และคืนนั้นน้องบลูเบลก็ขอไปนอนกับคุณปู่ คุณย่า เอาจริงเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวแสบจะสนิทสนมกับคนที่บ้านนี้เร็วขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมไปนอนด้วยแบบนี้ไหม
"ทำไมไม่นอนคะหนู เป็นอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น เป็นห่วงลูกเหรอไง"
"ห่วงสิคะ ไม่เคยแยกกันด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าลูกจะสนิทสนมกับคุณปู่ คุณย่า เร็วมากขนาดนี้เลย"
เนตรนภาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งก็แค่กลัวว่าลูกจะรักเธอน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีลูกเพียงแค่สองคนจริง ๆ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องห่างกัน คงทำใจลำบากมากเลยแหละ
"คิดมากน่ายังไงลูกอยู่บ้านหลังเดียวกับเรานะ อีกอย่างหนึ่ง ตลอดสี่ปีมานี้คงจะเหงามากเลยแหละ พอเจอเพื่อนเล่นเยอะแถมยังเอาใจเก่งก็เป็นธรรมดาของเด็กที่จะคล้อยตามไป"
"ก็พอเข้าใจค่ะ เนตรจะพยายามคิดมากให้น้อยลงนะคะ"
นายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูภรรยา เขารู้ว่าเธอป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคิดมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ทว่าคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าลูกไม่มีทางอยู่กับเราตลอดชีวิต คนที่จะอยู่กับเราไปจนตายก็คือตัวเราเองทั้งนั้น
"หนูอย่าคิดมากเลยนะ อนาคตลูกต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เอาเวลามาสนใจผัวตัวเองดีกว่ามั้ย เพราะพี่คือคนที่อยู่ด้วยตลอดชีวิตนะ"
เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นมือไปลูบผมภรรยาอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาก็ยังคงรัก และห่วงใยเธอแบบนี้เสมอ การจากกันครั้งนั้นเขาพลาดเองแหละที่ปากเสีย ให้เธอเลือกอนาคตกับตัวเอง จึงทำให้เราสองคนต้องแยกจากกันตั้งห้าปี
"หื่นกับหนูอีกแล้วนะคะ เอาจริงหนูว่าคุณน่าจะเก็บกดมานานจริง ไม่งั้นคงไม่เป็นแบบนี้"
ก็บอกอยู่ว่าห้าปีพี่ไม่มีอะไรกับใครเลย ไม่มีใครทำถึงเท่าหนูอีกแล้ว เพราะฉะนั้นมาทำให้พี่มีความสุขซะดี ๆ"
พูดจบเขาก็กอดรัดตัวภรรยาเอาไว้แน่น โน้มใบหน้าเข้าไปจูบเธออย่างอ่อนโยน หญิงสาวเองก็เต็มใจที่จะมอบความสุขนั้นให้ หลังจากนี้เธอจะทำให้เขามีความสุขมากที่สุด จะรักษาครอบครัวเอาไว้เพื่อตัวเอง และลูกของเราสองคน
"พี่รักหนูมากเลยรู้ไหม ไม่เคยลืมเลยด้วย"
"หนูก็รักคุณค่ะ รักมากที่สุดในโลกเลย"
พูดจบเธอก็โอบรอบคอชายหนุ่มเอาไว้แน่น โน้มใบหน้าเข้าไปคลอเคลีย อย่างโหยหาสัมผัสจากเขามานานหลายปี นายหัวบุรินทร์เองก็เช่นกัน เขาคิดถึงเธอมาก หลังจากนี้จะรักษาครอบครัวให้ดีที่สุด ให้สมกับที่เธอยังรอคอยเสมอ และเลือกที่จะพาลูกกลับมาหา
เช้าวันต่อมา...
ทั้งสองคนตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งในวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ จะพาหลานไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าข้างนอก ส่วนนายหัวบุรินทร์จะพาภรรยาเข้าไปที่ร้านใจกลางเมือง เขามีสาขาที่ขายเครื่องประดับอยู่หลายสาขา ซึ่งส่วนใหญ่จะวางขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้จะเข้าไปตรวจงานสักหน่อย และที่เกาะให้ผู้ช่วยคนสนิทคอยดูแลไปก่อนในระหว่างนี้
"เข้าร้านกับพี่ก่อนนะ เดี๋ยวจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่"
"ไม่ซื้อก็ได้นะคะเปลืองเงินเปล่า ๆ อีกอย่างหนูก็มีเสื้อผ้าติดตัวมาเยอะพอสมควรเลยค่ะ ยังใส่ได้อยู่เลย เอาไว้ถ้าเกิดว่าหนูอยากได้ใหม่เมื่อไหร่จะบอกแล้วกันนะคะ"
เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน กอดแขนชายคนรักเอาไว้แน่น ซบใหน้าเล็กลงกับไหล่กว้าง การที่เธอทำแบบนี้มันทำให้นายหัวบุรินทร์ใจอ่อนและยอมทำตามที่เธอร้องขอ เพราะเคยทำแบบนี้ตลอดซึ่งมันได้ผลมาก
"อย่าอ้อนแบบนี้บ่อย หนูก็รู้ว่าพี่แพ้ลูกอ้อน"
ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายดังอึกเมื่อภรรยาสาวออดอ้อนแบบนั้น ถ้าวันหนึ่งเธอมาอ้อนขออะไรแล้วทำแบบนี้ เชื่อมั้ยว่าเขาตามใจ และยอมให้ทุกอย่างที่มี แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคนนะ เฉพาะเนตรนภาคนเดียวเท่านั้น
"หนูรู้จุดอ่อนคุณไง"
"หึ ร้ายไม่เบา เข้าไปข้างในได้แล้วพี่ตรวจงานก่อน หนูก็เรียนรู้ไปด้วยเลยแล้วกัน ยังไงก็ต้องมาช่วยพี่ดูแลเกาะ อุตส่าห์ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา เอามาใช้ประโยชน์บ้างจะเป็นไรไป"
"ได้เลยค่ะ หนูจะช่วยงานพี่บุรินทร์เอง"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะควงแขนพากันเดินเข้าไปในร้าน ซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทำความสะอาดตู้กระจกกันอยู่ และเมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามา ทุกคนก็วางทุกอย่างลง ก่อนจะรีบวิ่งมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี
"สวัสดีค่ะนายหัวบุรินทร์ ยินดีต้อนรับค่ะไม่เจอนายหัวนานเลย"
"ไม่ค่อยว่างน่ะสิ แต่ก็ส่งณดลมาตลอดนะ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง ยอดขายดีขึ้นไหม"
เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองดูรอบร้าน ซึ่งเนตรนภาเองก็เดินเล่นไปมาอย่างสำรวจสถานที่ทั่วไป ก็เป็นร้านเครื่องประดับทั่วไป แต่ทว่าเน้นไปที่ไข่มุกเสียมากกว่า ราคาเริ่มต้นก็มีหลักพันไปจนถึงหลักแสน แต่เห็นบอกว่ามีถึงหลักล้าน แต่เขาไม่ได้วางขายทั่วไป เนื่องจากว่าราคาสูงจึงให้สำหรับลูกค้าที่จองและจ่ายเงินครบทุกบาททุกสตางค์เท่านั้น
"ยอดขายเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ ช่วงนี้มีแต่คนนิยมเครื่องประดับที่ทำมาจากไข่มุก และมีราคาโปรโมชั่นด้วย แทบจะหมดสต๊อกแล้วค่ะ"
"อืม ให้ที่เกาะผลิตมาเพิ่ม รุ่นไหนขายดีก็แจ้งไป อย่าปล่อยให้ของในร้านขาดสต๊อก ไม่งั้นลูกค้าจะไม่มาอีก เสียลูกค้าโดยใช่เหตุ"
"ได้เลยค่ะนายหัว ทางเราจะรีบเร่งไปทางโรงผลิตค่ะ"
เนตรนภาฟังสามีกับพนักงานพูดคุยกันก็เกิดความสงสัยอย่างหนึ่ง ว่าทำไมลูกค้าถึงต้องเสียเวลาเข้ามาด้วย ทั้งที่เราสามารถเช็กสินค้าออนไลน์ได้เลย หรือจะนัดวันเข้ามาก็ได้
"สงสัยค่ะว่าทำไมพี่ถึงไม่สร้างเว็บไซต์ที่ออนไลน์สินค้าแบบ 24 ชั่วโมงคะ ลูกค้าอยู่ตรงไหนก็สามารถเช็กสินค้าได้ตลอด และถ้าอยากได้ก็ซื้อออนไลน์ได้เลย ทางร้านก็ไปส่งสินค้าเอง ไม่งั้นก็เข้ามารับเอง และมีสินค้าแบบพรีออเดอร์ด้วย ลูกค้าไม่เสียเวลาแถมยังสะดวกอีก หน้าร้านก็จะได้ไม่วุ่นวาย พนักงานจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น"
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เนตรนภาเสนอมา จะเป็นความคิดที่ดีมาก อาจจะเพราะว่าร้านของเขาเปิดมานาน และไม่ค่อยตามเทคโนโลยีสมัยนี้ทัน ส่วนหญิงสาวเธอเรียนจบจากต่างประเทศ แถมยังจบทางด้านบริหารอีก ดูท่าทางเกาะไข่มุกของนายหัวบุรินทร์คงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
"ความคิดดีจังแต่พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก หนูทำได้ไหมล่ะ"
"ได้สิคะ หนูจัดการให้ค่ะ"
เธอกอดแขนชายคนรักก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก เรียนมามีความรู้เต็มหัวควรจะนำมาใช้ประโยชน์บ้าง อย่างที่นายหัวบุรินทร์ว่าเอาไว้ ทว่าสายตาที่พนักงานมองทั้งคู่เหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง
"สงสัยเหรอว่าคนนี้เป็นใคร"
"นิดหน่อยค่ะ แฮะ!"
พนักงานยิ้มแห้งจ้องมองไปยังเนตรนภาด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก ดูสนิทสนมเกินคนรู้จักทั่วไป แถมยังสามารถเสนอความคิดเห็นได้โดยที่นายหัวบุรินทร์เชื่อฟังอีก ท่าทางจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
"คนนี้คือคุณเนตรนภา นายหญิงของเกาะบุรินทร์ รู้จักไว้นะเธอเป็นเจ้านายอีกคนของพวกคุณไง และเธอมีสถานะเป็นภรรยาของผม เป็นแม่ของลูก เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันนะ"
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที