ฟางอิ๋งก้าวเข้ามา พร้อมกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “จื่อซี เจ้าพูดอีกสักคำให้แม่ฟังสิ” ฉู่จื่อซีเหลือบมองเจี่ยนอันอัน เห็นนางยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า เขาจึงอ้าปากเปล่งเสียง ‘อา’ ออกมาคำหนึ่ง ฟางอิ๋งตื่นเต้นจนรู้สึกจมูกแสบร้อนทันที จากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา ฉู่จวินหลุนก็ตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน ในที่สุดลูกของเขาก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แล้ว เขากุมมือของฟางอิ๋งไว้แน่น ขณะที่มองฉู่จื่อซีด้วยดวงตาเปล่งประกาย “พวกท่านล้อมทำสิ่งใดกันอยู่ตรงนั้น?” เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อเจี่ยนอันอันมองไปที่ฉู่จวินสิง ก็เห็นว่าเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดที่ใส่ในยามปกติแล้ว เขาสาวเท้าไปที่ข้างกายของเจี่ยนอันอัน จากนั้นก็จับมือของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง เจี่ยนอันอันเล่าเรื่องที่ฉู่จื่อซีสามารถเปล่งเสียงออกมาได้แล้วให้ฉู่จวินสิงฟัง ฉู่จวินสิงก็ดีใจอย่างมากเช่นกัน เขายื่นมือออกไปลูบหัวของฉู่จื่อซี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับฉู่จื่อซีอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ฉู่จื่อซีหวาดกลัวท่านอารองผู้นี้อย่างมากมาโดยตลอด แต่ไรมาเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้อารองนัก แต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้เขา
เจี่ยนอันอันให้เหล่าสาวใช้นำมันเทศเผาเสร็จแล้วเข้ามา ให้ทุกคนได้ลิ้มลองเช่นกัน เมื่อทุกคนได้กินมันเทศเผา ต่างก็ชมติดต่อกันว่ามันเทศอร่อย มีเพียงฉู่จวินสิงที่มองมันเทศที่อยู่เบื้องหน้า แล้วไม่เกิดความรู้สึกอยากกิน เขารู้สึกต่อต้านการกินมันเทศเล็กน้อย เพราะไม่อยากถูกมันเทศทำให้ติดคออีกครั้ง เจี่ยนอันอันมองความรู้สึกต่อต้านของฉู่จวินสิงออก นางจึงกินมันเทศที่แสนหอมกรุ่น จากนั้นจงใจทำเสียงดูดปากกินอย่างเอร็ดอร่อยที่ข้างหูของฉู่จวินสิง “เจ้ามันเทศนี้ช่างอร่อยจริงๆ ทั้งหวานทั้งหอม หากท่านไม่กิน พลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีโอกาสหน้าแล้วนะ” ฉู่จวินสิงถูกเสียงดูดปากของเจี่ยนอันอัน กระตุ้นความอยากขึ้นมา เขาหยิบมันเทศที่อยู่เบื้องหน้าขึ้นมา กัดลงไปคำหนึ่ง ทันใดนั้น กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของมันเทศเผา ก็อบอวลไปทั่วปากของเขา ฉู่จวินฉิงคิดไม่ถึงว่ามันเทศนี้จะมีรสชาติที่เลิศล้ำถึงเพียงนี้ อร่อยกว่ามันเทศที่พวกเขากินในศาลเจ้าร้างเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว เจี่ยนอันอันยิ้มตาหยีมองฉู่จวินสิง “นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น มันเทศที่ข้าปลูกรับรองว่าต้องยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน หากท่า
อาหรงรู้สึกจมูกแสบร้อน ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาครอบครัวของนางยากจน ต่อให้คิดอยากจะนำเงินมาตอบแทนเจี่ยนอันอันก็ยังไม่มีวิธีนางคิดถึงแม่ไก่ที่วางไข่ที่บ้านก็รีบเดินออกจากห้องไป ไปอุ้มแม่ไก่ออกมาจากเล้าไก่“แม่นาง ที่บ้านข้าไม่มีอะไรเลย มีเพียงแค่แม่ไก่ที่วางไข่นี่”“ขอให้ท่านช่วยรับเอาไว้ มิฉะนั้นแล้ว ในใจของข้าคงจะรู้สึกเสียใจจริงๆ”ในใจของเจี่ยนอันอันคิด ที่บ้านไม่มีไข่ไก่ให้กินจริงๆฉู่จื่อซียังคงต้องเจริญเติบโต ต้องการสารอาหารเป็นจำนวนมากถึงแม้ว่านางจะสามารถซื้อมาจากร้านค้าได้ ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะทำให้คนอื่นสงสัยได้ตอนนี้ดีแล้ว มีแม่ไก่ที่ออกไข่ได้ตัวนี้นางก็สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ เพื่อซื้อไข่ไก่จากร้านค้าได้มากยิ่งขึ้นรอจนเมื่อทุกคนถามถึง นางสามารถบอกได้ว่าเป็นแม่ไก่ตัวนี้ออกไข่มาเจี่ยนอันอันรับแม่ไก่มาอย่างพึงพอใจนางอุ้มแม่ไก่เอาไว้ หลังจากที่บอกลากับท่านยายหลินและอาหรง ก็กลับบ้านไปเด็กรับใช้ทั้งหลายเมื่อเห็นว่านางอุ้มไก่ตัวหนึ่งออกมา ก็รีบสร้างเล้าไก่ขึ้นมาทันทีเจี่ยนอันอันมอบแม่ไก่ให้เด็กรับใช้ แล้วไปปรุงยาให้ฉู่จื่อซีไม่นานยาก็ปรุงจนเสร็จ ในขณะที่เจ
“ข้าจะไปดูตรงที่ดิน ว่าจะสามารถปลูกธัญพืชออกมาได้หรือไม่”เจี่ยนอันอันพูดออกมา ก็เดินมุ่งหน้าออกจากประตูจวนไปมุมปากของฉู่จวินสิงยกยิ้มขึ้นมา เขาเดินตามเจี่ยนอันอันออกจากประตูจวนไปติดๆทั้งสองคนมาถึงยังที่ดิน ก็มองเห็นซ่างชิวและอวี๋ว่านกำลังทำงานอยู่ที่นั่นที่ดินของครอบครัวซ่างชิวตอนนี้สามารถปลูกพืชพันธุ์อาหารได้แล้ว เขากำลังยุ่งอยู่กับการหว่านเมล็ดพืชทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ก็รีบวางงานในมือลง“วันนี้อากาศร้อนจริงๆ ทั้งสองท่านทำไมถึงไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านกัน?”ซ่างชิวพูดออกมา ก็เดินไปยังทั้งสองคนในตอนนี้ใบหน้าของเขาและอวี๋ว่านดูเข้มและแดงขึ้น ร่างกายและเสื้อผ้าต่างก็เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อดูเหมือนว่าจะทำงานมาทั้งเช้าแล้วเจี่ยนอันอันยิ้มออกมา “อาหารที่บ้านก็กินกันไปเกือบหมดแล้ว ข้าอยากจะมาปลูกพวกธัญพืชบ้าง”ซ่างชิวและอวี๋ว่านไม่คิดเลยว่าเจี่ยนอันอันยังจะมีธัญพืชหลงเหลืออยู่ที่พวกเขานั้นมีเพียงแค่ข้าวโพดเท่านั้นที่สามารถเพาะปลูกได้ ยังไม่เคยเพาะปลูกธัญพืชอื่นเลยที่นี้แห้งแล้งตลอดทั้งปี ดินจึงสามารถปลูกได้เพียงแค่ข้าวโพดที่สามารถทดต่อความแห้งแล
เจี่ยนอันอันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เดินมุ่งหน้าไปยังที่ดินของตนเองนางลอบคิดในใจ ไม่เสียแรงที่เป็นน้ำพุวิญญาณจริงๆ ถึงได้แสดงประสิทธิภาพได้รวดเร็วถึงเพียงนี้รอจนเมื่อพวกเขามาถึงยังที่ดินนั้น ก็มองเห็นต้นอ่อนเล็กๆ สูงขึ้นมากแล้วซ่างชิวทั้งสามคนพากันมองหน้ากัน ใบหน้าแต่ละคนก็เผยท่าทีตกตะลึงออกมาเขาทำการเพาะปลูกมานานตั้งหลายปี ก็ไม่เคยพบธัญพืชที่เติบโตได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ทุกคนมองไปยังที่ดินโดยไม่หันเหสายตาไปไหน ก็พบว่าธัญพืชที่เพิ่งจะเพาะปลูกลงไปไม่นานมานี้มีต้นอ่อนเติบโตขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งในที่สุดอวี๋ว่านก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “แม่นางเจี่ยน เมล็ดพันธุ์ที่ท่านปลูกลงไปทำไมถึงได้เติบโตได้รวดเร็วเพียงนี้กัน?”เจี่ยนอันอันคิดวิธีรับมือเอาไว้แล้ว นางลุกขึ้นยืน ยิ้มแล้วพูดกับพวกซ่างชิวทั้งสามคน“ข้าเคยอยู่ในวัดลัทธิเต๋า แล้วถูกท่านเจ้าอาวาสชี้แนะมาก่อน”“เขาบอกว่าข้ามีชะตาชีวิตสูงส่ง แต่ในชะตานั้นกลับมีคราวเคราะห์อยู่ จะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากชั่วระยะหนึ่ง”“เขาเห็นว่าข้าขอคำชี้แนะอย่างจริงใจ จึงได้มอบสูตรลับสูตรหนึ่งให้ข้ามา”“น้ำที่ข้าใช้สูตรลับนี้ศึกษาออกมา สามารถทำให้ไม่ว่
เพราะอย่างไรครอบครัวของเจี่ยนอันอันก็เป็นคนจากต่างถิ่น เขาเกรงว่าคนจะพูดกันมากจนเกินไปหากว่าการจัดการของเขา จะไปทำให้ชาวบ้านคนอื่นๆ เกิดความไม่พอใจขึ้นมาอีกเกรงว่าวันหน้าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายที่ไม่จำเป็นขึ้นมาได้ท่านปู่เฉินพูดกับพวกของซ่างชิวทั้งสามคนว่า “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปเรียกชาวบ้านคนอื่นๆ มาหารือเรื่องนี้กันที่นี่”เขาพูดจบ ก็รีบไปหาคนตามเรือนของชาวบ้านไม่นานนักชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย ต่างก็ตามท่านปู่เฉินมายังเรือนของเขาภายในลานถูกชาวบ้านออกันจนแน่นขนัดทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วท่านปู่เฉินจะหารือเรื่องอะไรท่านปู่เฉินพูดออกมาเสียงดัง “ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะหารือกับทุกคน”“ตอนนี้เรือนของจางต้าไม่มีคนพักอาศัยอยู่แล้ว ข้าอยากจัดการให้ครอบครัวของแม่นางเจี่ยนเข้าพักยังเรือนของจางต้า”“ไม่รู้ว่าทุกคนคิดเห็นกันเช่นไร”ในใจของท่านปู่เฉินเป็นกังวลเล็กน้อย เกรงว่าจะมีชาวบ้านคัดค้านออกมาชาวบ้านต่างก็พากันมองหน้ากัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พูดออกมาซ่างชิวเมื่อเห็นเข้า ก็รีบพูดออกมาเสียงดัง “แม่นางเจี่ยนรักษาอาการป่วยตงเยว่ของข้าจนหาย ข้าเห็นด้วยกับการจัด
ทั้งหลายคนตามท่านปู่เฉินมายังเรือนของเจี่ยนอันอันพร้อมกันเจี่ยนอันอันในตอนนี้กำลังปลูกมันเทศอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นว่าท่านปู่เฉินมาอีกครั้งอีกทั้งที่มาพร้อมกับเขานั้น ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ก่อนหน้านั้นถูกพิษน้ำยาคูหยาเข้าเจี่ยนอันอันพอจะเดาได้ ท่านปู่เฉินจะต้องมาช่วยร้องขอให้พวกเขาเป็นแน่นางขมวดคิ้วแน่น รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อยเจี่ยนอันอันไม่คิดจะใส่ใจพวกเขา สนใจเพียงแต่ปลูกมันเทศของตนฉู่จวินสิงที่ย่อกายอยู่ด้านข้าง คอยมองเจี่ยนอันอันปลูกมันเทศอยู่เมื่อเห็นทั้งกลุ่มคนมาถึง เขาก็หันไปเหลือบมองยังเจี่ยนอันอันได้ยินเพียงแค่นางพูดพึมพำออกมาเสียงเบา “ไม่ต้องสนใจพวกเขา”ฉู่จวินสิงที่เดิมทีก็เย็นชากับคนนอก แน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจต่อท่านปู่เฉินและชาวบ้านเหล่านั้นท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันดูมีท่าทีไม่พอใจนัก เขาก็หันไปขยิบตาให้ชาวบ้านเหล่านั้นชาวบ้านทั้งหลายไม่นานนักก็เข้าใจขึ้นมา พวกเขาเดินก้าวใหญ่ไปยังเจี่ยนอันอันยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้เข้าใกล้ ก็ถูกกำลังภายในอันรุนแรงกระแทกจนกระเด็นลอยไปชาวบ้านทั้งหลายตกลงบนพื้น ต่างพากันกุมหน้าอก ส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดอ
เจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน เหลือบมองยังชาวบ้านที่ฉี่รดกางเกงอย่างดูแคลนนางมายังเบื้องหน้าของฉู่จวินสิง แล้วพูดกับท่านปู่เฉิน “ท่านปู่เฉิน หากว่าท่านมาที่นี่เพียงเพื่อช่วยขอร้องให้พวกเขาแล้ว ท่านก็ไปได้แล้ว”ท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้คิดจะช่วยรักษาให้เหล่าชาวบ้านทั้งหลาย เขาจึงรีบพูดออกมา“แม่นางเจี่ยน ที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเรื่องนี้เรื่องเดียว”เจี่ยนอันอันจับจ้องไปยังท่านปู่เฉินโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอให้เขาพูดต่อไปท่านปู่เฉินพูดออกมา “แม่นางเจี่ยน อันที่จริงแล้วที่ข้ามาที่นี้ ก็เพื่ออยากจะปรึกษาเรื่องหนึ่งกับเจ้า”“เมื่อครู่นี้ข้าปรึกษากับชาวบ้านคนอื่นๆ มาแล้ว พวกเรารู้สึกว่าครอบครัวของพวกเจ้าทั้งตระกูลอาศัยอยู่ที่นี้ ดูน่าจะอึดอัดไป”“บ้านของจางต้าตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว พวกเราต่างก็หวังว่าพวกเจ้าทั้งครอบครัว จะสามารถย้ายไปอยู่ที่นั่นได้”“ที่นั่นสถานที่ใหญ่โต ห้องหับก็มากมาย สามารถรองรับคนของพวกเจ้าทั้งครอบครัวได้อย่างแน่นอน”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ท่านปู่เฉินมายังเรือนของนางก็เพื่อเรื่องนี้นางเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นในใจก็มีความสุขขึ้นมาทันทีน
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร