คืนนั้นหลังจากมี่ฮวาเข้านอน ซีจงจวินย่องเดินไปรอบบ้าน
เขาได้กลิ่นแขกของภรรยาชัดเจนที่สุดก็คือที่ห้องชมสวน เดาว่าคงพามานั่งตากลมชมทิวทัศน์
"นายท่านขอรับ"
ชิงเหลียงกับซวนเฟยเอ่ยเรียกซีจงจวินซึ่งนั่งทับตรงตำแหน่งที่แขกของมี่ฮวานั่งเมื่อกลางวัน
ราวกับจะกลบกลิ่นของเขาคนนั้น...
"แขกของมี่ฮวา.. เป็นใครหรือ"
น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย สัตว์อสูรทั้งสองรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของเขา
เพราะเจ้าตัวรู้แต่แรกว่ากลิ่นนี้.. ไม่ใช่ของสตรี
จมูกเขาทำงานดีเกินไป สมองรับรู้และจำได้ว่ามันมาจากเครื่องหอมที่นิยมใช้ในหมู่เซียนบุรุษ
"เป็นเซียนหนุ่มนามว่าอวี้เวินฉิงขอรับ"
ได้ยินชื่อนั้นหัวใจเกิดแตกร้าวลึก ดั่งรอยแยกหุบเหวอเวจี
"อวี้เวินฉิง..อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงที่รอดไรฟันออกมาฟังดูขุ่นมัวตามอารมณ์คนพูด
อวี้เวินฉิงผู้นี้ ซีจงจวินจำได้ดีว่าเขาเป็นใคร
เทพอสูรทั้งสี่จำเป็นต้องรู้รายชื่อเทพและมารที่มาเยือนเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี และต้องจำให้ได้เพื่อเวลาทำความเคารพจะได้เรียกถูกคน
เขาคือหนึ่งในเซียนผู้ให้แสงแก่แดนอุดร รูปร่างหน้าตานั้นซีจงจวินไม่ได้ใส่ใจมองนัก แต่เท่าที่รู้คือมีรูปกายงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่สตรี
"เขามาทำอะไร"
ได้ยินคำถาม ซวนเฟยกับชิงเหลียงลอบมองตากันเหงื่อตก
หากนายท่านรู้บทสนทนาของนายหญิงกับแขกผู้นั้นแล้วจะเป็นอย่างไรกัน
"เขา.. มานั่งจิบชาเท่านั้นขอรับ"
ซวนเฟยบอกสั้นๆ ในหัวพยายามคิดหาข้อแก้ต่างสารพัด
จิบชา...
ต้องมาจิบไกลถึงชายแดนประจิม ทั้งที่ตัวเองถูกลงโทษให้ไปอยู่แดนบูรพาอันเป็นพิภพมนุษย์เลยอย่างนั้นหรือ
อีกทั้ง ..อวี้เวินฉิงผู้นี้ถูกห้ามไม่ให้ขึ้นมาจากโลกมนุษย์ถึงห้าพันปี
หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงๆจะกล้าขัดคำสั่งมหาเทพหรือ!
"บอกความจริงมา!"
ซีจงจวินขึ้นเสียงเล็กน้อย แต่ก็ฟังดูน่ากลัวมากแล้วสำหรับเด็กทั้งสอง
ซวนเฟยกับชิงเหลียงได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนาย รู้สึกราวอากาศรอบกายหนักอึ้ง
"เขามาหานายหญิง กินขนมจิบชา พูดคุยกันอยู่สองชั่วยามขอรับ ก่อนกลับท่านอวี้เวินฉิงมอบของที่เรียกว่าตราประจำตระกูลให้นายหญิง... และนายหญิงมอบผ้าเช็ดหน้าที่พึ่งปักเสร็จให้เขาไปขอรับ" ชิงเหลียงชี้แจง
"ข้าได้ยินท่านอวี้เวินฉิงพูดว่า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นให้นำของที่เขาให้มาใช้ขอรับ ส่วนผ้าเช็ดหน้า..นายหญิงให้ไปซับเหงื่อเท่านั้นขอรับ" ซวนเฟยแถลงไข
ฟังแล้วในอกรู้สึกราวกับมีผู้ใดเอาไฟมาสุมจนร้อนรุ่มไปหมด ยิ่งคำขยายว่าพวกเขาให้ของดูต่างหน้ากันทำไมนั้น ราวกับเหมือนมีคนเอาน้ำมันราดบนกองไฟซ้ำไปอีกรอบ
ดวงตาสีทองวาวโรจน์ มือกำมัดแน่นแต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงระบายเอากับพื้นระเบียงไม้
ปัง!
แค่กำปั้นทุบครั้งเดียว พื้นไม้แข็งแรงก็เป็นรูโหว่ กำลังมหาศาลของเทพอสูรเป็นสิ่งที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว
ชิงเหลียงและซวนเฟยได้แต่ยืนลอบกลืนน้ำลายขาสั่น
"เขาจับมือถือแขนกันด้วยใช่หรือไม่"
ถามเพราะ.. ซีจงจวินได้กลิ่นชายผู้นั้นติดอยู่บนตัวมี่ฮวาเล็กน้อย
"..มีสองสามครั้งขอรับ"
"ยามนางคุยกับเขา หัวเราะอย่างมีความสุขด้วยใช่หรือไม่"
"..ใช่ขอรับ"
"นางคงยิ้มกว้างเสียจนเซียนผู้นั้นมองแล้วต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย ..ใช่หรือไม่"
"ใช่..ขอรับนายท่าน"
"บังอาจ!"
ปัง!!
เสียงตวาดกับเสียงทุบพื้นจนเป็นรูดังตามมาอีกหน ทำให้เด็กที่ยืนข้างหลังต้องกอดกันตัวสั่น
ยิ่งเล่า เด็กน้อยทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกราวกับเจ้านายของพวกมันจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด
ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโทสะ แต่ความจริงเหล่านั้นช่างโหดร้าย
ซีจงจวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พยายามอดกลั้นความรู้สึกในกายไม่ให้ไปเผลอลงกับคนรับใช้ มือข้างหนึ่งโบกไล่พวกมันไป และเด็กทั้งสองไม่รอช้า ได้รับสัญญาณแล้วก็รีบหายออกไปจากตรงนั้นทันที
เขากำลังโมโห.. โมโหมากจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
โกรธ.. อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
เพราะเพียงนางคุยกับชายอื่น จับมือ กินขนม สนทนาหวานชื่น
ซีจงจวินรู้ความหมายของคำว่าหึงหวงแล้ว และเข้าใจสิ่งที่ตงหลิงจวินเคยบอกไว้ว่ารักมากก็หึงมาก และยิ่งหึงมากก็ยิ่งโหดมาก
อวี้เวินฉิงมันเป็นใครกัน! กล้ามาสนิทสนมกับมี่ฮวาเช่นนี้ได้อย่างไร!!
ซีจงจวินนึกอยากบุกไปโลกมนุษย์ กระชากคออวี้เวินฉิงมาสำเร็จโทษเสียให้สิ้นเสี้ยนหนาม
กระนั้น มันก็เป็นเพียงความคิด เพราะเทพอสูรเช่นเขาทำงานรับใช้องค์มหาเทพ จะต่อสู้ทำสงครามได้ก็ต้องภายใต้คำสั่งมหาเทพ ไม่อาจตัดสินใจลงมือโดยพลการได้
หรือเขาควรจะไปรายงานองค์มหาเทพว่าอวี้เวินฉิงขึ้นมายังแผ่นดินใหญ่ดี?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะได้อำนาจในการสำเร็จโทษ ด้วยการเอาดาบทั้งหกพุ่งทะลวงร่างอวี้เวินฉิงจนแหลกไม่เหลือแม้แต่ซากเนื้อ
ซีจงจวินรีบยันกายลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องยืนค้างเมื่อมีอีกเสียงแล่นเข้ามาในหัว
หากมี่ฮวารู้ว่าเขาทำให้อวี้เวินฉิงถูกลงโทษ เขาคงโดนนางโกรธมากแน่ และอาจไม่ให้อภัยเขาด้วย
ใบหูของซีจงจวินลู่ลง ดวงตาไร้แวว หดหู่เต็มประดา ถามตัวเองว่าทำอย่างไรให้สามารถรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้
ป้ายประจำตระกูลนั้น เขาไม่มีเพราะไม่มีบิดามารดาบรรพบุรุษ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาก็อยู่คนเดียวมาตลอด
ส่วนผ้าเช็ดหน้า..นึกแล้วก็อิจฉาอวี้เวินฉิงนัก เพราะตัวเองเป็นสามีแต่กลับไม่เคยได้รับแม้แต่เศษผ้าผืนเล็กๆจากภรรยาเลย
นอกจากนี้ นางยังตั้งใจปักให้ด้วย...
เขาต้องเป็นที่รักของนางขนาดไหนกัน...
สุดท้าย เทพอสูรทำได้เพียงกลับมานั่งมองดวงจันทร์สีทองอร่ามบนระเบียงเงียบๆ
ค่ำคืนสวยงามเช่นนี้ หากมีโอกาสก็อยากจะลองชมดวงดาวร่วมกับภรรยาดูสักหน
แต่นางคงไม่อยากหรอก...
บุรุษอัปลักษณ์เช่นซีจงจวินคงมีแต่ต้องอยู่อย่างเดียวดายไปจนถึงวันที่ดวงจิตแตกสลาย กายากลายเป็นผงเถ้า
...
ซีจงจวินออกมาทำงานด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนในเช้าวันใหม่
ถุงใต้ตาคล้ำย่นกับการยืนปรือตาตลอดทั้งวันทำให้ตงหลิงจวินต้องสะกิดไหล่ปลุกเป็นระยะๆ
"เมื่อคืนเจ้าอดนอนหรือซีจง"
คำถามนั้นปลิวหายไปกับสายลมพัด ซีจงจวินเหม่อลอยเกินกว่าจะรับรู้
"เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ได้ ทะเลาะกับเมียมาหรือ"
คราวนี้ซีจงจวินหันมามองหน้าตงหลิงจวินช้าๆดูเซื่องซึม
"พี่ตงหลิงว่าอะไรนะขอรับ" การตอบกลับด้วยคำถามทำให้ตงหลิงเริ่มปวดหัว
อาการเช่นนี้ ซีจงจวินทะเลาะกับเมียมาแน่ เพราะรอบตัวเขาแผ่ไอรังสีแปลกประหลาดดูมืดหม่นราวซากผีดิบ
"ซีจง เจ้าลางานกลับไปพักสักหน่อยดีหรือไม่ ข้าเฝ้าที่นี่คนเดียวได้นะ"
"...ขอบคุณพี่ตงหลิง แต่ข้าไม่เป็นไรขอรับ"
ซีจงจวินส่ายหน้าปฏิเสธแบบมึนๆ ทำให้ตงหลิงจวินต้องถอนหายใจยาว
"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า"
ซีจงจวินเป็นผู้เคร่งครัดกับตัวเองเสียจนบางทีก็ตึงเกินไป คงเพราะไม่อยากทำสิ่งใดบกพร่องกระมัง
เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไรหรอก แต่เดี๋ยวนี้ชักจะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆไป เหมือนพลังของซีจงจวินจะลดลง
แม้จะเล็กน้อยมากจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่ตงหลิงจวินสัมผัสได้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว
"พักผ่อนให้มากหน่อยนะซีจง"
"ขอรับ ขอบคุณพี่ตงหลิงที่เป็นห่วง"
"เอาเถิด ชีวิตคู่ก็เป็นเช่นนี้แหละ มีทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง เรื่องธรรมดา"
ซีจงจวินฟังไม่ค่อยจะเข้าหัวเท่าไร่นัก สมองมึนจนยากจะรับสารได้ ทำเพียงพยักหน้าตอบรับไปเงียบๆเท่านั้น
ที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดมากเรื่องของอวี้เวินฉิงกับมี่ฮวา
สารพัดภาพเหตุการณ์เลวร้ายผุดขึ้นในหัว ทำเอาระแวงจนไม่อาจข่มตาหลับแม้แต่เค่อเดียว รู้ตัวอีกทีดวงตะวันก็มาเยือนเสียแล้ว
ซีจงจวินเริ่มกลัวว่าหากวันหนึ่งมี่ฮวาเกลียดเขามากจนทนไม่ไหว จะหนีไปกับอวี้เวินฉิง
เขาเริ่มคิดอยากอยู่บ้านตลอดเวลา คอยเฝ้าภรรยาไว้ไม่ให้พบใครได้อีก แต่ในความเป็นจริงไม่อาจทำได้
ตกเย็น ซีจงจวินกลับบ้านรับใช้มี่ฮวาเหมือนเดิม
เพียงแต่วันนี้หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เขาตรงเข้านอนเลย ข้าวปลากินไม่ไหว น้ำท่าก็ไม่อาบ ล้มตัวลงบนเตียงทั้งที่ชุดเกราะเหล็กหนักอึ้งก็ยังไม่ได้ถอดออกด้วยซ้ำ
ส่วนมี่ฮวา นางกินข้าวอาบน้ำตามปกติ
แปลกใจไม่น้อยที่เหตุใดวันนี้ถึงไม่เห็นซีจงจวินมานั่งกวนใจ มีเพียงชิงเหลียงกับซวนเฟยที่คอยรับใช้ข้างกายเท่านั้น
นางอยากถามว่าเขาหายไปไหน แต่เมื่อคิดไปว่าตนกำลังให้ความสนใจชายผู้นั้นอยู่ ริมฝีปากอิ่มก็งับลง ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
หรือว่าซีจงจวินจะเริ่มเคืองขึ้นมา เลยประชดด้วยการหนีหน้าเสีย
หากเป็นเช่นนั้น.. ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งเกร็งเวลาอยู่ด้วย
อยากหนีก็หนีไป หนีไปให้นานๆเลย เพราะข้าไม่ง้อเจ้าให้เสียเวลาหรอก!
...
เช้ามืด ซีจงจวินตื่นขึ้นมาจัดการตัวเองอย่างไม่ค่อยสดชื่นนัก
ทั้งหิว ทั้งเหม็นตัวจนทนไม่ไหว ต้องรีบหาอะไรใส่ท้องแล้วออกไปอาบน้ำ ทั้งที่เวลานี้น้ำในน้ำตกหนาวอย่างกับธารน้ำแข็ง
ซีจงจวินไม่ได้สังเกตเลยว่าหมู่นี้ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ
เพราะไม่ได้ดูแลมันดีๆ นอกจากนี้ยังไร้แรงใจจะใช้ชีวิต
แต่เอาเถิด ยังไม่เหนื่อยเสียหน่อย..
ไม่เหนื่อยจริงๆ..
ไม่ได้กำลังเสียใจด้วย..
ขอแค่มีมี่ฮวาอยู่ เท่านี้ก็ดีแล้ว..
ซีจงจวินบอกตัวเองเช่นนั้น และฝังหัวว่าเขาจะทำหน้าที่สามีและคนรักที่ดีต่อไปให้ถึงที่สุด
หลังจากชำระร่างกายจนคิดว่าสะอาดดี ไร้กลิ่นเหม็นสกปรกแล้ว ชายหนุ่มกลับถึงบ้าน ทำกิจวัตรประจำเหมือนอย่างเคย
เพียงแต่วันนี้ เขาจะขอไปทำงานสายขึ้นสักหน่อย เพราะเมื่อวานไม่ได้พบหน้ามี่ฮวาเลยทั้งวัน
แค่วันเดียว ซีจงจวินก็แทบขาดใจ..
ดวงตะวันเคลื่อนขึ้น ถึงเวลาที่นายหญิงของบ้านจะตื่นมารับวัน
อาบน้ำชำระกายด้วยน้ำอุ่นสบายเสร็จก็มาแต่งเนื้อแต่งตัว ออกมากินข้าว
แต่เท้าขาวเรียวต้องหยุดชะงักเมื่อเปิดประตูห้องมาแล้วเจอเข้ากับร่างเทพอสูรแมงป่อง
สายตาที่ซีจงจวินมองมา นางเข้าใจได้ทันทีว่าเขาคงนั่งรอใจจดใจจ่อมาพักใหญ่แล้ว
มี่ฮวาทำเมิน เดินมานั่งตักอาหารกินตามปกติ โดยที่สายตาของซีจงจวินยังคงจดจ้องมาที่ใบหน้าจิ้มลิ้มแต้มสีอ่อนๆของภรรยารัก
มานั่งกินข้าวด้วยเช่นนี้.. แสดงว่าเขาไม่ได้คิดหนีหน้าสินะ
หรือไม่ก็คงมีอะไรจะพูดด้วย
แต่เหตุใดถึงไม่พูดเล่า.. เอาแต่จ้องจนตัวจะทะลุอยู่แล้ว นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือไร
"จะจ้องอีกนานหรือไม่"
คำของมี่ฮวาไม่ได้เข้าหัวสักนิด ซีจงจวินยังคงนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มอยู่เช่นเดิม
"หยุดจ้องข้าสักที น่ารำคาญ"
คนฟังกะพริบตาสองสามครั้งแล้วไม่ยอมหันไปมองทางอื่น เพียงพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
"ข้ามองได้สองครั้ง นี่นับเป็นหนึ่งครั้ง"
ซีจงจวินนับมาอย่างดีได้สิบคำถ้วน มี่ฮวากัดฟันกรอด ไม่พอใจที่ถูกยอกย้อนเอาเงื่อนไขที่นางเป็นคนตั้งมาใช้เช่นนี้
"ข้าอุตส่าห์ปรานีเจ้ายังกล้ามาเรียกร้องอยากให้ข้าเปลี่ยนจากมองสองครั้งเป็นอย่ามาให้เห็นหน้าอีกหรือไม่"
คราวนี้คำขู่ใช้ได้ผล ซีจงจวินยอมหลบสายตา ตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ
..เหตุใดสามีอย่างข้าถึงไม่มีสิทธิ์ในตัวภรรยาเลย..
"ขอมองอีกนิดไม่ได้หรือ"
สุดท้าย อีกสิบคำต่อมาก็ถูกเอื้อนเอ่ย เป็นคำถาม และคำตอบที่ได้กลับมานั้นชัดเจนหนักแน่นว่า
"ข้าไม่อนุญาต"
ดวงตาไร้ประกายเหม่อมองพื้น ริมฝีปากไม่ขยับเขยื้อน ราวสิ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องกลายเป็นเพียงรูปสลักหินก้อนหนึ่ง
"ข้าอยากมอง.."
ซีจงจวินยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของเขา ราวกับไม่ได้ฟังสิ่งที่มี่ฮวาพูด
ความรำคาญเริ่มกลายเป็นความหงุดหงิด มี่ฮวาวางตะเกียบกระแทกโต๊ะ ตวัดดวงตากลมสวยที่ยามนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจมาที่ซีจงจวิน
สุดท้าย.. เทพอสูรก็ต้องหลบตา ไม่เงยขึ้นมาหานางอีก
"เก็บสายตาน่ารังเกียจของเจ้าไว้มองสิ่งอื่นเสีย มันทำให้ข้าอยากอาเจียนแต่เช้า"
ซีจงจวินฟังคำว่านั้นแล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนัก
กับบุรุษอื่นยังมองกันหวานเชื่อมได้ แล้วเหตุใดข้าถึงทำบ้างไม่ได้เล่า...
หรือมันเป็นเพราะ... เพราะเป็นตัวข้าผู้เดียวที่ไม่มีสิทธิ์ เช่นนั้นใช่หรือไม่
"รีบกินให้มันเสร็จๆแล้วไสหัวไปทำงานสักที"
วาจาเฉือนใจนั้นทำให้ซีจงจวินจำต้องวางอาหารตรงหน้าแล้วลุกออกไป ทั้งที่มีข้าวตกถึงท้องเพียงคำเดียว
ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่กับนางให้นานขึ้น แต่ในความเป็นจริง ชายหนุ่มกลับไม่อาจฝืนทำได้
นางไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะนางเกลียดเขา เรื่องนั้นซีจงจวินรู้ดี
แต่อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีนางไม่ใช่หรือ..
เป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หาใช่หนอนแมลงสกปรกน่ารังเกียจ..
หรือแท้จริงแล้วในสายตามี่ฮวา ข้าไร้ค่าเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ยิ่งคิด.. ความเจ็บปวดก็ยิ่งหยั่งราก ฝังลึกลงในหัวใจ.. เกินจะเยียวยาได้แล้ว
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ