ตอนที่ 12 หลงเด็ก
เช้าวันต่อมา
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเล็กกำลังวิ่งลงจากชั้นสองของบ้านเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกและตอนนี้ก็สายมากแล้วเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดถึงใครบางคนจนนอนไม่หลับเช้านี้เลยตื่นสาย
"แม่คะ วันนี้หนูไม่ทานข้าวเช้านะคะสายมากแล้วเดี๋ยวหนูไปเรียนไม่ทัน" เสียงเจื้อยแจ้วตะโกนมาแต่ไกลเด็กสาวในชุดนักศึกษาถูกระเบียบกำลังวิ่งลงบันไดจากชั้นสองของบ้าน
"จะตะโกนทำไมลงมาค่อยพูดก็ได้ แม่บอกหลายครั้งแล้วไม่ฟังเลยเด็กคนนี้" ผู้เป็นมารดาเอ็ดออกไปอย่างไม่ใส่ใจเอาความมากนัก
"อ้าว..พี่ภัทร มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าคะมีธุระอะไรกับอิงหรือเปล่า" เด็กสาวถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเจอลูกน้องคนสนิทของเมกะอยู่ในบ้านเธอเช้าวันนี้
"นายให้พี่มารับน้องอิงกับน้องฟ้าไปส่งที่มหาลัยครับ" ชายหนุ่มตอบกลับไปแค่นั้นและดูเหมือนเด็กสาวจะเข้าใจจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
"ตอนนี้พึ่งจะ 7 โมงยังพอมีเวลาน้องอิงทานข้าวเช้าก่อนก็ได้ครับ วันนี้เปิดเทอมวันแรกน่าจะมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเดี๋ยวจะหิวเอา" ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กสาวเอาแต่ยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดจนลืมไปว่าตอนนี้ควรรีบทานข้าวและรีบไปมหาวิทยาลัย
"ค่ะ พี่ภัทรทานด้วยกันสิคะฝีมือแม่อิงอร่อยเด็ดอย่าบอกใคร รับรองพี่ภัทรต้องขอเพิ่มชามที่สองแน่นอน" เมื่อตั้งสติได้อิงดาวก็ปรับสีหน้าให้ดูปกติเพราะกลัวคนเป็นแม่จะสงสัยเอา แค่เช้านี้มีคนแปลกหน้ามาร่วมรับประทานอาหารเช้าที่บ้านเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนอิงดาวก็ไม่รู้จะตอบมารดาว่าอย่างไร แต่ระหว่างนั่งทานข้าวกันอยู่มารดาของตนก็ไม่เอ่ยถามอะไรหรืออาจจะเป็นไปได้ว่าภัทรบอดี้การ์ดคนเก่งของเมกะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนหน้าที่เธอจะลงมา
"เปิดเทอมวันแรกแม่ขอให้หนูเจอเพื่อนเจอรุ่นพี่ที่ดี ขอให้ลูกสาวของแม่มีความสุขในชีวิตมหาลัยนะลูก" ดารินกล่าวอวยพรลูกสาวก่อนที่จะส่งขึ้นรถคันหรูที่จอดรออยู่โดยมีอิงฟ้านั่งรออยู่ด้านในก่อนหน้าแล้ว
"ขอบคุณค่ะ หนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เด็กสาวสวมกอดมารดาหลวมๆ อย่างเคยทำก่อนจะผละออกและก้าวขึ้นรถที่มีภัทรเปิดประตูรออยู่ก่อน
"ผมลานะครับ สวัสดีครับ" ชายหนุ่มยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างนอบน้อมก่อนขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับโดยมีสองสาวนั่งอยู่ที่นั่งเบาะหลังและรถเคลื่อนตัวออกไปโดยเร็วมุ่งหน้าสู่มหาลัยเอกชนชื่อดังย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
ก่อนหน้านั้น
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนเจ้าของบ้าน
"สวัสดีค่ะ คุณมาหาใครคะ" เจ้าของบ้านกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตรเมื่อประตูบานเล็กหน้าบ้านถูกเปิดออกและเจอกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยืนรออยู่
"ผมเป็นลูกน้องของคุณเมกะเจ้าของผับที่อิงดาวทำงานอยู่ครับ นี่ครับนามบัตรผม" ภัทรฉลาดที่จะแนะนำตัวกับเจ้าของบ้านเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจอนุญาตให้เขาไปแนะนำตัวต่อในบ้าน
"งั้นเชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ" เป็นไปตามคาดชายหนุ่มถูกเชิญเข้ามาภายในบ้านหลังเล็กที่อิงดาวอาศัยอยู่กับมารดาเพียงสองคน
"อิงน่าจะกำลังอาบน้ำแต่งตัวอยู่ เมื่อคืนทำงานกลับดึกเช้านี้ก็เลยตื่นสายนะค่ะ" ดารินพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นชายหนุ่มมองหาอะไรบางอย่างอยู่จึงคิดว่าน่าจะมองหาลูกสาวของเธอ
"ครับ ผมขออนุญาตแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อภัทรเป็นลูกน้องของคุณเมกะวันนี้นายให้ผมมารับน้องอิงกับน้องฟ้าไปมหาวิทยาลัยเพราะเมื่อคืนเด็กๆ ทำงานกลับบ้านดึกจึงไม่อยากให้ขับรถไปกันเองเกรงว่าจะเกิดอันตรายนะครับ" ชายหนุ่มฉลาดมีไหวพริบในการพูดจึงไม่ยากที่จะจูงใจเจ้าของบ้านให้ไว้วางใจตนแม้สิ่งที่พูดออกไปนั้นจะไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงทั้งหมดก็ตาม
"ค่ะ อิงดาวเล่าให้ฉันฟังว่าคุณเมกะใจดีปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาว" เพราะอิงดาวมักจะเล่าให้ฟังเสมอว่าเมกะคอยดูแล สอนงานทุกอย่างให้เธอแถมใจดีกับเธอมากๆ อีกต่างหากและที่สำคัญบุตรสาวมักจะเรียกเมกะว่าเฮียเสมอ นั่นหมายความว่าเจ้านายที่อิงดาวทำงานด้วยนั้นเอ็นดูบุตรสาวเธออยู่ไม่น้อย บวกกับความมีสัมมาคารวะของชายหนุ่มเองด้วยเจ้าของบ้านจึงต้อนรับภัทรอย่างเป็นกันเอง
ทางด้านของลีออนที่ตอนนี้ได้เดินทางถึงอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้วและตอนนี้กำลังเคลียร์งานกองโตบนโต๊ะที่กาสิโนตั้งแต่เครื่องลงจอดจนป่านนี้
"นายครับ คนของเรารายงานว่าวันนี้ภัทรเป็นคนไปรับคุณอิงดาวกับคุณอิงฟ้าไปส่งที่มหาวิทยาลัยครับ" พายัพรีบรายงานเจ้านายทันทีเพราะคิดว่าเจ้านายน่าจะอยากรู้ถึงความเคลื่อนไหวของเด็กสาวจึงสั่งให้ตนจัดคนคอยสะกดรอยตามเด็กสาวตลอด 24 ชั่วโมง
"อือ สั่งคนของเราให้ตามอิงดาวห่างๆ อย่าให้คนของเมกะมันรู้ตัวกูไม่อยากมีปัญหากับมันตอนนี้" สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการอะไรของชายหนุ่มทำให้พายัพถึงกับแปลกใจที่เจ้านายไม่โต้ตอบหรือแสดงอาการอะไรออกมาทั้งที่ก่อนหน้านั้นเจ้านายก็แสดงออกชัดเจนว่าสนใจเด็กสาวคนนั้น แต่บัดนี้กลับนิ่งเงียบผิดวิสัยของคนหวงของอย่างเจ้านายตน
1ทุ่มประเทศไทย
"อิงดาวกลับถึงบ้านหรือยัง" เสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า ลีออนยังนั่งทำงานอยู่ที่เดิมจนจะครบ12ชั่วโมงแล้วตั้งแต่มาถึงอังกฤษ ทำราวกับว่าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จภายในวันนี้เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มต้องทำงานติดต่อกันเกือบจะ48 ชั่วโมงโดยไม่พักเพราะตามกำหนดการชายหนุ่มจะใช้เวลาเคลียร์งานที่กาสิโนประมาณ 2 วัน
"ยังครับเธอแวะทานอาหารเย็นนอกบ้าน วันนี้คุณเมกะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง" พายัพรายงานออกไปตามความจริงแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดว่าวันนี้มีใครเข้ามาจีบเด็กสาวบ้างเพราะกลัวว่าเจ้านายจะทิ้งงานตรงหน้าทั้งหมดแล้วบินกลับไทยวันนี้เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่ซวยก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากตนที่ต้องอยู่ทำงานแทนและยังต้องรับมือกับเพื่อนเจ้านายอีก มีหวังต้องโดนฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ แน่นอน
"เมื่อสักครู่คุณเซนติโทรมาบอกว่าคืนนี้นายมีนัดส่งของที่โกดัง A ตอน 5 ทุ่ม ส่วนสินค้าคุณเซนติจัดการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ" พายัพรีบเบี่ยงประเด็นความสนใจของเจ้านายทันทีและมันก็ได้ผลเกินคาด
"เตรียมคนของเราให้พร้อม ไอ้โจเซฟมันจ้องจะเล่นงานเราอยู่คืนนี้ส่งของล็อตใหญ่อย่าให้พลาด" ชายหนุ่มกำชับลูกน้องคนสนิทอีกครั้งเพราะความประมาทเป็นบ่อเกิดของความฉิบหายเขาเชื่อแบบนั้น
"ครับนาย" พายัพรับคำสั่งและรีบออกไปจัดการตามที่นายสั่งสักพักก่อนจะเดินกลับมา
"นายครับ พักสักหน่อยไหมครับนายนั่งทำงานติดต่อกันมาจะ13ชั่วโมงแล้วนะครับ" พอเข้าใจว่าเจ้านายตนเป็นคนบ้างานแต่ก็ไม่มากอย่างตอนนี้ ใจคิดจะนั่งทำงานตรงนี้จนถึงเวลานัดเลยหรือไงไม่คิดจะให้ร่างกายได้พักบ้าง ตัวเขาเองก็ต้องการพักผ่อนเหมือนกันเพราะตอนนี้ก็ครบ 24 ชั่วโมงแล้วที่ยังไม่ได้นอน
"มึงเหนื่อยก็ไปพักพายัพ ใกล้ถึงเวลานัดก็ค่อยมาเรียกกู" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเรียบมือหนายังตวัดปลายปากกาเซ็นเอกสารตรงหน้าอย่างตั้งใจ
"แต่นายยังไม่ได้พักเลยนะครับ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้นิครับเรายังมีเวลาอีกหลายวัน" บอดี้การ์ดหนุ่มยังไม่ลดละความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้เจ้านายไปพักเพราะกลัวว่าเจ้านายจะไม่ไหว ซึ่งก่อนหน้าที่จะบินมาอังกฤษเจ้านายตนก็เคลียร์งานหามรุ่มหามค่ำกลัวว่าร่างกายจะไม่ไหวเอา
"กูอยากรีบทำให้เสร็จๆ ไป" ชายหนุ่มบอกออกไปเพียงแค่นั้นและลูกน้องคนสนิทอย่างพายัพย่อมรู้ดีว่าเจ้านายหมายถึงอะไร คิดได้ดังนั้นจึงขอตัวกลับไปพักผ่อนเอาแรงก่อนที่จะถึงนัดสำคัญคืนนี้
ทางด้านอิงดาวที่ตอนนี้นอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังกลับจากทำงานที่ผับ
"ไหนบอกให้เรารับสายด้วย จนป่านนี้ยังไม่เห็นโทรมาสักสายนี่ก็หายเงียบไปจะครบ 24 ชั่วโมงแล้วนะ" เด็กสาวบ่นพึมพำให้กับโทรศัพท์เครื่องหรูที่ตอนนี้หน้าจอดับสนิทไร้ซึ่งเสียงแจ้งเตือนใดๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือสายเรียกเข้า
ทางด้านลีออนที่ตอนนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างไม่ลดละราวกับว่าร่างกายนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยระบบพิเศษที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง หรือถ้าเปรียบเป็นแบตเตอรี่ก็คงจะเป็นประเภทอึดทนนานชนิดพิเศษ แต่ระหว่างนั่งทำงานอยู่นั้นบางครั้งสายตาก็แอบชำเลืองมองที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดภาพเคลื่อนไหวอะไรสักอย่างไว้
"อยากโทรหาเธอนะเด็กน้อยแต่ฉันกลัวว่าถ้าโทรไปแล้วจะไม่อยากวางสาย เพราะงานที่กองอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้มันเยอะมากเหลือเกิน" ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์ที่ตอนนี้กำลังฉายภาพเคลื่อนไหวที่มีเด็กสาวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาและพูดอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ จนชายหนุ่มจำต้องกดปิดหน้าจอและกลับมาสนใจงานตรงหน้าเพราะภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าค่อนข้างทำให้ตนเสียสมาธิไม่น้อย
ด้วยความเหนื่อยล้าที่ร่างกายถูกใช้งานหนักมาทั้งวันส่งผลให้เด็กสาวเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาต่อมาและหลับสนิทจนถึงเช้า ร่างบางงัวเงียตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
มือเรียวเล็กเลื่อนไปกดปิดก่อนที่จะยกตัวตื่นสาวเท้าเล็กเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปเรียนในเช้าวันนี้ ระหว่างกำลังเก็บของยัดใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้น
‘กระโปรงสั้นไปไหม กลับไปจะเผาทิ้งให้หมดเลยตัวก็สั้นยังจะใส่กระโปรงสั้นอีกยัยเด็กอ้วน’ อิงดาวเผลอยิ้มให้กับข้อความที่พึ่งเปิดอ่านทั้งที่ความจริงเธอควรจะโมโหที่มีคนมายุ่งกับเรื่องการแต่งตัวของเธอเพราะปกติอิงดาวไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องการแต่งตัวหรือของใช้ส่วนตัวเพราะเธอคิดว่าเธอสามารถตัดสินใจเองได้ว่าร่างกายเธอควรจะสวมใส่แบบไหนที่จะดูดีและเหมาะสม
‘พักผ่อนบ้างนะคะ’ เด็กสาวกดพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนจะเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าและเดินลงไปชั้นล่างที่มีเจมือซ้ายคนสนิทของเมกะมารอรับส่งเธอตั้งแต่เช้า
“ยัยเด็กบ้า” ชายหนุ่มยิ้มให้โทรศัพท์อยู่สักพักพายัพจึงพูดขึ้นขัดความสุขของเจ้านาย
"วันนี้เจเป็นคนไปรับคุณอิงดาวกับคุณอิงฟ้าไปส่งที่มหาลัยครับ"
"กูไม่ได้ตาบอดพายัพ ถ้าวันหลังมึงไม่มีอะไรจะพูดก็ยืนอยู่เฉยๆ"