ในใจสี่เอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันเป็นเจ้านายของพวกตนไปนานแล้วฉีเซินหย่วนเห็นอย่างนั้นก็ชมเชยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าอันอันเป็นดาวนำโชคของสกุลฉู่”“อากาศร้อนขนาดนี้ แม่ไก่สองตัวยังร้อนจนได้แต่นอนกกรัง”“ยามนี้พวกมันกลับออกไข่ติดต่อกัน นี่ล้วนเป็นโชคดีที่อันอันนำมาให้ทุกคน”เจี่ยนอันอันยิ้มบางให้ฉีเซินหย่วนแล้วกล่าวกับสี่เอ๋อร์ว่า “สี่เอ๋อร์ เจ้าเอาไข่สองฟองนี้กลับไปไว้ในรังเถอะ”“รอจนฟักออกมาเป็นลูกไก่ ข้าค่อยเอาไก่สองตัวนี้ไปคืนท่านยายหลิน”นางยังไม่ลืมว่าที่บ้านท่านยายหลินมีไก่สำหรับออกไข่แค่สองตัวนี้เท่านั้นเสี่ยวโต้วจื่อที่บ้านนางยังเล็ก ยังจำเป็นต้องกินไข่เพื่อบำรุงร่างกายสี่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็นำไข่กลับไปไว้ในรังแม้นางอยากกินไข่มากแค่ไหน แต่นางก็รู้ดีว่า ไข่สองฟองนี้ได้มาไม่ง่ายเลยเจี่ยนอันอันไปที่ยุ้งฉางแล้วซื้อไข่ไก่มาจากร้านค้าในมิตินางใส่ไข่ไก่ไว้ในถุงผ้า ทำเหมือนว่าซื้อไข่ไก่เหล่านั้นมาจากในอำเภอเห็นว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้วเจี่ยนอันอันเรียกสี่เอ๋อร์ไปที่ยุ้งฉาง ชี้ไปที่ไข่ไก่ในถุงผ้าพลางว่า “ไข่พวกนี้ข้าซื้อมาจากใน
ในไม่ช้าก็ให้ยาแก้อักเสบกระปุกนั้นเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันเก็บชุดให้สารละลายแล้วดีดนิ้วข้างหูซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ในห้องด้วย“นายน้อยรอง ข้าเพิ่มภาระให้พวกท่านแล้ว”ซ่างตงเยว่เจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งนัก ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ของเจี่ยนอันอัน แต่สองวันนี้นางไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ทั้งยังยึดครองห้องของคนอื่นห้องหนึ่งเอาไว้อีกด้วยยามนี้นางอยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านตัวเองยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเพิ่มภาระให้คนอื่นเช่นนี้ซ่างตงเยว่รู้สึกละอายใจเหลือเกินฉู่จวินสิงไม่ได้มองซ่างตงเยว่ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าเจี่ยนอันอันมาตลอดเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอเพียงเจี่ยนอันอันยินดี ซ่างตงเยว่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้ทั้งนั้นเจี่ยนอันอันเห็นซ่างตงเยว่อายุยังน้อย แต่กลับกังวลเรื่องต่างๆ มากขนาดนี้นางตบมือน้อยของซ่างตงเยว่เบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ตงเยว่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น”“รอจนเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมือง”ซ่างตงเยว่ยังไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ได้ยินเจี่ยนอันอันพูดอย่างนั้น ในที่สุด
เจี่ยนอันอันเห็นท่าทางอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเลของกวนซินจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่?”กวนซินมองฉู่ตั๋วตั่ว เด็กคนนี้ต้องตกระกำลำบากกับนางมาตลอดทาง ทั้งยังถูกแม่นมหลี่ดุด่าว่าเป็นภาระอยู่บ่อยๆไม่เพียงทำงานไม่ได้ แต่ยังมีปากท้องต้องเลี้ยงเพิ่มมาอีกคนตอนนี้เงินที่นางพกมาด้วยใช้ระหว่างทางไปหมดแล้วที่บ้านไม่มีอะไรให้กินอีกแล้วนางสามารถอดทนได้ แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่ได้กินข้าวดีๆ มาหลายวันแล้วนางทนเห็นฉู่ตั๋วตั่วทนหิวต่อไปไม่ได้จริงๆกวนซินลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ข้าอยากขอยืมเสบียงจากพวกเจ้าสักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่?”หลังจากกวนซินเอ่ยวาจานี้ออกมาก็รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมดนางเป็นถึงชายารองของรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาทอย่างล้นหลามจะเคยต้องลดเสียงมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้เสียเมื่อไรแต่ยามนี้วาสนาหมดสิ้น นางจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกวนซินคิดว่าครอบครัวของเยียนอ๋องสามารถอยู่ในสถานที่ทุรกันดารอย่างหมู่บ้านชิงสุ่ยได้นานขนาดนี้ พวกเขาจะต้องพกพาเสบียงมาจากที่บ้านด้วยมากมายเป็นแน่ตอนนี้นางเองก็อับจน
ในฐานะที่ทั้งสองเป็นอดีตไท่เฟยย่อมเคยไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังรัชทายาทก็เคยพากวนซินไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังเหมือนกันยามนั้นอดีตฮ่องเต้เห็นว่าผู้ที่รัชทายาทพามาด้วยไม่ใช่ชายาเอก แต่เป็นชายารองคนหนึ่งก็ไม่พอพระทัยเป็นอันมากชายาเอกที่เขาประทานสมรสให้เป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้นเนื่องจากสองแคว้นสานสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน รัชทายาทยังไม่เคยเห็นองค์หญิงผู้นั้นมาก่อนย่อมไม่ชอบฝ่ายตรงข้ามหลังจากได้รับพระราชทานสมรส รัชทายาทก็ไม่เคยชายตามองชายาเอกแม้แต่ครั้งเดียวเขาย่อมไม่พาชายาเอกมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพด้วยอยู่แล้วยามนั้น การกระทำของรัชทายาททำให้อดีตฮ่องเต้ทรงกริ้วงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพจึงกลายเป็นหายนะตอนนั้นฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองก็อยู่ในงานจึงพอจะจำกวนซินได้บ้างยามนี้มาเห็นกวนซินสวมชุดผ้าเนื้อหยาบนั่งอยู่ในเรือน คนทั้งสองจึงค่อนข้างไม่แน่ใจพวกนางนึกว่าตนเองจำคนผิด แต่หลังจากพินิจอย่างละเอียด ในที่สุดก็จำได้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามคือชายารองผู้นั้นของรัชทายาทจริงๆฮูหยินใหญ่ถามขึ้นอย่างอดไม่ไหว “เจ้าคือชายารองของรัชทายาท
กวนซินถูกแม่นมหลี่ด่าฉอดๆ ใบหน้านางเผยความหวาดกลัวออกมาแม่นมหลี่เดิมเป็นแม่นมข้างกายฉู่ชางเหยียน ทึกทักเอาเองว่าตนเองมีฐานะสูงส่งกว่ากวนซินนางถูกส่งมาจับตามองกวนซิน ตลอดทางได้รับความลำบากมาไม่น้อย ย่อมไม่มีสีหน้าดีๆ ให้กวนซินอยู่แล้วระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ นางดุด่ากวนซินไม่น้อยฉู่ตั๋วตั่วเห็นว่าผู้มาเป็นแม่นมหลี่ นางก็หลบเข้าไปในอ้อมกอดของกวนซินด้วยความตกใจ“ท่านแม่ ข้ากลัว”กวนซินกอดฉู่ตั๋วตั่วแน่น ปลอบโยนเสียงเบา “ตั๋วตั่วไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่ทั้งคน”ชิวเหลียนถูกแม่นมหลี่ผลักโดยไม่ทันตั้วตัว โทสะก็พลันปะทุขึ้นในใจ“ท่านเป็นใครกัน ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้านก็กล้าบุกรุกเข้ามารบกวนพวกเรากินข้าวแบบนี้”แม่นมหลี่ได้ยินเสียงตำหนิของชิวเหลียนก็หันขวับกลับมา ตวัดฝ่ามือใส่ชิวเหลียนชิวเหลียนรีบถอยหลังหนึ่งก้าวจึงหลบฝ่ามือนั้นไปได้แม่นมหลี่เห็นว่าสาวใช้คนหนึ่งยังกล้าหลบ ใบหน้านางก็แสดงความดุร้ายถมึงทึงออกมา“นางสาวใช้ชั้นต่ำ ตรงนี้ไม่มีที่ให้เจ้ามาสอดปากหรอกนะ!”นางว่าพลางก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ยังคิดจะตบชิวเหลียนอีกครั้งเวลานั้นเอง เจี่ยนอันอันไปถึงด้านหลังแม่นมหลี่อย่างรวดเร็
ฉู่ตั๋วตั่วมีสีหน้าหวาดกลัว นางไม่อยากกลับไป เพราะทันทีที่กลับไป นางจะถูกแม่นมหลี่ทุบตีอย่างเลี่ยงไม่ได้เดิมทีฉู่จื่อซีก็ต้องการที่จะปกป้องฉู่ตั๋วตั่วอยู่แล้ว เขาดึงมือของฉู่ตั๋วตั่วมากุมเมื่อเห็นภาพนี้“เจ้าอย่ากลับไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”ถ้อยคำของฉู่จื่อซีลอยเข้าสู่โสตประสาทของฉู่ตั๋วตั่วนางมองฉู่จื่อซีด้วยความขลาดกลัวและจะชักมือกลับฉู่จื่อซียังเด็ก ไม่มีทางสู้แม่นมหลี่ได้แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังไม่ทันจะได้ชักมือกลับก็ได้ยินฉู่จื่อซีเอ่ยว่า “เถี่ยต้าน เจ้ามัวแต่แอบดูอะไรอยู่ตรงนั้น รีบกัดนางสิ!”สิ้นเสียงของฉู่จื่อซี เถี่ยต้านที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ในยุ้งฉางก็กระโจนออกมาทันทีมันวิ่งไปที่ขาของแม่นมหลี่อย่างรวดเร็ว ทำการร้อง “จี๊ดๆ” เสียงดังแล้วมีหนูอีกสองตัววิ่งเข้ามาโดยพลันหนูสามตัวรุมกัดขาของแม่นมหลี่แม่นมหลี่กลัวหนูที่สุดแล้ว นางเห็นหนูสามตัววิ่งเข้ามากัดตัวเองก็ร้องด้วยความตกใจและรีบยกเท้าหนี“ผู้ใดก็ได้ช่วยด้วย มีหนู มีหนู!”พวกเตียวเฉียงไม่ได้ยินเสียงร้องของแม่นมหลี่แต่อย่างใดเถี่ยต้านกัดแรงกว่าเพื่อน มันกัดไปที่ข้อเท้าของแม่นมหลี่เถี่ยต้านออกแรงฉีกกระชาก กัดเอาเนื
เดิมทีแม่นมหลี่ก็มีบาดแผลอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดีตอนนี้ต้องมามีบาดแผลใหม่เพิ่มจากของเดิม เรื่องนี้ทำให้นางเคียดแค้นต่อกวนซินมากขึ้นหากไม่ใช่เพราะกวนซินไปกินข้าวที่บ้านของฉู่จวินสิง นางก็คงไม่โดนหนูกัดนางสาปแช่งในใจ ตัวนางรู้ดีว่าก้าวล่วงครอบครัวของฉู่จวินสิงไม่ได้ แต่กับกวนซิวแล้วนางไม่กลัวสักหน่อยเพียงแค่กวนซินกลับมา นางก็มีสารพัดวิธีสำหรับจัดการสองแม่ลูกคู่นี้เกรงว่าถึงเวลานั้น นางไม่ต้องลงมือ พวกบุรุษในบ้านก็สามารถทำให้กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเจี่ยนอันอันพบว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือนางหันศีรษะด้วยรอยยิ้ม เห็นว่ากวนซินกำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม“เป็นอะไรไป เจ้ากลัวยายแก่นั่นมากหรือ?”แม้เจี่ยนอันอันจะรู้ว่าป้ายคำสั่งในมือยายแก่เป็นของที่ได้มาจากฉู่ชางเหยียนแต่ที่นี่ไม่ใช่เมืองจิงโจว ไม่มีผู้ใดที่นี่รู้จักป้ายคำสั่งนั่นที่นางคิดไม่ถึงก็คือ กวนซินจะหวาดกลัวยายแก่มากถึงขนาดนี้กวนซินก้มหน้ามองฉู่ตั๋วตั่วที่อยู่ด้านข้างนางไม่ได้กลัวแม่นมหลี่ แต่นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วจะถูกแม่นมหลี่ทุบตีนอกจากนี้ที่นั่นยังม
ชิวเหลียนตอบตกลงทันทีนางเร่งฝีเท้าตามหลังกวนซินสองแม่ลูก ฝีเท้าของนางเบามาก กวนซินไม่ได้ยินว่ามีคนตามมาด้านหลังเมื่อกวนซินมาถึงประตูที่พัก นางก็ได้ยินเสียงก่นด่าเสียงดังของแม่นมหลี่จากด้านใน“นังแพศยากวนซินกล้าไปกินข้าวที่บ้านเยียนอ๋อง ทั้งยังให้หนูมากัดข้า!”“เตียวเฉียง หากนังแพศยานั่นกลับมาแล้ว เจ้าอยากทำอย่างไรก็ทำเลย ข้าจะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว”มือที่กำลังจะผลักประตูเข้าไปของกวนซินต้องนิ่งค้างกลางอากาศนางพอจะเดาได้ว่าแม่นมหลี่ไม่มีทางปล่อยนางไปจากนั้นเสียงของเตียวเฉียงดังขึ้นตาม“แม่นมหลี่ ข้าเคยบอกตั้งนานแล้วว่าเก็บสตรีนางนั้นไปก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ท่าน”“ยกนางให้ข้าเถิด ข้ารับรองว่าจะสั่งสอนนางให้เชื่อฟัง”“แล้วยังมีนังหนูคนนั้นด้วย เอาไว้ข้าจัดการกวนซินเสร็จแล้วจะพานังหนูนั่นไปขายให้หอโคมเขียว”“นังหนูคนนั้นหน้าตาสะสวย รับรองว่าขายได้ราคาดี”แม่นมหลี่แค่นเสียงเย็น ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องอื่นร่างกายนางปวดระบมไปหมด คิดแต่จะกลับห้องไปนอนพักส่วนเตียวเฉียงจะจัดการกวนซินอย่างไรนั้น นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาเอาไว้นางรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยสั่งสอนกวนซินใหม่
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ