Share

7

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-08-21 20:09:52

ขณะที่คิดจะเตรียมผละจากไป อวิ๋นซินเยว่ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดสด ๆ!

อวี้เหยียนเบิกตากว้าง ก่อนจะมองดูใบหน้างามนั้นชัด ๆ อีกครั้ง ครานี้จึงเพิ่งสังเกตว่านางผิดปกติ นี่ไม่ใช่อาการของคนเป็นไข้ หรือนางจะถูกวางยา!

“ใครก็ได้ ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” พระสุรเสียงดังสนั่นดุจฟ้าผ่า ทำเอาขันทีที่เฝ้าหน้าตำหนักคุนหนิงเร่งรีบไปตามหมอหลวง สองขาพันกันไปหมด

เขายังคงนั่งเฝ้านางอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการเขาจึงได้ลุกจากเตียงและหลีกทางให้หมอหลวงทำงานได้สะดวก

หมอหลวงตรวจชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง สองคิ้วขมวดแน่น

“ข้าใคร่ขอถามหน่อย ก่อนหน้านี้ฮองเฮาได้เสวยสิ่งใดหรือไม่?” หมอหลวงผู้นั้นเอ่ยถาม

“เรียนท่านหมอ ฮองเฮามิยอมเสวยสิ่งใดบอกเพียงว่าเสวยไม่ลง ครั่นเนื้อครั่นตัว จนข้าพบว่าพระองค์ประชวรด้วยพิษไข้ จึงได้สั่งให้ทางห้องเครื่องจัดเตรียมน้ำซุปร้อน ๆ ขับพิษไข้ให้พระองค์เสวยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นข้าขอดูหม้อต้มซุปได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ” จื่อเยว่รับคำก่อนจะเดินนำไปยังห้องเครื่องประจำตำหนักคุนหนิง เมื่อไปถึงกลับพบว่าหม้อนั้นแตกกระจายไปแล้ว รวมถึงน้ำซุปที่ยังเหลือก็หกกระจายไปทั่วพื้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงทำงานสะเพร่าเช่นนี้” จื่อเยว่ตวาดก้อง เหล่านางกำนัลในห้องเครื่องนั้นต่างก้มหน้า มีเพียงพ่อครัวหลวงที่ก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“เรื่องนี้ข้าอธิบายได้ เดิมทีพวกเราก็ยืนเฝ้าหม้อต้มซุป ข้าก็คอยสั่งการให้พวกนางคอยเติมฟืนไม่ให้มอดดับ หากฮองเฮามีพระประสงค์จะเสวยอีก จะได้มิต้องรอนาน”

“พอ ๆ เข้าเรื่องเถอะ” จื่อเยว่ตัดบท

“ขอรับ ๆ ตอนที่พวกเรากำลังทำงานกันอยู่ ก็มีนางกำนัลเซ่อซ่าไม่รู้ที่มา เดินมายกหม้อไป พวกเรากำลังจะทักท้วง นางก็ตกใจจนทำหม้อหล่นแตกกระจายขอรับ”

“แล้วนางกำนัลผู้นั้นอยู่ที่ใด”

“ข้าก็ไม่ทราบขอรับ” พ่อครัวหลวงหน้าซีดเผือด ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะโกหก

แต่ขณะที่จื่อเยว่กำลังคิดว่าจะกลับไปรายงานอย่างไรดี หมอหลวงก็เอ่ยขึ้น

“ในน้ำซุปนั้นมีพิษ”

จื่อเยว่ตาเบิกกว้าง เมื่อมองไปยังหมอหลวงก็พบว่า เขาหยิบเศษหม้อเคลือบที่ยังมีน้ำซุปน้อยนิดอยู่ ใช้เข็มเงินจุ่มลงไป และปลายเข็มนั้นก็มีสีดำสนิท

“โบยพวกมันคนละยี่สิบไม้ แล้วส่งตัวออกนอกวังไป!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบื้องหลังจื่อเยว่และหมอหลวง เมื่อพวกเขาหันกลับไปก็เข่าอ่อนทรุดลงคุกเข่าทันที

สิ้นเสียงคำสั่งจากนายเหนือหัว เหล่าทหารต่างพากันลากตัวนางกำนัลที่ทำหน้าที่ในห้องเครื่องทั้งหมด รวมถึงพ่อครัวหลวงไปลงทัณฑ์ เสียงร้องไห้ เสียงอ้อนวอนขอชีวิตดังระงม แต่เมื่อหลายชีวิตนั้นสบกับพระเนตรเย็นชา ก็ต่างพากันปิดปากแน่นสนิท แม้แต่เสียงสะอื้นก็หยุดชะงักทันใด

อวี้เหยียนเดินนำหมอหลวงกลับเข้าไปยังห้องบรรทมของฮองเฮาอีกครั้งติดตามมาด้วยนางกำนัลคนสนิทอย่างจื่อเยว่ ที่ยังตัวสั่นจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“พูดมา ฮองเฮาโดนพิษชนิดใด และจะถอนพิษได้อย่างไร”

“ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมตรวจพระอาการของฮองเฮา ชีพจรสับสน เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก พิษนี้ส่งผลต่อระบบประสาทโดยตรง หากใช้ในปริมาณน้อย ก็มีฤทธิ์เพียงทำให้งุนงง สับสน และหลงลืมง่ายเท่านั้น แต่จากที่กระหม่อมเห็น พระอาการของฮองเฮาเป็นหนักกว่านั้นมากประกอบกับมีไข้ เกรงว่าพระองค์คงได้รับพิษในปริมาณมาก หากไม่สามารถถอนพิษได้ภายในสองชั่วยาม เกรงว่า…” หมอหลวงอึกอักไม่กล้าพูดต่อ แต่เพียงเท่านี้อวี้เหยียนก็เข้าใจทันที

เสียงไอต่อด้วยเสียงขลุกขลักในลำคอดังขึ้น อวิ๋นซินเยว่ตัวกระตุกอย่างแรง ก่อนจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง ครานี้ลิ่มเลือดเป็นก้อนถูกพ่นออกมาด้วย ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้งของเลือด

ร่างบางที่ล้มตัวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งนั้นแทบไร้สีเลือด เสียงหายใจของนางก็ดังครืดคราดคล้ายมีสิ่งใดอุดขวางอยู่ อวี้เหยียนตัวชาวาบเมื่อคิดว่าสตรีผู้นี้ที่เขาชิงชังนักกำลังจะตาย!

ใช่…ดีแล้ว ที่นางจะตายไปให้พ้น ๆ หน้าเขาเสียที แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่านางจะเป็นเช่นไร เขาก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา เป็นเวลาหลายปีที่เขาต้องอดทนกับสตรีเช่นนางที่ทั้งร้ายกาจ เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจอย่างไร้ซึ่งความคิด อิจฉาริษยาและวางแผนใกล้ชิดเขาสารพัด เขาต้องอดทนอดกลั้นเพียงเพราะตระกูลของนางเคยมีบุญคุณช่วยให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น

แต่หลายวันมานี้ ภาพของนางในใจเขาก็เปลี่ยนไป คล้ายว่าไม่ใช่คนเดิม นางสดใส ยิ้มเก่ง และทำดีกับบ่าวไพร่ แม้เขาจะไม่มาหานาง นางก็ไม่โวยวายเหมือนเคย กลับกลายเป็นเขาเสียอีกที่อดไม่ได้อยากมาหานางที่ตำหนักทุกวัน ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนกับว่า เขารู้จักและสนิทสนมกับนางในตอนนี้มากกว่า

“ไป… กลับไปหาทางปรุงยาถอนพิษมา หากว่าทำไม่สำเร็จ และนางเป็นอะไรไป เจ้าก็เตรียมตัวตามไปรับใช้นางเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” หมอหลวงรับคำสั่งด้วยเสียงสั่นเครือ เร่งร้อนออกไปไม่กล้าชักช้า

อวี้เหยียนหันไปทางนางกำนัลที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำเด็ดขาด

“หากหลังจากนี้นางมีอันใดผิดแปลกไปแม้เพียงเล็กน้อย...เจ้าทั้งหมดก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่”

นางกำนัลก้มลงกระแทกหน้าผากกับพื้นอย่างสั่นกลัว

“เพคะ ฝ่าบาท!”

จักรพรรดิอวี้เหยียนก้าวถอยออกจากห้องเงียบ ๆ แต่เสียงหัวใจของเขายังไม่อาจสงบได้ง่ายดาย ราวกับถูกพันธนาการไว้ด้วยเสียงพร่ำเพ้อเมื่อครู่ของนาง

……

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องในท้องพระโรงยามราตรี เมื่อจักรพรรดิอวี้เหยียนก้าวเข้ามานั่งบนบัลลังก์มังกร แสงโคมเพลิงสะท้อนเงาร่างสูงสง่าให้น่าครั่นคร้าม ท้องพระโรงอึดอัดจนแม้แต่ลมหายใจยังดูหนักหน่วง

ขันทีเฒ่าประกาศเสียงเรียบ

“ฝูซินสาวใช้ของฮองเฮา จงนำตัวนางเข้ามา!”

ร่างเล็กของนางสาวใช้ใหม่ถูกทหารควบคุมตัวไว้ ใบหน้าดูซื่อ ๆ ติดตลกเด๋อด๋าตามปกติ แต่สองเท้ากลับสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญสายตาคมกริบราวดาบขององค์เหนือหัว

อวี้เหยียนมิได้เอื้อนเอ่ยทันที เขานั่งพิงบัลลังก์ มองนางนิ่ง ๆ จนบรรยากาศเงียบงันราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ในห้อง

เพียงแค่เสียงเคาะเล็บกับพนักบัลลังก์เบา ๆ ก็ทำให้ฝูซินสะดุ้งเฮือก

“…”

“เจ้าใส่ยาอะไรลงในหม้อต้ม”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชัดทุกพยางค์

ฝูซินรีบคุกเข่าลง เตรียมอ้าปากแก้ตัว

“อย่าบอกว่าไม่ทราบ และอย่าได้คิดโป้ปดกับข้า หากเจ้าพูดความจริง ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้า”

“หม่อมฉัน...หม่อมฉันใส่ยาบำรุงเพคะ! แต่...อาจหยิบผิด...”

“ผิด?” มุมปากคมกระตุกขึ้นเพียงเล็กน้อย แววตากลับเย็นชาจัด “หรือเจ้า ‘จงใจ’ เลือกผิด”

เหงื่อเย็นผุดเต็มขมับ ฝูซินรีบก้มหน้ากระแทกพื้น “หม่อมฉัน...มิกล้าเพคะ! หากฝ่าบาทไม่เชื่อ โปรดประหารหม่อมฉันก็ได้!”

เสียงหัวเราะเบาหวิวรอดจากริมฝีปากจักรพรรดิ คล้ายเหยียดหยันมากกว่ายิ้ม

“เจ้ากล้าพูดคำว่า ‘ประหาร’ ออกมาได้ง่ายดายนัก... ราวกับเตรียมใจมาแล้ว”

สายตาคมเข้มเพ่งจับทุกกิริยาเล็กน้อย

ร่างเล็กตรงหน้ากำลังสั่นเทิ้ม แต่แววตาลอบเหลือบขึ้นมาแวบหนึ่งเต็มไปด้วยแววเกลียดชังอันซ่อนเร้นไม่มิด

เพียงเสี้ยวพริบตา อวี้เหยียนก็กระแทกฝ่ามือลงบนที่วางแขนดัง ปัง!

เสียงสะท้อนก้องไปทั้งท้องพระโรง

“สารภาพมา! เจ้าเป็นคนของใครหรืออยากให้ข้าส่งเจ้าไปเฆี่ยนต่อหน้าตำหนักฮองเฮา”

ฝูซินหน้าเสีย ซีดเผือดลงทันใด

นางกัดริมฝีปากแน่น เลือดซึมออกมา

ขันทีและองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างกดมือกับดาบพร้อมคำสั่ง

อวี้เหยียนโน้มกายเล็กน้อย สายตาคมปลาบราวกับเหยี่ยว

“หากคำตอบของเจ้า...ทำให้ข้าแม้แต่ สงสัยเล็กน้อยว่าเกี่ยวข้องกับนางชีวิตเจ้าจะไม่พ้นคืนนี้”

ฝูซินตัวสั่นเทา เสียงตะกุกตะกักหลุดออกมาในที่สุด

“ต่อให้ตาย หม่อมฉันก็ไม่มีทางให้พระองค์สมหวัง!”

ท้องพระโรงเงียบงันอีกครั้ง

จักรพรรดิอวี้เหยียนเพียงหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนลืมขึ้นมาด้วยประกายแสงอำมหิต

“เช่นนั้น...จงสำนึกโทษของเจ้าให้สมกับความโง่งม ที่คิดจะใช้ฮองเฮาเป็นหมากในเกมอันไร้ค่า”

คำสารภาพนั้นยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงโลหะก็ดังก้องขึ้น ฉึบ!

จักรพรรดิอวี้เหยียนที่นั่งนิ่งมาตลอดกลับตวัดพระหัตถ์ฉับไว ดาบเล่มคมวาวที่องครักษ์ถวายให้เมื่อครู่ถูกชักออกอย่างไร้สุ้มเสียง

เพียงหนึ่งกระบวนท่าแสงเย็นเฉียบพุ่งวาบ

หัวของฝูซินหลุดออกจากลำคอ กลิ้งลงกับพื้นห้องอันเย็นเยียบ เลือดพุ่งเป็นสายแดงฉานสาดกระเซ็นบนผืนพรมงดงาม

ทั้งท้องพระโรงเงียบงัน ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีแม้เสียงอ้อนวอน

เพราะทุกชีวิตต่างชะงักงันกับความเด็ดขาดของโอรสสวรรค์

ดวงเนตรคมกริบตวัดมองลงไปที่ศพนั้นเพียงชั่วครู่ ก่อนหันสายตาไปยังองครักษ์ที่คุกเข่ารอคำสั่ง

“ลากออกไป อย่าให้เศษสกปรกนี้แปดเปื้อนพื้นตำหนักของเรา”

เสียงนั้นทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่แม้ผู้ใกล้ชิดก็พากันขนลุกเกรียว

“ฝ่าบาท กระหม่อมสืบทราบมาว่า นางกำนัลผู้นี้เป็นคนของตำหนัก

…….

อวิ๋นซินเยว่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ขมับทั้งสองข้างปวดหนึบจนยกมือขึ้นกดไว้ ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ขยับตัวลำบาก หัวใจยังเต้นสับสนไม่เป็นจังหวะ

ม่านแพรบางเบาปลิวไหวไปตามลมอ่อนที่ลอดเข้ามา กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยคลุ้งมาแตะจมูกหรือเป็นเพียงภาพหลอนที่ติดอยู่ในความฝัน?

“ฝ่าบาท…” เสียงขาดห้วงนั้นหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

เมื่อหันไปด้านข้าง กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างสูงใหญ่ของพระสวามี ไม่มีใครเหลืออยู่ในห้องนอกจากนางกับความปวดร้าวทั่วสรรพางค์กาย

เบื้องนอก เสียงนกหากินยามเช้าเริ่มขับขาน แต่หัวใจของอวิ๋นซินเยว่กลับหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม…

“ฝูซิน…” นางพึมพำชื่อสาวใช้คนใหม่ออกมา เพราะในความทรงจำลาง ๆ ก่อนที่สติจะดับวูบไป สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือเงาของฝูซินที่อยู่ข้างกาย

หญิงสาวยันกายขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามนางกำนัลคนสนิทที่กำลังเตรียมเครื่องแต่งกาย

“เมื่อคืน…ข้าเข้านอนได้อย่างไร? ข้า…จำได้ว่าเห็นฝูซินอยู่ใกล้ ๆ”

นางกำนัลเหลือบตาขึ้นมา พลางตอบเสียงเบา “ทูลฮองเฮา…เมื่อคืนฝ่าบาทเสด็จมาเพคะ พระองค์ทรงอุ้มท่านขึ้นเตียงด้วยพระหัตถ์เอง ยังตรัสกำชับให้พวกหม่อมฉันเฝ้าดูแลท่านให้ดี”

ประโยคนั้นทำเอาหัวใจอวิ๋นซินเยว่สะท้านวาบ แก้มใสร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ฝ่าบาท…อุ้มข้าขึ้นเตียง?

ภาพที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันกลับทำให้ลมหายใจของนางสับสน ปลายนิ้วที่กำผ้าห่มแน่นสั่นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย

“แล้ว…ฝูซินล่ะ” นางเอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วลงราวไม่อยากให้ใครจับสังเกตความวุ่นวายในใจ

นางกำนัลต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนหนึ่งในนั้นตอบอย่างลังเล “ฝูซิน…พวกหม่อมฉันไม่เห็นนางอีกเลยเพคะ ตั้งแต่ฝ่าบาทเสด็จออกไปแล้ว”

อวิ๋นซินเยว่ชะงัก ดวงตาพร่างพราวเมื่อครู่กลับมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่เห็นอีกเลย…หมายความว่าอย่างไร? ไม่มีใครรู้เลยหรือว่านางอยู่ที่ใด”

ความเงียบงันปกคลุมบรรยากาศ นางกำนัลต่างก้มหน้าหลบสายตา ไม่มีผู้ใดกล้าตอบตรง ๆ ความอึดอัดบีบรัดจนหัวใจของฮองเฮาเริ่มเย็นชา ความรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังถูกปิดบัง…

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแล่นเข้ามาในใจ

ฝูซิน…หายไปได้อย่างไร หรือว่า…

ทันใดนั้น แสงวูบหนึ่งฉายซ้อนขึ้นตรงหน้า คล้ายม่านโปร่งใสที่มีเพียงนางเห็น “เสี่ยวหลิง” ปรากฏขึ้น น้ำเสียงของมันสั่นพร่า คล้ายทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว

[หม่าม๊า…อย่าตามหานางอีกเลย ฝูซิน…ไม่มีอีกแล้ว]

ก่อนที่นางจะได้ซักถามต่อ ภาพพร่าเลือนก็ฉายซ้อนขึ้นในม่านแสง คล้ายจอโปรเจกเตอร์ เงาร่างสูงในชุดมังกรทองยืนกลางความมืด เสียงดาบวูบหนึ่งตวัดผ่าน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ภาพศีรษะของสาวใช้กระเด็นตกพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปทันที

เสี่ยวหลิงยังเอ่ยด้วยเสียงสั่น [นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…แต่รายละเอียด ข้าไม่อาจเปิดเผยได้]

ดวงตาของอวิ๋นซินเยว่เบิกกว้าง หัวใจเต้นรัว ความอับอายจากความทรงจำเมื่อคืนที่ถูกฝ่าบาทอุ้มขึ้นเตียงยังไม่ทันหาย คราวนี้กลับถูกความเย็นวาบกลืนกินเข้ามาแทนที่ นางไม่รู้เลยว่าตนเองเผลอพูดสิ่งใดออกไป และไม่รู้ว่าจักรพรรดิได้ยินทั้งหมดหรือไม่

เหล่านางกำนัลต่างมองหน้ากันไปมา โดยเฉพาะจื่อเยว่ที่คันปากอยากบอกเล่าให้ฮองเฮาได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ไหนเลยจะกล้า

หลังจากที่ได้ยาถอนพิษจากหมอหลวงแล้ว ฝ่าบาทเสด็จมาอีกครั้งพร้อมป้อนยาถอนพิษให้ฮองเฮาด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังคอยเฝ้าอยู่ข้างกายพระนางตลอดทั้งคืน เพิ่งจะกลับไปตอนรุ่งสาง มิวายยังหันมากำชับห้ามผู้ใดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฮองเฮาฟังเป็นอันขาด เห็นได้ชัดว่าพระองค์ห่วงใยและปกป้องความรู้สึกของฮองเฮามากเพียงใด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   13

    เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส “กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว! [ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ] “เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส “ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   12

    และแล้ววันจัดงานชมบุปผาก็มาถึง เสียงกลองเบา ๆ จากเหล่านักดนตรีด้านนอกดังมาเป็นสัญญาณ งานเลี้ยงชมบุปผาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางกำนัลนับสิบต่างรุมล้อม ใส่เสื้อคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า สีสันสดใสราวท้องฟ้ายามรุ่งอรุณกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ชุดปักดิ้นเงินลายหงส์สยายปีกโอบล้อมไปทั่วร่าง ผมดำถูกรวบขึ้นอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกมรกตระยิบระยับ เมื่อเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลง เธอถูกดันให้นั่งต่อหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพสะท้อนเบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับตะลึง “นี่…คือข้าจริง ๆ หรือ?” อวิ๋นซินเยว่อ้าปากค้างเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนมองคนแปลกหน้า ผิวที่ปกติซีดขาวบัดนี้เจือสีแดงนวลอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากทาด้วยชาดสีแดงอ่อนดูงามละมุน สายตาที่เคยสดใสราวเด็กสาวกลับกลายเป็นวาววับดั่งหญิงสูงศักดิ์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาแต่แววซุกซนยังไม่หายไป ทำให้ความสง่างามนั้นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าใคร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   11

    ลมฤดูใบไม้ผลิพัดกลีบดอกเหมยปลิวเข้ามาในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ท่ามกลางกองบันทึกพิธีและตำรามารยาทสูงเป็นตั้ง ดวงตาคมกวาดมองทีละบรรทัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางพึมพำเบา ๆ “งานชมดอกไม้… มิใช่เพียงเรื่องความงาม หากแต่สะท้อนศักดิ์ศรีของฮองเฮา หากข้าพลาดเพียงนิดเดียว ซูกุ้ยเฟยจะต้องใช้เป็นข้ออ้างโจมตีข้าแน่” ทันใดนั้น แสงสีฟ้าใสสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสี่ยวหลิง ระบบเอไออัจฉริยะปรากฏร่างจำลองขึ้นมาพร้อมเสียงแจ่มใสที่ตัดกับบรรยากาศตึงเครียด “หม่าม๊า อย่ากังวลไปเลย ข้าได้สแกนบันทึกงานราชพิธีเก่า ๆ ทั้งหมดแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายอย่างที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ท่านได้เปรียบ!” อวิ๋นซินเยว่เงยหน้ามองด้วยสายตาวาบประกายความหวัง “เจ้ามีแผนอะไรหรือ เสี่ยวหลิง?” ภาพเสมือนคล้ายแผนผังสามมิติถูกฉายขึ้นกลางห้อง แสดงการจัดวางตำแหน่งโต๊ะสำรับ น้ำชา ดนตรี และตำแหน่งดอกไม้ในสวน เสี่ยวหลิงเอ่ยเสียงกระตือรือร้น “หากท่านเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานเต็มที่ พอถึงวันงานมันจะผลิบานพร้อมกันพอดี สร้างความประทับใจได้มากกว่าซูกุ้ยเฟยที่มัวแต่เน้นความหรูหราเกินจำเป็น” นางพยักหน้าอย่างครุ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   10

    เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างามเรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อนเสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่าไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   9

    รุ่งอรุณสาดแสงสีทองผ่านม่านบาง ๆ ของตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่ลุกขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจะทำสิ่งใดสักอย่างเพื่อตอบแทนพระเมตตาเมื่อคืนที่ผ่านมา จากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เสี่ยวหลิงเล่าให้ฟัง ประกอบกับคำพูดของนางกำนัลถึงสิ่งที่ฝ่าบาททำให้ แม้จะไม่รู้ว่าคืนนั้นฝ่าบาทได้ยินอะไรไปบ้าง แต่หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ “เตรียมสมุนไพรบำรุงร่างกาย ข้าจะลงมือทำซุปด้วยตัวเอง” นางสั่งเสียงหนักแน่น ไม่นาน กลิ่นหอมละมุนของซุปสมุนไพรค่อย ๆ ลอยอบอวลไปทั่วตำหนัก มือเรียวเล็กยกถาดทองเหลืองขึ้นมั่นคง มุ่งตรงไปยังตำหนักหยางซิน ที่พำนักขององค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ภายในท้องพระโรง อวี้เหยียนประทับบนบัลลังก์มังกรสูงสง่า แววตาคมคายยังเย็นเฉียบไม่ต่างจากผืนน้ำแข็งพันปี เมื่อเห็นฮองเฮาก้าวเข้ามาพร้อมถาดในมือ พระเนตรหรี่ลงแวบหนึ่ง “หม่อมฉัน…ทำซุปบำรุงมาถวายเพคะ” อวิ๋นซินเยว่เอ่ยเสียงอ่อนโยน แววตาเปี่ยมความจริงใจ ขันทีข้างพระวรกายรีบรับถาดมาวางตรงหน้าพระอง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   8

    เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของอวี้เหยียนสะท้อนก้องไปทั่วห้อง อวิ๋นซินเยว่เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก ฝ่าบาทมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่เหตุใดมิมีผู้ใดรายงาน! อวิ๋นซินเยว่ตื่นตระหนกแล้ว! "ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ" เธอย่อตัวลง ก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั้นจะเดินผ่านหน้าไป ก่อนจะนั่งลงที่เตียงของเธอ "มาเถิด" สีหน้าเรียบนิ่งขององค์จักรพรรดิทำให้อวิ๋นซินเยว่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน หญิงสาวกวาดสายตามองหาเสี่ยวหลิง แต่เจ้าระบบตัวดีกลับไม่อยู่ให้เห็น 'ดีนี่ เสี่ยวหลง! เวลาสำคัญแบบนี้กลับหายหัว ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ' เธอคิดในใจ ร่างบางเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงข้างกายเจ้าแผ่นดิน อวิ๋นซินเยว่ไม่กล้าสบสายตา แต่เธอรู้สึกได้ว่าคนข้างกายตอนนี้กำลังต้องมองนางอยู่ 'โอ๊ย อึดอัดชะมัด จะจ้องเงียบ ๆ อีกนานมั้ยเนี่ย' อวิ๋นซินเยว่ตัดสินใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ฝ่าบาท…เมื่อครู่ทรงหัวเราะสิ่งใดหรือเพคะ?” แววตาคมเข้มตวัดลงมาสบกับนาง ริมพระโอษฐ์ยกขึ้นน้อย ๆ คล้ายจะขบขัน คล้ายจะเย้า สายตาของเธอที่เผลอเหลือบมอง เมื่อเห็นเช่นนั้นยิ่งชวนให้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก “เปล่า”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status