Share

8

Author: RainyStarSea
last update Huling Na-update: 2025-08-25 01:43:40

อวิ๋นซินเยว่นอนนิ่งอยู่บนเตียงภายใต้ม่านแพรปักลายเมฆสีฟ้าอ่อน แสงตะวันยามสายสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ขับไล่ความมืดมิดของคืนที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น ทั่วร่างยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่สติของเธอกลับแจ่มชัดอย่างน่าประหลาด เสียงกระซิบของระบบก้องอยู่ในหัว แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉย เพราะในห้วงความคิดยามนี้ มีเพียงภาพของบุรุษผู้หนึ่งที่เข้ามาครอบครองเต็มพื้นที่

ภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดสติไป ปรากฎใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดวงตาดำสนิทที่เธอไม่เคยเห็นความอ่อนไหวใด ๆ บัดนี้กลับมีประกายความตื่นตระหนกแฝงอยู่ อ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่อุ้มเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอมและมือที่ป้อนยาให้เธอด้วยตัวเองนั่นไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบในฐานะจักรพรรดิ…แต่เป็นความห่วงใยที่จริงใจจากส่วนลึกในใจของอวี้เหยียน

เธอรู้สึกได้ว่าภายใต้กำแพงน้ำแข็งที่แข็งแกร่งและสูงใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองนั้น ได้พังทลายลงไปเพียงชั่วคราวจากการกระตุ้นของยาปริศนา...และการกระทำที่เปลี่ยนไปของเธอ

“เสี่ยวหลิง” เธอเรียกด้วยเสียงแผ่ว

[หม่าม๊า! ในที่สุดก็ตื่น! ค่าความเสี่ยงลดลงเหลือ 10%! ฝ่าบาทกำลังอารมณ์ดี ห้ามทำพลาดอีกนะ!]

เสี่ยวหลิงโผล่ร่างโฮโลแกรมออกมา นั่งคุกเข่าข้าง ๆ เธอบนเตียงด้วยสีหน้ากังวล

“ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง” อวิ๋นซินเยว่ลุกขึ้นนั่งพิงหมอนใบใหญ่ นัยน์ตาหงส์ที่เคยพร่ามัวยามนี้กลับเจิดจรัสไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น เธอต้องใช้โอกาสนี้ ‘รักษา’ บาดแผลในใจของเขาอย่างจริงจัง

[ทำยังไงครับ?]

“เขาไม่เคยมี ‘บ้าน’ เขาไม่มี ‘ความอบอุ่น’ ในวัยเด็ก” เธอพึมพำ “เขาถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บและสายฝนเพียงลำพังมานานเกินไปแล้ว ภารกิจต่อไปคือ…การให้ความรู้สึกนั้นกับเขา” อวิ๋นซินเยว่ลุกจากเตียง พลางเรียกให้จื่อเยว่เข้ามาปรนนิบัติการแต่งกายอย่างเร่งด่วน

“จื่อเยว่...วันนี้ข้าจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกครั้ง” จื่อเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“ฮองเฮาเพคะ! พระอาการเพิ่งจะดีขึ้น…อย่าได้ตรากตรำเลยเพคะ!”

“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้กำลังตัวเองดี” อวิ๋นซินเยว่แย้มรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

“วันนี้ข้าจะทำ ‘โจ๊กไก่ตุ๋นยาจีน’ ใส่โสมชั้นดีที่ฝ่าบาทเคยมอบให้ และต้องเป็นข้าวต้มที่อบอุ่นที่สุดในแคว้นอวี้!”

[ติ๊ง! มิชชันเปิดใช้งาน: ข้าวต้มปลอบขวัญ (Healing Congee)!ความเสี่ยง: ต่ำ! โอกาสก้าวหน้าทางความสัมพันธ์: สูง!

คำแนะนำ: ส่งมอบด้วยตนเองที่ตำหนักเฉียนชิง!]

ภายในห้องเครื่องตำหนักคุนหนิง ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เหล่าสาวใช้ที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีที่สุด (เนื่องจากเหตุการณ์สยองขวัญของฝูซินทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่น) หลินซินเยว่ยืนอยู่หน้าเตาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเธอใช้ ‘สกิลข้าวกล่องฮองเฮา’ ที่ปลดล็อกมา ทำให้การทำอาหารที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย โจ๊กขาวเนียนละเอียดถูกเคี่ยวจนแตกตัวเข้ากับน้ำซุปไก่ที่ตุ๋นกับเครื่องยาจีนหอมหวลอย่างลงตัว กลิ่นหอมกรุ่นของโสมและสมุนไพรลอยอบอวลไปทั่วห้องเครื่อง

“ความหอมนี่...ต้องทำให้พระองค์รู้สึกถึง ‘ความปลอดภัย’ ‘ความอ่อนโยน’ ไม่ใช่แค่ความหรูหราของวังหลวง” หลินซินเยว่พึมพำกับตัวเอง เธอสั่งให้ตักโจ๊กใส่ถ้วยเคลือบสีขาวใบเล็กอย่างพิถีพิถัน โรยหน้าด้วยขิงซอยและผักชีเล็กน้อย จัดวางไว้ในกล่องไม้ชั้นดีที่มีตราประทับของฮองเฮา

“ฮองเฮาเพคะ…” จื่อเยว่เอ่ยด้วยความกังวลเมื่อเห็นเจ้านายเดินถือกล่องอาหารด้วยตัวเอง

“ข้าจะไปเอง” หลินซินเยว่ตัดสินใจเด็ดขาด

“ในสถานการณ์แบบนี้ ‘อาหาร’ คือสะพานเชื่อมที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องนำความจริงใจนี้ไปให้เขาด้วยมือของข้าเอง”

.......

ตำหนักเฉียนชิงยามบ่ายแก่ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดและบรรยากาศตึงเครียด ขันทีและองครักษ์ต่างยืนนิ่งดุจรูปสลัก ท่ามกลางเอกสารกองมหึมาที่สูงท่วมหัวหลังโต๊ะทรงงาน อวี้เหยียนนั่งทำงานด้วยสีหน้าอ่อนล้าและเย็นชาเหมือนเดิมพระพักตร์ของเขาเคร่งเครียด แววตาคมกริบจ้องมองตัวอักษรบนฎีกา แต่ในความจริง... ห้วงความคิดของเขากำลังสับสนวุ่นวาย ภาพใบหน้าแดงก่ำของนางที่พร่ำเพ้อ และรอยเลือดสด ๆ ที่เปรอะเปื้อนเสื้อคลุมมังกร ยังคงฉายซ้ำอยู่ในความทรงจำไม่ขาดสาย

“ฮองเฮาเสด็จ!” เสียงของขันทีอี้จิ้งที่เฝ้าหน้าตำหนักดังขึ้นด้วยความประหลาดใจอวี้เหยียนชะงักมือที่กำลังเขียนอักษร ดวงตาตวัดมองไปยังประตูอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ต่างจากทุกครั้งที่เขาจะแสดงความไม่พอใจร่างของอวิ๋นซินเยว่ก้าวเข้ามาในชุดสีอ่อน ใบหน้ายังดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอมุ่งมั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เธอก้าวตรงเข้าไปหาโต๊ะทรงงานของเขา โดยมีจื่อเยว่คุกเข่ารออยู่ด้านนอก

“คารวะฝ่าบาท” เธอทำความเคารพอย่างนอบน้อม แต่สายตาที่ส่งไปหาเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่เธอไม่อาจซ่อนได้

“เจ้า...ควรพักอยู่ในตำหนักคุนหนิง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงยังเย็นชา แต่มีร่องรอยของการตำหนิที่แฝงความกังวลอย่างชัดเจนอวิ๋นซินเยว่ไม่รอช้า เธอวางกล่องไม้ชั้นดีลงบนโต๊ะข้างกองเอกสารอย่างกล้าหาญ ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีใครเคยกล้าวางสิ่งใดมาก่อน

“หม่อมฉันนำ ‘โจ๊กไก่ตุ๋นยาจีน’ มาถวายเพคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“หม่อมฉันทราบว่าฝ่าบาทต้องตรากตรำพระวรกายเพื่อดูแลแคว้น จนไม่ได้พักผ่อน แม้เมื่อคืน…หม่อมฉันจะประชวร พระองค์ก็ยังทรงสละเวลามาดูแลด้วยพระองค์เอง หม่อมฉันจึงอยากทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเพคะ”เธอเปิดกล่องไม้ เผยให้เห็นถ้วยโจ๊กที่ส่งไอร้อนกรุ่นออกมา กลิ่นหอมของโสมและไก่ลอยเข้ามาในกระแสลม ดึงดูดความรู้สึกของบุรุษผู้เย็นชาให้ผ่อนคลายลงอย่างไม่ตั้งใจอวี้เหยียนจ้องมองโจ๊กในถ้วยนั้นนิ่ง ๆ โจ๊กสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีทองอ่อน ๆ ของน้ำซุปไก่ และสมุนไพรที่เธอคัดสรรมาอย่างดี มันเป็นภาพที่เรียบง่าย แต่กลับสื่อถึงความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้รับตั้งแต่ยังเยาว์วัย

“หม่อมฉันลงมือทำเองเพคะ” เธอกล่าวต่ออย่างแผ่วเบา “ข้าวต้มนี้จะช่วยบำรุงพระวรกาย และช่วยเติมเต็มพลังงานที่ขาดหายไปได้เพคะ”เขายังคงไม่ตอบคำใด ความเงียบในห้องกดทับจนหนักอึ้ง อวี้เหยียนยกมือขึ้นแล้วเลื่อนเอกสารกองหนึ่งออกไป ก่อนจะหยิบถ้วยโจ๊กขึ้นมาถือไว้

“ทำไม…ถึงเป็นข้าวต้ม” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แววตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับพยายามค้นหาความจริงใจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความอ่อนโยนนี้นี่คือโอกาสของเธอ! อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะใช้ความลับเกี่ยวกับอดีตของจักรพรรดิที่เสี่ยวหลิงเผยออกมาในตอนที่นางสำเร็จภารกิจครั้งก่อน

“เพราะ ‘ข้าวต้ม’ เป็นอาหารที่ง่ายที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และอ่อนโยนต่อร่างกายที่สุดเพคะ มันคืออาหารที่สื่อถึงความปลอดภัย...ความอิ่มเอมใจ และความอบอุ่นที่ได้จากบ้าน”

“และในยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ไม่ว่าใครก็ต้องการความอบอุ่นแบบนี้เพคะ” เธอสบตาเขาอย่างแน่วแน่

“หม่อมฉันทราบดีว่า...ฝ่าบาทต้องแบกรับภาระหนักหนา ความอ่อนล้าในพระวรกาย หม่อมฉันหวังเพียงว่า...อาหารร้อน ๆ ถ้วยนี้จะช่วยปลอบประโลมพระองค์ได้บ้างเพคะ”คำพูดของเธอไม่ได้พูดถึงอดีตของเขาโดยตรง แต่ทุกคำกลับแทงทะลุกำแพงน้ำแข็งในใจเขา

ความอบอุ่น...ความปลอดภัย...ยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บภาพความทรงจำในวัยเด็กที่เธอมองเห็นกลับฉายซ้อนขึ้นมาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

ภาพเด็กชายตัวเล็ก ๆ นั่งกอดตุ๊กตามังกรถูกเหยียบย่ำท่ามกลางสายฝนที่สาดซัดอวี้เหยียนนิ่งงันไปนาน... ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาคมกริบสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน ความโกรธ ความเข้าใจ และความโดดเดี่ยวที่ถูกเปิดเผย

แต่แล้ว...เขาก็ยอมยกช้อนขึ้นตักโจ๊กเข้าปาก คำแรก คำที่สอง...กลิ่นหอมของโสมผสานกับความนุ่มละมุนของโจ๊ก แผ่ซ่านความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่าง โจ๊กถ้วยนี้มีรสชาติของความจริงใจ รสชาติที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองในวังหลวงแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานก็จัดการโจ๊กในถ้วยจนหมดเกลี้ยง

เงียบ! ไม่มีคำติชม! ไม่มีคำพูดใด ๆ! แต่ความว่างเปล่าในถ้วยนั้น...คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอวิ๋นซินเยว่ดีใจจนแทบจะกรี๊ดออกมา ความพยายามของเธอประสบความสำเร็จ!

[มิชชัน: ข้าวต้มปลอบขวัญสำเร็จ!

คะแนนอบอุ่นหัวใจ +20!]

อวี้เหยียนวางถ้วยโจ๊กลงอย่างแผ่วเบา เสียงถ้วยกระทบโต๊ะดังแผ่ว...แต่กลับหนักแน่นในความรู้สึกของอวิ๋นซินเยว่พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้น จ้องมองนางด้วยดวงตาที่ลุ่มลึกและมืดมิดกว่าครั้งใด ความเย็นชาถูกแทนที่ด้วยแรงอารมณ์บางอย่างที่รุนแรงจนน่ากลัว

“เจ้า…พูดคำเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า แต่ละคำหนักแน่นราวกับค้อนที่ทุบลงบนแผ่นหิน

“หม่อมฉัน…หม่อมฉันเพียงแค่ห่วงใยฝ่าบาทเพคะ” เธอตอบด้วยความระมัดระวัง แต่ในใจเริ่มตื่นตระหนกทันใดนั้น พระหัตถ์เรียวยาวที่เย็นเฉียบก็เอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น! แรงบีบรุนแรงราวกับคีมเหล็ก

“เจ้า…กำลังวางแผนอะไรกับข้าอีก?” อวี้เหยียนถามด้วยเสียงที่กดต่ำจนสั่นเครือ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจที่ฝังลึก แต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่เธอกระตุ้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “เจ้าต้องการอะไรจากข้าอีก! เจ้าคิดว่าข้าวต้มถ้วยเดียวจะล้างความชิงชังที่ข้ามีต่อเจ้าได้หมดสิ้นหรือ!”

อวิ๋นซินเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่เมื่อสบสายตาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา เธอกลับไม่ยอมหลบหนี

“หม่อมฉันไม่ได้วางแผนอะไรเพคะ! หม่อมฉันเพียงหวังให้พระองค์ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป!” เธอสวนกลับด้วยความจริงใจ คำพูดนั้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

[ติ๊ง! อัปเดตคลื่นหัวใจฝ่าบาท: เพิ่ม 5.0 องศา!

**คำเตือนระดับสูงสุด!** ระบบแจ้งเตือน! **ฝ่าบาทเข้าใกล้ระดับ "รักครั้งแรก"

ระบบหัวใจกำลังทำงานหนักเกินพิกัด!]

“พอแล้ว!” เสียงอวี้เหยียนตะคอกใส่ แรงบดขยี้ที่ข้อมือเพิ่มขึ้น แววตาของเขาพร่ามัวไปด้วยความโกรธและความสับสน ราวกับบุรุษผู้แข็งแกร่งกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่อ่อนแอที่สุดในชีวิต

“เจ้ากล้า! กล้าดียังไงถึงมาเข้าใจข้า!”เขาดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายโน้มลงมาอย่างรวดเร็ว ลมหายใจร้อนผ่าวของเขากระทบผิวหน้าเธอ ราวกับว่ากำลังจะจูบนาง...หรือ...ฉีกร่างนางให้เป็นชิ้น ๆ

“...อวี้เหยียน” เธอเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบาวินาทีนั้น...ทุกสิ่งหยุดนิ่ง!พระองค์ชะงัก! ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดกลางอก ไม่มีผู้ใดในวังหลวงที่กล้าเอ่ยนามของจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหดนี้ออกมาตรง ๆ เช่นนี้!

อวี้เหยียนปล่อยข้อมือของเธอ แล้วใช้มือทั้งสองข้างบีบเข้าที่บ่าของเธอแน่น เขาก้มลงมา...ริมฝีปากของเขาห่างจากริมฝีปากของเธอเพียงเสี้ยวลมหายใจ... ก่อนจะเอ่ยเสียงที่สั่นพร่าที่สุดในชีวิตออกมา

“เจ้า…ต้องการให้ข้าทำลายเจ้าใช่หรือไม่!?”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   22

    ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้นอวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”][อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%][สถานะ: ไม่คงที่]เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ[ระ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   21

    ยามเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางในชุดทางการสีดำแดง อวี้เหยียนประทับอยู่เบื้องบน แสงเช้าสะท้อนบนฉลองพระองค์ทองเข้มจนแสบตา ใต้แสงนั้น พระเนตรคมเหมือนคมมีด ไม่มีใครกล้ามองตรง ๆ เลยสักคนเดียว “เริ่มประชุม” พระสุรเสียงเย็นเรียบ เสนาบดีฝ่ายซ้ายคำนับ “กราบทูลฝ่าบาทรายงานข่าวจากชายแดนเหนือ พบว่ากองทัพของเสนาบดีอวิ๋นเคลื่อนกำลังเกินแนวลาดตระเวนตามสัญญา...จึงขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังในหมู่ขุนนาง “ข่าวแน่นะ?” “ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าตระกูลอวิ๋นมีการเก็บเสบียงเพิ่ม" แต่ก่อนเสียงจะขยายออกไป ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็ถูกผลักเปิดออก ปัง! เสียงนั้นดังพอให้ทุกคนหันมองและสิ่งที่เห็น...ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ร่างสะโอดสะองในชุดผ้าแพรสีงาช้าง ก้าวเข้ามาช้า ๆ ใบหน้างามนั้นสงบ แววตาแน่วแน่ ทุกฝีเท้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ปนความท้าทาย “ฮองเฮา!?” “พระองค์ทรง..” "นางมาทำอะไรที่นี่" "นี่มันผิดธรรมเนียมนะ ใครปล่อยให้พระนางเข้ามา" เสียงขุนนางหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน เหวินหรงแทบจะถลาออกมา “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ที่นี่..” “ท้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   20

    สายลมต้นฤดูหนาวพัดกรูเข้ามาตามเฉลียง ธงราชสำนักปลิวแรงจนผ้าสีทองสะบัดเหมือนเปลวเพลิง ขันทีหลวงคุกเข่ากลางโถงตำหนักคุนหนิง เสียงประกาศก้องดังสะท้อน “พระราชโองการจากฝ่าบาท ให้ซูกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแลกิจการวังหลังทั้งหมด จนกว่าฮองเฮาจะฟื้นพระพลานามัยอย่างสมบูรณ์ พระราชโองการนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” เสียงแผ่นทองคำสลักพระนามกระทบกันเบา ๆ เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอม ดวงหน้าสงบจนผิดธรรมชาติ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางกำนัลสองคนที่คอยอยู่ข้างหลังเริ่มตัวสั่น “ฝ่าบาท...หมายความว่า...” เสียงพวกนางขาดหายเมื่อฮองเฮามองมาททงพวกนาง “วังนี้ช่างเมตตานัก” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าเพียงล้มป่วยไม่กี่วัน ก็มีคนมาช่วยแบ่งภาระ” ขันทีที่ถือพระราชโองการอยู่แทบกลั้นหายใจ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีถ้วยชาแตก ไม่มีคำปฏิเสธ มีเพียงรอยยิ้มบางบนริมฝีปากที่สงบจนน่ากลัว “ถวายพระพรฝ่าบาท” เธอกล่าวช้า ๆ “หม่อมฉันจะปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด” เสียงของเธออ่อนโยน แต่แววตาในยามที่มองพระราชโองการนั้นเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง ราวกับเธอมองกระดาษทองคำแผ่นนั้นเป็นเพียง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   19

    เสียงฝนหยุดลงในยามเกือบรุ่งเหลือเพียงกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหมยขาวที่ยังติดอยู่ในอากาศ เงาในตำหนักหลวงยาวเหยียด และพระองค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหวินหรงก้าวเข้ามาช้า ๆ “ฝ่าบาท...ทรงควรเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝนหยุดแล้ว” ไม่มีคำตอบ เพียงพระหัตถ์ที่ยกขึ้นช้า ๆ มองรอยเลือดบนฝ่ามือของตนเอง รอยที่เกิดจากเล็บจิกแน่นเมื่อครู่ หยดเลือดเล็ก ๆ ตกลงบนพื้นหิน เย็นและหนักเหมือนความเงียบที่กดทับอยู่ในอก “เหวินหรง” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” “เจ้ารู้ไหม...ตอนที่นางพูดว่า ‘หม่อมฉันเพียงไม่อยากอยู่ในโลกที่ฝ่าบาทไม่ไว้ใจ’” พระสุรเสียงนั้นเบา ราวกระซิบให้ตัวเองฟัง “ข้ารู้สึก...เหมือนถูกใครสักคนบีบคอ” เหวินหรงนิ่งงัน “ฝ่าบาท...นางพูดด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ” “ใจจริงงั้นหรือ” อวี้เหยียนหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นขมจนเจ็บ “ใจจริงของนาง...หรือใจของข้าที่อยากเชื่อจนโง่” พระองค์ทรุดลงนั่งบนขั้นบัลลังก์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับขมับ “เหวินหรง เจ้าเคยรู้ไหม เวลาคนพยายามไม่รู้สึกอะไร...มันเหนื่อยยิ่งกว่าการแสดงออกไปตรง ๆ มันหนักหนาเสียยิ่งกว่าการสู้รบเสียอีก” “พ่ะย่ะค่ะ...” ขันทีเฒ่าก้มต่ำ “ข้าคือจักรพรรดิ.

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   18

    อวิ๋นซินเยว่ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะเสียใจขนาดนี้ จนกระทั่งเสี่ยวหลิงทักนั่นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว [หม่าม๊า ร้องไห้ทำไมครับ] เด็กชายในรูปลักษณ์โฮโลแกรมลอยเข้ามาประชิดร่างของหญิงสาวที่ขณะนี้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาและใบหน้าของตัวเองอย่างลวก ๆ "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" [ถ้าหากหม่าม๊าหมายถึงฝ่าบาทแล้วล่ะก็ ผมจะตรวจสอบให้ครับ ... .. . สถานะความชอบ 5 แต้ม ความไว้วางใจ -1 มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของร่างโฮสต์ที่หม่าม้าอยู่ตอนนี้ครับ] "อันตรายมากจริง ๆ เฮ้ออ ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ได้ไม่นาน และยังไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาที่เป็นครอบครัวของฮองเฮาเลยสักนิด แต่จากที่อยู่ในร่างนี้และโลกนี้มา นางก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เลือกสามีผิดล่ะนะ" [หม่าม๊าจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ หญิงสาวในยุคนี้ไม่ได้เหมือนหญิงสาวในยุคของหม่าม๊า พวกนางไม่สามารถเลือกชีวิตตนเองได้ ครอบครัวอย่างพ่อแม่เป็นคนเลือกให้ และผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกผู้หญิง] "เฮ้ออ เอาเถอะ มาคิดหาทางรอดให้พวกเขากันดีกว่า ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ไม้แข็งเลยละกัน" อวิ๋นซินเยว่พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็ม

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   17

    ความเงียบในทางเดินหินของตำหนักหลวงนั้นหนาวกว่าฝนด้านนอก เสียงพระสุรเสียงของจักรพรรดิอวี้เหยียนยังสะท้อนอยู่ในหัว ของอวิ๋นซินเยว่ชัดจนแทบจับน้ำเสียงขุ่นเคืองภายใต้ความเย็นชานั้นได้ “ข้าไม่เคยไว้ใจนาง...ต่อให้ต้องสูญเสียทุกสิ่ง ก็จะไม่ยอมอ่อนแอเพราะนาง” เพียงคำเดียว...อวิ๋นซินเยว่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับบนอกเธออย่างเฉียบพลัน ปลายนิ้วที่เคยสัมผัสดอกเหมยขาวเมื่อวันก่อนสั่นน้อย ๆ ดอกไม้นั้น...ตอนนี้เหมือนสิ่งโง่เขลาที่เธอเผลอเก็บไว้หวังแทนหัวใจคนอื่น ดอกเหมยที่ครั้งก่อนชายคนนั้นเพิ่งมอบมันให้เธอ เสี่ยวหลิงส่งเสียงในหัวทันที [ระดับอารมณ์ของจักรพรรดิอวี้เหยียนแปรปรวนเกินค่ามาตรฐาน 78%] [คำเตือน: หากความสัมพันธ์ทรุดต่ำกว่าค่าความเชื่อมั่น 10 หน่วย ภารกิจ “ฟื้นฟูพระเอก” จะเข้าสู่สถานะล้มเหลว] อวิ๋นซินเยว่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงนั้นแตกพร่าเหมือนแก้วร้าว “ภารกิจล้มเหลวเหรอ...” เธอพึมพำ “หนูคิดว่าโลกนี้จะพังเพราะโค้ดของหนูเหรอ? ไม่...มันพังเพราะหัวใจของคนโง่อย่างฉันนี่แหละ” เธอก้าวออกจากทางเดินแคบ ๆ สู่อากาศเย็นจัดข้างนอก พระจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก หยดฝนเริ่มร่วงช้า ๆ แตะหน้าผ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status