공유

ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน
ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน
작가: PinkyPaw

บทที่ 1 一

작가: PinkyPaw
last update 최신 업데이트: 2024-12-03 12:21:56

"คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"

น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดิน

เทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขา

ผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึง

เสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่

รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิม

แดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ

"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"

หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม

"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"

เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้

สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดาวสีเงินดูสง่ากับมารสาวอายุน้อยก็ปรากฏตรงหน้า ตามหลังด้วยบริวารมากมาย

"คารวะท่านจอมมารราตรีและภาติยะ"

เทพอสูรเอ่ยเสียงดังกังวานพร้อมประสานมือคำนับ

จอมมารราตรีพยักหน้ารับเล็กน้อย ส่วนหญิงสาวด้านหลังยืนนิ่ง จับมือท่านจอมมารไว้มั่น ก่อนพากันเหาะผ่านขึ้นไป

สายตาที่ส่งมาดูจะหวาดกลัวเล็กน้อย...

แต่เหล่าเทพอสูรชินเสียแล้ว นั่นเพราะร่างกายใหญ่ยักษ์ในอาภรณ์ติดเกราะเต็มยศกว่าปกติช่างดูน่าเกรงขาม และน่าพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน

นอกจากแผ่นดินใหญ่จะเป็นที่พำนักขององค์มหาเทพ พระโพธิสัตว์ เทพเซียนชั้นสูงอายุเกินแสนปีอีกสิบหกองค์แล้ว ยังมีเทพอสูรผู้เฝ้าทางขึ้นสวรรค์อีกสี่องค์

ที่ได้ชื่อว่าเทพอสูรเพราะเดิมทีมีชาติกำเนิดจากเดรัจฉาน ต่อมาได้รับการบันดาลกายทิพย์ปราณเซียนจากมหาเทพ

หน้าที่ของพวกเขาคือเฝ้าหน้าบันไดเขาสวรรค์ ปกป้องชายแดนแผ่นดินใหญ่จากการรุกรานจากเหล่าเทพ มาร อสูร และวิญญาณ รวมถึงเป็นทัพหน้าในมหาสงคราม

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์แล้ว มหาเทพจำต้องเนรมิตรูปกายพิสดารยิ่ง เพื่อให้ผู้อื่นหวาดเกรง กลัวกำลังจนไม่กล้าคิดล้มอำนาจ ทำลายยุทธภพ

เมื่อวันแห่งการเฉลิมฉลองมาถึง พวกเขาจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า เพราะต้องเฝ้าอยู่ตรงตีนบันไดตลอดร่วมสิบวันได้

"ต่อไปเป็นเผ่ามาร" เป่ยหานจวินให้สัญญาณ

เขาคือเทพผู้ถือกำเนิดจากหมีภูเขา ปกติจะคอยเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามราตรี เมื่อทิวากาลมาเยือนจะกลับเรือนติดชายแดนอุดร

เป่ยหานจวินมีกายเนื้อใหญ่โตสีดำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อทรงพลัง ปกคลุมด้วยขนเงาหนาหลายชั้น มีเขาเดียวประดับกลางหน้าผาก ผมหยักศกยาวสยาย มีหูทิพย์ทั้งสี่อยู่บนศีรษะ อาวุธเป็นตะบองเหล็กยักษ์

"จอมารมารนทีกับฮูหยินและอนุอีกห้านาง" หนันอี้จวินบอก

เขาถือกำเนิดจากจระเข้ยักษ์ ปกติเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามราตรีร่วมกับเป่ยหานจวิน ตะวันส่องแสงเมื่อใดจะกลับเรือนที่ติดชายแดนฝั่งทักษิณ

หนันอี้จวินมีกายเนื้อสีน้ำเงินเข้มติดเกล็ดแข็งเกือบทั้งตัว มีสามเขาประดับศีรษะ ริมฝีปากใหญ่หนาซ่อนเขี้ยวฟันคมไม่มิด ดวงตาทิพย์ดั่งเพชฌฆาตวารีมีมากถึงสี่ดวง มีหางจระเข้ทรงพลังอยู่ด้านหลัง อาวุธเป็นสามง่ามเหล็ก

"ทำไมเผ่ามารต้องมาเร็วกันทุกครั้ง ข้ารอจะยลโฉมเหล่าเซียนสตรีจนแทบไม่ไหวแล้ว" เทพอสูรองค์ที่สามนามตงหลิงจวิน ทำท่างอแงทั้งที่ไม่เข้ากับหน้าตาและอายุ

เขาถือกำเนิดจากอินทรีเจ้าเวหา ปกติเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามทิวากาล เมื่อตะวันลับฟ้าจะกลับเรือนซึ่งอยู่ติดชายแดนบูรพา

ตงหลิงจวินมีกายปกคลุมด้วยขนนกสีน้ำตาลอ่อนเกือบทั้งตัว ที่หลังมีปีกแข็งแกร่ง ยามสยายออกราวจะปิดได้ทั่วผืนฟ้า ฝ่าเท้าเป็นกรงเล็บอินทรี ศีรษะประดับเขาคู่โค้งยาว อาวุธคือคันธนูใหญ่และลูกธนูที่เจาะผ่านเกราะเหล็กกล้าได้

"ข้าไม่ทราบขอรับ"

เทพอสูรองค์สุดท้ายนามซีจงจวินหันมาตอบ โดยไม่ได้รู้เลยว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ใช่คำถาม

"ข้าแค่บ่นน่ะซีจง อยากให้นางเซียนมาถึงเร็วๆ ข้าจะได้มองให้ชื่นใจไปอีกหมื่นปี"

ตงหลิงจวินหัวเราะที่เพื่อนหันมาตอบ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม ดวงตาหวานหยดย้อย

ซีจงจวินมีชาติกำเนิดเป็นแมงป่องทะเลทราย ปกติเฝ้าทางขึ้นสวรรค์ร่วมกับตงหลิงจวินยามกลางวัน ตกกลางคืนกลับเรือนไปดูแลแถบชายแดนติดแผ่นดินประจิม

ร่างเทพอสูรผู้นี้มีผิวกายสีแดงอ่อนหยาบคล้ายเกราะหนัง มีแขนทรงพลังถึงหกข้าง เขี้ยวเล็บแหลมยาวน่ากลัว บนหน้าผากประดับเขาโค้งสั้นสองคู่ ด้านหลังมีหางปล้องใหญ่ดั่งแมงป่องพิษร้ายสีดำเงา อาวุธคือดาบเหล็กคมหกด้ามที่ตัดได้แทบทุกสิ่งในใต้หล้า

"ไม่มีทาง พวกนางต้องมาเป็นกลุ่มท้ายๆเพราะมัวแต่แต่งองค์ทรงเครื่องให้งดงามอลังการ จะได้ไม่น้อยหน้ากันอย่างไรเล่า"

เป่ยหานจวินบอกตามความจริง เหล่าเซียนรักการแต่งองค์ให้ดูมากเข้าไว้ ยิ่งงานใหญ่เช่นนี้ยิ่งต้องตั้งใจมาอวดประชันกัน

"เป็นอย่างที่พี่เป่ยหานว่า" หนันอี้จวินสมทบ "และหากเจ้ายังไม่อยากมีปัญหา อย่าเผลอไปคุยเรื่องนี้กับเมียเจ้าเชียว"

"ข้าไม่โง่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่หนันอี้ ขืนหลุดไปคำเดียวคงไม่ได้มีลูกไปอีกตลอดชีวิตแน่"

ตงหลินจวินพูดทั้งสีหน้าหวาดผวา เอาสองมือลูบแขนกอดตัว

"เหตุใดถึงไม่ได้มีลูกหรือขอรับ"

เป็นเสียงของซีจงจวิน ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่าแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

ตงหลิงจวินหันมองแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู พวกเขาเองก็อายุนับแสนปีกันแล้วทั้งนั้น มีเพียงซีจงจวินสหายน้องเล็กผู้นี้ที่ยังไร้เดียงสา

"ก็ถูกจับไปเฉือนทิ้งอย่างไรเล่า ทำหมันตอนกันสดๆ นอนหยอดโจ๊กพันปี นอนร้องไห้อีกแสนปี"

ตงหลิงจวินแสร้งทำหน้าตื่นกลัวตัวสั่นอย่างทะเล้น ส่วนคนได้คำตอบก็ยังคงขมวดคิ้วถามต่อ

"แล้วเหตุใดภรรยาต้องทำรุนแรงกับสามีแบบนั้นหรือขอรับ"

ได้ยินคำถามเป่ยหานจวินหลุดขำเล็กน้อย มองหน้าสหายผู้นี้แล้วเขาอดนึกถึงอสูรเด็กที่บ้านไม่ได้จริงๆ

"เขาทำเพราะหึงหวงน่ะซีจง" เป็นเสียงหนันอี้จวินตอบให้กระจ่าง

"ใช่แล้ว ยิ่งรักมากก็ยิ่งหึงมาก ยิ่งหึงมากก็ยิ่งโหดมาก"

และเป็นตงหลิงจวินที่ขยายความให้ชัดแจ้งกว่าเก่า ซีจงจวินพยักหน้ารับก่อนเอ่ยถามคำสุดท้ายทำให้สหายต่างส่ายหน้า

"รักกับหึง เป็นอย่างไรขอรับ"

"เอาเป็นว่าเมื่อเจ้ามีเมีย ก็จะเข้าใจเอง"

เป่ยหานจวินเหนื่อยจะอธิบาย มันไม่แปลกที่ซีจงจวินจะไม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองผู้ใด

บ้านเกิดเป่ยหานจวินเป็นภูเขา หนันอี้จวินเป็นป่าชื้น ตงหลิงจวินเป็นทุ่งหญ้าขจี ทั้งสามล้วนเคยเห็นวัฏจักร เห็นความรัก และได้สัมผัสกลิ่นอายอารมณ์หลากหลายทั้งสิ้น

แต่ไม่ใช่สำหรับซีจงจวินที่บ้านเกิดอยู่กลางทะเลทรายแห้งแล้ง นอกจากความเดียวดายแล้วยังมีแต่อันตรายรอบด้าน ใช้ชีวิตอย่างทรหดมาตลอด

หากซีจงจวินต้องการเรียนรู้ถึงจิตใจ คงต้องมีใครสักคนอยู่เคียงข้างก่อนกระมัง..

จังหวะการสนทนาถูกขัดขึ้นด้วยกลุ่มคนชุดสีกรมท่าปักลวดลายระลอกสายธาร

"คารวะท่านจอมมารนที ฮูหยิน และท่านหญิงทั้งห้า"

เทพอสูรเอ่ยพร้อมกัน ประสานมือทำความเคารพ คนเผ่ามารชำเลืองมองแล้วเหาะขึ้นบันไดไป

มีพวกเขาเป็นปราการด่านหน้าเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มบารมีให้แก่ภูผาสวรรค์แล้ว ยังเป็นการข่มขวัญผู้คนอีกด้วย

มหาเทพก็ช่างคิด ให้อสุรกายนักรบร้อยสงครามมาเป็นฐานอันทรงพลัง ผู้ใดจะกล้าคิดทำศึกได้ต้องกินดีหมีหัวใจเสือทั้งยุทธภพกระมัง

แม้จงรักภักดี แต่ทั้งเทพและมารต่างก็เล่าลือถึงเทพอสูรว่าเหี้ยมโหดดุร้าย ฆ่าล้างพันธุ์ผู้เป็นปรปักษ์ได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

แต่ไม่ว่าสายตาที่มองมาจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็เพียงรับรู้และปล่อยผ่าน เพราะใส่ใจไปก็เสียเวลา ป่วยการเปล่าๆ

..เดิมทีมันก็ควรเป็นเช่นนั้น

กระทั่งเหล่าเซียนบุปผชาติเดินทางมาถึง..

"คารวะท่านเทพแห่งผืนป่ามวลผกามาลี ฮูหยินและธิดาทั้งแปด"

สี่เทพอสูรประสานมือเอ่ยด้วยหน้าตาถมึงทึงขึงขังเช่นเดิม ส่วนผู้มาเยือนไม่ได้สนใจอะไรนัก เหาะขึ้นบันไดเขาสวรรค์ไปเหมือนเคย

...ทว่า...

กลิ่นหอมจรุงใจสายหนึ่งโชยมาบางเบา ทำให้ซีจงจวินเผลอเงยหน้ามอง

เขาเห็นเทพธิดางามพิลาสอยู่ที่ท้ายขบวน ดวงหน้านางต้องตาต้องใจ กลิ่นกายรัญจวนชวนให้ลุ่มหลง แม้เดินผ่านไปไกลแล้ว สายตาของเทพอสูรกลับหยุดจ้องแผ่นหลังเล็กไม่ได้

แม่นางผู้นั้นงามปานจะล่มฟ้าทลายดิน ใบหน้าอ่อนเยาว์ผุดผาดดูจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตสีเขียวใสดั่งหยกเนื้อดี จมูกเชิดปากอิ่มแดงเรื่อเป็นกระจับ แก้มนวลนุ่มแต่งแต้มสีสันสดใส

เรือนผมสีชมพูอ่อนดั่งดอกเหมยดูนุ่มสลวย ปักปิ่นมวยเกล้าทรงสวยวิจิตร ผิวกายขาวผ่องปกปิดด้วยอาภรณ์เซียนสีขาวไล่ลงมาเป็นสีชมพูเข้มที่ปลายชุดรอบเอวบางดูอรชรอ้อนแอ้นมีส่วนเว้าโค้งสะโอดสะอง

งามหมดจดอะไรเช่นนี้...

อยู่มาแสนปี ซีจงจวินไม่เคยนึกชมชอบสิ่งสวยงามใด...

เทพอสูรนึกชื่นชมธิดาเซียนบุปผานางนั้นในใจ แม้นางขึ้นไปถึงยอดเขาสวรรค์แล้วเขาก็ยังตั้งสมาธิให้กลับมาจดจ่องานตรงหน้าไม่ได้

"มองสิ่งใดอยู่หรือ ซีจง"

เห็นสหายยืนจ้องบันไดด้านบนอยู่เป็นนาน ตงหลิงจวินจึงเอ่ยถาม

"ธิดาเทพพฤกษาขอรับ"

คำตอบของเขาทำให้สหายอีกสามคนหันมามองหน้ากันเหลอหลา หนันอี้จวินต้องกระแอมไอแล้วเอ่ยเตือน

"ซีจงเอ๋ย อย่าให้เสียงานไปมากกว่านี้เลย ตั้งใจรอต้อนรับท่านจอมมารศิลาและฮูหยินที่กำลังจะมาดีกว่า"

"ขอรับ" ซีจงจวินตอบเสียงเรียบ

เป่ยหานจวิน หนันอี้จวิน และตงหลิงจวินต่างลอบมองส่งสายตาให้กัน พวกเขาแปลกใจเพราะตลอดมาซีจงจวินไม่เคยมีอาการเช่นนี้

แม้จะเป็นเพียงการมองจนเหลียวหลัง แต่สำหรับคนทื่อๆไม่รู้ประสา นั่นก็ถือว่าเสียอาการไปมากแล้ว

อีกอย่าง คนที่ซีจงจวินทอดสายตาประหลาดให้ดันเป็นธิดาคนสุดท้องของเทพแห่งพงไพร ความงามนั้นเลื่องชื่อมาเป็นหมื่นปี ไหนเลยจะหันมาสนใจเทพอสูรอัปลักษณ์ได้

หากแค่ชมเฉยๆก็ดีไป แต่หากเกิดถูกใจอยากได้มาครอบครอง งานนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว..

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 72 七十二

    ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 71 七十一

    เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 70 七十

    "ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 69 六十九

    สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 68 六十八

    ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 67 六十七

    เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status