ฉู่จวินสิงยิ้ม เดินไปที่เตียงอย่างเงียบเชียบและทำการห่มผ้าให้ทั้งคู่เขากอดเจี่ยนอันอันแล้วหลับไปอย่างสงบเมื่อเจี่ยนอันอันตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่จวินสิงก็ยังหลับอยู่นางสวมเสื้ออย่างเบามือก่อนจะลุกจากเตียง ไม่ได้รีบร้อนไปขายผักที่ตลาดแต่อย่างใด แต่เลือกไปหาเสิ่นจือเจิ้งก่อนจังหวะที่เจี่ยนอันอันสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ฉู่จวินสิงก็ตื่นพอดีเขาเห็นเจี่ยนอันอันเร่งรีบไปขายผักที่ตลาดแบบนี้ก็รีบลุกขึ้นตามเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันออกจากห้อง ฉู่จวินสิงก็รีบสวมเสื้อผ้าตามออกไปแต่แล้วเมื่อออกจากห้อง เขากลับพบว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้เดินไปจูงรถม้า แต่เดินไปอีกทางหนึ่งฉู่จวินสิงตามออกจากลานบ้าน เห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินไปทางบ้านของกวนซินเขาตามเข้าไปดึงตัวเจี่ยนอันอัน“เจ้าจะไปหาพี่ใหญ่หรือ เหตุใดไม่เรียกให้ข้าไปด้วยกัน”เจี่ยนอันอันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉู่จวินสิง ขณะที่ถูกเขาดึงตัวไว้ก็ยังคงมีอาการใจลอยเล็กน้อย“เหตุใดท่านไม่นอนต่ออีกสักหน่อย ข้าไปหาพี่ใหญ่เดี๋ยวเดียวก็กลับ”ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันพูดว่า “ข้าตื่นแล้ว ย่อมต้องตามเจ้าไปด้วยกัน”เขาไม่วางใจให้เจี่ยนอันอันไปเ
ครานี้ดีเลย ในที่สุดพวกเขาก็จะมีที่อยู่เป็นของตัวเองแล้วทั้งสี่คนไม่ได้ไปรบกวนกวนซิน ทำการเก็บสัมภาระของตัวเองอย่างเงียบเชียบแล้วย้ายออกจากที่นี่เมื่อมาถึงบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ เจี่ยนอันอันก็ประคองเสิ่นจือเจิ้งไปที่ห้องของเขาเสิ่นจือเจิ้งมองการประดับตกแต่งภายในห้อง มันเป็นระเบียบเรียบร้อยและเรียบง่าย พร้อมทั้งมีกลิ่นน้ำหอมจางๆเขาหันไปมองเจี่ยนอันอัน “เจ้าฉีดน้ำหอมหรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉีดน้ำหอมเพื่อช่วยดับกลิ่น”นางไม่ได้บอกเรื่องที่เจียงหว่านเอ๋อร์เคยอยู่ห้องนี้อย่างไรตอนนี้เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกมากขนาดนั้น“พี่ใหญ่พึงพอใจหรือไม่?” เจี่ยนอันอันหันไปถามเสิ่นจือเจิ้งพยักหน้า “บ้านที่อันอันสร้างให้ ข้าต้องพึงพอใจอยู่แล้ว”เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นจือเจิ้งไปนั่งหน้าเตียง“พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนที่นี่ไปก่อน ข้าจะนำผักกับธัญญาหารที่ปลูกเมื่อวันก่อนไปเก็บที่โรงเก็บของ”“ต่อไปท่านกับเสิ่นจืออวี้จะได้ทำอาหารกินเองได้”เสิ่นจือเจิ้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มปลื้มใจเขานึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันมาอยู่ที่นี่แล้วจะเรียนรู้ที
หากเจียงหว่านเอ๋อร์ต้องการมาสร้างปัญหาให้เสิ่นจือเจิ้ง เช่นนั้นแค่เซียงเสวี่ยคนเดียวก็รับมือได้แล้วเซียงเสวี่ยไม่ได้คัดค้านอะไร นางรู้ว่าฐานะตัวเองต้อยต่ำ การได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้คนก็สื่อความเชื่อมั่นที่เจี่ยนอันอันมีต่อนางเซียงเสวี่ยย่อมตั้งใจปรนนิบัติรับใช้อย่างสุดความสามารถเจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่เสิ่นจืออวี้ยังตามมาไม่ถึงมาย้ายผักในห้วงมิติไปไว้บนรถม้าเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เสิ่นจืออวี้ก็เดินสืบเท้าเข้ามาทั้งสามคนขึ้นนั่งรถม้าเดินทางสู่อำเภอไถหยางโดยมีฉู่จวินสิงเป็นคนขับเซียงเสวี่ยที่ถูกเจี่ยนอันอันส่งตัวไปไม่ทำให้นางผิดหวังแต่อย่างใดเซียงเสวี่ยมาถึงบ้านหลังแรกที่สร้างใหม่ เห็นเสิ่นจือเจิ้งนั่งอยู่ในลานบ้านเสิ่นจือเจิ้งเงยหน้าขึ้นมาเห็นเซียงเสวี่ย จังหวะที่กำลังจะถามว่านางเป็นผู้ใดก็ได้ยินเซียงเสวี่ยแนะนำตัว“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายเสิ่น ข้ามีนามว่าเซียงเสวี่ย เป็นสาวใช้ของตระกูลฉู่ เจี่ยนอันอันส่งข้ามาปรนนิบัติท่าน”เสิ่นจือเจิ้งได้ยินมาเจี่ยนอันอันเป็นคนส่งมาก็พยักหน้าเขารู้อยู่แล้วว่าเจี่ยนอันอันไม่วางใจที่จะให้เขาอยู่บ้านคนเดียวสำหรับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว เซียง
มีความเป็นไปได้สูงมากที่สาวใช้นางนี้จะถูกเจี่ยนอันอันส่งมาภายในใจเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจมาก ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมากลับดูอ่อนแอ“น้องสาวผู้นี้ ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นลูกบ้านใดหรือ”“ข้าดูแล้วพวกเราสองคนถูกชะตากันไม่น้อยเลย ไปนั่งเล่นที่บ้านข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดถึงตรงนี้ก็จะเข้ามาจับมือเซียงเสวี่ยแต่กลับถูกเซียงเสวี่ยสะบัดออก“มีอันใดก็พูดมา ไม่ต้องจับไม้จับมือ”นางไม่หลงกลเจียงหว่านเอ๋อร์นางเคยพบเคยเห็นผู้หญิงที่ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอีกอย่างหนึ่งประเภทนี้มาเยอะแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ถูกปฏิเสธแบบนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเจี่ยนอันอันผู้นี้ กระทั่งสาวใช้ที่ถูกนางส่งมาก็ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกันเจียงหว่านเอ๋อร์ยิ้มแล้วหดมือกลับนางยังไม่มีท่าทีจะจากไป พูดกับเจียงเสวี่ยว่า “ข้าดูแล้วเจ้าคงกำลังทำอาหารสินะ ให้ข้าช่วยดีกว่า”“จือเจิ้งยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า พวกเราสองคนช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วขึ้น”เซียงเสวี่ยเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์แสร้งทำตัวแสนดีก็ยิ้มเยาะ“หากว่าเมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ฟังผิดแล้วล่ะก็ คุณชายเสิ่นกับท่านหย่
นางไม่ได้ลับฝีปากกับใครมานานแล้วหากต่อไปเจียงหว่านเอ๋อร์กล้ามาอีก นางจะต้องด่าให้หลาบจำทางฝั่งเจี่ยนอันอัน รถม้าของนางเดินทางมาครึ่งชั่วยาม จนมาถึงตลาดในอำเภอไถหยางการมาของทั้งสามคน ทำให้เจ้าของแผงลอยคนอื่นในตลาดรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พวกเขาไม่มีใครกล้าหาเรื่องเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงอีกกุ้ยเหมยเมื่อเห็นเจี่ยนอันอัน นางถึงกับตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อวานนางถูกเจี่ยนอันอันเย็บปากจนเจ็บปวดถึงขั้นสลบไปเมื่อนางฟื้นขึ้นมา ตลาดก็วายไปแล้วพวกเจ้าของแผงลอยในตลาด ไม่มีใครช่วยนางเลยสักเลยหรือแม้แต่จะช่วยไปตามหมอให้นางก็ไม่มีกุ้ยเหมยหารู้ไม่ว่าสาเหตุที่ไม่มีใครช่วยเหลือนาง เป็นเพราะนิสัยหยิ่งยโสและก้าวร้าวที่นางแสดงออกมาตลอด เจ้าของแผงลอยคนอื่นในตลาดล้วนเคยถูกนางด่ามาก่อนนางจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับพวกเจ้าหน้าที่ปลอมมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ นางจึงวางอำนาจไม่เห็นหัวเจ้าของแผงลอยคนอื่นนางมักจะยุยงลูกค้าไม่ให้ซื้อผักกาดของเจ้าของแผงลอยรายอื่น และให้มาซื้อเฉพาะผักกาดของนางนางยังกล่าวหาว่าผักกาดของคนอื่นมีหนอน มีแค่ผักของร้านนางที่ไม่มีหนอนเมื่
ไม่นาน ผักบนแผงก็ถูกขายไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้วเสิ่นจืออวี้รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาขายผัก และเป็นครั้งแรกที่มาตลาดด้วย เขาไม่คิดว่าจะสนุกถึงเพียงนี้ขณะที่ทั้งสามคนกำลังยุ่งอยู่กับการขายผัก พลันมีเสียงตะโกนดังลั่นขึ้นมา“พี่ใหญ่ พวกเขานี่แหละ เมื่อวานไม่เพียงแต่ไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ยังอัดพวกเราอีกสามคนจนเละ!”ชายที่นำกลุ่มคนมาหรี่ตามองพวกของเจี่ยนอันอันทั้งสามคน“พวกเรา วันนี้ถ้าพวกเจ้าไม่ทำให้พวกมันพิการ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปกินข้าว!”จูกังเลี่ยผู้ที่เป็นหัวหน้าตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พร้อมกับเดินตรงมาที่แผงผักของเจี่ยนอันอันเขาเตะลูกค้าคนหนึ่งที่กำลังซื้อผักจนกระเด็น พร้อมกับตวาดเสียงเกรี้ยว “ไสหัวไปให้พ้นทางข้าเดี๋ยวนี้!”“ตอนนี้เจ้าหน้าที่มาทำคดี หากใครยังกล้าซื้อผักจากแผงนี้ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับทางการ!”คำพูดของจูกังเลี่ยทำให้เหล่าลูกค้าที่กำลังซื้อผักต่างรีบถอยห่างออกไปเจี่ยนอันอันเหลือบมองจูกังเลี่ย ก็เห็นว่าใบหน้าของเขาคล้ายกับพื้นรองเท้า เวลาพูดปากก็บิดเบี้ยวไปด้วย“พวกเจ้าคือคนที่ไม่จ่ายค่าคุ้มครอง แล้วยังอัดพี่น้องข้าจนเจ็บใช่หรือไม
เสิ่นจืออวี้ไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเข้ามายุ่งเกี่ยว เขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บอย่างไรเสียมีเขากับฉู่จวินสิงอยู่ ก็เพียงพอแล้วแต่เจี่ยนอันอันกลับคิดต่าง นางต้องการเลื่อนขั้นคลังอาวุธของตนเอง และนางต้องแก้แค้นแทนเหยียนซวงการต่อสู้ครั้งนี้นางต้องเข้าร่วม!ในมือของเจี่ยนอันอันปรากฏกริชเล่มหนึ่ง นางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “ท่านพี่ ท่านอยู่ขายผักต่อ ข้าไปจัดการคนพวกนี้เอง”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูดอยู่ มีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะชกหน้านางแต่เจี่ยนอันอันไม่แม้แต่จะหันไปมอง นางยกมือขึ้นและใช้กริชกรีดที่ข้อมือของคนผู้นั้นคนผู้นั้นเจ็บปวดจนต้องกลั้นหายใจ รีบยกมือกุมแผลพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงกังวลว่าเจี่ยนอันอันอาจได้รับอันตราย จึงไม่อยากให้นางเข้าร่วมการต่อสู้แต่คำพูดต่อมาของเจี่ยนอันอันทำให้เขาจำต้องยอม“ท่านพี่ วันนี้ข้ารู้สึกคันไม้คันมือ ถ้าไม่ได้อัดพวกมัน ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจ”หลังจากเตะคนหนึ่งกระเด็นออกไป ฉู่จวินสิงจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ระวังตัวด้วย!”เจี่ยนอันอันยิ้มเผยฟันเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีกหลังจากที่นางฟันข้อมือชายคนหนึ่ง นางก็เห็นข้อความภาร
เมื่อคนกลุ่มนั้นคิดจะเข้าไปช่วยจูกังเลี่ย พวกเขาก็ถูกเจี่ยนอันอันขวางไว้“ใครกล้าข้ามา ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้เห็นดวงตะวันในวันพรุ่งนี้”เจี่ยนอันอันพูดพลางแทงมีดสั้นในมือเข้าไปที่ท้องของหนึ่งในพวกนั้นทันใดนั้น ภารกิจของห้วงมิติก็แสดงข้อความขึ้นอีกครั้ง[ระดับคลังอาวุธ +0.5]เจี่ยนอันอันเข้าใจทันทีว่า หากเพียงแค่ทำร้ายพวกลูกสมุน ระดับของคลังอาวุธจะเพิ่มขึ้นช้าเหมือนเต่าคลานดูเหมือนนางจะต้องจัดการกับหัวหน้ากลุ่มนี้ในขณะนั้นเอง คนที่ยังไม่ถูกแทงก็พุ่งเข้ามารุมโจมตีเจี่ยนอันอันพร้อมกันพวกเขาเหวี่ยงดาบใหญ่ในมือ ฟันตรงมาที่เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันกลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเหี้ยมโหดนางหยิบผงสลายศพออกมาจากมิติ แล้วโปรยใส่ดาบใหญ่ในมือของคนพวกนั้นทันทีที่ผงสลายศพสัมผัสดาบ ดาบสิบกว่าด้ามก็ละลายกลายเป็นน้ำในพริบตาพวกนั้นต่างยืนอึ้งอยู่กับที่ มองมือของตัวเองสลับกับแอ่งน้ำบนพื้นเกิดอะไรขึ้น ดาบของพวกเขาหายไปไหน?ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เจี่ยนอันอันก็หยิบเข็มเงินชุบยาพิษออกมาจากมิติแล้วปาเข็มเงินพุ่งไปบนร่างของคนเหล่านั้นเมื่อคนพวกนั้นโด
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ