Share

บทที่ 3 三

Auteur: PinkyPaw
last update Dernière mise à jour: 2024-12-03 12:23:50

งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปี

เป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิง

แรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตาม

ประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหู

จากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียที

เขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้

วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่าง

เห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"

นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป

"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อย

ชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได้ทั้งนั้น

"ข้าจนปัญญาเหมือนกัน"

ทั้งคู่มองหน้ากันเงียบๆ ครู่หนึ่งภรรยาถึงนึกความคิดดีๆขึ้นมาได้

"ข้าว่าองค์มหาเทพต้องรู้วิธีแก้แน่เพคะ พระองค์เป็นเทพที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุทธภพแล้ว"

"จริงของเจ้า เช่นนั้นข้าจะไปเขียนสารถึงพระองค์เดี๋ยวนี้"

ชุนหรงเซินเดินออกจากตรงนั้นอย่างรีบร้อน กลับไปโต๊ะเขียนหนังสือห้องตัวเอง ร่างจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นแล้วนำมาเก็บใส่กระบอกอย่างดี ออกเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อขอเข้าเฝ้ามหาเทพ

...

ราวสองชั่วยามต่อมา

รถลากไร้ม้าเทียมทำจากไม้เนื้อดีสลักลวดลายละเอียดรอบคันได้ร่อนลงมาจอดยังตีนบันไดกว้าง ด้านหน้าชุนหรงเซินมีผู้เฝ้าประตูยืนรออยู่

"คารวะท่านเทพผู้บันดาลผืนป่าและมวลผกามาลี"

เสียงเทพอสูรหน้าทางขึ้นเขาสวรรค์สององค์รวมกับร่างกายใหญ่โตราวภูผา ยิ่งทำให้ผู้มาเยือนอกสั่นขวัญแขวนแทบไม่กล้ามองตรงๆ

"นำสารนี้ไปมอบแด่มหาเทพ"

ชุนหรงเซินยื่นกระบอกใส่จดหมายมาตรงหน้าเทพอสูรโดยพยายามควบคุมไม่ให้มือสั่น

เทพอสูรนั้นมีหน้าตาน่ากลัวจนไม่ว่าใครเห็นในระยะประชิดก็ต้องหวาดผวา อาการที่เขาเป็นตอนนี้หาใช่เรื่องแปลกอันใด

"ทราบแล้วขอรับ"

เป็นตงหลิงจวินยื่นมือไปรับ ก่อนกางปีกทะยานขึ้นไปบนผืนฟ้าสูงลิ่ว

และเป็นหน้าที่ซีจงจวินที่ต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนชุนหรงเซินที่ตีนบันไดด้านล่าง

เทพเซียนลอบชำเลืองมองอสูรยักษ์หกมือ ผิวกายสีแดงอ่อนในชุดเกราะเหล็ก ท่าทางอาจองสมเป็นนักรบข้างกายเจ้ายุทธภพ

ม่านตาสีเหลืองทองภายในลูกตาสีดำ ซึ่งสมควรจะเป็นสีขาวนั้นช่างดูราวกับอสูรจริงแท้ ทั้งที่มีไอเซียนไหลเวียนรอบกาย แต่ชายผู้นี้กลับมีรูปลักษณ์ที่น่าพรั่นพรึงเสียนี่

องค์มหาเทพช่างเป็นนักคิดที่ชาญฉลาดจริง...

ไม่นาน ตงหลิงจวินบินกลับลงมาอีกครั้ง พร้อมกล่าวเสียงดังฟังชัด

"มหาเทพให้ท่านเทพเข้าเฝ้าได้ขอรับ"

"อืม" เขาตอบรับสั้นๆแล้วเหาะขึ้นบันไดไปโดยเร็ว ไม่หันกลับมามองอีก

เมื่อขึ้นมาถึงยอดแล้วชุนหรงเซินไม่รอช้า เข้าไปยังตำหนักกลางซึ่งเป็นที่ประทับของผู้ครองยุทธภพ

"คารวะมหาเทพ"

"เรื่องร้อนใจอันใดถึงทำให้เทพแห่งวสันต์มาเยือนตำหนักเรากะทันหันเช่นนี้"

มหาเทพอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนสบายๆบนตั่งยาว ผมทุกเส้นหงอกขาวบ่งบอกอายุที่มากเกินจะนับปีแล้ว แม้ใบหน้าจะไม่ได้ดูชรามากก็ตาม

"บุตรีของกระหม่อม ตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่อคราวนั้นนางตกเป็นที่ครหาของผู้คน สร้างความทุกข์ใจให้ครอบครัวของกระหม่อมอย่างมาก คิดหาทางออกไม่ได้สักทีจึงมาขอคำชี้แนะจากมหาเทพพ่ะย่ะค่ะ"

มหาเทพฟังแล้วก็พยักหน้ารับครั้งหนึ่ง ยกชากลิ่นหอมกรุ่นขึ้นจิบ เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ

"คำนินทาเป็นสิ่งห้ามไม่ได้ คล้ายห้ามไม่ให้อาทิตย์ส่องแสง ห้ามไม่ให้สายลมโบกพัด หรือห้ามไม่ให้กาลเวลาผันผ่าน"

"กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อยากให้มันซาลงบ้าง อย่างน้อยคนก็จะไม่จำลูกสาวของกระหม่อมในทางเสียๆหายๆ"

มหาเทพพยักหน้าอีกหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยต่อ

"เช่นนั้นก็หาประเด็นอื่นมาเบี่ยงความสนใจคน เช่นให้ลูกสาวของเจ้าแต่งให้บุรุษอื่นไปเสีย"

แต่งให้ผู้อื่นรึ...

แล้วควรให้นางแต่งให้ผู้ใดดี..

ชุนหรงเซินคิดหนัก เขานึกไม่ออกว่าคนที่เหมาะกับมี่ฮวาที่สุดจะเป็นใคร

"กระหม่อมยังหาคนที่เหมาะกับนางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้นให้นางหาเอาเองเป็นอย่างไร"

หากมันง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ...

ตลอดเวลาที่ผ่านมามี่ฮวาไม่ชายตามองบุรุษแม้แต่คนเดียว

จะมีก็แต่อวี้เวินฉิงที่สนิทด้วย ทว่าอวี้เวินฉิงช่างมีชะตาอาภัพ นอกจากมี่ฮวาจะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับเขาแล้วยังต้องถูกลงโทษให้ไปที่โลกมนุษย์อีก

"กระหม่อมคิดว่านางไม่มีทางยอมพ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้นเจ้าก็จัดงานดูตัว ให้นางหาคนที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับนาง หากยังไม่มีชายใดที่พึงใจจริงๆค่อยใช้วิธีสุ่มเลือกเจ้าบ่าว"

ผู้เป็นพ่อรู้นิสัยลูกสาวคนเล็กดี นางถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก หากไม่ได้คนที่ชอบจริงๆมีหวังได้บ้านแตกแน่

"กระหม่อมเกรงว่า.."

"หากเจ้ากับนางจะเรื่องมากถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่หาวิธีเอาเอง"

เมื่อมหาเทพตรัสเช่นนั้นเซียนพฤกษาถึงได้รู้สึกตัวว่าตนนำปัญหากวนใจมาให้แต่กลับปฏิเสธทุกข้อเสนอเช่นนี้ เสียมารยาทนัก

"ขออภัยมหาเทพ กระหม่อมไม่กล้าสร้างความรำคาญใจให้พระองค์แล้ว"

"จะทำอย่างไรต่อไปก็เรื่องของเจ้า ข้าทำดีที่สุดได้แค่เสนอเท่านั้น"

เทพแห่งพฤกษาคงต้องน้อมรับ แม้จะไม่อยากขัดใจลูกสาวก็ตาม "ขอบพระทัยมหาเทพที่ทรงชี้แนะ"

เมื่อหมดเรื่อง ชุนหรงเซินอยู่จิบชาพูดคุยให้ผ่อนคลายความทุกข์พักหนึ่ง แล้วจึงลากลับจากตำหนักสวรรค์ราวปลายยามโหย่ว

เทพอสูรหน้าประตูยังคงตั้งใจยืนเฝ้าอย่างขยันขันแข็ง เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจึงประสานมือทำความเคารพอีกรอบ มองดูเทพเซียนจากไปพร้อมกับรถเหาะ

ชุนหรงเซินเร่งกลับแผ่นดินอุดรโดยเร็ว เพราะยามนี้ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า ป่ารอบแผ่นดินใหญ่ที่ปกติก็ไม่ได้ปลอดภัยอะไรมากอยู่แล้ว ในยามวิกาลยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

เขาไม่น่าเลินเล่อ นั่งจิบชารสเลิศจนลืมเวลาเลยจริงๆ

ป่ารอบเขาสวรรค์นี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ปกติหากไม่รุกล้ำเข้าไปยุ่งมันก็จะไม่ทำอะไร แต่ในตอนกลางคืนที่เป็นเวลาออกหากินของพวกสัตว์ใหญ่จะอันตรายกว่าตอนกลางวัน

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม รถลากไร้ม้าเทียมเหาะไปบนกลีบเมฆ ชุนหรงเซินนั่งข้างในด้วยใจประหวั่น

..ขอเพียงเข้าเขตดินแดนอุดรได้ เขาก็จะปลอดภัย เพราะสัตว์อสูรในเขตแดนเหนือจะไม่ทำร้ายเทพเซียนซี้ซั้ว ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตอิสระตามใจ

จะมีแค่วันงานเลี้ยงห้าพันปีเท่านั้น ที่มั่นใจได้ว่าสัตว์อสูรจะไม่โผล่มาทำร้ายแขก เพราะพวกมันจะถูกเทพอสูรทั้งสี่กักบริเวณเอาไว้

กุกกัก..กุกกัก...

เกิดเสียงหนึ่งที่ใต้ที่นั่งของชุนเซินหรงคล้ายของแข็งแหลมขูดเกาที่ท้องรถ เขาเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อเสียงนั้นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆก่อนจะ..

กั่ก! เปรี๊ยะ!!

พื้นไม้ท้องรถเกิดรอยร้าว ไม่นานก็แตกเป็นเสี่ยงๆ มือเรียวยาวสีเขียวน่าพะอืดพะอมโผล่ขึ้นมาข้างหนึ่ง พุ่งเข้าคว้าข้อเท้าของเทพเซียน เร็วจนตาจับภาพไม่ทัน

สิ่งนี้ ไม่ใช่สัตว์อสูรแน่ๆ..

มันคือวิญญาณอาฆาต!!!

ชุนหรงเซินตกใจสุดขีด ด้วยเขาเป็นเทพเซียนผู้บันดาลพืชผล การเผชิญหน้าต่อสู้ หรือรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย

หากให้เทียบ วิญญาณชั่วช้าที่หลุดออกมาจากแดนนรกซึ่งก็คือแผ่นดินประจิมนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายหลายเท่า

เพราะสิ่งที่พวกมันต้องการคือพลังจากทั้งดวงจิตและกายเนื้อ จึงลงมือแบบไม่เลือกเหยื่อไม่ว่าเทพ มาร หรือสัตว์อสูร หากต่อต้านพวกมันไม่ได้ก็จะถูกฉกฉวยเอาพลังไป ทำให้จิตแตกสลายในที่สุด

"ปล่อยข้านะ!!"

เขาพยายามแกะมือข้างนั้นออกจากขา แต่ไม่สำเร็จเพราะชั่วอึดใจต่อมาพื้นท้องรถก็แตกเป็นหลุมใหญ่จนร่วงลงไป

ชุนหรงเซินลอยคว้างกลางอากาศ พยายามประคองสติใช้วิชาลอยตัวให้ตกลงพื้นโดยไม่เจ็บมากนัก แต่มันก็ช่างยากเหลือเกินเมื่อก้มลงมาเห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่จับขาเขาไว้

!!!!!

แทบลืมหายใจในวูบนั้น มันคือวิญญาณน่ารังเกียจที่ร่างกายเป็นสีเขียวอมม่วงคล้ายช้ำเลือดช้ำหนอง มีรอยตะปุ่มตะป่ำทั่วตัว ดวงตาลึกกลวงโบ๋ปากฉีกเหวอะเผยฟันซี่ยาวที่ง้างกว้าง กดแรงกัดแทะท่อนขาที่จับไว้มั่น

"อ๊ากกก!!!!!"

ชุนหรงเซินร้องลั่นป่า ขาเป็นรอยกัดเลือดไหล วิญญาณร้ายสูบปราณเซียนเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองจนมันสามารถพูดได้

และคำแรกที่ได้ยินก็คือเสียงหัวเราะแหลมสั่นประสาท ร่างของชุนหรงเซินตกกระทบพื้นดังตุบ! แทบจะหมดสติในทันที

"ขอพลังไปละนะ"

กรงเล็บเปื้อนเลือดเหนียวกรังยื่นมาตรงหน้า ตาของชุนหรงเซินพอจะหรี่มองได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ความหวาดกลัวก็ยังสั่งให้ออกแรงขยับหนี

"อย่าหนีสิ ขอไปนิดเดียวไม่นานก็หายเจ็บ"

มันฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู ที่บอกว่าขอนิดเดียวเป็นเพียงคำลวงเพื่อไม่ให้เหยื่อดิ้น และอีกไม่นานก็หายเจ็บนั่นหมายถึงจะไม่รู้สึกอะไรอีกตลอดกาล..

"อย่านะ.."

เทพเซียนเอ่ยเสียงแผ่ว เปลือกตากำลังจะปิดลงแล้วเมื่อหนีกรงเล็บนั้นไม่พ้น

จิตเขากำลังจะแตกสลายอย่างนั้นหรือ..

เป็นเซียนแห่งพืชพรรณมีข้อเสียตรงนี้ พลังของเขามีมากก็จริง แต่มันมีไว้เพียงเพื่อสร้างหาใช่ทำลาย

..เปรี้ยง!!!! โครม!!!!!

เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นข้างหู คล้ายอัสนีบาตฟาดลงมายังพื้นพิภพ ชุนหรงเซินปรือตาขึ้นมอง ทั้งกายแข็งทื่อขยับไม่ได้

ภาพที่เห็นคือร่างของอสูรใหญ่ยักษ์น่ากลัวกว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหลายพันเท่า กำลังต่อสู้ใช้ดาบฟันจ้วง ทะลวงแทงอีกฝ่ายจนเละไปทั้งตัว สภาพไม่เหลือชิ้นดีกว่าตอนแรกเสียอีก

ยักษ์ตนนั้น..ช่างคุ้นหน้านัก

อสูร..ตัวแดง..

สี่เขา..หกมือ...

ถ้าจำไม่ผิด...

ชุนหรงเซินไม่เหลือสติให้คิดอะไรมาก ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เปลือกตาเขาค่อยๆเลื่อนลง ก่อนจะปิดรับการรับรู้ทุกสิ่งในที่สุด...

****************

1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง

ยามโหย่วคือเวลา 17.00 น. ถึง 19.00 น.

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 72 七十二

    ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 71 七十一

    เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 70 七十

    "ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 69 六十九

    สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 68 六十八

    ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 67 六十七

    เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status