“ทำยังไงดี จะทำยังไงดี”
“โอ๊ย ไม่น่าเลยยายสา แกไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเลย แล้วทีนี้จะทำยังไง”
สามินีพูดออกมาด้วยความกังวล ตั้งแต่กลับมาจากปางไม้
เถ้าแก่ฮวงหญิงสาวก็นอนไม่หลับ เธอรู้สึกกลัวและระแวงไปหมดว่าจะมีใครมาทำร้ายเธอหรือเปล่า“ฮือ... แล้วทีนี้จะทำยังไง” หญิงสาวโอดครวญ นั่งซบหน้ากับมือตัวเอง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่นเพราะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะนึกถึงคนที่เธอคิดว่าจะให้ความช่วยเหลือและทำให้เธอลดความกังวลและความหวาดกลัวได้บ้าง
ตืด... ตืด...
สามินีโทรไปหาคนที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ เธอเฝ้ารออย่างมีความหวัง ใจก็ภาวนาขอให้เขารับสายเธอด้วย แล้วคำขอของเธอก็เป็นจริง
“สวัสดีครับน้องสามีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าครับ”
“พี่คมช่วยสาด้วยค่ะ” ใช่แล้วคนที่เธอโทรหาคือคมสัน ญาติผู้พี่ของเธอ ซึ่งเป็นคนแนะนำให้เธอมาสอบบรรจุครูที่นี่ เนื่องจากเธอเคยบอกเขาว่าอยากไปใช้ชีวิตห่างไกลผู้คนหน่อย เพราะต้องการความเรียบง่าย
อีกอย่างที่เธอตัดสินใจโทรหาเขาเพราะนอกจากจะเป็นญาติของเธอแล้ว เขายังเป็นถึงหัวหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกด้วย เรื่องนี้คนแรกที่เธอควรบอกถึงสิ่งที่รู้มาก็ควรจะเป็นเขา!
“มีอะไรครับ”
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ” หลังจากนั้นหญิงสาวก็เล่ารายละเอียดที่เธอได้ยินและเห็นให้ญาติผู้พี่ฟังทั้งหมด
“เฮ้อ! สา เรื่องนี้อันตรายมากทำไมถึงได้ทำอะไรไม่รู้จักคิดแบบนี้ฮะ ถ้าพวกนั้นรู้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“ฮือ... พี่คมก็สาไม่รู้นี่คะว่าจะเป็นแบบนี้ สาก็แค่สงสัยเฉย ๆ เอง”
“เฮ้อ เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้พี่ว่าสาไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ นายจอมพลฉลาดเป็นกรดมันต้องรู้แน่”
“พี่คมแบบนี้จะทำยังไงดีคะ สากลัว” สามินีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หมวดคมเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวพี่จัดการเอง มีอยู่หนึ่งคนที่น่าจะช่วยสาได้ แต่ระหว่างนี้สาอาจต้องอยู่กับเขาสักระยะ สาจะยอมหรือเปล่า”
“เอ่อ... อยู่ด้วยกันเหรอคะ”
“ใช่ สาไม่ต้องห่วงหรอกเขาเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่สำคัญพี่ขอให้เขามาช่วยจัดการเรื่องของปางไม้เถ้าแก่ฮวงเอง ตอนนี้เขาก็กำลังสืบเรื่องนี้อยู่อย่างลับ ๆ และผู้กองเขาเป็นคนดี สาไว้ใจได้”
“เอ่อ... ถ้าพี่คมบอกว่าเป็นคนดีสาก็เชื่อค่ะ เอาเป็นว่าสาจะอยู่กับเขาก็ได้ แต่ว่าเขาจะยอมเหรอคะ”
“เรื่องนั้นไว้พี่จัดการเอง”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่คม” หลังจากหญิงสาวพูดขอบคุณแล้ว คมสันก็วางสายไป ส่วนเธอก็กำลังคิดถึงผู้กองที่พี่ชายเธอพูดถึง ทว่าเธอฝืนลืมตาได้ไม่นานก็ต้องหลับไปเพราะความง่วงที่กลืนกิน
เช้าวันต่อมาคมสันก็เดินทางมาหาผู้กองปราบแต่เช้าเพื่อที่จะคุยเรื่องของสามินีญาติของเขา
ตอนแรกคิดจะให้หญิงสาวกลับบ้าน ทว่าคิดไปคิดมาทำอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าเธอจะปลอดภัย ซึ่งหากน้องสาวเขากลับบ้านจริงเธอจะกลายเป็นเป้าให้นายจอมพลสงสัยได้ง่าย ทีนี้แหละจากที่ไม่รู้ก็จะกลายเป็นรู้ เพราะถ้าเขาเป็นนายจอมพลเขาคงสงสัยและปะติดปะต่อเรื่องด้วยตัวเองได้
การที่นายจอมพลพาสามินีไปปางไม้นั่นเท่ากับว่าผู้ชายคนนี้มั่นใจว่าหญิงสาวไม่มีทางล่วงรู้ความลับของเขา แล้วถ้าเกิดว่าอยู่ดี ๆ สามินีกลับบ้านทันทีหลังจากกลับมาจากปางไม้ คงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าหญิงสาวกำลังหนีอะไรบางอย่าง แล้วคนฉลาดอย่าง
นายจอมพลจะไม่รู้เลยเหรอว่าเธอกำลังหนีอะไรถึงตอนนั้นต่อให้สามินีถึงบ้านแล้วใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะยังไงซะนายจอมพลคงตามล่าสามินีถึงบ้านของเธอแน่ ๆ และคงไม่คิดจะเก็บเธอไว้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากผู้กองปราบผู้ซึ่งมาสืบและทำคดีนี้โดยเฉพาะให้คุ้มครองน้องสาวเขา จะว่าเสี่ยงก็เสี่ยงจะว่าปลอดภัยก็ปลอดภัย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้หญิงสาวกลับบ้าน ถามว่าทำไมไม่ให้เธอมาอยู่กับเขาให้มันจบ ๆ นั่นก็เพราะว่าที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าเขากับเธอเป็นญาติกัน ถ้าเกิดบอกว่าเป็นญาติตอนนี้คงเชื่อยากและอาจทำให้นายจอมพลสงสัยได้
ที่สำคัญเขาไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในอันตราย เพราะว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องการแจ้งความผิดของปางไม้เถ้าแก่ฮวง จะบอกว่าตอนนี้ชีวิตเขากำลังตกอยู่ในอันตรายก็ไม่ผิดนัก
อีกอย่างการที่ให้ผู้กองปราบดูแลน้องสาวคนนี้ของเขาก็เป็นเรื่องดีเพราะไอ้นิสัยดื้อเงียบของเธอที่ทำอะไรไม่รู้จักคิดหรือคิดน้อยไปอาจโดน
ผู้กองหนุ่มคนนี้ดัดนิสัยและกำราบลงได้บ้างอีกนัยหนึ่งเขาอยากได้ผู้กองคนนี้เป็นน้องเขย ยิ่งได้ข่าวว่าไม่มีคนรักก็ยิ่งอยากได้ หน้าที่การงานดีทั้งยังหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ถ้าสามินีได้ไปก็ถือว่าโชคดีของเธอแล้ว และเขาคิดว่าน้องของเขาต้องได้ผู้กองคนนี้ไปครองแน่นอน ลางสังหรณ์ของเขามันฟ้อง!
“สวัสดีครับผู้กองปราบ”
“สวัสดีครับหัวหน้าคม วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ”
“ครับ เอ่อ...”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้กองปราบเอ่ยถามหลังจากที่เห็น
คมสันมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจจากนั้นเขาก็ได้ฟังคำบอกเล่าวีรกรรมของหญิงสาวที่เขาจับตาดูอยู่ทั้งหมด หลังจากได้ฟังเรื่องราวและคำขอร้องให้ช่วยปกป้องหญิงสาวแล้ว ผู้กองปราบแทบไม่เชื่อเลยว่าผู้หญิงอย่างสามินีเธอจะใจกล้าอยากรู้
อยากเห็นเรื่องอันตรายแบบนี้“ผู้กองครับ ผมขอร้องล่ะนะครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ”
คมสันเอ่ยย้ำ พร้อมทั้งส่งสายตาอ้อนวอนไปให้“เฮ้อ!” ผู้กองปราบถอนหายใจก่อนจะมองไปยังจ่าแสนผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“ไม่ครับผู้กอง ถ้าแม่เสือที่บ้านรู้เข้างานผมงอกแน่ครับ ผมไม่อยากนอนนอกบ้าน”
“ผมก็เหมือนกันครับผู้กอง” จ่าเข้มรีบปฏิเสธทันทีเมื่อเห็น
ผู้กองหนุ่มมองมา“ผู้กองนั่นแหละครับเหมาะสมที่สุดเพราะยังไม่มีพันธะ” จ่าหาญหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้กองหนุ่มพูดขึ้น
“แต่ผมไม่อยากวุ่นวาย”
“แต่ผู้กองก็จับตาดูเธออยู่แล้วนี่ครับ ถ้ามีเธออยู่ในสายตาตลอดเวลา บางทีผู้กองอาจรู้อะไร ๆ มากขึ้นก็ได้นะครับ” จ่าแสนรีบเข้ามากระซิบที่หูของผู้กองหนุ่ม
ผู้กองปราบคิดตาม ก็เห็นด้วยกับคำพูดของจ่าแสน แต่การจะให้เขาและเธออยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้ชาย การมีผู้หญิงสวย ๆ มาอยู่ด้วยอาจมีอะไรไม่สมควรเกิดขึ้นก็ได้
“นะครับผู้กอง”
“เฮ้อ! ก็ได้ครับผมจะช่วย”
“ขอบคุณครับ” คมสันรีบพูดขอบคุณ จากนั้นก็เริ่มวางแผนที่จะให้
ผู้กองปราบไปอยู่กับสามินีในฐานะอะไร และแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าชายหนุ่มจะเข้าไปอยู่กับสามินีในฐานะพี่ชาย ที่อยากมาดูความเป็นอยู่ของน้องสาวที่มาทำงานยังพื้นที่ห่างไกลที่นี่นั่นเอง3 เดือนต่อมางานแต่งงานระหว่างร้อยเอกปราบดากับสามินีก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่นอบอวลเต็มไปหมด แขกที่มาร่วมงานและอวยพรแสดงความยินดีให้คู่บ่าวสาวล้วนมีแต่คนสนิทและเพื่อนเจ้าของงานทั้งสิ้น“เหนื่อยไหมครับ” ผู้กองปราบเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา เพราะเธอยืนบนรองเท้าส้นสูงมานานแล้ว“นิดหน่อยค่ะ พี่ปราบล่ะคะเหนื่อยไหม” สามินีตอบก่อนจะถามเขากลับ“ไม่ครับพี่ไม่เหนื่อย สาทนหน่อยนะเดี๋ยวอีกไม่นานก็ถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวเจ้าบ่าวแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะนวดให้สาเอง” ผู้กองปราบพูดส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้จนสามินีต้องส่งค้อนวงโตให้เขา เสียงหัวเราะของสองหนุ่มสาวทำให้แขกในงานเดินเข้ามาหา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนผู้กองของปราบดาและเพลิงนั่นเองที่มีชื่อว่า ชาติชาย“หัวเราะอะไรเสียงดังเลยครับคุณเพื่อน” เขาเอ่ยทักผู้กองปราบด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งส่งยิ้มล้อเลียนไปให้“คนมีความสุขก็ต้องหัวเราะสิวะ” ผู้กองปราบไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาเขาตอบกลับไปตามปกติ“เดี๋ยวอีกสักพักจะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ หวังว่าเพื่อนปราบจะลงมาปาร์ตีกับพวกเรานะครับ”“เหอะ”“อ๊ะ อ๊
“สาครับพูดกับพี่หน่อยเร็วว่าเป็นอะไร”ผู้กองปราบพูดขึ้นหลังขับรถมาถึงบ้านพักครูของเธอแล้ว ส่วนเจ้าของชื่อก็ยังนั่งนิ่งไม่พูดจา“สาโกรธพี่เหรอครับที่พี่ผิดสัญญา” ผู้กองหนุ่มเอ่ยถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวผู้กองปราบถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า“ที่พี่ติดต่อสาไม่ได้ ไม่ได้โทรหาตามสัญญาที่พี่ได้บอกเอาไว้ เพราะว่าเมื่อพี่เข้าป่าสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายไปเลย พี่ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา พี่อยากโทรหาสาใจแทบขาดแต่พี่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เร่งทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็วแล้วรีบกลับมาหาสาอย่างนี้ไงครับ”ผู้กองปราบอธิบายอย่างใจเย็น แค่เขามองหน้าหญิงสาวก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้โกรธเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรถึงได้นั่งเงียบแบบนี้“สา”“สาไม่ได้โกรธ สาแค่เป็นห่วงพี่ปราบเฉย ๆ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ” สามินีตอบกลับเขาส่งยิ้มบาง ๆ ชายหนุ่มรู้สึกผิดสังเกตจึงลุกขึ้นและเดินไปหาเธอก่อนจะคว้าตัวเธอเข้ามากอด“เป็นอะไรไปครับ ไหนบอกพี่สิคนดี”สามินีเม้มริมฝีปากไม่ยอมพูด เธอเลือกที่จะกอดเขาไว้แน่นซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ของเขาให้มากที่สุด ผู้กองปราบก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงนั่งกอดและลูบหลังเธอไปมาเ
13:00 น.ร้อยเอกปราบดาก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนักข่าวที่พยายามวิ่งกรูเข้ามาหาเขาหลังจากที่เขาพากองกำลังทหารและผู้ต้องหาทั้งหมดออกมาจากป่าได้ และได้ส่งคนเจ็บทั้งหมดขึ้นรถไปรักษาตัวรวมถึงส่งผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถไปยังเรือนจำรอการดำเนินคดีทันทีที่ร้อยเอกปราบดานายทหารหนุ่มเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มรถหลังจากที่สั่งงานต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว กองทัพนักข่าวก็พุ่งเข้าหาเขาทันที“ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไรคะผู้กอง” นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยปากถาม“ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมตัวในครั้งนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไรครับ” ไม่ทันที่ผู้กองปราบจะตอบคำถามแรกคำถามที่สองสามสี่ก็ตามมา จนผู้กองหนุ่มต้องยกมือขึ้นเพื่อหยุดคำถามที่จะออกมาจากปากนักข่าวทั้งหลาย เมื่อเห็นทุกคนเงียบผู้กองหนุ่มจึงได้พูดออกมา“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจข่าวนี้นะครับแต่ผมยังพูดอะไรมากไม่ได้เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี เอาเป็นว่าที่ผมบอกได้ก็คือ ทั้งหลักฐานและพยานเรามีพร้อมเอาผิดแน่นอนครับ จากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอตัวก่อนครับ”พูดจบผู้กองปราบก็เดินหนีออกจากกองทัพนักข่าวทั
“ปิดล้อม!”“หยุด!”“แย่แล้วครับนาย ทหารครับ”“ว่าไงนะ!” นายจอมพลถามเสียงหลงเมื่อลูกน้องของเขาบอกว่ามีทหารล้อมพวกเขาอยู่“ทหารล้อมพวกเราอยู่ครับ”“อะไรวะเนี่ย ฉันไม่สน ยังไงเราต้องฝ่าออกไปให้ได้” นายจอมพลพูดในขณะที่ตัวเขาก็เอนหลังพิงต้นไม้ไว้“ถ้าอย่างนั้นพร้อมนะครับนาย”“อืม ไป!”ปัง ปัง ปังปัง ปัง ปังเสียงปืนดังลั่นสนั่นบริเวณพื้นที่ป่า ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายนายจอมพล อีกฝ่ายคือกองกำลังทหารของร้อยเอกปราบดา“บุก บุก บุก”ปัง ปัง ปังยิ่งได้ฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย เหล่าทหารกล้าทั้งหลายก็โจมตีเข้าไปไม่มีหยุด ทำให้นายจอมพลต้องล่าถอยหลบอยู่หลังเนินดิน ในหัวก็พยายามขบคิดว่า สามารถหนีไปทางไหนได้บ้าง“บ้าเอ๊ย! พวกทหารมันมากันได้ยังไงวะ” นายจอมพลพูดด้วยเสียงที่ไม่พอใจ และกำลังโกรธ“ทางเส้นนี้คือหนึ่งในทางลับที่พวกเราใช้ขนไม้เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบไม่ใช่เหรอ ทำไมมีทหารเข้ามาได้” นายจอมพลพูด ในขณะที่เสียงกระสุนปืนก็ยังสาดใส่กันไม่หยุด“เอายังไงต่อดีครับนายขืนเราอยู่แบบนี้เราไม่รอดแน่” หนึ่งในลูกน้องของนายจอมพลเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด ซึ่งนายจอมพลก็เครียดไม่แพ้กันวันนี้นายจอมพลเข้ามาในป่าเพื่อมาดูไม้ที
“ไม่สบายใจเหรอคะ” หนูนิดมองหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอที่มีท่าทางเหม่อลอยอย่างเห็นใจ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปทัก“เอ่อ ค่ะ” สามินีหันไปตอบคนที่เข้ามาทักเธอ ก่อนที่จะยิ้มให้บาง ๆ“เป็นห่วงพี่ปราบเหรอคะ”“!.. ค่ะ” สามินีนิ่งไปก่อนจะยอมรับออกมา เธอเป็นห่วงเขามาก ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาจะปลอดภัยไหม“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ปราบต้องปลอดภัยแน่นอน”“แต่นี่มันสามวันแล้วนะคะ” สามินีแย้งแม้ว่าเธอจะย้ำกับตัวเองว่ายังไงซะเขาก็ปลอดภัย แต่ว่าก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเขาหายไปสามวันติดต่อไม่ได้แบบนี้เธอยิ่งเป็นห่วงตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มพาเธอมาบ้านเดชอนันต์ ตอนนี้ก็ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้ว ที่ชายหนุ่มไปปฏิบัติการจับกุมนายจอมพล เป็นสามวันที่เธอติดต่อเขาไม่ได้เลย!“ใจเย็นก่อนเถอะค่ะ หนูนิดเชื่อว่าพี่ปราบต้องกลับมาอย่างปลอดภัยในเร็ววันนี้แน่นอน” หนูนิดปลอบแม้ว่าเธอจะไม่รู้สถานการณ์ของผู้กองปราบแต่จะให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่พูดอะไรกับสามินีเลยก็ไม่ได้สามินีเข้าใจคำพูดของหนูนิด แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดเป็นห่วงเขาได้ ทุกวันทุกคืนเธอได้แต่มองหน้าจอว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรเข้ามา จากความ
“เป็นไงครับ อร่อยไหม อาหารถูกปากหรือเปล่า” ผู้กองปราบถามพร้อมมองหญิงสาวด้วยสายตาคาดหวัง“อร่อยค่ะ สาเพิ่งรู้ว่าพี่ปราบทำอาหารอร่อยขนาดนี้ จากนี้ทำให้ทานทุกวันเลยได้ไหมคะ” หญิงสาวตอบในขณะที่ปากยังคงเคี้ยวอาหารที่ชายหนุ่มเป็นคนทำไม่ได้หยุด“ได้จ้ะได้ ขอแค่สาอารมณ์ดีก็พอ” ผู้กองปราบพูดพร้อมยิ้มเอาใจหญิงสาวหลังจากที่สามินีอารมณ์ดีขึ้นไม่โวยวายทุบตีเขาแล้ว ผู้กองปราบก็รีบลงมาทำอาหารให้เธอทานทันที ด้วยรสมือทำอาหารที่ค่อนข้างอร่อยบวกกับความเอาใจใส่ที่เขาแสดงออกมา ทำให้ตอนนี้สามินีหายโกรธชายหนุ่มแล้วหลังจากทานข้าวเสร็จหญิงสาวก็มานั่งลูบท้องที่นูนออกมาของเธอที่โซฟา รอให้ชายหนุ่มเข้ามาพูดคุยถึงสิ่งที่จะทำต่อไป“จุกมากเหรอครับ”“ค่ะ จุกมาก”“จุกเท่าถูกพี่กินหรือเปล่า”“พี่ปราบ!”“ขอโทษครับขอโทษ ไม่โกรธนะครับ ไม่โกรธ พี่แค่ล้อเล่นเองครับ ใจเย็น ๆ นะจ๊ะสาจ๋า” ผู้กองปราบรีบพูดเมื่อถูกหญิงสาวมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ พร้อมกับยิ้มเอาใจเธอไปด้วย สามินีคร้านจะใส่ใจคนทะลึ่งอย่างเขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย“แล้วพี่ปราบจะทำอะไรต่อไปคะ”“ก่อนอื่นพี่ต้องพาสาไปอยู่บ้านเพื่อนพี่ก่อน สาอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย กล