เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่ามันเทศแตกหน่ออ่อนแล้ว นางก็รีบจูงมือเล็กๆ ของฉู่จื่อซี สาวเท้ายาวจากไปทันที ในตอนที่นางเดินไปถึงหน้าประตู ก็หันไปถลึงตาใส่ฉู่จวินสิงอีกครั้ง “ท่านรอก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการท่าน” ฉู่จวินสิงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็ตามออกมาเช่นกัน คนทั้งสามมาถึงบริเวณที่ปลูกมันเทศ ฉู่จื่อซีนั่งยองลง มือน้อยๆ ชี้ไปที่ต้นอ่อนที่อยู่ในดิน เจี่ยนอันอันนั่งยองลงไปอย่างมีความสุข “โอ้ เร็วขนาดนี้ก็งอกต้นอ่อนแล้ว” “ดูท่าอีกไม่นาน พวกเราก็จะได้กินมันเทศแล้ว” “จื่อซีอยากกินมันเทศหรือไม่?” เมื่อฉู่จื่อซีได้ยินคำพูดของเจี่ยนอันอัน ก็พยักหน้าหนักๆ อย่างมีความสุข เจี่ยนอันอันลูบหัวน้อยๆ ของฉู่จื่อซี “รอจนมันเทศได้ที่แล้ว ข้าก็จะทำมันเทศเผาให้เจ้ากิน” ฉู่จื่อซีชอบกินมันเทศมาก ครั้งก่อนที่กินมันเทศในศาลเจ้าร้าง เขายังกินไม่เต็มอิ่มเลย ยามนี้เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า ในอนาคตจะมีมันเทศเผาให้กิน ใบหน้าน้อยๆ ของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเบิกบานทันที ตลอดบ่ายนี้ไม่มีฝนตก เจี่ยนอันอันต้มยาให้ฉู่จื่อซีชุด ให้เขาดื่มลงไป ตอนกลางคืนช่วงที่กำลังนอน เจี่ยนอ
เจี่ยนอันอันซื้อพุทราลูกใหญ่ ถั่วลิสง ลำไย และเมล็ดบัวจำนวนหนึ่งจากร้านค้าในมิติ นางแกะถุงที่ใส่ของสี่อย่างนั้นออกในมิติ เทอาหารด้านในออกมาก่อน จากนั้นค่อยมอบให้ฮูหยินใหญ่ วันนี้อากาศเป็นใจ ฝนไม่ตกแม้แต่หยดเดียว เหล่าข้ารับใช้แขวนโคมแดงขึ้นไปบนประตูบ้านแล้ว และแขวนผ้าไหมสีแดงไว้ที่ประตูทั้งสองข้างด้วย พวกเขายังปูผ้าไหมสีแดงผืนยาวไว้กลางลานบ้าน ตกแต่งลานบ้านจนแดงอร่ามไปทั่ว ทุกคนรอเพียงให้ถึงเวลาเท่านั้น เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงก็จะได้กราบไหว้ฟ้าดินเพื่อแต่งงานกันแล้ว คนในหมู่บ้านได้ประจักษ์ว่าลานบ้านของเรือนหลังนี้ครึกครื้นเพียงไร ทุกคนล้วนสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ส่วนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างก็สวมชุดวิวาห์สีแดง เหล่าชาวบ้านจึงรีบวิ่งไปส่งข่าวกันทันที ล้วนบอกต่อกันว่าคนบ้านนั้นจะมีพิธีมงคล ชุดมงคลสีแดงบนร่างคนทั้งสอง เป็นของที่เจี่ยนอันอันซื้อมาจากร้านค้าในมิติ นางยังเอาเครื่องประดับจากในมิติออกมาให้สี่เอ๋อร์สวมให้นางด้วย ซ่างตงเยว่ก็อยากช่วยเช่นกัน ทว่านางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าควรจะช่วยอย่างไร สี่เอ๋อร์ที่กำลังหวีผมให้เจี่ยนอันอ
เมื่อคนทั้งสองมาถึงเรือนหลัก ฮูหยินใหญ่ก็นั่งอยู่บนตั่งอุ่นแล้ว นางมองสองบ่าวสาวที่เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม จากนั้น พ่อบ้านหลิวก็ตะโกนว่า “หนึ่งคำนับฟ้าดิน!” เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงโค้งคำนับไปทุกทิศทาง “สองคำนับบิดามารดา!” คนทั้งสองหมุนกายกลับมา คำนับไปทางฮูหยินผู้เฒ่า “สามีภรรยาคำนับกันและกัน!” คนทั้งสองหันหน้าเข้าหากันและกัน แล้วคำนับลง “เสร็จพิธี ส่งเข้าห้องหอ!” หลังสี่เอ๋อร์และซ่างตงเยว่ได้ยิน ก็รีบเดินเข้ามาประคองเจี่ยนอันอันไปที่ห้องหอ เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่บนเตียงอุ่น ถอนใจออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง รอจนสี่เอ๋อร์และซ่างตงเยว่ออกไปแล้ว ฉู่จวินสิงจึงก้าวเข้ามา ในตอนที่เขาเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงบนศีรษะเจี่ยนอันอันออก ก็เห็นเจี่ยนอันอันกำลังมองเขาด้วยความเอียงอาย เดิมเจี่ยนอันอันก็งดงามอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งงามล้ำหาใดเปรียบ ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาอ่อนโยน มองจนใบหน้าน้อยๆ ของเจี่ยนอันอันแดงขึ้นมา ฉู่จวินสิงประคองใบหน้าของเจี่ยนอันอันขึ้นมา กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ตัวข้ามีฐานะต่ำต้อย ที่บ้านก็ไม่มีสิ่งใด” “ได้แต่ทำให้เจ้าต้องมาแต่งงานกับข้าลวกๆ อย่
เจี่ยนอันอันรับน้ำชามาจากซ่างตงเยว่ คุกเข่าคารวะลงเบื้องหน้าฮูหยินใหญ่ “สะใภ้ขอคารวะฮูหยินใหญ่ ขอเชิญฮูหยินใหญ่ดื่มชาเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่รีบรับน้ำชาไป จากนั้นยิ้มแย้มอย่างเบิกบานว่า “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ควรเปลี่ยนมาเรียกข้าว่าท่านแม่ได้แล้ว” เจี่ยนอันอันก้มหัวลงอย่างกระดากอายอยู่บ้าง จากนั้นก็ส่งเสียงเรียกออกมาว่า “ท่านแม่!” “ลูกสะใภ้ที่ดี ชานี้แม่จะดื่มแล้ว” ฮูหยินใหญ่หัวเราะอย่างมีความสุข ยกชาในถ้วยดื่มจนหมด ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสองสามีภรรยาเดินออกมาจากเรือนหลัก ในเวลานี้ เหล่าสาวใช้ได้จัดเตรียมอาหารอันน่ารับประทานไว้เต็มโต๊ะแล้ว ท่านปู่เฉินผู้เป็นผู้ใหญ่บ้าน หิ้วสุราสองไหเดินมาที่เบื้องหน้าของคนทั้งสอง “วันนี้พวกท่านทั้งสองเข้าพิธีวิวาห์กัน ตัวข้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้านไม่มีของขวัญแสดงความยินดีใดจะมอบให้ นี่เป็นสุราชั้นดีที่ถูกเก็บจนฝุ่นจับมานานหลายปี พวกท่านก็รับไว้เถอะ” หลังฉู่จวินสิงกล่าวคำขอบคุณ ก็ให้บ่าวรับใช้ในบ้านรับสุราไป ท่านยายหลินก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน นางหิ้วไข่ไก่สิบฟองเข้ามา กล่าวกับคนทั้งสองว่า “แม่นางมีจิตใจงดงาม ช่วยรักษาโรคให
ฉู่จวินสิงดึงมือของเจี่ยนอันอันกลับไปที่ห้อง เจี่ยนอันอันนั่งลงข้างเตียงอุ่น ก้มศีรษะลงอย่างประหม่าเล็กน้อย ฉู่จวินสิงดื่มสุราไปไม่น้อย เขานั่งลงข้างกายของเจี่ยนอันอัน แล้วโอบเอวนางไว้เบาๆ เมื่อเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าช่วงเอวถูกกระชับแน่นเข้า หัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นมาทันที “เอ่อ เรื่องนั้น ท่านก็เหนื่อยแล้ว รีบไปนอนเถิด” เจี่ยนอันอันผลักฉู่จวินสิงเบาๆ และยังช่วยประคองเขาไปนอนบนเตียงอุ่นอีกด้วย ในตอนที่เจี่ยนอันอันจะจากไปนั่นเอง มือก็ถูกฉู่จวินสิงดึงไว้ จากนั้นร่างของนางก็ไหวเอน ถูกฉู่จวินสิงดึงไปอยู่บนตัวของเขา เจี่ยนอันอันนอนทาบอยู่บนแผ่นอกของฉู่จวินสิง หัวใจทั้งดวงเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม นางอยากลุกขึ้นจากตัวของฉู่จวินสิง แต่กลับถูกเขากอดไว้แน่น “ฉู่จวินสิง ท่านปล่อยข้าก่อน” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็จะไปปลดมือของฉู่จวินสิงออก แต่นางยิ่งดิ้นรน ก็ยิ่งถูกฉู่จวินสิงกอดไว้แน่นขึ้น “อย่าขยับ ให้ข้ากอดสักครู่ก่อน” เสียงของฉู่จวินสวินทุ้มต่ำอย่างน่าฟัง ใบหน้าดวงน้อยของเจี่ยนอันอันพลันแดงเรื่อขึ้นมาทันที นางรู้ว่าตัวเองดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ จึงได้แต่นอนทับอยู่บนแผ่นอกของฉู่จวิ
เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองยังถูกฉู่จวินสิงกอดอยู่ เจี่ยนอันอันก็รีบจับแขนของฉู่จวินสิงออก จากนั้นรีบลงจากเตียงอุ่นแล้ววิ่งออกไป หลังเปลี่ยนชุดแต่งงานออกในห้องเก็บของแล้ว เจี่ยนอันอันจึงได้ก้าวออกมา เวลานี้ฮูหยินใหญ่ตื่นขึ้นมาแล้ว เจี่ยนอันอันยังคิดจะยกน้ำชาให้นางอีกครั้ง ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุใดอันอันจึงไม่นอนต่ออีกสักหน่อย เมื่อคืนจวินสิงคงไม่ได้รังแกเจ้ากระมัง” เมื่อเจี่ยนอันอันคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอายเล็กน้อย นางไม่ได้ตอบคำถามของฮูหยินใหญ่ แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแทน “ข้ายังไม่ได้ยกน้ำชาให้ท่านแม่เลยเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกล่าว จากนั้นก็ให้ซ่างตงเยว่ไปยกน้ำชามา ฮูหยินใหญ่นั่งอยู่ในเรือนอย่างมีความสุข ในไม่ช้า ซ่างตงเยว่ก็ยกชาถ้วยหนึ่งมามอบให้เจี่ยนอันอัน เจี่ยนอันอันคุกเข่าลงเบื้องหน้าของฮูหยินใหญ่ จากนั้นยกน้ำชาส่งให้นาง “ลูกขอคารวะน้ำชาท่านแม่เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่รับน้ำชาไป ดื่มลงไปคำหนึ่งด้วยอย่างเบิกบาน จากนั้นก็ประคองเจี่ยนอันอันขึ้นมา เมื่อเจี่ยนอันอันทำตามพิธีเสร็จเรียบร้อย ก็ไปนั่งลงที่ข้างกายของฮูหยินใหญ่ “เพลานี้เสบีย
ฟางอิ๋งก้าวเข้ามา พร้อมกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “จื่อซี เจ้าพูดอีกสักคำให้แม่ฟังสิ” ฉู่จื่อซีเหลือบมองเจี่ยนอันอัน เห็นนางยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า เขาจึงอ้าปากเปล่งเสียง ‘อา’ ออกมาคำหนึ่ง ฟางอิ๋งตื่นเต้นจนรู้สึกจมูกแสบร้อนทันที จากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา ฉู่จวินหลุนก็ตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน ในที่สุดลูกของเขาก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แล้ว เขากุมมือของฟางอิ๋งไว้แน่น ขณะที่มองฉู่จื่อซีด้วยดวงตาเปล่งประกาย “พวกท่านล้อมทำสิ่งใดกันอยู่ตรงนั้น?” เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อเจี่ยนอันอันมองไปที่ฉู่จวินสิง ก็เห็นว่าเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดที่ใส่ในยามปกติแล้ว เขาสาวเท้าไปที่ข้างกายของเจี่ยนอันอัน จากนั้นก็จับมือของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง เจี่ยนอันอันเล่าเรื่องที่ฉู่จื่อซีสามารถเปล่งเสียงออกมาได้แล้วให้ฉู่จวินสิงฟัง ฉู่จวินสิงก็ดีใจอย่างมากเช่นกัน เขายื่นมือออกไปลูบหัวของฉู่จื่อซี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับฉู่จื่อซีอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ฉู่จื่อซีหวาดกลัวท่านอารองผู้นี้อย่างมากมาโดยตลอด แต่ไรมาเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้อารองนัก แต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้เขา
เจี่ยนอันอันให้เหล่าสาวใช้นำมันเทศเผาเสร็จแล้วเข้ามา ให้ทุกคนได้ลิ้มลองเช่นกัน เมื่อทุกคนได้กินมันเทศเผา ต่างก็ชมติดต่อกันว่ามันเทศอร่อย มีเพียงฉู่จวินสิงที่มองมันเทศที่อยู่เบื้องหน้า แล้วไม่เกิดความรู้สึกอยากกิน เขารู้สึกต่อต้านการกินมันเทศเล็กน้อย เพราะไม่อยากถูกมันเทศทำให้ติดคออีกครั้ง เจี่ยนอันอันมองความรู้สึกต่อต้านของฉู่จวินสิงออก นางจึงกินมันเทศที่แสนหอมกรุ่น จากนั้นจงใจทำเสียงดูดปากกินอย่างเอร็ดอร่อยที่ข้างหูของฉู่จวินสิง “เจ้ามันเทศนี้ช่างอร่อยจริงๆ ทั้งหวานทั้งหอม หากท่านไม่กิน พลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีโอกาสหน้าแล้วนะ” ฉู่จวินสิงถูกเสียงดูดปากของเจี่ยนอันอัน กระตุ้นความอยากขึ้นมา เขาหยิบมันเทศที่อยู่เบื้องหน้าขึ้นมา กัดลงไปคำหนึ่ง ทันใดนั้น กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของมันเทศเผา ก็อบอวลไปทั่วปากของเขา ฉู่จวินฉิงคิดไม่ถึงว่ามันเทศนี้จะมีรสชาติที่เลิศล้ำถึงเพียงนี้ อร่อยกว่ามันเทศที่พวกเขากินในศาลเจ้าร้างเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว เจี่ยนอันอันยิ้มตาหยีมองฉู่จวินสิง “นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น มันเทศที่ข้าปลูกรับรองว่าต้องยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน หากท่า
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร