Share

7

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-08-21 20:09:52

ขณะที่คิดจะเตรียมผละจากไป อวิ๋นซินเยว่ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดสด ๆ!

อวี้เหยียนเบิกตากว้าง ก่อนจะมองดูใบหน้างามนั้นชัด ๆ อีกครั้ง ครานี้จึงเพิ่งสังเกตว่านางผิดปกติ นี่ไม่ใช่อาการของคนเป็นไข้ หรือนางจะถูกวางยา!

“ใครก็ได้ ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” พระสุรเสียงดังสนั่นดุจฟ้าผ่า ทำเอาขันทีที่เฝ้าหน้าตำหนักคุนหนิงเร่งรีบไปตามหมอหลวง สองขาพันกันไปหมด

เขายังคงนั่งเฝ้านางอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการเขาจึงได้ลุกจากเตียงและหลีกทางให้หมอหลวงทำงานได้สะดวก

หมอหลวงตรวจชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง สองคิ้วขมวดแน่น

“ข้าใคร่ขอถามหน่อย ก่อนหน้านี้ฮองเฮาได้เสวยสิ่งใดหรือไม่?” หมอหลวงผู้นั้นเอ่ยถาม

“เรียนท่านหมอ ฮองเฮามิยอมเสวยสิ่งใดบอกเพียงว่าเสวยไม่ลง ครั่นเนื้อครั่นตัว จนข้าพบว่าพระองค์ประชวรด้วยพิษไข้ จึงได้สั่งให้ทางห้องเครื่องจัดเตรียมน้ำซุปร้อน ๆ ขับพิษไข้ให้พระองค์เสวยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นข้าขอดูหม้อต้มซุปได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ” จื่อเยว่รับคำก่อนจะเดินนำไปยังห้องเครื่องประจำตำหนักคุนหนิง เมื่อไปถึงกลับพบว่าหม้อนั้นแตกกระจายไปแล้ว รวมถึงน้ำซุปที่ยังเหลือก็หกกระจายไปทั่วพื้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงทำงานสะเพร่าเช่นนี้” จื่อเยว่ตวาดก้อง เหล่านางกำนัลในห้องเครื่องนั้นต่างก้มหน้า มีเพียงพ่อครัวหลวงที่ก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“เรื่องนี้ข้าอธิบายได้ เดิมทีพวกเราก็ยืนเฝ้าหม้อต้มซุป ข้าก็คอยสั่งการให้พวกนางคอยเติมฟืนไม่ให้มอดดับ หากฮองเฮามีพระประสงค์จะเสวยอีก จะได้มิต้องรอนาน”

“พอ ๆ เข้าเรื่องเถอะ” จื่อเยว่ตัดบท

“ขอรับ ๆ ตอนที่พวกเรากำลังทำงานกันอยู่ ก็มีนางกำนัลเซ่อซ่าไม่รู้ที่มา เดินมายกหม้อไป พวกเรากำลังจะทักท้วง นางก็ตกใจจนทำหม้อหล่นแตกกระจายขอรับ”

“แล้วนางกำนัลผู้นั้นอยู่ที่ใด”

“ข้าก็ไม่ทราบขอรับ” พ่อครัวหลวงหน้าซีดเผือด ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะโกหก

แต่ขณะที่จื่อเยว่กำลังคิดว่าจะกลับไปรายงานอย่างไรดี หมอหลวงก็เอ่ยขึ้น

“ในน้ำซุปนั้นมีพิษ”

จื่อเยว่ตาเบิกกว้าง เมื่อมองไปยังหมอหลวงก็พบว่า เขาหยิบเศษหม้อเคลือบที่ยังมีน้ำซุปน้อยนิดอยู่ ใช้เข็มเงินจุ่มลงไป และปลายเข็มนั้นก็มีสีดำสนิท

“โบยพวกมันคนละยี่สิบไม้ แล้วส่งตัวออกนอกวังไป!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบื้องหลังจื่อเยว่และหมอหลวง เมื่อพวกเขาหันกลับไปก็เข่าอ่อนทรุดลงคุกเข่าทันที

สิ้นเสียงคำสั่งจากนายเหนือหัว เหล่าทหารต่างพากันลากตัวนางกำนัลที่ทำหน้าที่ในห้องเครื่องทั้งหมด รวมถึงพ่อครัวหลวงไปลงทัณฑ์ เสียงร้องไห้ เสียงอ้อนวอนขอชีวิตดังระงม แต่เมื่อหลายชีวิตนั้นสบกับพระเนตรเย็นชา ก็ต่างพากันปิดปากแน่นสนิท แม้แต่เสียงสะอื้นก็หยุดชะงักทันใด

อวี้เหยียนเดินนำหมอหลวงกลับเข้าไปยังห้องบรรทมของฮองเฮาอีกครั้งติดตามมาด้วยนางกำนัลคนสนิทอย่างจื่อเยว่ ที่ยังตัวสั่นจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“พูดมา ฮองเฮาโดนพิษชนิดใด และจะถอนพิษได้อย่างไร”

“ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมตรวจพระอาการของฮองเฮา ชีพจรสับสน เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก พิษนี้ส่งผลต่อระบบประสาทโดยตรง หากใช้ในปริมาณน้อย ก็มีฤทธิ์เพียงทำให้งุนงง สับสน และหลงลืมง่ายเท่านั้น แต่จากที่กระหม่อมเห็น พระอาการของฮองเฮาเป็นหนักกว่านั้นมากประกอบกับมีไข้ เกรงว่าพระองค์คงได้รับพิษในปริมาณมาก หากไม่สามารถถอนพิษได้ภายในสองชั่วยาม เกรงว่า…” หมอหลวงอึกอักไม่กล้าพูดต่อ แต่เพียงเท่านี้อวี้เหยียนก็เข้าใจทันที

เสียงไอต่อด้วยเสียงขลุกขลักในลำคอดังขึ้น อวิ๋นซินเยว่ตัวกระตุกอย่างแรง ก่อนจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง ครานี้ลิ่มเลือดเป็นก้อนถูกพ่นออกมาด้วย ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้งของเลือด

ร่างบางที่ล้มตัวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งนั้นแทบไร้สีเลือด เสียงหายใจของนางก็ดังครืดคราดคล้ายมีสิ่งใดอุดขวางอยู่ อวี้เหยียนตัวชาวาบเมื่อคิดว่าสตรีผู้นี้ที่เขาชิงชังนักกำลังจะตาย!

ใช่…ดีแล้ว ที่นางจะตายไปให้พ้น ๆ หน้าเขาเสียที แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่านางจะเป็นเช่นไร เขาก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา เป็นเวลาหลายปีที่เขาต้องอดทนกับสตรีเช่นนางที่ทั้งร้ายกาจ เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจอย่างไร้ซึ่งความคิด อิจฉาริษยาและวางแผนใกล้ชิดเขาสารพัด เขาต้องอดทนอดกลั้นเพียงเพราะตระกูลของนางเคยมีบุญคุณช่วยให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น

แต่หลายวันมานี้ ภาพของนางในใจเขาก็เปลี่ยนไป คล้ายว่าไม่ใช่คนเดิม นางสดใส ยิ้มเก่ง และทำดีกับบ่าวไพร่ แม้เขาจะไม่มาหานาง นางก็ไม่โวยวายเหมือนเคย กลับกลายเป็นเขาเสียอีกที่อดไม่ได้อยากมาหานางที่ตำหนักทุกวัน ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนกับว่า เขารู้จักและสนิทสนมกับนางในตอนนี้มากกว่า

“ไป… กลับไปหาทางปรุงยาถอนพิษมา หากว่าทำไม่สำเร็จ และนางเป็นอะไรไป เจ้าก็เตรียมตัวตามไปรับใช้นางเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” หมอหลวงรับคำสั่งด้วยเสียงสั่นเครือ เร่งร้อนออกไปไม่กล้าชักช้า

อวี้เหยียนหันไปทางนางกำนัลที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำเด็ดขาด

“หากหลังจากนี้นางมีอันใดผิดแปลกไปแม้เพียงเล็กน้อย...เจ้าทั้งหมดก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่”

นางกำนัลก้มลงกระแทกหน้าผากกับพื้นอย่างสั่นกลัว

“เพคะ ฝ่าบาท!”

จักรพรรดิอวี้เหยียนก้าวถอยออกจากห้องเงียบ ๆ แต่เสียงหัวใจของเขายังไม่อาจสงบได้ง่ายดาย ราวกับถูกพันธนาการไว้ด้วยเสียงพร่ำเพ้อเมื่อครู่ของนาง

……

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องในท้องพระโรงยามราตรี เมื่อจักรพรรดิอวี้เหยียนก้าวเข้ามานั่งบนบัลลังก์มังกร แสงโคมเพลิงสะท้อนเงาร่างสูงสง่าให้น่าครั่นคร้าม ท้องพระโรงอึดอัดจนแม้แต่ลมหายใจยังดูหนักหน่วง

ขันทีเฒ่าประกาศเสียงเรียบ

“ฝูซินสาวใช้ของฮองเฮา จงนำตัวนางเข้ามา!”

ร่างเล็กของนางสาวใช้ใหม่ถูกทหารควบคุมตัวไว้ ใบหน้าดูซื่อ ๆ ติดตลกเด๋อด๋าตามปกติ แต่สองเท้ากลับสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญสายตาคมกริบราวดาบขององค์เหนือหัว

อวี้เหยียนมิได้เอื้อนเอ่ยทันที เขานั่งพิงบัลลังก์ มองนางนิ่ง ๆ จนบรรยากาศเงียบงันราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ในห้อง

เพียงแค่เสียงเคาะเล็บกับพนักบัลลังก์เบา ๆ ก็ทำให้ฝูซินสะดุ้งเฮือก

“…”

“เจ้าใส่ยาอะไรลงในหม้อต้ม”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชัดทุกพยางค์

ฝูซินรีบคุกเข่าลง เตรียมอ้าปากแก้ตัว

“อย่าบอกว่าไม่ทราบ และอย่าได้คิดโป้ปดกับข้า หากเจ้าพูดความจริง ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้า”

“หม่อมฉัน...หม่อมฉันใส่ยาบำรุงเพคะ! แต่...อาจหยิบผิด...”

“ผิด?” มุมปากคมกระตุกขึ้นเพียงเล็กน้อย แววตากลับเย็นชาจัด “หรือเจ้า ‘จงใจ’ เลือกผิด”

เหงื่อเย็นผุดเต็มขมับ ฝูซินรีบก้มหน้ากระแทกพื้น “หม่อมฉัน...มิกล้าเพคะ! หากฝ่าบาทไม่เชื่อ โปรดประหารหม่อมฉันก็ได้!”

เสียงหัวเราะเบาหวิวรอดจากริมฝีปากจักรพรรดิ คล้ายเหยียดหยันมากกว่ายิ้ม

“เจ้ากล้าพูดคำว่า ‘ประหาร’ ออกมาได้ง่ายดายนัก... ราวกับเตรียมใจมาแล้ว”

สายตาคมเข้มเพ่งจับทุกกิริยาเล็กน้อย

ร่างเล็กตรงหน้ากำลังสั่นเทิ้ม แต่แววตาลอบเหลือบขึ้นมาแวบหนึ่งเต็มไปด้วยแววเกลียดชังอันซ่อนเร้นไม่มิด

เพียงเสี้ยวพริบตา อวี้เหยียนก็กระแทกฝ่ามือลงบนที่วางแขนดัง ปัง!

เสียงสะท้อนก้องไปทั้งท้องพระโรง

“สารภาพมา! เจ้าเป็นคนของใครหรืออยากให้ข้าส่งเจ้าไปเฆี่ยนต่อหน้าตำหนักฮองเฮา”

ฝูซินหน้าเสีย ซีดเผือดลงทันใด

นางกัดริมฝีปากแน่น เลือดซึมออกมา

ขันทีและองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างกดมือกับดาบพร้อมคำสั่ง

อวี้เหยียนโน้มกายเล็กน้อย สายตาคมปลาบราวกับเหยี่ยว

“หากคำตอบของเจ้า...ทำให้ข้าแม้แต่ สงสัยเล็กน้อยว่าเกี่ยวข้องกับนางชีวิตเจ้าจะไม่พ้นคืนนี้”

ฝูซินตัวสั่นเทา เสียงตะกุกตะกักหลุดออกมาในที่สุด

“ต่อให้ตาย หม่อมฉันก็ไม่มีทางให้พระองค์สมหวัง!”

ท้องพระโรงเงียบงันอีกครั้ง

จักรพรรดิอวี้เหยียนเพียงหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนลืมขึ้นมาด้วยประกายแสงอำมหิต

“เช่นนั้น...จงสำนึกโทษของเจ้าให้สมกับความโง่งม ที่คิดจะใช้ฮองเฮาเป็นหมากในเกมอันไร้ค่า”

คำสารภาพนั้นยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงโลหะก็ดังก้องขึ้น ฉึบ!

จักรพรรดิอวี้เหยียนที่นั่งนิ่งมาตลอดกลับตวัดพระหัตถ์ฉับไว ดาบเล่มคมวาวที่องครักษ์ถวายให้เมื่อครู่ถูกชักออกอย่างไร้สุ้มเสียง

เพียงหนึ่งกระบวนท่าแสงเย็นเฉียบพุ่งวาบ

หัวของฝูซินหลุดออกจากลำคอ กลิ้งลงกับพื้นห้องอันเย็นเยียบ เลือดพุ่งเป็นสายแดงฉานสาดกระเซ็นบนผืนพรมงดงาม

ทั้งท้องพระโรงเงียบงัน ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีแม้เสียงอ้อนวอน

เพราะทุกชีวิตต่างชะงักงันกับความเด็ดขาดของโอรสสวรรค์

ดวงเนตรคมกริบตวัดมองลงไปที่ศพนั้นเพียงชั่วครู่ ก่อนหันสายตาไปยังองครักษ์ที่คุกเข่ารอคำสั่ง

“ลากออกไป อย่าให้เศษสกปรกนี้แปดเปื้อนพื้นตำหนักของเรา”

เสียงนั้นทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่แม้ผู้ใกล้ชิดก็พากันขนลุกเกรียว

“ฝ่าบาท กระหม่อมสืบทราบมาว่า นางกำนัลผู้นี้เป็นคนของตำหนัก

…….

อวิ๋นซินเยว่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ขมับทั้งสองข้างปวดหนึบจนยกมือขึ้นกดไว้ ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ขยับตัวลำบาก หัวใจยังเต้นสับสนไม่เป็นจังหวะ

ม่านแพรบางเบาปลิวไหวไปตามลมอ่อนที่ลอดเข้ามา กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยคลุ้งมาแตะจมูกหรือเป็นเพียงภาพหลอนที่ติดอยู่ในความฝัน?

“ฝ่าบาท…” เสียงขาดห้วงนั้นหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

เมื่อหันไปด้านข้าง กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างสูงใหญ่ของพระสวามี ไม่มีใครเหลืออยู่ในห้องนอกจากนางกับความปวดร้าวทั่วสรรพางค์กาย

เบื้องนอก เสียงนกหากินยามเช้าเริ่มขับขาน แต่หัวใจของอวิ๋นซินเยว่กลับหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม…

“ฝูซิน…” นางพึมพำชื่อสาวใช้คนใหม่ออกมา เพราะในความทรงจำลาง ๆ ก่อนที่สติจะดับวูบไป สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือเงาของฝูซินที่อยู่ข้างกาย

หญิงสาวยันกายขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามนางกำนัลคนสนิทที่กำลังเตรียมเครื่องแต่งกาย

“เมื่อคืน…ข้าเข้านอนได้อย่างไร? ข้า…จำได้ว่าเห็นฝูซินอยู่ใกล้ ๆ”

นางกำนัลเหลือบตาขึ้นมา พลางตอบเสียงเบา “ทูลฮองเฮา…เมื่อคืนฝ่าบาทเสด็จมาเพคะ พระองค์ทรงอุ้มท่านขึ้นเตียงด้วยพระหัตถ์เอง ยังตรัสกำชับให้พวกหม่อมฉันเฝ้าดูแลท่านให้ดี”

ประโยคนั้นทำเอาหัวใจอวิ๋นซินเยว่สะท้านวาบ แก้มใสร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ฝ่าบาท…อุ้มข้าขึ้นเตียง?

ภาพที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันกลับทำให้ลมหายใจของนางสับสน ปลายนิ้วที่กำผ้าห่มแน่นสั่นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย

“แล้ว…ฝูซินล่ะ” นางเอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วลงราวไม่อยากให้ใครจับสังเกตความวุ่นวายในใจ

นางกำนัลต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนหนึ่งในนั้นตอบอย่างลังเล “ฝูซิน…พวกหม่อมฉันไม่เห็นนางอีกเลยเพคะ ตั้งแต่ฝ่าบาทเสด็จออกไปแล้ว”

อวิ๋นซินเยว่ชะงัก ดวงตาพร่างพราวเมื่อครู่กลับมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่เห็นอีกเลย…หมายความว่าอย่างไร? ไม่มีใครรู้เลยหรือว่านางอยู่ที่ใด”

ความเงียบงันปกคลุมบรรยากาศ นางกำนัลต่างก้มหน้าหลบสายตา ไม่มีผู้ใดกล้าตอบตรง ๆ ความอึดอัดบีบรัดจนหัวใจของฮองเฮาเริ่มเย็นชา ความรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังถูกปิดบัง…

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแล่นเข้ามาในใจ

ฝูซิน…หายไปได้อย่างไร หรือว่า…

ทันใดนั้น แสงวูบหนึ่งฉายซ้อนขึ้นตรงหน้า คล้ายม่านโปร่งใสที่มีเพียงนางเห็น “เสี่ยวหลิง” ปรากฏขึ้น น้ำเสียงของมันสั่นพร่า คล้ายทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว

[หม่าม๊า…อย่าตามหานางอีกเลย ฝูซิน…ไม่มีอีกแล้ว]

ก่อนที่นางจะได้ซักถามต่อ ภาพพร่าเลือนก็ฉายซ้อนขึ้นในม่านแสง คล้ายจอโปรเจกเตอร์ เงาร่างสูงในชุดมังกรทองยืนกลางความมืด เสียงดาบวูบหนึ่งตวัดผ่าน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ภาพศีรษะของสาวใช้กระเด็นตกพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปทันที

เสี่ยวหลิงยังเอ่ยด้วยเสียงสั่น [นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…แต่รายละเอียด ข้าไม่อาจเปิดเผยได้]

ดวงตาของอวิ๋นซินเยว่เบิกกว้าง หัวใจเต้นรัว ความอับอายจากความทรงจำเมื่อคืนที่ถูกฝ่าบาทอุ้มขึ้นเตียงยังไม่ทันหาย คราวนี้กลับถูกความเย็นวาบกลืนกินเข้ามาแทนที่ นางไม่รู้เลยว่าตนเองเผลอพูดสิ่งใดออกไป และไม่รู้ว่าจักรพรรดิได้ยินทั้งหมดหรือไม่

เหล่านางกำนัลต่างมองหน้ากันไปมา โดยเฉพาะจื่อเยว่ที่คันปากอยากบอกเล่าให้ฮองเฮาได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ไหนเลยจะกล้า

หลังจากที่ได้ยาถอนพิษจากหมอหลวงแล้ว ฝ่าบาทเสด็จมาอีกครั้งพร้อมป้อนยาถอนพิษให้ฮองเฮาด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังคอยเฝ้าอยู่ข้างกายพระนางตลอดทั้งคืน เพิ่งจะกลับไปตอนรุ่งสาง มิวายยังหันมากำชับห้ามผู้ใดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฮองเฮาฟังเป็นอันขาด เห็นได้ชัดว่าพระองค์ห่วงใยและปกป้องความรู้สึกของฮองเฮามากเพียงใด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   64

    คุกใต้ดินหลวง ยามค่ำ ความเย็นยะเยือกของอิฐหินที่เปียกชื้นซึมผ่านอาภรณ์หรูหราของฮองเฮาจนถึงผิวหนัง อวิ๋นซินเยว่ ถูกจองจำอยู่ในห้องขังลึกที่สุดของวังหลวง ที่นี่ไม่มีแสงตะวัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินสม่ำเสมอรราวกับเสียงเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ความตาย นางนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางแห้ง ดวงตาเรียบเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็วราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เสี่ยวหลิง... รายงานสถานะปัจจุบันของฝ่าบาทและกองทัพชายแดน!” [ติ๊ง! รายงานสถานะครับหม่าม๊า! สัญญาณชีพของฝ่าบาทเริ่มอ่อนแรงลง 5%... สารประกอบหญ้าลืมอายุ ในยาที่ซูกุ้ยเฟยป้อนซ้ำเข้าไปกำลังเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตสำรองของพระองค์ ส่วนทางชายแดน... กองทัพแคว้นเยี่ยนปะทะกับหน่วยกักกันโรคของแม่ทัพเฉินหรงแล้ว!สถานการณ์ตึงเครียดมากครับ ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ไม่มีคำสั่งเด็ดขาดจากส่วนกลาง ป้อมหิมะขาวอาจจะแตก!] อวิ๋นซินเยว่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเดือดดาลในใจ “ซูกุ้ยเฟยคิดว่าขังฉันไว้ที่นี่แล้วจะจบเรื่องงั้นเหรอ นางคงลืมไปว่าในยุคที่ฉันจากมา... การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปากต่อปาก!” นางดึงปิ่นป

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   63

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามวิกาลที่มืดมิดที่สุดกลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ที่เคยทำให้จิตใจสงบ บัดนี้กลับถูกกลบด้วยกลิ่นขื่นปร่าของสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องบรรทม แสงเทียนวูบไหวสะท้อนเงาของร่างสูงสง่าบนเตียงมังกรที่บัดนี้ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลาย องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ทรงบรรทมสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย พระพักตร์ที่เคยคมคายและเปี่ยมด้วยอำนาจ บัดนี้ซีดเผือดราวกับคนหลงทางในม่านหมอกอวิ๋นซินเยว่ นั่งอยู่ข้างเตียง มือเรียวบางกุมพระหัตถ์ที่เย็นเฉียบของเขาไว้แน่น นางไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ขอบตาที่รื้นแดงไม่ได้เกิดจากความอ่อนล้า แต่เกิดจากความวิตกกังวลที่อัดแน่นอยู่ในอก“เสี่ยวหลิง... เริ่มการสแกนขั้นสูงอีกครั้ง ฉันต้องการผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ 100% ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่มิลลิกรัมเดียว!”[ติ๊ง!ระบบกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของยาถอนพิษชุดล่าสุด...ประมวลผลเสร็จสิ้น98 เปอร์เซ็นต์] หน้าจอเสมือนสีฟ้าใสที่เห็นได้เพียงนางคนเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้อมูลโครงสร้างทางเคมีของสมุนไพรโบราณถูกจำแนกออกมาเป็นตัวเลขและกราฟที่น่าสะพรึงกลัว[ผลการวิเคราะห์พบสารสกัดจาก‘หญ้าล

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   62

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์สามวันหลังจากการแต่งตั้งกุ้ยเฟยบรรยากาศในตำหนักดูเคร่งเครียดกว่าปกติ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน กำลังเข้าสู่ช่วง วิกฤตการรักษาตามที่ ซูกุ้ยเฟย ได้เตือนไว้ พระวรกายของพระองค์ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไข้สูงกลับมาเป็นระยะ และทรงหลับลึกกว่าปกติ... ราวกับสลบไป!อวิ๋นซินเยว่ เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง นางยังคงใช้ศาสตร์ทางการแพทย์จากโลกปัจจุบันผสมผสานกับความรู้จากซูกุ้ยเฟยผ่านตำราที่ไทเฮาเก็บรักษาไว้ เพื่อประคองชีพพระองค์ไว้!ซูกุ้ยเฟย เข้ามาตรวจดูอาการทุกวัน นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ แต่สายตาที่มองมายังฮองเฮายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่ไว้วางใจ!“ฮองเฮา! พระอาการของฝ่าบาทเป็นไปตามที่ตำราระบุ! ในช่วงเจ็ดวันต่อจากนี้... พิษเก่ากำลังถูกกำจัดอย่างรุนแรง! พระองค์จะไม่สามารถทรงงานได้เลยแม้แต่น้อย! หากมีความผิดพลาดในการรักษาแม้เพียงเล็กน้อย... พระวรกายอาจจะไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก!”“กุ้ยเฟย! ข้าทราบดี! ข้าในฐานะฮองเฮา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนฝ่าบาทในช่วงวิกฤตนี้! เจ้าจงดูแลการจัดหาตัวยาทั้งหมดให้ถูกต้องตามตำราที่ไทเฮาเก็บไว้! ถ้ามีสมุนไพรใดขาดไป..

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   61

    ท้องพระโรงลับ ยามอรุณรุ่งพิธีการสถาปนา สนมซูเหมยเยว่ ขึ้นเป็น กุ้ยเฟย ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในท้องพระโรงส่วนพระองค์ มีเพียงไทเฮา เสนาบดีซู และขุนนางคนสำคัญที่วางใจได้เท่านั้นที่เข้าร่วมพิธี เพื่อป้องกันมิให้ข่าวการประชวรของจักรพรรดิรั่วไหลองค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว ยาถอนพิษชุดแรกทำให้พระวรกายอ่อนล้าอย่างหนัก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงเปี่ยมด้วยอำนาจ ข้างกายของพระองค์คือ อวิ๋นซินเยว่ ในชุดฮองเฮาเต็มยศ... นางยืนอย่างมั่นคงราวกับเสาหลักของบัลลังก์!“สนมซูเหมยเยว่! เจ้าได้แสดงความซื่อสัตย์ต่อแคว้นอวี้... และต่อชีวิตของข้า! บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็น ‘กุ้ยเฟย’ ผู้ซึ่งมีศักดิ์สูงสุดรองจากฮองเฮา! และขอพระราชทาน ‘ตราเหยี่ยวเงิน’ ให้แก่เจ้า! ตรานี้จะมอบอำนาจในการดูแลพิธีการทั้งหมดในวังหลวง... และควบคุมพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลพระวรกายของข้า! ขอให้เจ้าจงภักดีต่อข้า... และต่อแคว้นอวี้ไปชั่วชีวิต!” สนมซูเหมยเยว่ คุกเข่ารับตำแหน่งด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยเกียรติยศ แต่นางยังคงมองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง! นางรู้ดีว่าอำนาจที่

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   60

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามสาย หลังจากที่ พระสนมซูเหมยเยว่ ยื่นข้อเสนอที่สะเทือนขวัญ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ก็สั่งให้ทุกคนออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงเขาและฮองเฮา อวิ๋นซินเยว่ผู้ซึ่งยังคงถือตราพระราชลัญจกรไว้ในมือ ใบหน้าของ อวี้เหยียน ซีดเซียวลงด้วยความเหนื่อยล้าและข้อเท็จจริงที่เจ็บปวด เขาเป็นกษัตริย์ที่ถูกอำนาจที่แท้จริงรัดคออย่างไม่สามารถต่อต้านได้! “ซินเยว่! เจ้าได้ยินทั้งหมดแล้ว! หากสิ่งที่สนมซูพูดเป็นความจริง... พิษร้ายได้ถูกสะสมในตัวข้ามานานปี! และหากข้าใช้กำลังแม้แต่น้อยในการข่มขู่ตระกูลซู... ยาถอนพิษก็จะหายไปตลอดกาล! ข้า... ข้าคือราชาที่ตกอยู่ในความเมตตาของตระกูลขุนนางเสียแล้ว!” พระองค์มองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยความเจ็บปวดและแววตาที่สับสน เขาต้องการให้นางปฏิเสธ... แต่เขามีหน้าที่ที่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อบัลลังก์! “เจ้า... เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไร! ข้าพร้อมที่จะสละทุกอย่าง! แม้แต่ อำนาจในฝ่ายในของเจ้า! ตราบใดที่ข้ายังสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องแคว้นอวี้ได้! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า!” อวิ๋นซินเยว่ กำมือแน่น หัวใจของนางเย็นเยียบด้วยความตร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   59

    ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามรุ่งสางแสงแดดยามเช้ายังมิอาจสาดส่องเข้ามาในตำหนักบรรทมได้ บรรยากาศยังคงสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพร องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราที่สงบที่สุดหลังจากผ่านพ้นพิษไข้มาแล้ว อวิ๋นซินเยว่ นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ความอ่อนล้าจากการดูแลเขาตลอดคืนมิอาจบดบังความแหลมคมในดวงตาของนางได้เลยทันใดนั้น... เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้น ขันทีและนางกำนัลคนสนิทของสนมซูเหมยเยว่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากเสนาบดีซูได้ถือม้วนพระราชโองการ เข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงกลัวหัวหน้าขันทีผู้หยิ่งผยอง นามว่า หลิ่วจิ้น ได้ก้าวเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม เขาตั้งใจจะใช้ความป่วยไข้ของจักรพรรดิเป็นโอกาสในการกำจัดฮองเฮาผู้นี้!หลิ่วจิ้นส่งเสียงดังอย่างจงใจ “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! โปรดทรงสดับรับพระราชโองการจากเบื้องบน! ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ย้ายพระองค์ออกจากตำหนักบรรทมทันที! เนื่องจากพระองค์ละเลยหน้าที่จนทำให้พระวรกายของฝ่าบาททรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว! พระองค์ไม่คู่ควรที่จะอยู่ใกล้ชิดพระองค์ในยามนี้!”อวิ๋นซินเยว่ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของนาง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status