Share

บทที่ 2 二

Author: PinkyPaw
last update Last Updated: 2024-12-03 12:23:06

ใครๆในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าเทพเซียนเป็นผู้ถือตัวยิ่ง เพราะต่างก็มีรูปโฉมงดงามหลากหลาย

สำหรับเผ่ามาร แม้มีบ้างที่รูปโฉมงาม ทว่าส่วนใหญ่ก็จะหาได้ไม่มากนัก

ส่วนเทพอสูรนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีรูปกายอัปลักษณ์ ดังนั้นจึงต้องหาภรรยาที่ไม่รังเกียจกัน นั่นคือสัตว์อสูร

เป่ยหานจวินมีชายาเป็นอสูรนางแมวแสนซน หนันอี้จวินมีชายาเป็นอสรพิษธารา ตงหลิงจวินมีชายาเป็นอดีตมนุษย์ ทว่าตายแล้วได้เกิดใหม่เป็นอสูรกระต่ายป่าน่าทะนุถนอม

ส่วนซีจงจวิน...ไม่เคยรู้จักเทพ หรือมารตนใด เพราะเขตเรือนของเขาติดชายแดนปรโลก ไม่มีสิ่งสวยงามเฉียดมาใกล้แถวนั้นมากนักดังเช่นเขตเรือนของสหายทั้งสาม

จะมีก็แต่วิญญาณผีร้ายที่หลุดออกมาจากนรกให้ต้องช่วยกำจัดและส่งคืนไปเท่านั้น

งานเลี้ยงยังคงดำเนินไป คนบนตำหนักสวรรค์ร่วมพบปะกินดื่มกันอย่างสำราญ

"คารวะมหาเทพ ขอพระองค์ทรงปกครองผืนฟ้า ปกปักษ์พสุธาแสนปี แสนๆปี"

ชุนหรงเซิน เทพผู้ดูแลมวลพฤกษาพนาไพรประสานมือถวายบังคม ขณะเดินเข้าตำหนักรับรอง

ด้านหลังชุนหรงเซินคือธิดาทั้งแปด ถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย

"เจ้าแห่งพฤกษามาเยือนเขาสวรรค์ครานี้ ดอกไม้คงบานทั่วเขาไปอีกพันๆปี"

มหาเทพเอ่ย มองเลยไปยังธิดาผู้งดงามสะท้านฟ้าสะเทือนปฐพีทั้งแปด

"มหาเทพทรงกล่าวหนักไปแล้ว"

ชุนหรงเซินยิ้มรับ เขามีธิดาเป็นเซียนบุปผางามเหนือเทพเซียนทั้งปวง ตั้งชื่อพวกนางตามกลิ่นกายที่หอมคล้ายดอกไม้นั้นๆ ทั้งเหมยกุย ไป๋หลัน หวงหลัน จวี๋ฮวา ฉาฮวา เหลียนฮวา ไป่เหอ และคนสุดท้องคือมี่ฮวา

แม้ความงามจะสูสีกัน ทว่าในบรรดาพี่น้องกลับมีมี่ฮวาที่โดดเด่นที่สุด ด้วยกลิ่นกายหอมประหลาดไม่มีดอกไม้ใดเทียบได้

นั่นจึงเป็นที่มาของนามมี่ฮวา ที่แปลว่าดอกไม้ปริศนา

คารวะกันเสร็จ เหล่าเทพและมารต่างก็นั่งชมขบวนนักสังคีตบรรเลงเพลง เซียนสตรีร่ายรำ บ้างก็เดินชมสวนนอกตำหนัก

มี่ฮวาออกมาเดินเล่นกับพี่ฉาฮวาและไป่เหอ ตลอดทางมีสายตาของเทพและมารหนุ่มทั้งหลายจ้องมาไม่วาง

"มารคนนั้นท่าทางดุดันน่าเกรงขามยิ่งนัก" ฉาฮวาเอ่ยขณะลอบมองชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดเผ่ามารเพลิงที่แอบมองนางเช่นกัน

"หากท่านพ่อรู้ว่าพี่ชอบคนเผ่ามาร พี่ตายแน่" ไป่เหอรู้ทันพี่สาวตนจึงว่าเย้า ให้ฉาฮวาทำท่าแก้มป่องไม่พอใจ

เทพและมารสงบศึกกันก็จริง แต่ใช่ว่าจะอยู่ร่วมกันได้ ต่างฝ่ายต่างถือตัว รักข้ามเผ่าจึงไม่มีวันเกิดขึ้น

มี่ฮวาเห็นพี่สาวทั้งสองหยอกกันไปมาก็นึกขำ พวกนางทั้งแปดยังไม่มีใครได้แต่งให้บุรุษเผ่าใดทั้งนั้น แต่เชื่อว่าท่านพ่อคงจองคนที่เหมาะสมที่สุดไว้ให้แล้ว

"คารวะเซียนบุปผางามทั้งสาม"

เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นด้านหลัง พวกนางหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้เมื่อพบว่าคนที่เดินเข้ามาหาเป็นคนคุ้นเคย

"คารวะท่านอวี้เวินฉิง ผู้บันดาลแสงสว่างแก่ผืนพิภพ"

ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทักทายยิ้มรับชื่นใจเมื่อพวกนางหันมาทำความเคารพเขาน้ำเสียงร่าเริง

หากจะกล่าว อวี้เวินฉิงผู้นี้รู้จักและคุ้นเคยกับเซียนบุปผาทั้งแปดเป็นอย่างดี เขาคือโอรสคนกลางของเทพแห่งแสง ถือเป็นตระกูลที่สำคัญมากในแดนอุดร

และเขาคือหนึ่งในคนที่มุ่งมาดว่าจะได้ธิดาคนสุดท้องของชุนหรงเซินมาครอบครอง

"ไม่ชอบงานข้างในหรือ"

อวี้เวินฉิงถาม ดวงตายังไม่อาจละจากการมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด

ฉาฮวากับไป่เหอลอบสะกิดกันเล็กน้อยอย่างรู้งาน ก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน

"จริงๆพวกข้าชอบดูระบำฟังดนตรีข้างในมาก แต่มี่ฮวาน่ะสิเจ้าคะ นางเบื่อบรรยากาศอึดอัดข้างในเลยขอออกมาสูดอากาศ พวกข้าเป็นห่วงเลยต้องตามออกมา"

"หากไม่รังเกียจ ท่านอวี้เวินฉิงอยู่เป็นเพื่อนเดินเล่นกับนางได้หรือไม่เจ้าคะ พวกข้าเดินกันจนเมื่อยไปหมดแล้ว"

"ท่านพี่"

เห็นพวกนางทำอ้อนวอน มี่ฮวาที่รู้ว่าพี่สาวมีจุดประสงค์อะไรจึงปรามเบาๆ

แน่นอนว่าเข้าทางคนถูกขอร้อง โอกาสหายากเช่นนี้เขาไม่เกี่ยงงอนอยู่แล้ว

"หากพวกท่านว่าเช่นนั้น ก็ย่อมได้"

แล้วเขาก็เดินนำไป ฉาฮวากับไป่เหอดันหลังน้องสาวให้ตามไป

มี่ฮวาเดินพูดคุยกับอวี้เวินฉิงไปเรื่อยๆ เขาชวนดูธรรมชาติรอบเขาสวรรค์ที่ไม่ค่อยคุ้นตานัก

ในแต่ละดินแดนจะมีธรรมชาติเป็นของตน มี่ฮวาที่ได้มาที่แผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก ต่างจากอวี้เวินฉิงที่มาเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี เห็นสิ่งเหล่านี้จนชินเสียแล้ว

"เจ้าชอบต้นท้อสวรรค์มากหรือ"

เขาถามขณะมองหญิงสาวที่เงยหน้าดูต้นไม้ซึ่งออกดอกสีชมพูหวานทุกกิ่งก้าน สายลมพัดเอื่อยพาให้กลีบปลิวไสวราวจะชักชวนให้ร่วมร่ายรำ

"ข้าเพียงเห็นว่าสวยดีเจ้าค่ะ ที่แดนเราไม่มีต้นท้อสวรรค์ของจริงให้ดูเช่นนี้ หากอยากเห็นก็ต้องดูเอาจากรูปวาดของท่านอาจารย์"

"เจ้า..แน่ใจหรือว่าไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน"

อวี้เวินฉิงเอ่ยถาม หญิงสาวก็พยักหน้ามองเขา

"แน่ใจเจ้าค่ะ ท่านก็ทราบดีว่าท่านพ่อข้าไม่เคยให้ออกจากดินแดน หากไม่เห็นว่าข้าและพี่ๆถึงวัยที่สมควรมาคารวะท่านมหาเทพ ก็ไม่ยอมให้มาเจอคนเยอะเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ"

"ข้าเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ มีลูกสาวงามเช่นนี้เป็นข้าคงไม่ให้ออกจากตำหนักแม้ก้าวเดียว จะถนอมไว้ชื่นชมคนเดียวเลย"

ว่าเช่นนั้นมี่ฮวาก็แก้มขึ้นสีระเรื่อ เอียงอายด้วยบุรุษตรงหน้ารูปงามนัก

เทพแห่งแสงผู้นี้อายุมากกว่านางเพียงหกพันกว่าปี เส้นผมสีทองสว่างดั่งอรุณรุ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวกายขาวเนียน ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีน้ำเงินช่างดูสง่าผึ่งผาย

เมื่อได้รับคำชมจากเขา นางย่อมรู้สึกดี...

แต่เวลาแห่งความสุขนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงดังแหลมเอ่ยขึ้นด้านหลัง

"ดอกไม้ต่อให้งามเท่าใด สักวันก็โรยรา"

น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นทำให้คนทั้งสองหันไปมอง พบว่ามีนางมารยืนกอดอกท่าทางไม่พอใจอย่างมาก

ดูจากอาภรณ์กรุยกรายสีม่วงสลับดำ นางคงมาจากเผ่ามารราตรี ดวงตานางสีม่วงเปล่งประกายเฉี่ยวคมเป็นเอกลักษณ์ มีไฝเม็ดเล็กที่ใต้ตา รูปร่างบางผิวขาวซีดราวหิมะ

"จื่อสุ่ยจิง!"

อวี้เวินฉิงขานนามนั้นเสียงดัง นางกล้าว่ามี่ฮวาของเขาได้อย่างไร!

แต่คนโดนขึ้นเสียงใส่ดูจะไม่สะทกสะท้าน นางเดินเข้าไปมองหน้ามี่ฮวาใกล้ๆก่อนแสยะยิ้มร้าย

"เจ้านี่มันไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ สตรีเจ้าชู้มากรัก น่ารังเกียจ!"

มี่ฮวาได้แต่ขมวดคิ้วมอง เหตุใดสตรีที่ไม่รู้จักกันมาก่อนผู้นี้ถึงได้โผล่มาแล้วก็ว่านางปาวๆอย่างไม่มีเหตุผล

"เจ้าเป็นใคร"

"ก็คนที่มีบัญชีหนี้แค้นกับเจ้าอย่างไรเล่า!"

หนี้แค้น...

เมื่อไหร่กัน?

"เจ้ากล้ามายั่วยวนอวี้เวินฉิงเช่นนี้คงเพราะลืมฤทธิ์พัดเซียงเซียวของข้า แต่ไม่เป็นไรข้าจะช่วยเจ้ารื้อฟื้นมันเอง!!"

แล้วนางก็หยิบพัดจีบสีดำกาง อวดลวดลายจากหมึกขาวและทอง แต่งแต้มเป็นรูปทิวทัศน์ดวงจันทร์ท่ามกลางทุ่งหิมะเย็นยะเยือก

"หยุดนะจื่อสุ่ยจิง! อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่"

อวี้เวินฉิงออกหน้าปกป้องมี่ฮวา นั่นยิ่งทำให้สตรีนามจื่อสุ่ยจิงเดือดดาลราวไฟสุมอก

"ท่านมันคนใจร้าย! ท่านรานน้ำใจข้า ข้าเฝ้าติดตามรักมั่นเพียงท่านแต่กลับไม่สนใจไยดีข้าสักนิด!"

จื่อสุ่ยจิงตวาดก้องจนทั้งเทพและมารแถวนั้นต่างก็เริ่มสนใจเดินเข้ามามุงดู

อวี้เวินฉิงเองก็โกรธ นางทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนหลายเผ่า ทำให้ทุกคนมองว่าเขามีใจให้นางแล้วทิ้งมาหาอีกคนเช่นนี้ มี่ฮวาจะมองเขาอย่างไร!!

"หากเจ้าไม่หยุดสร้างเรื่อง ข้าจะเกลียดเจ้ามากกว่านี้แน่จื่อสุ่ยจิง!"

"ท่านก็เกลียดข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ! ข้าจะทำอะไรก็ไม่เคยดีอยู่แล้วนี่!!"

นางร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะ แต่ในสายตาของอวี้เวินฉิง หาได้ดูน่าสงสารไม่

จื่อสุ่ยจิงเป็นหลานของจอมมารราตรี นางก็จัดว่างามอยู่ แต่นิสัยแย่จนเกินรับได้ กิตติศัพท์เลื่องลือด้านความไม่ได้เรื่องและร้ายกาจไม่เป็นรองผู้ใด

และที่แย่ที่สุดคือ จื่อสุ่ยจิงหลงรักอวี้เวินฉิงมาหมื่นปี พยายามตามตื๊อถึงขนาดข้ามดินแดนเพื่อมาเจอเขาให้ได้อยู่บ่อยครั้ง

ทั้งที่ก็รู้ดีว่าเผ่ามารกับเผ่าเทพไม่อาจอยู่ร่วมกันได้แท้ๆ..

นอกจากเผ่าพันธุ์แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าธาตุของทั้งคู่เป็นสิ่งที่ตีกันจนไม่อาจอยู่ใกล้กันได้ นางก็ยังพยายามอยู่นั่น

และหากเห็นว่านางเซียนที่ไหนเข้าใกล้อวี้เวินฉิง จื่อสุ่ยจิงก็จะไม่ปล่อยเด็ดขาด เป็นต้องตามไประรานหาเรื่องให้เดือดร้อนทุกที

จื่อสุ่ยจิงโกรธจนตัวสั่น หันมาระบายโทสะใส่มี่ฮวา ด้วยการโบกพัดจีบสีดำในมือ

วูบเดียวเท่านั้น ไอมารสีนิลพวยพุ่ง ตรงเข้าหมายทำร้ายเซียนบุปผา แต่ก็สูญสลายเมื่อต้องคมกระบี่สีเงินวาววับในมืออวี้เวินฉิง

เห็นเช่นนั้น ริมฝีปากอิ่มแดงอ้าค้าง ปกติชายผู้นั้นไม่เคยออกหน้าปกป้องสตรีนางไหนเท่านี้มาก่อน

มีเพียงมี่ฮวาที่เขาคอยดูแลใส่ใจ มีเพียงมี่ฮวาที่เขาหมายตา มีเพียงนางไม่ว่าจะกี่พันกี่หมื่นปีก็มีเพียงนาง...

ข้างามไม่เท่ามี่ฮวาที่ตรงไหน ด้อยกว่าที่ใดกัน!!

"เป็นนางอีกแล้ว ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ท่านก็มองแต่นาง! แล้วข้าเล่า!! ข้าอยู่ตรงไหนในสายตาท่าน!!?"

จื่อสุ่ยจิงระเบิดความโกรธเกรี้ยว ตีโพยตีพายร้องไห้อย่างเด็กไม่รู้จักโต ทั้งที่นางอายุถึงหมื่นสี่พันปีเท่ามี่ฮวาแท้ๆ

แล้วโทสะก็เป็นพลังชั้นดีให้พัดเซียงเซียว นางสะบัดโบกอีกครั้งเกิดคลื่นพายุใหญ่

ทว่าก็ถูกลำแสงจากกระบี่ของอวี้เวินฉิงโต้กลับเช่นเดิม คลื่นพายุหายไป กลับกลายเป็นลำแสงนั้นพุ่งเข้าใส่จื่อสุ่ยจิงโดยตรง

"อั่ก!!!!"

ร่างนางมารปะทะกับแรงนั้นลอยหวือไปกระทบก้อนหินใหญ่ด้านหลัง เจ็บกายราวร่างแหลก หัวใจร้าวรานปานจะสลายเป็นฝุ่นผง

มี่ฮวาได้แต่ยืนอึ้งงันกับเกตุการณ์ตรงหน้า เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ทุกคนวิ่งออกมามุงดู

"จื่อสุ่ยจิง!!"

เพ่ยหว่านเดินออกมาเจอหลานสาวนอนสลบอยู่บนพื้นก็รีบวิ่งเข้าประคองร่างน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

"จื่อสุ่ยจิง! จื่อสุ่ยจิง!!"

เขาตะโกนเรียก กายบางค่อยๆปรือตาขึ้นเล็กน้อย ลูกแก้วสีม่วงใสเจิ่งนองด้วยน้ำตาเอื้อนเอ่ยหาเขาเสียงสั่น

"ท่านอา.."

นางพูดได้สองคำแล้วสลบไป เพ่ยหว่านโอบกอดหลานสาวไว้ หันกลับมามองอวี้เวินฉิงดวงตาแดงก่ำ

"ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ!!!!"

อวี้เวินฉิงสะดุ้งตกใจ ชุนหรงเซินที่วิ่งตามออกมาเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะเห็นลูกสาวคนเล็กไปยืนอยู่กลางวงนั้นด้วย

"มี่ฮวา เกิดอะไรขึ้น!?"

บิดาวิ่งเข้ามาหาลูกสาว สายตาที่มองอวี้เวินฉิงดูไม่ค่อยดีนัก

"ท่านพ่อ สตรีนางนั้นพุ่งเข้ามาทำร้ายข้า แต่ท่านอวี้เวินฉิงเข้ามาช่วยจึงเกิดการปะทะกันเจ้าค่ะ"

มี่ฮวาบอกไปตามตรง อวี้เวินฉิงคุกเข่าลง ประสานมือต่อหน้าชุนเซินหรง

"ข้าทำให้นางเดือดร้อน ขออภัยท่านเทพแห่งพฤกษา"

เขาขอโทษชุนหรงเซิน แต่กลับไม่สนใจเพ่ยหว่านและจื่อสุ่ยจิงสักนิด นั่นทำให้จอมมารราตรีเกรี้ยวโกรธเกินระงับ

"บังอาจ! เจ้าสูงส่งมาจากที่ใดกันถึงกล้าทำกับเราเผ่ามารราตรีเช่นนี้! เตรียมตัวรับโทษของเจ้าเสีย!!!"

ฉับพลันกระบี่เหล็กดำนับพันเล่มถูกเสกลอยคว้างเหนือศีรษะอวี้เวินฉิง คล้ายเตรียมทำมหาสงครามกับเทพแห่งแสงสุริยัน

ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของเจ้าผู้ครองสรวงสวรรค์

"พวกเจ้าหยุดก่อน"

มหาเทพเสด็จออกจากที่ประทับ เดินมาหยุดระหว่างกลางด้วยท่าทางงามสง่าเหนือเทพทั้งปวง

"ที่นี่คือแผ่นดินของเรา หาใช่สมรภูมิ และวันนี้ก็เป็นงานเชื่อมสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองเผ่า จะให้เกิดศึกนองเลือดด้วยเหตุใด"

มหาเทพตรัส ทุกสุรเสียงพลันหายวับ ทุกคนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาเย็นเยียบของผู้พูด

แม้แต่เพ่ยหว่านที่เจ็บแค้นในใจก็ยังต้องยอมสยบ เก็บกระบี่ทั้งหมดเสีย

"จอมมารราตรี หลานสาวของเจ้าก่อเหตุ สมควรได้รับโทษ แต่เราจะละเว้นให้เพราะนางได้รับบาดเจ็บจากการกระทำนั้นแล้ว เท่านี้พอหรือไม่"

"ขอบพระทัยมหาเทพที่ทรงเมตตา"

เพ่ยหว่านประสานมือเบื้องหน้า ยอมรับแต่โดยดี

"ส่วนเจ้า เทพแห่งแสง โทษฐานที่ทำเกินกว่าเหตุ สร้างความร้าวฉานระหว่างเผ่าเทพและมาร เจ้าจงไปดูแลความสงบบนโลกมนุษย์ ห้ามกลับขึ้นสวรรค์ห้าพันปี"

"น้อมรับราชโองการมหาเทพ"

อวี้เวินฉิงกัดฟันเจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ด้วยเขาเองก็ผิดจริงจึงต้องยอมรับ

"เรื่องหมดแล้ว จอมมารราตรีพาหลานกลับไปรักษาตัวเถิด"

มหาเทพกล่าวจบก็เดินกลับเข้าที่พำนักพร้อมกับเทพเซียนชั้นสูงทั้งสิบหกองค์ตามไป

เหลือเพียงเซียนน้อย เซียนชรา เผ่ามารทั้งหลาย ยืนล้อมวงพูดวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา

อวี้เวินฉิงเหลือบมองมี่ฮวา นางก้มหน้าหลบเสียงเหล่านั้น อับอายแทบแทรกแผ่นดิน เดินตามหลังผู้เป็นบิดากลับเข้าที่พำนักเช่นกัน

ส่วนเพ่ยหว่านอุ้มจื่อสุ่ยจิงขึ้นมาแล้วหายตัวกลับแผ่นดินทักษิณไปทันที

เหลือก็แต่อวี้เวินฉิงที่ยังคงมองตามแผ่นหลังของมี่ฮวาค่อยๆไกลออกไปด้วยความอาลัย

อีกห้าพันปี.. นางจะรอเขาอยู่หรือไม่

*****************

เหมยกุย คือดอกกุหลาบ

ไป๋หลัน คือดอกจำปี

หวงหลัน คือดอกจำปา

จวี๋ฮวา คือดอกเบญจมาศ

เหลียนฮวา คือดอกบัว

ฉาฮวา คือดอกคามิเลีย

ไป่เหอ คือดอกลิลลี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 72 七十二

    ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 71 七十一

    เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 70 七十

    "ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 69 六十九

    สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 68 六十八

    ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 67 六十七

    เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status