Share

8

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-08-25 01:43:40

อวิ๋นซินเยว่นอนนิ่งอยู่บนเตียงภายใต้ม่านแพรปักลายเมฆสีฟ้าอ่อน แสงตะวันยามสายสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ขับไล่ความมืดมิดของคืนที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น ทั่วร่างยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่สติของเธอกลับแจ่มชัดอย่างน่าประหลาด เสียงกระซิบของระบบก้องอยู่ในหัว แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉย เพราะในห้วงความคิดยามนี้ มีเพียงภาพของบุรุษผู้หนึ่งที่เข้ามาครอบครองเต็มพื้นที่

ภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดสติไป ปรากฎใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดวงตาดำสนิทที่เธอไม่เคยเห็นความอ่อนไหวใด ๆ บัดนี้กลับมีประกายความตื่นตระหนกแฝงอยู่ อ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่อุ้มเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอมและมือที่ป้อนยาให้เธอด้วยตัวเองนั่นไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบในฐานะจักรพรรดิ…แต่เป็นความห่วงใยที่จริงใจจากส่วนลึกในใจของอวี้เหยียน

เธอรู้สึกได้ว่าภายใต้กำแพงน้ำแข็งที่แข็งแกร่งและสูงใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองนั้น ได้พังทลายลงไปเพียงชั่วคราวจากการกระตุ้นของยาปริศนา...และการกระทำที่เปลี่ยนไปของเธอ

“เสี่ยวหลิง” เธอเรียกด้วยเสียงแผ่ว

[หม่าม๊า! ในที่สุดก็ตื่น! ค่าความเสี่ยงลดลงเหลือ 10%! ฝ่าบาทกำลังอารมณ์ดี ห้ามทำพลาดอีกนะ!]

เสี่ยวหลิงโผล่ร่างโฮโลแกรมออกมา นั่งคุกเข่าข้าง ๆ เธอบนเตียงด้วยสีหน้ากังวล

“ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง” อวิ๋นซินเยว่ลุกขึ้นนั่งพิงหมอนใบใหญ่ นัยน์ตาหงส์ที่เคยพร่ามัวยามนี้กลับเจิดจรัสไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น เธอต้องใช้โอกาสนี้ ‘รักษา’ บาดแผลในใจของเขาอย่างจริงจัง

[ทำยังไงครับ?]

“เขาไม่เคยมี ‘บ้าน’ เขาไม่มี ‘ความอบอุ่น’ ในวัยเด็ก” เธอพึมพำ “เขาถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บและสายฝนเพียงลำพังมานานเกินไปแล้ว ภารกิจต่อไปคือ…การให้ความรู้สึกนั้นกับเขา” อวิ๋นซินเยว่ลุกจากเตียง พลางเรียกให้จื่อเยว่เข้ามาปรนนิบัติการแต่งกายอย่างเร่งด่วน

“จื่อเยว่...วันนี้ข้าจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกครั้ง” จื่อเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“ฮองเฮาเพคะ! พระอาการเพิ่งจะดีขึ้น…อย่าได้ตรากตรำเลยเพคะ!”

“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้กำลังตัวเองดี” อวิ๋นซินเยว่แย้มรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

“วันนี้ข้าจะทำ ‘โจ๊กไก่ตุ๋นยาจีน’ ใส่โสมชั้นดีที่ฝ่าบาทเคยมอบให้ และต้องเป็นข้าวต้มที่อบอุ่นที่สุดในแคว้นอวี้!”

[ติ๊ง! มิชชันเปิดใช้งาน: ข้าวต้มปลอบขวัญ (Healing Congee)!ความเสี่ยง: ต่ำ! โอกาสก้าวหน้าทางความสัมพันธ์: สูง!

คำแนะนำ: ส่งมอบด้วยตนเองที่ตำหนักเฉียนชิง!]

ภายในห้องเครื่องตำหนักคุนหนิง ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เหล่าสาวใช้ที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีที่สุด (เนื่องจากเหตุการณ์สยองขวัญของฝูซินทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่น) หลินซินเยว่ยืนอยู่หน้าเตาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเธอใช้ ‘สกิลข้าวกล่องฮองเฮา’ ที่ปลดล็อกมา ทำให้การทำอาหารที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย โจ๊กขาวเนียนละเอียดถูกเคี่ยวจนแตกตัวเข้ากับน้ำซุปไก่ที่ตุ๋นกับเครื่องยาจีนหอมหวลอย่างลงตัว กลิ่นหอมกรุ่นของโสมและสมุนไพรลอยอบอวลไปทั่วห้องเครื่อง

“ความหอมนี่...ต้องทำให้พระองค์รู้สึกถึง ‘ความปลอดภัย’ ‘ความอ่อนโยน’ ไม่ใช่แค่ความหรูหราของวังหลวง” หลินซินเยว่พึมพำกับตัวเอง เธอสั่งให้ตักโจ๊กใส่ถ้วยเคลือบสีขาวใบเล็กอย่างพิถีพิถัน โรยหน้าด้วยขิงซอยและผักชีเล็กน้อย จัดวางไว้ในกล่องไม้ชั้นดีที่มีตราประทับของฮองเฮา

“ฮองเฮาเพคะ…” จื่อเยว่เอ่ยด้วยความกังวลเมื่อเห็นเจ้านายเดินถือกล่องอาหารด้วยตัวเอง

“ข้าจะไปเอง” หลินซินเยว่ตัดสินใจเด็ดขาด

“ในสถานการณ์แบบนี้ ‘อาหาร’ คือสะพานเชื่อมที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องนำความจริงใจนี้ไปให้เขาด้วยมือของข้าเอง”

.......

ตำหนักเฉียนชิงยามบ่ายแก่ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดและบรรยากาศตึงเครียด ขันทีและองครักษ์ต่างยืนนิ่งดุจรูปสลัก ท่ามกลางเอกสารกองมหึมาที่สูงท่วมหัวหลังโต๊ะทรงงาน อวี้เหยียนนั่งทำงานด้วยสีหน้าอ่อนล้าและเย็นชาเหมือนเดิมพระพักตร์ของเขาเคร่งเครียด แววตาคมกริบจ้องมองตัวอักษรบนฎีกา แต่ในความจริง... ห้วงความคิดของเขากำลังสับสนวุ่นวาย ภาพใบหน้าแดงก่ำของนางที่พร่ำเพ้อ และรอยเลือดสด ๆ ที่เปรอะเปื้อนเสื้อคลุมมังกร ยังคงฉายซ้ำอยู่ในความทรงจำไม่ขาดสาย

“ฮองเฮาเสด็จ!” เสียงของขันทีอี้จิ้งที่เฝ้าหน้าตำหนักดังขึ้นด้วยความประหลาดใจอวี้เหยียนชะงักมือที่กำลังเขียนอักษร ดวงตาตวัดมองไปยังประตูอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ต่างจากทุกครั้งที่เขาจะแสดงความไม่พอใจร่างของอวิ๋นซินเยว่ก้าวเข้ามาในชุดสีอ่อน ใบหน้ายังดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอมุ่งมั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เธอก้าวตรงเข้าไปหาโต๊ะทรงงานของเขา โดยมีจื่อเยว่คุกเข่ารออยู่ด้านนอก

“คารวะฝ่าบาท” เธอทำความเคารพอย่างนอบน้อม แต่สายตาที่ส่งไปหาเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่เธอไม่อาจซ่อนได้

“เจ้า...ควรพักอยู่ในตำหนักคุนหนิง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงยังเย็นชา แต่มีร่องรอยของการตำหนิที่แฝงความกังวลอย่างชัดเจนอวิ๋นซินเยว่ไม่รอช้า เธอวางกล่องไม้ชั้นดีลงบนโต๊ะข้างกองเอกสารอย่างกล้าหาญ ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีใครเคยกล้าวางสิ่งใดมาก่อน

“หม่อมฉันนำ ‘โจ๊กไก่ตุ๋นยาจีน’ มาถวายเพคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“หม่อมฉันทราบว่าฝ่าบาทต้องตรากตรำพระวรกายเพื่อดูแลแคว้น จนไม่ได้พักผ่อน แม้เมื่อคืน…หม่อมฉันจะประชวร พระองค์ก็ยังทรงสละเวลามาดูแลด้วยพระองค์เอง หม่อมฉันจึงอยากทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเพคะ”เธอเปิดกล่องไม้ เผยให้เห็นถ้วยโจ๊กที่ส่งไอร้อนกรุ่นออกมา กลิ่นหอมของโสมและไก่ลอยเข้ามาในกระแสลม ดึงดูดความรู้สึกของบุรุษผู้เย็นชาให้ผ่อนคลายลงอย่างไม่ตั้งใจอวี้เหยียนจ้องมองโจ๊กในถ้วยนั้นนิ่ง ๆ โจ๊กสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีทองอ่อน ๆ ของน้ำซุปไก่ และสมุนไพรที่เธอคัดสรรมาอย่างดี มันเป็นภาพที่เรียบง่าย แต่กลับสื่อถึงความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้รับตั้งแต่ยังเยาว์วัย

“หม่อมฉันลงมือทำเองเพคะ” เธอกล่าวต่ออย่างแผ่วเบา “ข้าวต้มนี้จะช่วยบำรุงพระวรกาย และช่วยเติมเต็มพลังงานที่ขาดหายไปได้เพคะ”เขายังคงไม่ตอบคำใด ความเงียบในห้องกดทับจนหนักอึ้ง อวี้เหยียนยกมือขึ้นแล้วเลื่อนเอกสารกองหนึ่งออกไป ก่อนจะหยิบถ้วยโจ๊กขึ้นมาถือไว้

“ทำไม…ถึงเป็นข้าวต้ม” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แววตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับพยายามค้นหาความจริงใจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความอ่อนโยนนี้นี่คือโอกาสของเธอ! อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะใช้ความลับเกี่ยวกับอดีตของจักรพรรดิที่เสี่ยวหลิงเผยออกมาในตอนที่นางสำเร็จภารกิจครั้งก่อน

“เพราะ ‘ข้าวต้ม’ เป็นอาหารที่ง่ายที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และอ่อนโยนต่อร่างกายที่สุดเพคะ มันคืออาหารที่สื่อถึงความปลอดภัย...ความอิ่มเอมใจ และความอบอุ่นที่ได้จากบ้าน”

“และในยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ไม่ว่าใครก็ต้องการความอบอุ่นแบบนี้เพคะ” เธอสบตาเขาอย่างแน่วแน่

“หม่อมฉันทราบดีว่า...ฝ่าบาทต้องแบกรับภาระหนักหนา ความอ่อนล้าในพระวรกาย หม่อมฉันหวังเพียงว่า...อาหารร้อน ๆ ถ้วยนี้จะช่วยปลอบประโลมพระองค์ได้บ้างเพคะ”คำพูดของเธอไม่ได้พูดถึงอดีตของเขาโดยตรง แต่ทุกคำกลับแทงทะลุกำแพงน้ำแข็งในใจเขา

ความอบอุ่น...ความปลอดภัย...ยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บภาพความทรงจำในวัยเด็กที่เธอมองเห็นกลับฉายซ้อนขึ้นมาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

ภาพเด็กชายตัวเล็ก ๆ นั่งกอดตุ๊กตามังกรถูกเหยียบย่ำท่ามกลางสายฝนที่สาดซัดอวี้เหยียนนิ่งงันไปนาน... ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาคมกริบสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน ความโกรธ ความเข้าใจ และความโดดเดี่ยวที่ถูกเปิดเผย

แต่แล้ว...เขาก็ยอมยกช้อนขึ้นตักโจ๊กเข้าปาก คำแรก คำที่สอง...กลิ่นหอมของโสมผสานกับความนุ่มละมุนของโจ๊ก แผ่ซ่านความอบอุ่นไปทั่วทั้งร่าง โจ๊กถ้วยนี้มีรสชาติของความจริงใจ รสชาติที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองในวังหลวงแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานก็จัดการโจ๊กในถ้วยจนหมดเกลี้ยง

เงียบ! ไม่มีคำติชม! ไม่มีคำพูดใด ๆ! แต่ความว่างเปล่าในถ้วยนั้น...คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอวิ๋นซินเยว่ดีใจจนแทบจะกรี๊ดออกมา ความพยายามของเธอประสบความสำเร็จ!

[มิชชัน: ข้าวต้มปลอบขวัญสำเร็จ!

คะแนนอบอุ่นหัวใจ +20!]

อวี้เหยียนวางถ้วยโจ๊กลงอย่างแผ่วเบา เสียงถ้วยกระทบโต๊ะดังแผ่ว...แต่กลับหนักแน่นในความรู้สึกของอวิ๋นซินเยว่พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้น จ้องมองนางด้วยดวงตาที่ลุ่มลึกและมืดมิดกว่าครั้งใด ความเย็นชาถูกแทนที่ด้วยแรงอารมณ์บางอย่างที่รุนแรงจนน่ากลัว

“เจ้า…พูดคำเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า แต่ละคำหนักแน่นราวกับค้อนที่ทุบลงบนแผ่นหิน

“หม่อมฉัน…หม่อมฉันเพียงแค่ห่วงใยฝ่าบาทเพคะ” เธอตอบด้วยความระมัดระวัง แต่ในใจเริ่มตื่นตระหนกทันใดนั้น พระหัตถ์เรียวยาวที่เย็นเฉียบก็เอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น! แรงบีบรุนแรงราวกับคีมเหล็ก

“เจ้า…กำลังวางแผนอะไรกับข้าอีก?” อวี้เหยียนถามด้วยเสียงที่กดต่ำจนสั่นเครือ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจที่ฝังลึก แต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่เธอกระตุ้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “เจ้าต้องการอะไรจากข้าอีก! เจ้าคิดว่าข้าวต้มถ้วยเดียวจะล้างความชิงชังที่ข้ามีต่อเจ้าได้หมดสิ้นหรือ!”

อวิ๋นซินเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่เมื่อสบสายตาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา เธอกลับไม่ยอมหลบหนี

“หม่อมฉันไม่ได้วางแผนอะไรเพคะ! หม่อมฉันเพียงหวังให้พระองค์ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป!” เธอสวนกลับด้วยความจริงใจ คำพูดนั้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

[ติ๊ง! อัปเดตคลื่นหัวใจฝ่าบาท: เพิ่ม 5.0 องศา!

**คำเตือนระดับสูงสุด!** ระบบแจ้งเตือน! **ฝ่าบาทเข้าใกล้ระดับ "รักครั้งแรก"

ระบบหัวใจกำลังทำงานหนักเกินพิกัด!]

“พอแล้ว!” เสียงอวี้เหยียนตะคอกใส่ แรงบดขยี้ที่ข้อมือเพิ่มขึ้น แววตาของเขาพร่ามัวไปด้วยความโกรธและความสับสน ราวกับบุรุษผู้แข็งแกร่งกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่อ่อนแอที่สุดในชีวิต

“เจ้ากล้า! กล้าดียังไงถึงมาเข้าใจข้า!”เขาดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายโน้มลงมาอย่างรวดเร็ว ลมหายใจร้อนผ่าวของเขากระทบผิวหน้าเธอ ราวกับว่ากำลังจะจูบนาง...หรือ...ฉีกร่างนางให้เป็นชิ้น ๆ

“...อวี้เหยียน” เธอเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบาวินาทีนั้น...ทุกสิ่งหยุดนิ่ง!พระองค์ชะงัก! ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดกลางอก ไม่มีผู้ใดในวังหลวงที่กล้าเอ่ยนามของจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหดนี้ออกมาตรง ๆ เช่นนี้!

อวี้เหยียนปล่อยข้อมือของเธอ แล้วใช้มือทั้งสองข้างบีบเข้าที่บ่าของเธอแน่น เขาก้มลงมา...ริมฝีปากของเขาห่างจากริมฝีปากของเธอเพียงเสี้ยวลมหายใจ... ก่อนจะเอ่ยเสียงที่สั่นพร่าที่สุดในชีวิตออกมา

“เจ้า…ต้องการให้ข้าทำลายเจ้าใช่หรือไม่!?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   64

    คุกใต้ดินหลวง ยามค่ำ ความเย็นยะเยือกของอิฐหินที่เปียกชื้นซึมผ่านอาภรณ์หรูหราของฮองเฮาจนถึงผิวหนัง อวิ๋นซินเยว่ ถูกจองจำอยู่ในห้องขังลึกที่สุดของวังหลวง ที่นี่ไม่มีแสงตะวัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินสม่ำเสมอรราวกับเสียงเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ความตาย นางนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางแห้ง ดวงตาเรียบเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็วราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เสี่ยวหลิง... รายงานสถานะปัจจุบันของฝ่าบาทและกองทัพชายแดน!” [ติ๊ง! รายงานสถานะครับหม่าม๊า! สัญญาณชีพของฝ่าบาทเริ่มอ่อนแรงลง 5%... สารประกอบหญ้าลืมอายุ ในยาที่ซูกุ้ยเฟยป้อนซ้ำเข้าไปกำลังเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตสำรองของพระองค์ ส่วนทางชายแดน... กองทัพแคว้นเยี่ยนปะทะกับหน่วยกักกันโรคของแม่ทัพเฉินหรงแล้ว!สถานการณ์ตึงเครียดมากครับ ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ไม่มีคำสั่งเด็ดขาดจากส่วนกลาง ป้อมหิมะขาวอาจจะแตก!] อวิ๋นซินเยว่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเดือดดาลในใจ “ซูกุ้ยเฟยคิดว่าขังฉันไว้ที่นี่แล้วจะจบเรื่องงั้นเหรอ นางคงลืมไปว่าในยุคที่ฉันจากมา... การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปากต่อปาก!” นางดึงปิ่นป

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   63

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามวิกาลที่มืดมิดที่สุดกลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ที่เคยทำให้จิตใจสงบ บัดนี้กลับถูกกลบด้วยกลิ่นขื่นปร่าของสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องบรรทม แสงเทียนวูบไหวสะท้อนเงาของร่างสูงสง่าบนเตียงมังกรที่บัดนี้ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลาย องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ทรงบรรทมสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย พระพักตร์ที่เคยคมคายและเปี่ยมด้วยอำนาจ บัดนี้ซีดเผือดราวกับคนหลงทางในม่านหมอกอวิ๋นซินเยว่ นั่งอยู่ข้างเตียง มือเรียวบางกุมพระหัตถ์ที่เย็นเฉียบของเขาไว้แน่น นางไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ขอบตาที่รื้นแดงไม่ได้เกิดจากความอ่อนล้า แต่เกิดจากความวิตกกังวลที่อัดแน่นอยู่ในอก“เสี่ยวหลิง... เริ่มการสแกนขั้นสูงอีกครั้ง ฉันต้องการผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ 100% ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่มิลลิกรัมเดียว!”[ติ๊ง!ระบบกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของยาถอนพิษชุดล่าสุด...ประมวลผลเสร็จสิ้น98 เปอร์เซ็นต์] หน้าจอเสมือนสีฟ้าใสที่เห็นได้เพียงนางคนเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้อมูลโครงสร้างทางเคมีของสมุนไพรโบราณถูกจำแนกออกมาเป็นตัวเลขและกราฟที่น่าสะพรึงกลัว[ผลการวิเคราะห์พบสารสกัดจาก‘หญ้าล

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   62

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์สามวันหลังจากการแต่งตั้งกุ้ยเฟยบรรยากาศในตำหนักดูเคร่งเครียดกว่าปกติ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน กำลังเข้าสู่ช่วง วิกฤตการรักษาตามที่ ซูกุ้ยเฟย ได้เตือนไว้ พระวรกายของพระองค์ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไข้สูงกลับมาเป็นระยะ และทรงหลับลึกกว่าปกติ... ราวกับสลบไป!อวิ๋นซินเยว่ เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง นางยังคงใช้ศาสตร์ทางการแพทย์จากโลกปัจจุบันผสมผสานกับความรู้จากซูกุ้ยเฟยผ่านตำราที่ไทเฮาเก็บรักษาไว้ เพื่อประคองชีพพระองค์ไว้!ซูกุ้ยเฟย เข้ามาตรวจดูอาการทุกวัน นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ แต่สายตาที่มองมายังฮองเฮายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่ไว้วางใจ!“ฮองเฮา! พระอาการของฝ่าบาทเป็นไปตามที่ตำราระบุ! ในช่วงเจ็ดวันต่อจากนี้... พิษเก่ากำลังถูกกำจัดอย่างรุนแรง! พระองค์จะไม่สามารถทรงงานได้เลยแม้แต่น้อย! หากมีความผิดพลาดในการรักษาแม้เพียงเล็กน้อย... พระวรกายอาจจะไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก!”“กุ้ยเฟย! ข้าทราบดี! ข้าในฐานะฮองเฮา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนฝ่าบาทในช่วงวิกฤตนี้! เจ้าจงดูแลการจัดหาตัวยาทั้งหมดให้ถูกต้องตามตำราที่ไทเฮาเก็บไว้! ถ้ามีสมุนไพรใดขาดไป..

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   61

    ท้องพระโรงลับ ยามอรุณรุ่งพิธีการสถาปนา สนมซูเหมยเยว่ ขึ้นเป็น กุ้ยเฟย ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในท้องพระโรงส่วนพระองค์ มีเพียงไทเฮา เสนาบดีซู และขุนนางคนสำคัญที่วางใจได้เท่านั้นที่เข้าร่วมพิธี เพื่อป้องกันมิให้ข่าวการประชวรของจักรพรรดิรั่วไหลองค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว ยาถอนพิษชุดแรกทำให้พระวรกายอ่อนล้าอย่างหนัก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงเปี่ยมด้วยอำนาจ ข้างกายของพระองค์คือ อวิ๋นซินเยว่ ในชุดฮองเฮาเต็มยศ... นางยืนอย่างมั่นคงราวกับเสาหลักของบัลลังก์!“สนมซูเหมยเยว่! เจ้าได้แสดงความซื่อสัตย์ต่อแคว้นอวี้... และต่อชีวิตของข้า! บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็น ‘กุ้ยเฟย’ ผู้ซึ่งมีศักดิ์สูงสุดรองจากฮองเฮา! และขอพระราชทาน ‘ตราเหยี่ยวเงิน’ ให้แก่เจ้า! ตรานี้จะมอบอำนาจในการดูแลพิธีการทั้งหมดในวังหลวง... และควบคุมพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลพระวรกายของข้า! ขอให้เจ้าจงภักดีต่อข้า... และต่อแคว้นอวี้ไปชั่วชีวิต!” สนมซูเหมยเยว่ คุกเข่ารับตำแหน่งด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยเกียรติยศ แต่นางยังคงมองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง! นางรู้ดีว่าอำนาจที่

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   60

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามสาย หลังจากที่ พระสนมซูเหมยเยว่ ยื่นข้อเสนอที่สะเทือนขวัญ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ก็สั่งให้ทุกคนออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงเขาและฮองเฮา อวิ๋นซินเยว่ผู้ซึ่งยังคงถือตราพระราชลัญจกรไว้ในมือ ใบหน้าของ อวี้เหยียน ซีดเซียวลงด้วยความเหนื่อยล้าและข้อเท็จจริงที่เจ็บปวด เขาเป็นกษัตริย์ที่ถูกอำนาจที่แท้จริงรัดคออย่างไม่สามารถต่อต้านได้! “ซินเยว่! เจ้าได้ยินทั้งหมดแล้ว! หากสิ่งที่สนมซูพูดเป็นความจริง... พิษร้ายได้ถูกสะสมในตัวข้ามานานปี! และหากข้าใช้กำลังแม้แต่น้อยในการข่มขู่ตระกูลซู... ยาถอนพิษก็จะหายไปตลอดกาล! ข้า... ข้าคือราชาที่ตกอยู่ในความเมตตาของตระกูลขุนนางเสียแล้ว!” พระองค์มองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยความเจ็บปวดและแววตาที่สับสน เขาต้องการให้นางปฏิเสธ... แต่เขามีหน้าที่ที่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อบัลลังก์! “เจ้า... เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไร! ข้าพร้อมที่จะสละทุกอย่าง! แม้แต่ อำนาจในฝ่ายในของเจ้า! ตราบใดที่ข้ายังสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องแคว้นอวี้ได้! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า!” อวิ๋นซินเยว่ กำมือแน่น หัวใจของนางเย็นเยียบด้วยความตร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   59

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามรุ่งสางแสงแดดยามเช้ายังมิอาจสาดส่องเข้ามาในตำหนักบรรทมได้ บรรยากาศยังคงสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพร องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราที่สงบที่สุดหลังจากผ่านพ้นพิษไข้มาแล้ว อวิ๋นซินเยว่ นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ความอ่อนล้าจากการดูแลเขาตลอดคืนมิอาจบดบังความแหลมคมในดวงตาของนางได้เลยทันใดนั้น... เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้น ขันทีและนางกำนัลคนสนิทของสนมซูเหมยเยว่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากเสนาบดีซูได้ถือม้วนพระราชโองการ เข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงกลัวหัวหน้าขันทีผู้หยิ่งผยอง นามว่า หลิ่วจิ้น ได้ก้าวเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม เขาตั้งใจจะใช้ความป่วยไข้ของจักรพรรดิเป็นโอกาสในการกำจัดฮองเฮาผู้นี้!หลิ่วจิ้นส่งเสียงดังอย่างจงใจ “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! โปรดทรงสดับรับพระราชโองการจากเบื้องบน! ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ย้ายพระองค์ออกจากตำหนักบรรทมทันที! เนื่องจากพระองค์ละเลยหน้าที่จนทำให้พระวรกายของฝ่าบาททรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว! พระองค์ไม่คู่ควรที่จะอยู่ใกล้ชิดพระองค์ในยามนี้!”อวิ๋นซินเยว่ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของนาง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status