ที่ผ่านมาเหยียนซวงไม่เคยร้องไห้ต่อให้จะถูกลุงรองกับป้ารองด่าทอและทุบตี ต่อให้จะถูกลุงรองขายให้ตาแก่ เหยียนซวงก็ไม่เคยเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวทว่าตอนนี้ เหยียนซวงกลับร้องไห้เพราะเขาเหยียนอวี่ยกแขนที่แข็งทื่อขึ้นสัมผัสใบหน้าของเหยียนซวง“ท่านพี่ ท่านอย่าร้องไห้ เห็นท่านร้องแล้วข้าก็อยากร้องตามไปด้วย”เหยียนซวงรีบลุกขึ้นหันหลังไปเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อนางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีเพียงผิวหน้าของเหยียนอวี่ที่กลับมาเป็นปกติดังเดิม กระทั่งแขนก็สามารถยกขึ้นได้เหยียนซวงก็ตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไรดีเจี่ยนอันอันตบบ่าเหยียนซวงเบาๆ และปลอบประโลมด้วยเสียงค่อยว่า“อาการป่วยของน้องชายเจ้าหายดีเป็นส่วนใหญ่แล้ว เรื่องนี้เป็นข่าวดี อย่าได้เสียใจอีกเลย”“แม่นางเจี่ยนพูดถูก ข้าไม่ควรเสียใจ” เหยียนซวงเช็ดน้ำตาแบบลวกๆนางเดินไปนั่งข้างเหยียนซวง หยิบโจ๊กสมุนไพรในชามมาป้อนให้เหยียนอวี่ทีละคำๆเหยียนอวี่ดื่มโจ๊กอย่างเชื่อฟัง ทว่าสายตากลับไม่เคยละจากใบหน้าของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันเคยเห็นเรือนร่างของเขาแล้ว ทำให้ภายในใจเขาเกิดความคิดที่จะแต่งงานกับ
สวีจงฉือละสายตากลับไปมองที่เซิ่งฟาง เขาพูดว่า “ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเขาเช่นกัน”หัวคิ้วของเซิ่งฟางขมวดกันแน่น เรื่องนี้ซับซ้อนเล็กน้อยผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังไม่เคยถูกจับได้ ส่วนฆาตรกรก็ตายไปแล้วแม้แต่สวีจงฉือก็ยังบอกว่าไม่รู้จักคนผู้นั้นเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา เซิ่งฟางก็รีบลุกขึ้น“น้องอันอันมาได้ทันเวลาพอดี ยาที่เจ้าให้เขากินใช้ได้ผลดีมาก”สวีจงฉือมองไปที่เจี่ยนอันอันอีกครั้งที่แท้นางก็มีนามว่าอันอัน แต่ไม่รู้ว่าใช้แซ่อะไรเจี่ยนอันอันได้ยินสองคนนี้คุยกันถึงเรื่องคดีนี้นางส่งยิ้มให้เซิ่งฟางพลางพูดว่า “พี่เซิ่ง ข้าคงไม่ได้รบกวนพวกท่านใช่หรือไม่เจ้าคะ”เซิ่งฟางส่ายมือระรัว “ไม่รบกวนๆ เจ้ารีบดูอาการเขาเถิด ดูว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปเลิกเสื้อผ้าสวีจงฉือดูอย่างแผ่วเบาผ้าพันแผลที่อยู่ด้านในขาวสะอาดดี ไม่ได้มีโลหิตซึมออกมานางจับมือสวีจงฉือมาจับชีพจรแม้ว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากขนาดนั้นที่เขาฟื้นคืนสติไวขนาดนี้เป็นเพราะโชคดี นอกจากนี้ก็เป็นเพราะยาที่กินก่อนหน้านี้ก็ได้ผลดี ทำให้ไม่ดูอ่อนแรง
เขาเป็นห่วงเจี่ยนอันอันมาตลอดทั้งบ่าย เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้วแต่เจี่ยนอันอันยังไม่กลับมาเขาจึงไปขอยืมรถม้าจากบ้านของเสิ่นจือเจิ้งเพื่อมาตามหาในอำเภอฉู่จวินสิงไม่ได้ไปที่ใดทั้งนั้น เขามุ่งตรงมาที่ที่ว่าการอำเภอได้รับรู้จากปากเจ้าหน้าที่ทางการว่าเจี่ยนอันอันอยู่ในที่ว่าการอำเภอจริงๆ แต่แล้วเพิ่งจะเดินเข้ามาก็ต้องพบกับภาพเช่นนี้ฉู่จวินสิงโมโหเดือดดาล ไม่สนใจฟังคำอธิบายของเจี่ยนอันอันแต่อย่างใดเขาดึงมือของเจี่ยนอันอัน “ไป พวกเรากลับ”เจี่ยนอันอันถลึงตาใส่สวีจงฉืออีกรอบ เจ้าคนบ้ากามผู้นี้ทำให้ฉู่จวินสิงเข้าใจนางผิดนางหันตัวเดินตามฉู่จวินสิงออกไป แต่แล้วกลับได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง พบว่าสวีจงฉือล้มลงกับพื้นสวีจงฉือร้องตะโกนว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะพูด”เซิ่งฟางเห็นดังนี้ก็รีบเรียกคนเข้ามา บอกให้เจ้าหน้าที่ทางการช่วยประคองสวีจงฉือขึ้นเตียงเจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงพาออกมาที่ลานด้านนอก นางกำลังจะอธิบาย แต่ฉู่จวินสิงกลับผลักนางเข้ากับกำแพง“พูดมา เมื่อครู่นี้พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกันแน่?”เมื่อเห็นฉู่จวินสิงถามด้วยสี
ตลอดทางนั้น เขาไม่อาจสงบใจได้หวาดหวั่นเกรงว่าเจี่ยนอันอันจะประสบเหตุร้ายที่ข้างนอกเขาเองก็พลันรู้สึกเสียใจ เหตุใดตนถึงไม่ยืนกรานที่จะติดตามนางไปด้วยครั้นเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันปลอดภัยไร้อันตราย เขาจึงคลายใจได้ในที่สุดเมื่อเจี่ยนอันอันเตรียมจะออกไปพร้อมฉู่จวินสิง พลันได้ยินเสียงของสวีจงฉือดังขึ้นมาจากในเรือน“แม่นางอันอัน เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ามีเรื่องสำคัญจะกล่าวกับเจ้า!”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางคิดในใจ เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงไม่ยอมเลิกราเสียที?นางกระตุกมือฉู่จวินสิงเบา ๆ พลางกล่าวว่า “หรือเราควรเข้าไปดูกัน ว่าบุรุษผู้นั้นมีเรื่องอันใดจะพูดกับข้า”ฉู่จวินสิงจ้องมองเจี่ยนอันอันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าตกลงในที่สุดเซิ่งฟางเองก็ใคร่อยากรู้ว่าสวีจงฉือจะพูดอะไรกับเจี่ยนอันอันไม่แน่ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ได้เมื่อทั้งสามเดินเข้าสู่ตัวเรือน เซิ่งฟางก็สั่งให้เจ้าหน้าที่สองนายออกไปด้านนอกสวีจงฉือเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “เจ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดออกมาเถิด ข้าไม่มีเวลาจะมานั่งเสียเวลากับเจ้า”เมื
คนผู้นั้นหาได้หลบหนีไปไม่ แต่กลับปรากฏตัวอยู่เบื้องหลังของสวีจงฉือแทนเขากล่าวกับสวีจงฉือว่า “ดูเรื่องสนุกจนหนำใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ตายได้แล้ว”สวีจงฉือตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รู้สึกคันในลำคออย่างรุนแรงเขาเกือบจะไอออกมา แต่ก็กลัวว่าคนในจวนผู้ว่าการมณฑลจะได้ยินเขาจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลั้นไอไว้สุดกำลังคนผู้นั้นใช้ลูกธนูจ่อที่ลำคอของสวีจงฉือ และสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาทว่าคนผู้นั้นไม่ได้สังหารเขาในทันที แต่กลับโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“แต่ข้าว่าร่างกายเช่นเจ้าที่เต็มไปด้วยโรคร้าย ไร้ยาที่จะรักษาได้”“ไม่สู้เจ้าไปหาสตรีผู้นั้นในจวน จำเอาไว้ว่านางมีนามว่าเจี่ยนอันอัน”“ขอให้นางปรุงยาพิษให้เจ้า รับรองว่าเจ้าจะได้ลงนรกไปพบกับพญายมในเร็ววัน”เมื่อกล่าวจบ ชายผู้นั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาสวีจงฉือสวีจงฉือไม่กล้าอยู่ในที่นั้นอีก รีบวิ่งกลับบ้านอย่างร้อนรนแต่ในใจของเขา เอาแต่นึกถึงคำพูดของคนผู้นั้นหากร่างกายของเขาไร้หนทางรักษาจริง ๆ ไม่สู้เขาปรุงยาพิษเพื่อจบชีวิตตัวเองโดยเร็วจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเส
เซิ่งฟางเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่สวีจงฉือถูกแทงจนบาดเจ็บนั้น อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้มั่วหลีและไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นคนที่สังหารผู้ร้ายที่แทงสวีจงฉือก็ได้สวีจงฉือมองเจี่ยนอันอันที่มีสีหน้าเคียดแค้น พลางครุ่นคิดว่าตนเองพูดอะไรผิดไปหรือไม่?เจี่ยนอันอันจ้องมองสวีจงฉือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องนี้เจ้าห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย”ใบหน้าของสวีจงฉือเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา“หากข้าคิดจะพูดเรื่องนี้ออกไป ข้าคงแจ้งทางการไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในตอนนั้นเอง ฉู่จวินสิงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว ไยไม่คิดแจ้งทางการ?”คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเซิ่งฟางอยากรู้เช่นกันเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อยแม้แต่บรรดาญาติ ๆ ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวเองก็ไม่มีใครออกมาแจ้งความมิเช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้สวีจงฉือเหลือบมองฉู่จวินสิง ก่อนจะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าเขาแค่นเสียงเยาะเย้ย “ผู้ว่าการมณฑลจงโจวผู้นั้น อาศัยตำแหน่งขุนนางขอ
ฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบกินยาที่นางส่งให้ในทันทีเจี่ยนอันอันเองก็กินยาหนึ่งเม็ดเช่นกันเช่นนี้แล้ว แม้สวีจงฉือจะไออีก ก็ไม่อาจแพร่เชื้อมายังพวกเขาได้สวีจงฉือมองดูการกระทำของเจี่ยนอันอันด้วยความงุนงง“แม่นางเจี่ยน ข้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ เหตุใดพวกเจ้าต้องกินยาด้วย?”เจี่ยนอันอันตอบตรงไปตรงมา “จากอาการที่เจ้ากล่าวมา เจ้าป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งมีการติดต่อรุนแรง”“ดังนั้นพวกเราสามคนจึงจำเป็นต้องกินยาป้องกันการติดโรค”เมื่อได้ยินว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรค สวีจงฉือก็รู้สึกหน้ามืดทันทีเหตุใดเขาจึงต้องป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคนที่สวมหน้ากากเงินที่เคยสนทนากับเขา จึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและปากขณะพูดคุยเมื่อคิดดูในตอนนี้ ชายคนนั้นคงกลัวว่าจะติดโรคจากเขาเป็นแน่เขาซึ่งเป็นถึงเถ้าแก่ร้านขายยา กลับไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคติดต่อเช่นนี้แล้วบรรดาลูกค้าที่มาซื้อสมุนไพรจากร้านของเขาเล่า จะถูกเขาแพร่โรคไปหรือไม่?สวีจงฉือรู้สึกผิดที่ร้ายผู้คนไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว หากข้ารู้แต่แรกว่าป่วยเป็นโรคนี้ ข้าคงปิดร้านขายยาไปนานแล้วแม้จะต้องตาย
เจี่ยนอันอันหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นกู้มั่วหลีที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อใดใบหน้าของนางเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของกู้มั่วหลีเจี่ยนอันอันรู้สึกขนลุกวาบ นางรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที“เจ้าอีกแล้วหรือ เจ้าคนน่าชัง เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”ในขณะที่พูด มือของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏมีดสั้นเคลือบพิษด้ามหนึ่งทันทีด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ทางการคอยเฝ้าอยู่ แล้วกู้มั่วหลีเข้ามาโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไรเมื่อกี้เขาเข้ามาใกล้นางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว!เจี่ยนอันอันจำต้องตั้งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีหัวเราะเบา ๆ มองมีดสั้นในมือของเจี่ยนอันอันเขายิ้มออกมาอีกครั้ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับส่งไปไม่ถึงแววตา“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีก”กู้มั่วหลีกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว ยกมือขึ้นราวกับจะสัมผัสใบหน้าของเจี่ยนอันอัน“กู้มั่วหลี เจ้าอยากตายหรือ!”เมื่อเห็นมือของกู้มั่วหลียื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางเจี่ยนอันอันพลันตวาดเสียงกร้าว พลางกำมีดสั้นในมือแน่น แล้วแทงตรงไปยังข้อมื
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ