คืนวันผันเปลี่ยน มี่ฮวากับซีจงจวินอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา
แต่แก่นแท้ในความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย..
มีเพียงเทพอสูรที่จงรักชนิดยอมตายถวายหัว ไม่รู้เพราะเหตุนั้นหรือเปล่ามี่ฮวาที่ถูกตามใจตลอดถึงเคยตัวเช่นนี้
หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ในห้องชมสวนเหมือนอย่างเคย กำลังปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดใส
ปลายยามอู่ ผ้าเช็ดหน้าแสนสวยก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย
"นายหญิงขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"
เสียงของซวนเฟยเรียกสายตาจากผู้เป็นนายให้หันไปมองอย่างสงสัย
"ใครหรือ"
"เขาบอกว่าชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ"
ได้ยินชื่อนั้น ดวงตากลมเบิกกว้างทันที
ท่านอวี้เวินฉิงมาได้อย่างไรกัน?
"ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" มี่ฮวารีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้า เดินออกไปรับแขกยังหน้าเรือน
ที่หน้าประตูมีร่างชายผู้หนึ่งยืนตัวตรงสง่า สายตาจ้องมองมาที่นางสื่อความคิดถึงเสียมากมายจนไม่อาจปิดกั้น
"มี่ฮวา"
บุรุษรูปงามที่แสนคุ้นเคยเรียกชื่อนางอย่างยินดี รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูราวกับเขามีความสุขเหลือเกิน
"คารวะท่านอวี้เวินฉิง" มี่ฮวาเอ่ย ทำความเคารพพร้อมส่งยิ้มให้เช่นกัน
อวี้เวินฉิงน้ำตารื้นเมื่อมองสาวงามตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาจับมือนุ่มกุมไว้
"มี่ฮวา..ข้า.. ข้าคิดถึงเจ้านัก"
ท่าทางของเขาทำให้นางนึกขำ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีก็เป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ
"ข้าก็คิดถึงท่านเช่นกัน ท่านไปอยู่โลกมนุษย์เป็นอย่างไร สบายดีหรือไม่"
"ข้าสบายดี จะมีทรมานมากหน่อยก็ตอนคิดถึงเจ้า"
ตั้งแต่พบหน้ากันอวี้เวินฉิงไม่อาจนับได้แล้วว่าเขาพูดคำว่าคิดถึงไปกี่คำ เพราะในใจเขาเฝ้าอยากแต่จะพบหน้ามี่ฮวา
"อย่าทรมานเลยเจ้าค่ะ วันนี้ก็ได้พบกันแล้วนี่"
รอยยิ้มของนางบำรุงจิตใจเขาได้ดีนัก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาดั้นด้นแอบละเมิดคำสั่งมหาเทพขึ้นมายังแผ่นดินใหญ่นี้ สีหน้าก็ดูเศร้าหมองลง
"มี่ฮวา ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วนะ"
อวี้เวินฉิงคุกเข่าลงแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยังยืนอึ้งอยู่
"ท่านอวี้เวินฉิง.."
"อภัยให้ข้าด้วยมี่ฮวา ข้าไม่นึกเลยว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนจะทำให้เจ้าต้องทนแบกรับภาระมากมายเช่นนี้"
ดวงตาสีฟ้าใสมองนางละห้อย แสดงถึงความเสียใจอย่างสุดแสน
เพราะเขา.. มี่ฮวาถึงต้องทนกับคำครหา
เพราะเขา.. ชุนหรงเซินถึงต้องดิ้นรนหาทางออกให้ลูกสาว
เขาเองที่เป็นต้นเหตุให้นางที่รักต้องมาเจอชะตากรรมโหดร้าย มีสามีเป็นเทพอสูรป่าเถื่อน
"ข้าทำให้เจ้าต้องเจอเรื่องโหดร้าย ข้าสมควรตายนัก"
"ท่านอวี้เวินฉิงลุกขึ้นก่อนเถิด"
มี่ฮวาเข้าไปจับที่ต้นแขนอีกฝ่ายพยุงขึ้น แต่อวี้เวินฉิงยังไม่ยอม คุกเข่าแล้วว่าต่อ
"เพราะข้า เจ้าถึงต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ข้าทำให้เจ้าต้องมาแต่งให้ผู้ใดก็ไม่รู้ ทำให้เจ้าทุกข์ใจมากมายมหาศาล มีร้อยหัวก็ไม่อาจตัดชดใช้ได้"
"ท่านอวี้เวินฉิงใจเย็นๆก่อนเถิด ข้าไม่เคยถือโทษหรือโกรธท่านเลย"
มี่ฮวาไม่เคยโกรธอวี้เวินฉิงจริงๆ เพราะวันนั้นบนเขาสวรรค์หากไม่ได้เขาเข้ามาปกป้องก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวนางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ดวงตาทั้งสองสบประสาน ฝ่ายอวี้เวินฉิงเต็มไปด้วยความเสน่หา
"หากข้าไม่ถูกส่งไปที่โลกมนุษย์ รับรองว่าเจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์อยู่เช่นนี้"
คำของเขามี่ฮวาเข้าใจดี ด้วยรู้ว่าอวี้เวินฉิงคิดกับตนแบบไหน
ถึงนางรู้ตัวว่ามองเขาเป็นเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง แต่ก็ซึ้งน้ำใจเขานัก
บุรุษผู้นี้พร้อมที่จะปกป้องนางเสมอ ไม่ว่าเจอสิ่งใดก็พร้อมจะฟันฝ่า
ต่อให้ไม่ได้ปักใจรักมั่น แต่หากเป็นอวี้เวินฉิงที่นางแต่งให้ อย่างน้อยก็คงมีความสุขกว่านี้
"ขอบคุณท่านอวี้เวินฉิงที่เป็นห่วงข้า ลุกขึ้นก่อนเถิด เราจะได้ไปนั่งดื่มน้ำชากินขนมกันด้านใน"
ชายหนุ่มได้ยินคำเชิญชวนก็ยอมลุก เดินตามไปยังห้องชมสวน ชิงเหลียงกับซวนเฟยถูกสั่งให้ยกน้ำชาและขนมมาบริการ
ชากานั้นหอมกรุ่น ให้รสหวานจางๆที่ปลายลิ้น เข้าคู่กันเป็นอย่างดีกับของว่างยามบ่ายที่เป็นขนมเนื้อนุ่มทำจากแป้งและถั่ว
"น้ำชานี้สีสันสดใส กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ขนมเองก็เนื้อละมุน ช่างเหมาะสมกันอย่างยิ่ง"
อวี้เวินฉิงกัดเข้าไปแล้วเอ่ยชมไม่ขาดปาก คิดว่ามี่ฮวาเป็นคนทำเพราะเขารู้ว่ารสฝีมือนางดีเลิศขนาดไหน
..หารู้ไม่ว่าสิ่งที่นำเข้าปากไปนั้น ล้วนมาจากฝีมือของเทพอสูรเจ้าของเรือน หาใช่หญิงสาวที่นั่งอมยิ้มส่งให้
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มี่ฮวาไม่เคยคิดจะเข้าครัวหรือทำงานบ้านเอาใจสามี กลับกันคือเป็นสามีที่ต้องคอยเอาใจ
ชีวิตประจำวันของนางตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ไม่ค่อยมีอะไร นั่งปักผ้า อ่านหนังสือ วาดภาพเล่นไปเท่านั้น
"ท่านอยู่ที่โลกมนุษย์ได้กินของอร่อยบ้างหรือไม่"
"ได้กินอยู่บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เพราะงานของข้าทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากหลายครั้ง"
พูดแล้วก็ถอนหายใจ นึกถึงผืนพิภพที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายนั่นแล้วไม่อยากจะกลับลงไปเลย
"แต่มันคงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เจ้าต้องแบกรับ มี่ฮวา"
ชายหนุ่มทำหน้าสลดลงไปอีก ก่อนจะวางขนมในมือ ล้วงหยิบของบางสิ่งออกมาจากอกเสื้อ
"แม้ข้าจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นมาที่แดนเทพแต่หากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ได้โปรดใช้สิ่งนี้นะ"
เขายื่นของสิ่งหนึ่งให้ มันคือแผ่นหยกขาวสลักลวดลายประจำตระกูลเทพแห่งแสง
มี่ฮวาทำตาโตมองของสิ่งนั้นก่อนเอ่ยอย่างตกใจ
"นี่มัน.. ตราประจำตระกูล"
"ใช่ หากไม่มีที่ใดปลอดภัยสำหรับเจ้า จงแสดงของสิ่งนี้ที่หน้าวังของข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าจะถือเป็นคนของข้า ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่ สบายใจได้"
ความหมายของอวี้เวินฉิงคือ หากวันใดนางทนสามีเทพอสูรไม่ไหว ก็ให้หนีไปอยู่ที่วังของเขาเสีย
และตัวเขาก็จะอาสาเป็นคนปลอบใจนางต่อจากนั้นเอง
"ข้ารับของสำคัญขนาดนี้ไม่ได้หรอก"
"เจ้าสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมดมี่ฮวา ได้โปรดรับไปเถิด อย่างน้อยก็ให้มันได้คุ้มครองเจ้า"
ได้ยินถ้อยคำแสดงความห่วงใยแล้ว มี่ฮวาก็ใจอ่อน ยอมยื่นมือไปรับแผ่นหยกนั้นมาเก็บไว้
"ข้าซึ้งน้ำใจท่านนัก"
"ข้าต่างหากที่ซึ้งน้ำใจ เจ้าไม่คิดโกรธเคืองข้าทั้งที่เป็นสาเหตุให้เจ้าต้องมีชีวิตเช่นนี้"
มี่ฮวาได้ยินแล้วส่ายหน้า ส่งรอยยิ้มบางแสนอ่อนโยนไปให้
"ท่านไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องนี้หรอก"
เพราะตัวต้นต้นเหตุจริงๆ คือคนที่ใช้เล่ห์กลออกอุบายหลอกล่อบิดานางจนตกหลุมพรางเสียง่ายๆ
คนที่ทำให้นางต้องมาทนทุกข์.. คือซีจงจวิน
คิดแล้วมวลความแค้นก็สุมอก หากแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับมัน
ทั้งสองนั่งคุยเล่นกันอยู่เกือบสองชั่วยาม อวี้เวินฉิงก็จำใจต้องเอ่ยลา
"ข้าคงต้องไปก่อน น่าเสียดายนัก ครั้งนี้ข้าอยู่ได้ไม่นานเพราะหลังจากรู้เรื่องก็รีบมาไม่ได้สะสางงานที่ค้างอยู่ให้ดี คราวหน้าข้าว่างเมื่อไหร่จะมาเยี่ยมเจ้าแน่"
"ขอบคุณท่านอวี้เวินฉิงที่กรุณาถึงเพียงนี้"
ขณะกำลังร่ำลา ก่อนชายหนุ่มจะออกจากบ้านไป มี่ฮวาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอื้อมไปจับมือเขา
"มีอะไรหรือ" เทพเซียนรูปงามหันมายิ้มหวาน มองที่มือเขาซึ่งนางรั้งไว้ หัวใจชุ่มชื่น
มี่ฮวาพึ่งรู้สึกตัว สะดุ้งรีบปล่อยมือก่อนเอ่ยธุระด้วยใบหน้าเขินอายเล็กน้อย
"ข้า.. มีสิ่งของจะตอบแทนที่ท่านให้ตราประตำตระกูลนี้มา รอสักครู่นะเจ้าคะ"
นางเดินกลับเข้าไปในห้องชมสวน แล้วกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดที่พึ่งปักเสร็จวันนี้
"หาใช่ของมีค่าอันใด เพียงแต่ข้าคิดว่าท่านทำงานยุ่งมาก ถ้ามีสิ่งนี้ช่วยซับเหงื่อให้ท่านได้คงจะดีไม่น้อย"
อวี้เวินฉิงมองผ้าผืนนั้นตาเป็นประกายวาววับ ของที่มี่ฮวาทำไม่ว่าเป็นอะไรก็ยินดีรับทั้งนั้น
"ข้าจะเก็บรักษาอย่างดี"
นี่เป็นเสมือนของแทนใจของนางที่รัก ทำให้หัวใจเขาเต็มตื้นขึ้นมา
และหลงคิดไปว่าหัวใจนางเป็นของเขาเช่นเดียวกัน...
"ขอให้เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ"
มี่ฮวายืนส่งอวี้เวินฉิงที่เหาะขึ้นฟ้าหายไปตรงหน้าเรือน
โดยตลอดเวลานั้น มีสายตาของซวนเฟยกับชิงเหลียงมองอยู่ทุกการกระทำ
...นายหญิงกับแขกผู้นั้น มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่านายท่านเสียอีก...
แม้เป็นเด็กไม่ค่อยรู้ประสา แต่ทั้งสองเข้าใจได้ว่าสิ่งที่นางทำ ไม่ใช่เรื่องดีเลย
...
เย็นนั้น ซีจงจวินกลับบ้านตรงเวลาเหมือนเดิม
แต่..ทันที่เปิดประตูเข้ามา ฝีเท้ากลับต้องหยุดชะงัก
จมูกที่มีประสาทรับกลิ่นดียิ่งกว่าสุนัขทำหน้าที่ทันที...
เขารับรู้ได้ว่ามีผู้มาเยือนในบ้าน ซึ่งไม่ใช่ชุนหรงเซินผู้เป็นพ่อตา
กลิ่นมันติดอยู่หลายที่ ชัดที่สุดคือห้องชมสวนที่มี่ฮวาชอบนั่งเล่น
เมื่อเดินเข้ามาในครัว เห็นจานใส่ของว่างที่เขาทำว่างเปล่าก็ยิ่งมั่นใจว่ามีแขกมาเยือน เพราะปกติมี่ฮวาจะไม่ได้กินเยอะขนาดนี้ ต้องเหลือไว้ให้เขาแอบกินต่อทุกวัน
"ใครมาพบท่านหรือ" ซีจงจวินถามหลังจากยกสำรับวางบนโต๊ะหมดแล้ว
"แขกของข้า"
"แขกของท่านเป็นใคร" เขาถามต่อ กะว่าวันนี้จะต้องรู้เรื่องให้ได้
แต่แทนที่จะได้รู้คำตอบ มี่ฮวากลับทำตาขวางใส่อย่างรำคาญ
"เป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า"
..ข้าเป็นสามีท่าน จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร..
ซีจงจวินคิดแต่ไม่พูด เพียงหลุบตาต่ำลง นึกสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงรู้ไม่ได้ว่าใครมาหานาง
"เผื่อคราวหลังข้ามีโอกาสเตรียมต้อนรับ"
"เจ้าเคยอยู่บ้านตอนกลางวันหรือ"
ประโยคนั้นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการประชดประชัน เพราะรู้ดีว่าเทพอสูรจะอยู่บ้านได้ก็แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น
ซีจงจวินพูดต่อไม่ได้แล้ว เพราะเพียงเท่านี้ก็ครบยี่สิบคำ
"เรื่องของข้า ถ้าข้าไม่อยากบอกก็ไม่จำเป็นต้องอยากรู้"
มี่ฮวาเอ่ยเสียงแข็ง วางถ้วยข้าวในมือลง ลุกเดินไปหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ซีจงจวินมองอาหารที่ไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อยแล้วห่อเหี่ยวใจเหลือเกิน
โดนว่าไม่เท่าไหร่ แต่เหตุใดนับวันนางถึงยิ่งกินน้อยลง
..หรือเพราะเขาพูดมากเกินไป ทำให้นางไม่อยากอาหารจริงๆ..
พอเห็นมี่ฮวาไม่กิน ซีจงจวินก็พลอยไม่อยากกินตามไปด้วย
"นายท่านขอรับ.." ชิงเหลียงมองผู้เป็นนายมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงเอ่ยเรียก
ซีจงจวินชำเลืองมองเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับมันเสียงแผ่ว
"สำรับทั้งหมดนี่ เจ้ากับซวนเฟยเอาไปแบ่งกันกินเถิด"
ว่าแล้วก็ยกออกไปวางไว้ในครัว เจ้าครึ่งงูได้แต่มอง คิดในใจว่าอาหารตั้งเกือบสิบอย่าง มันสองตัวจะไปกินหมดได้อย่างไร
************
ยามอู่ คือเวลา 11.00 น. ถึง 13.00 น.
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ