะไรต่อ แต่ชิงสาธยายความผิดของตัวเองในเรื่องที่ทำวันนั้นกับกลุ่มเพื่อนให้ฟังแบบละเอียดยิบทุกเม็ด เตรียมใจพร้อมรับคำด่ากลับเต็มที่
[เพราะงั้นนายจะบอกเลิก?]
คำถามนี้ราวกับลูกดอกปักเข้าเป้า ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนตรงขนาดนี้ ทำเอาผมถึงกับเหงื่อตกไปเล็กน้อย สมองแล่นเร็วจี๋ครุ่นคิดหาคำตอบดี ๆ ทว่าก็คิดไม่ออก เลยได้แต่ตอบไปตามตรง
“อะ อ่า ก็คิดว่าจะหาจังหวะบอก”
[ฉันไม่เลิก]
“...”
เอ๊ะ
[แค่มาหลอกฉันมันก็แย่แล้ว แต่นายยังจะทิ้งฉันหลังจากที่คนอื่นรู้ว่าเราคบกันทันทีแบบนี้ มันจะไม่หักหน้ากันไปหน่อยเหรอ]
ประโยคนี้นับว่าเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดของไต้ฝุ่นตั้งแต่รู้จักกันมาเลยก็ว่าได้ ผมจุกจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว ถ้าไต้ฝุ่นด่ามาหยาบ ๆ สักประโยค ผมคงไม่รู้สึกผิดมากขนาดนี้
“ขอโทษนะ นายจะให้ฉันชดใช้ยังไงก็ได้”
[ไม่เลิก]
“ตะ แต่จะดีเหรอ หรือนายบอกเลิกฉันก็ได้นะ ให้ฉันเป็นคนโดนทิ้งไง”
[แบบนั้นฉันไม่ยิ่งดูแย่หรือไง]
“อ่า...”
พอคิดดี ๆ แล้วมันก็จริงนั่นแหละ
ผมไม่คิดว่าไต้ฝุ่นที่ดูไม่แยแสอะไรคนนี้จะห่วงหน้าตาตัวเองด้วย
อย่างว่าแหละ ถ้าเป็นผมก็คงหนักใจอยู่บ้าง มีแฟนทั้งทีคนรู้กันไปทั่ว วันเดียวประกาศเลิกเลย คงได้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ประวัติติดตัวตลอดชีวิตแน่นอน
ถ้าไต้ฝุ่นบอกเลิกผม ก็เหมือนเขาเป็นคนใจง่ายคบแล้วทิ้ง ถ้าผมบอกเลิกไต้ฝุ่น คนก็คงมองว่าเขาแย่ จนผมทนไม่ได้แล้วขอเลิกอะไรทำนองนี้แน่นอน ไม่ว่ามองจากมุมไหนคนที่เสียเปรียบสุด ๆ ก็คือไต้ฝุ่น
สุดท้ายในเมื่อเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ ผมที่โคตรรู้สึกผิดก็เลยตกลงกับไต้ฝุ่นว่าจะคบ (หลอก ๆ) กับเขาต่อไป แต่ก็ยังมีเรื่องหนักใจอีกอย่างคือ วันนั้นที่ผมสตรีมกับเพื่อน คนที่รู้เห็นมีเป็นพัน เรื่องนี้ยังไงก็ปิดไม่มิดแน่นอน
[นายก็บอกไปสิว่าชอบฉันจริง ๆ]
“หา!”
[หรือนายมีคำแก้ตัวอื่น]
“ไม่มี”
เป็นอย่างที่ไต้ฝุ่นว่านั่นแหละ คำตอบอะไรก็ไม่ดีเท่ากับผมต้องบอกไปว่าผมชอบเขาอยู่แล้ว แต่ผมก็โกหกไม่เก่งด้วยสิ เอาเป็นว่าถ้าไม่โดนเค้น ผมก็จะไม่พูดแล้วกัน
[ในเมื่อตกลงได้แล้วก็รับด้วย]
“รับอะไร”
[เข้าเฟx]
ผมเข้าแอปสีฟ้าตามที่อีกคนบอก ครั้งนี้ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าช่องแจ้งเตือนขึ้นมา 99+ ทว่าอะไรก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผมไปได้เท่ากับคำขอขึ้นสถานะที่อยู่บนสุดนั่นหรอก
เชี่ย
ไต้ฝุ่นมันจะเล่นใหญ่ไปไหนวะ แบบนี้ก็เหมือนประกาศเปิดตัวเลยนะ ไหนว่าคบหลอก ๆ ไง แล้วจะเลิกกันยังไงเนี่ย
[รับ]
“...เอ้อ”
คำพูดสั้น ๆ ทำให้ผมตอบรับเสียงเบา นิ้วเลื่อนไปกดยอมรับสถานะอย่างจำยอม ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ เขาใจดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เอาผมมาประจานให้คนรุมสาปเนี่ย
กดตอบรับเสร็จ ได้เห็นหน้าไทม์ไลน์เด้งชื่อแอ็กของผมกับไต้ฝุ่นว่าคบกัน ผมก็ราวกับคนโดนน้ำร้อนสาดหน้า รีบร้อนบอกปลายสายว่ากดรับแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ง่วงมาก ขอไปนอนก่อนนะ แล้วก็รีบกดวางสายไปโดยที่ไต้ฝุ่นยังไม่ทันได้พูดอะไร
ผมปิดโทรศัพท์อย่างปอดแหก ไม่กล้าดูผลลัพธ์หลังจากนั้น ก่อนปิดจอก็ยังทันเห็นว่ามีคนกดไลก์แล้วด้วย
ยังไม่ถึงสิบวิเลยนะ พวกเขาไม่นอนกันหรือไง!
“ฮู่ว”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ยกมือขึ้นจับหน้าอก สัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แบบนี้แย่แน่ มีแต่เรื่องทำให้ตกใจเต็มไปหมด
ผมนอนครุ่นคิดถึงแจ้งเตือนที่มองผ่าน ๆ ก่อนหน้านี้แต่ไม่ได้กดเข้าไปดู เดาว่ามันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไต้ฝุ่นแน่นอน แล้วยิ่งผมกับเขาขึ้นสถานะด้วยกัน ไม่ต้องเดาเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คนที่ผมไปคบด้วยเป็นถึงคนดังเลยนะเว้ย
ถามว่าทำไมถึงดังน่ะเหรอ
แค่หน้าตาดีอย่างเดียวอาจไม่ทำให้เขาดังได้ขนาดนี้หรอก แต่ที่ทำให้ดังน่ะมาจากครอบครัวเขาล้วน ๆ
บ้านของไต้ฝุ่นเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจอยู่ในแวดวงอสังหาฯ พี่สาวคนโตเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง พี่สาวคนรองเป็นนักแสดงหน้าใหม่มาแรงอยู่ที่จีน ส่วนตัวเขาก็เป็นนายแบบประจำให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของพี่คนโต
สรุปสั้น ๆ เลยก็คือ ครอบครัวนี้เป็นคนดังและรวยมาก รวยแบบต้องย้ำถึงสามครั้ง! รวย รวย รวย!
พอคิดไปถึงครอบครัวอีกฝ่าย จู่ ๆ ผมก็หน้าซีดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เอ่อ…แล้วเด็กกะโปโลอย่างผมไปคบกับลูกชายคนเล็ก น้องคนเล็กของพวกเขาแบบนี้ มันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ
ทายาทชายเพียงคนเดียวคบผู้ชาย แล้วอนาคตอาจจะต้องโดนผู้ชายทิ้งด้วย
เชี่ยแล้ว!
หาเรื่องตายแท้ ๆ เลยนี่หว่า ไอ้พวกเพื่อนเวรเอ๊ย ไม่น่าเล่นตามแฟนคลับเลย
สุดท้าย นายคิรินหนุ่มน้อยผู้น่ารักในสายตาของมารดาก็นอนไม่หลับทั้งคืน
ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำด้วยอาการสะโหลสะเหลอย่างคนไม่มีแรง มองหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ เห็นวงสีดำเด่นหราขึ้นมาใต้ตา ด้วยความที่ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ผิวเลยค่อนข้างขาวกว่าผิวคนไทยหลายเฉด พอใต้ตาคล้ำมันเลยโคตะระเด่น!
สวัสดี เราชื่อคิริน เป็นหมีแพนด้าสายพันธุ์ใหม่
ถุย! ยังจะมีอารมณ์เล่นอีก
วันนี้มีคลาสเรียนช่วงเช้า ต่อให้เมื่อคืนนอนไม่หลับและตอนนี้ก็ง่วงจนแทบจะหลับตาเดิน แต่สุดท้ายผมก็ต้องไปเรียนอยู่ดี
“น้องริน ไม่กินข้าวเช้าเหรอลูก”
เสียงแม่บังเกิดเกล้าตะโกนออกมาจากในครัว ผมที่อยู่หน้าประตูบ้านเตรียมจะออกแล้ว จึงหันไปตะโกนกลับด้วยเสียงอย่างกับคนไม่มีแรง
“ไม่กินฮะ”
“ทำไมเสียงแบบนั้นล่ะ”
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ เดี๋ยวรินไปแล้วนะ”
แล้วก็เหมือนเดิม ผมไม่ได้ต้องการให้แม่มาซักไซ้อะไรเพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนโกหกไม่เก่ง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่แล้วด้วย ผมพูดจบก็รีบเปิดประตูออกจากบ้านไปทันที
Rrrrrr
ระหว่างนั่งเหม่อบนรถประจำทาง โทรศัพท์ที่กลับเข้าสู่โหมดโฟกัสแล้วพลันดังขึ้นมา ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนควักขึ้นมาดู หน้าจอแสดงสายเรียกเข้าเป็นชื่อของเซฟ ปกติถ้าเพื่อนโทรมาผมจะรับไวเสมอ แต่ครั้งนี้ผมกลับนั่งจ้องหน้าจอนิ่งอย่างวัวสันหลังหวะ
ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่ามันโทรมาด้วยเรื่องอะไร!
สายเรียกเข้าดับไปแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถอนหายใจ หน้าจอก็ปรากฏสายเรียกเข้าขึ้นมาอีกครั้ง หนนี้เป็นไต้ฝุ่น
“...”
ทำไมรู้สึกช่วงนี้ฮอตจัง ใคร ๆ ก็โทรหา
คงเพราะได้บอกความจริงกับเขาไปแล้ว จึงทำให้ผมค่อนข้างโล่งอกและไม่กดดันเท่ากับช่วงแรก หากเทียบกันแล้ว ระหว่างคนที่ผมยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังอย่างพวกเพื่อนสามคน กับคนที่ผมสารภาพบาปหมดแล้วอย่างไต้ฝุ่น แน่นอนว่าตอนนี้ผมย่อมเลือกจะคุยกับคนหลังก่อน
อันที่จริงผมก็อยากจะบอกพวกเพื่อนไปตรง ๆ เหมือนกันว่า ผมแค่คบกับไต้ฝุ่นแบบหลอก ๆ แต่พอคิดอีกทีผมก็ไม่กล้าบอกอยู่ดี เห็นแบบนี้แต่เพื่อนสามคนนั้นค่อนข้างห่วงผม เหมือนห่วงน้องชายอะไรแบบนั้น
ถ้าบอกไป ผมกลัวว่าพวกมันจะไม่เห็นด้วย แล้วแล่นมาหาเรื่องไต้ฝุ่น ทั้งที่ความจริงแล้วคนผิดก็คือพวกเรานี่แหละ
ผมยังต้องเรียนกับไต้ฝุ่นอีกสองปีกว่า ไหนจะการที่เขามีแฟนคลับเยอะด้วย ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่อยากให้มีเรื่องกันเลย
อีกอย่างมันก็น่าอายอยู่นะ มีแฟนทั้งทีดันเป็นผู้ชายเนี่ย!
ถึงจะปลอม ๆ ก็เหอะ...
ก่อนที่สายเรียกเข้าจะตัดไป ผมก็กดรับเอาในวิสุดท้ายพอดี“ฮัลโหล”[อยู่ไหน]อีกฝ่ายยังคงเป็นไต้ฝุ่นคนเดิม พูดน้อย ไม่อ้อมค้อม ยิงเข้าประเด็นทันที ผมเริ่มจะชินแล้วละ“อ่า เอ่อ แถว xx”ด้วยความที่ขึ้นรถมาผมก็เอาแต่เหม่อ เลยไม่ได้ดูว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหนแล้ว พอชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงได้เห็นว่ายังมาได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ช่วงเวลาเร่งด่วนกับรถเมล์ ยังไงก็ไม่มีทางเร็วไปกว่ารถเล็กได้[ลงป้ายหน้า]“หา?” ผมเผลอร้องออกมาเสียงดัง จนป้าที่นั่งด้านข้างหันมามอง ผมได้แต่ก้มหัวขอโทษท่านเล็กน้อย พอตั้งสติได้เลยพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ”[ไม่มี อาจารย์ยกคลาส] ไต้ฝุ่นตอบกลับสั้น ๆ ก่อนถามย้ำอีกรอบ [ลงหรือยัง]“ให้ลงทำไม จะมารับ?” ผมแกล้งยียวน[อืม]ชิบ นี่ก็ตรงเกิน“ไม่ใช่แฟนกันจริง ๆ สักหน่อย ไม่ต้องดูแลขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ผมบ่นเสียงเบา ทว่ามือก็เอื้อมไปกดออด แล้วลงที่ป้ายรถเมล์อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ[ฉันไม่เคยทำอะไรเล่น ๆ แล้วก็ไม่ชอบหลอกใครด้วย]“...”ประโยคนี้มันหลอกด่าผมปะวะลงจากรถเมล์มาได้ไม่นาน รถยุโรปเงาวับคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดเทียบท่าทันที ไม่ต้องรออีกฝ่าย
[เราคบกันแล้วใช่ไหม] ประโยคคำถามนี้ ราวกับเพื่อยืนยันให้แน่ใจถึงสถานะของพวกเรา ผมจ้องข้อความนี้ตาค้าง สมองประมวลผลไม่หยุดถ้าบอกว่า อ๋อใช่ เราคบกัน แล้วภายหลังไต้ฝุ่นรู้ความจริงเข้าล่ะ หมอนี่จะไม่รู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นอยู่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับพวกนั้นเลย ผมคงโดนเขาเกลียดแน่นอนผมไม่ได้ชอบไต้ฝุ่นในเชิงนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากถูกเกลียดหรอกนะ อย่างน้อยในแง่ของเพื่อน ผมก็ชอบเขาอยู่บ้างอันที่จริงแล้วผมเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย ถ้าให้โกหกในแชตน่ะได้ เพราะอีกฝั่งไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแล้วเรื่องที่ต้องตอบมีคำโกหก ท่าทางผมมันจะออกจนอีกฝ่ายจับได้แน่นอนว่าด้วยสถานะของเราตอนนี้ ผมคงไม่สามารถโกหกไต้ฝุ่นไปได้ตลอด และจะต้องถูกจับได้แน่นอนถ้าอย่างงั้นควรบอกเลยดีไหมนะ ดีกว่าปล่อยให้เขารู้จากปากคนอื่นระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จู่ ๆ หน้าจอก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมาเป็นไต้ฝุ่น...ผมลังเลอยู่ประมาณห้าวิ จากนั้นก็กดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายกลับเอ่ยถามมาเสียงเรียบ[ทำไมไม่ตอบแชตล่ะ]ก็กำลังคิดอยู่ไงผมสูดลมหายใจเข้าลึก โอเค เอ
วันนี้ผมไม่มีเรียนคลาสเย็น เลยกลับมาถึงบ้านตอนที่ฟ้ายังสว่าง แน่นอนว่าหลังจากอาบน้ำกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องไปสิงในเกมกับเพื่อนต่างคณะตามกิจวัตรเดิมของตัวเองระหว่างเล่นเกมจนใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ มือซ้ายกดคีย์บอร์ดรัว ๆ มือขวาลากเมาส์อย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น จู่ ๆ เซฟก็ถามขึ้นมา“คิริน มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอวะ”“ฮะ! เชี่ย!”ประโยคคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซฟ ทำเอาผมนิ้วเคลื่อนกดปุ่มพลาด ไม่ได้ยิงพลังออกมา สุดท้ายก็โดนฝั่งตรงข้ามฟาดพลังอัดเต็มหน้า จนตายในวินาทีสุดท้าย“พูดอะไรของมึงเนี่ยเซฟ กูตายเลยเห็นไหม”ผมโวยวายออกมา ใบหน้าที่ปรากฏบนจอออกอาการบูดบึ้งเล็กน้อย สองแขนยกขึ้นกอดอก“ตอบกูมาก่อน” เซฟถามย้ำ“ตอบอะไร” ผมทวนคำถามอีกครั้ง เมื่อกี้เพราะตั้งสมาธิมากก็เลยไม่ทันได้ฟังคำถาม รู้แค่ตกใจเสียงของมันที่ดังขึ้นมากะทันหันเท่านั้น“มึงคบกับไต้ฝุ่นเหรอ” เซฟพูด“เออ กูก็อยากรู้ บอกมาเลยนะเว้ย” เปาเสริมขึ้นมาอีกคน“ยังไง ๆ” โอบลากเสียงยาว ฟังแล้วดูกวนตีนสุด ๆส่วนผมนั้นอึ้งกิมกี่ไปแล้วเรียบร้อย ทำไมพวกมันถึงได้ถามคำถามนี้ล่ะ มันไปรู้อะไรมา!“ไม่มี!” ผมพูดเสียงดัง ก่อนที่จะถามออกไปเสียงนิ่ง แต่ใน
“อ้าว คิริน มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่เข้าห้อง แล้วนี่ทำไมหน้าแดง เป็นไข้เหรอ”เสียงของเพื่อนร่วมคลาสคนหนึ่งทักขึ้นมา ผมรีบยกมือปิดแก้มตัวเองอย่างร้อนตัว “แค่ร้อนเฉย ๆ ใช่ อากาศร้อนเนอะวันนี้”“ก็ไม่นะ”ก่อนที่เพื่อนร่วมคลาสจะได้ถามอะไรต่อ ผมก็รีบวิ่งฉิวเข้าห้อง ตัดจบบทสนทนาอย่างคนร้อนตัวทันทีผมจำได้ว่าไต้ฝุ่นบอกให้รอหน้าห้องเรียนตัวเอง แต่ผมยังไม่ทันได้ ‘รอ’ อีกฝ่ายก็มา 'ยืน' เป็นเสาหลักอยู่หน้าห้องแล้วเรียบร้อยดูท่าอาจารย์คงจะเลิกคลาสเร็วสินะ ช่างน่าอิจฉาจริง แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ผมไม่ได้อยากให้หมอนี่มาตอนที่เพื่อนร่วมคลาสอยู่กันเต็มแบบนี้นะ!เสียงจ้อกแจ้กจอแจของสาว ๆ ในคลาสดังกระหึ่มอย่างกับผึ้งแตกรัง สายตาหลายคู่เหล่ออกไปด้านนอก จนลูกตาแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว“วันนี้พวกเธอคงเรียนเข้าหัวหมดแล้วเนอะ น่าจะไม่ต้องสอนอะไรแล้ว เนื้อหาวันนี้ออกสอบนะจ๊ะ”อาจารย์ประจำคลาสกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น และนั่นก็ทำให้ทั้งห้องกลับมาสงบตั้งใจเรียนกันอีกครั้งนักศึกษาที่เรียนวิชานี้ต่างรู้นิสัยของอาจารย์ท่านนี้ดีว่า เป็นคนที่ดูใจดีแค่ภายนอกเท่านั้น ระดับความยากของข้อสอบจะขึ้นอยู่กับความพอใจล้ว
ผมมองเพื่อนทั้งสองของไต้ฝุ่นด้วยรอยยิ้มแห้ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ว่าแต่พวกนายใช้สายตามองประเมินคนอื่นโจ่งแจ้งแบบนี้ รู้ไหมว่ามันเสียมารยาท ยังดีที่หน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ ทั้งยังโดนชมบ่อย ๆ ว่าน่ารัก ถึงจะไม่หล่อแต่ก็พอมั่นใจได้ละนะ ไม่งั้นเจอแบบนี้เข้าไปเป็นต้องเสียเซลฟ์แน่“สวัสดีครับ” ผมทักทายอีกรอบ“จะกินอะไร” ไต้ฝุ่นหันมาถาม “เดี๋ยวไปซื้อให้”ประโยคนี้หลุดออกมายิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองของเขาตาโตแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้วขอร้อง นายช่วยดูหน้าเพื่อนตัวเองหน่อยเถอะ“คิดไม่ออกอะ เดี๋ยวฉันไปด้วย”“อืม”ไต้ฝุ่นพยักหน้า พวกเราจึงเดินออกไปพร้อมกัน แน่นอนว่าผมโกหก ปกติผมมีเมนูประจำของตัวเองอยู่แล้วเวลาที่ต้องมากินข้าวในโรงอาหารมหาวิทยาลัย นั่นก็คือสุกี้น้ำยังไงล่ะ!แต่ที่บอกว่าไม่รู้ ก็เพราะไม่อยากอยู่กับสองคนนั้นต่างหาก ถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางพวกเขา ผมน่าจะโดนจ้องจนตัวหดเหลือสองนิ้วแน่ ๆ“ชอบสุกี้เหรอ?”น้ำเสียงเรียบนิ่งถามออกมา เมื่อเห็นว่าผมหยุดยืนอยู่หน้าร้านเจ้าประจำ“อื้ม เจ้านี้อร่อยนะ” ผมหันไปพูดยิ้ม ๆ “ว่าแต่ทำไมไม่ไปต่อแถวซื้อข้าวล่ะ หรือนายจะกินร้านนี้เหมือนกัน”“ทำไมไม่กินข้า
“แม่ฮะ วันนี้รินไม่กินข้าวเที่ยงที่บ้านนะ” ผมตะโกน มือก็สาละวนผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน“อ้าว แล้วไม่หิวเหรอลูก มื้อเช้าก็ไม่ได้กิน”“เดี๋ยวว่าจะไปกินกับเพื่อนที่โรงอาหารน่ะครับ”“งั้นเอานมไปกินรองท้องก่อนสักกล่องนะ เผื่อหิวจนเป็นลมไป” แม่พูดพร้อมกับเดินไปหยิบนมมายื่นให้“เวอร์น่า” ผมตอบยิ้ม ๆ ทว่าก็รับเอาความหวังดีของผู้เป็นแม่มาอย่างไม่อิดออด พอผูกเชือกรองเท้าเสร็จก็เจาะกล่องกินมันหน้าประตูบ้านนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องหิ้วไปทิ้งนอกบ้านจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อย ครั้งนี้ตัวไม่เลอะแล้ว ผมเลยกระโจนเข้าไปกอดคุณแม่สุดสวยของตัวเอง แล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่“แหม โตแล้วยังจะขี้อ้อนอยู่อีก” แม่หัวเราะคิกคัก พลางตีแขนผมไปด้วย “ถ้ามีแฟนแล้วไปอ้อนแบบนี้ อีกฝ่ายคงหลงตาย”“...”จากที่ผมกำลังอารมณ์ดี ๆ เจอประโยคนี้เข้าไปก็ถึงกับชะงักกึก รอยยิ้มแข็งค้าง มือไม้สับสนไปหมดอย่างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดีทำไมต้องน




![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

![พี่ติวเตอร์ครับ...ช่วยสอนผมหน่อยนะครับ[PWP]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
