ตอนที่ 13 สงครามประสาท
4 ทุ่มครึ่ง ณ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"นายครับใกล้ได้เวลานัดแล้วครับ" พายัพในชุดพร้อมปฏิบัติงานเปิดประตูห้องเข้ามาเอ่ยเรียกคนเป็นนายที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า
"อือ..รอกูอีก 10 นาที" ชายหนุ่มวางปากกาและพับเก็บแฟ้มเอกสารตรงหน้าเมื่อตวัดปลายปากกาเซ็นเอกสารใบสุดท้ายเสร็จก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงและเดินหายเข้าไปยังห้องนอนที่ประตูเชื่อมถึงกัน
เวลาผ่านไปราว 10 นาทีเศษๆ ลีออนออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแลกสีดำรองเท้าหนังเข้าชุด ทรงผมถูกเซตใหม่ดูเรียบร้อยจากก่อนหน้านี้
"รถพร้อมแล้วครับนาย คุณเซนติโทรมาแจ้งว่ารออยู่ที่โกดังให้นายไปเจอกันที่นั่นได้เลย" พายัพรายงานความคืบหน้าให้คนเป็นนายฟังระหว่างเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหลังกาสิโน
เมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากกาสิโนมุ่งตรงไปโกดังสินค้าขนาดใหญ่ย่านชานเมือง โดยมีขบวนรถเหล่าบรรดาลูกน้องของลีออนขับตามมาติดๆ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยอีก 3 คัน บนรถที่มาเฟียหนุ่มนั่งมานั้นมีเพียงคนขับรถและลูกน้องคนสนิทอีกสองคนคือนักรบมือซ้ายคนสนิทและมือขวาคือพายัพ
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพักเหมือนมาเฟียหนุ่มนึกอะไรออกสักอย่างจึงละสายตาจากหน้าจอไอแพดเงยหน้าขึ้นถามลูกน้องที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้า
"พายัพวันนี้ใครมารับอิงดาวไปส่งที่มหาลัย" ลางสังหรณ์ของชายหนุ่มเหมือนกำลังจะโดนขโมยของรักอะไรสักอย่างไป
"คุณเมกะมารอคุณอิงดาวตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ" มาเฟียหนุ่มได้ยินดังนั้นถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากัน นี่มันลงทุนตื่นเช้าเพื่อมารับอิงดาวไปส่งมหาวิทยาลัยทั้งๆ ที่เมกะเป็นคนไม่ชอบตื่นเช้าแต่ไหนแต่ไร คิดได้ดังนั้นมาเฟียหนุ่มล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อมากดต่อสายหาใครบางคน
ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด รอสายสักพักปลายสายก็กดรับ
‘โทรมาทำเชี่ยอะไรแต่เช้า’ คำทักทายจากเจ้าของผับหรูดังขึ้นเมื่อสัญญาณทั้งสองเครื่องเชื่อมต่อถึงกัน
‘มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง’ คำทักทายจากมาเฟียหนุ่มสวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่คนฟังอย่างเมกะดูออกว่าตอนนี้เพื่อนตนกำลังหัวร้อน
‘กูควรถามมึงมากกว่าไหมว่าทำไมตอนนี้ยังมีเวลาโทรมาเห่ากูแต่เช้า ได้ข่าวว่ามีนัดส่งของล็อตใหญ่ คุณลีออนควรจะโฟกัสที่งานมากกว่าคิดถึงเพื่อนหล่อๆ อย่างกูที่เมืองไทย’ เมกะยอกย้อนกลับอย่างกวนๆ เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะมาปั่นประสาทเพื่อนรักเพราะจากที่ได้ฟังสิ่งที่อิงดาวเล่าให้ฟังเมื่อคืนแล้วเพื่อนตัวดีของเขาคงจะแอบติดกล้องวงจรปิดไว้ในบ้านเด็กสาวที่ไหนสักที่ถึงรู้ความเคลื่อนไหวของอิงดาวขนาดนี้ ระหว่างที่มาเฟียหนุ่มกำลังหัวเสียกับปลายสายอยู่นั้นเสียงระฆังเตือนว่าหมดเวลาก็ดังขึ้นก่อนที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนน็อกเอาต์
"นายครับถึงแล้วครับ อีก 5 นาทีคู่ค้าของเราจะเดินทางมาถึงเชิญนายเข้าไปด้านในก่อนครับคุณเซนติรออยู่ด้านใน" เสียงบอดี้การ์ดหนุ่มดังขึ้นประหนึ่งเสียงระฆังเตือนว่าหมดยกให้แยกออกจากกันเพื่อสงบสติอารมณ์
"เออ" มาเฟียหนุ่มตะคอกกลับปลายสายทันควันก่อนจะกดตัดสายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
คืนก่อน ณ ผับ MeGa
"เฮียคะอิงมีเรื่องจะปรึกษา" เด็กสาวรวบรวมความกล้าอยู่นานก่อนจะตัดสินใจปรึกษาเมกะถึงเรื่องราวแปลกๆ ที่เจอมาก่อนหน้านี้
"อือ..ว่ามาสิเฮียฟังอยู่" ชายหนุ่มเจ้าของผับตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องเอกสารเจ้าปัญหาตรงหน้าที่นั่งอ่านอยู่หลายรอบแล้วแต่ยังหาจุดผิดปกติไม่เจอ
"คือถ้าอยู่ๆ มีใครก็ไม่รู้เหมือนเขารู้ความเคลื่อนไหวเราตลอดเหมือนเขาอยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลาเฮียคิดว่ามันแปลกไหมคะ" อิงดาวเล่าสิ่งที่เจอมาให้เจ้านายหนุ่มฟังดวงตากลมโตจ้องมองหน้าเมกะไม่วางตา
"อย่าคิดมากเด็กน้อย มันอาจจะเป็นแค่พวกโรคจิตเดี๋ยวเรื่องนี้เฮียจัดการเอง" จากที่ฟังเด็กสาวเล่ามาทั้งหมดก็พอจะเดาออกว่าโรคจิตที่ทำเรื่องแบบนี้ได้มีเพียงมาเฟียหนุ่มเพื่อนรักตนแค่คนเดียวเท่านั้น
มาเฟียหนุ่มเดินหัวเสียเข้ามาภายในโกดังโดยมีลูกน้องคนสนิทเดินตามหลังมาติดๆ ร่างสูงกระแทกสะโพกลงบนเก้าอี้พร้อมถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"มึงเป็นอะไร หงุดหงิดอะไรมา" เซนติเอ่ยถามขึ้นเพราะปกติเพื่อนของตนค่อนข้างเก็บอารมณ์เก่งไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นแบบนี้สักเท่าไหร่
"หมาแถวบ้านมันเห่าน่ารำคาญ" เซนติถึงกับคิ้วขมวดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากเพื่อนรัก
"หึ..อะไรของมึงลีออน เจ้านายมึงไปโดนตัวไหนมันกวนประสาทมาพายัพ" เซนติถึงกับหลุดขำออกมาและถามขึ้นอย่างแปลกใจและหันไปถามมือขวาคนสนิทของลีออนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
"คุณเมกะครับ"
"เด็กสาวคนนั้นสินะ ดูเหมือนว่ามึงจะสนใจเธอเป็นพิเศษนะคนนี้" สีหน้าชายหนุ่มจริงจังขึ้นเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนตนหัวเสียถึงขนาดนี้และเกิดความกังวลขึ้นมาในเวลาเดียวกันเพราะเมื่อไหร่ที่ลีออนมีความรักนั่นหมายถึงมาเฟียหนุ่มจะมีจุดอ่อนขึ้นมาทันทีและตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว
"อิงดาวไม่เหมือนคนอื่นที่กูเคยเจอ" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนจะวางแก้วกระแทกโต๊ะ จนเกิดเสียงดัง
"ห่า! อย่าทำลายข้าวของ..มันแพง" เซนติโพล่งขึ้นเสียงดังเพราะแก้วไวน์ชุดนี้เป็นของสะสมหายากเพราะมันมีความพิเศษหลายอย่างไม่ใช่เป็นเพียงแก้วธรรมดาใบหนึ่ง
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บอดี้การ์ดหนุ่มอย่างนักรบก็เดินเข้ามารายงานเจ้านาย
"นายครับคู่ค้าของเราเดินทางมาถึงแล้วครับ"
ชายหนุ่มทั้งสองคนลุกขึ้นเต็มความสูงเดินตรงไปยังจุดส่งสินค้าซึ่งอยู่อีกด้านของโกดัง เท้ายาวหุ่นนายแบบรูปร่างสมส่วนดั่งบุรุษเพศสาวเท้ามาหยุดตรงลังสินค้าที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงทุกอย่างเรียบร้อยและต่างคนต่างแยกย้ายโดยมาเฟียหนุ่มนั่งรถกลับไปทำงานต่อที่กาสิโนทั้งๆ ที่ควรจะกลับเซฟเฮาส์เพื่อพักผ่อน
11 โมง ณ ประเทศอังกฤษ
ระหว่างเดินทางไปเจรจาธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ มาเฟียหนุ่มพูดขึ้นขณะหลับตาเพื่อพักสายตาหลังจากนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำตลอดทั้งวันทั้งคืน
"พายัพเจมาส่งอิงดาวที่บ้านหรือยัง" ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปเพราะตอนนี้เด็กน้อยของเขาน่าจะถึงบ้านแล้วเพราะวันนี้เธอมีเรียนถึงแค่บ่ายสาม
"ยังครับ..น่าจะเลยไปทำงานต่อที่ผับคงจะกลับดึกครับนาย" พายัพรายงานออกไปตามความจริงเพราะคนของเขาที่ให้ติดตามเด็กสาวอยู่ห่างๆ รายงานว่า เจ..มือซ้ายของเมกะขับรถพาเด็กสาวไปยังผับไม่ได้พาไปส่งบ้านอย่างที่ควรจะเป็น
"มันจะใช้งานอะไรคนของกูนักหนา" ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ อย่างหัวเสียพร้อมสีหน้าตึงขึ้นทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังอารมณ์ดี
"คุณอิงดาวเธอทำงานที่ผับคุณเมกะนะครับนาย" นักรบเอ่ยบอกคนเป็นนายโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนี้เหมือนฆ่าตัวตายทางอ้อม
"กูถามมึงเหรอนักรบ" สายตาคมเข้มตวัดขึ้นมองลูกน้องคนสนิทอย่างเอาเรื่อง
"เปล่าครับ ผมแค่คิดว่านายทำงานหนักเกินไปจนนายอาจจะลืม" บอดี้การ์ดหนุ่มยังยอกย้อนคนเป็นนายกลับอย่างไม่รู้ว่าภัยกำลังถึงตัว
"กูไม่ได้สมองเสื่อม" ความขุ่นเคืองสะท้อนออกมากับน้ำเสียงชัดเจนแต่มีหรือคนอย่างนักรบจะรู้สึกตัว
"ครับนายไม่ได้สมองเสื่อมแต่ครั้งนี้นายคงลืมจริงๆ" บอดี้การ์ดหนุ่มยังไม่ละความพยายามจนพายัพที่นั่งอยู่ข้างๆ ทนไม่ไหว มือหนาตบเข้าที่ศีรษะลูกน้องเสียงดังเพื่อเตือนสติ
โป๊ก!
"โอ๊ย..พี่ตบหัวผมทำไม" นักรบเอ่ยถามขึ้นอย่างงงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็โดนลูกพี่อย่างพายัพตบเข้าที่ศีรษะอย่างจังจนหัวแทบโขลกเข้ากับประตูรถอีกฝั่ง
"เมื่อไหร่มึงจะเลิกกวนตีนนาย แค่นี้นายก็ทำงานเหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว" เสียงทุ้มต่ำของพายัพที่เอ่ยออกไปช่วยเตือนสตินักรบจนต้องหันกลับไปขอโทษคนเป็นนายที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้านหลัง
"ขอโทษครับนาย" ตอนนี้ในหัวมาเฟียหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งอื่นนอกจากเด็กสาวที่อยู่ที่เมืองไทย
"คนของเรารายงานว่าคุณเฟมโตมาที่ผับคุณเมกะเมื่อสักครู่นี้ครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มรีบรายงานเจ้านายทันทีเมื่อพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพราะตอนนี้เวลาที่ประเทศไทยประมาณ 6 โมงเย็นและเวลานี้ผับยังไม่เปิด ที่สำคัญเฟมโตค่อนข้างงานยุ่งถ้าไม่ใช่นัดสำคัญอย่าคิดว่าจะเห็นโผล่หัวมา แต่วันนี้มันกลับเสนอหน้ามาที่ผับของเมกะเวลาพลบค่ำแบบนี้ลางสังหรณ์เขาบอกว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
"สั่งคนของเราสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดว่าเฟมโตมันกำลังคิดจะทำอะไร"