วาจาเดือดดาลและประโยคต่อขาน เหล่าทหารที่ยืนอยู่โดยรอบล้วนได้ยิน พวกเขาจึงมองสองสตรีอย่างพิจารณารองแม่ทัพที่สั่งมัดลี่เซียนหันไปถามพลทหารที่ยืนไม่ไกล“สตรีผู้นี้คือพวกเดียวกับคนร้ายแน่รึ?”ผู้ถูกถามเริ่มไม่มั่นใจ ขณะกำลังลังเลมิอาจหาคำตอบได้ อี๋เป่าที่เดินตามมาด้วยจึงรีบตอบเสียเอง“สตรีผู้นี้เป็นท่านอ๋องจับกุมได้ด้วยตนเองขอรับ ทั้งยังให้พำนักในเรือนบัญชาการ ท่านรองแม่ทัพควรยั้งมือก่อนจึงจะดี”“หือ...” รองแม่ทัพปรายตามองอย่างเย็นชา “จริงรึ?”ครานี้อี๋เป่ายังไม่ทันได้ตอบ พลทหารคนเดิมเกรงว่าผลงานจะหลุดมือ หนำซ้ำหากผิดพลาดคงยากรับไหว จึงรีบเอ่ย“แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางรู้จักกัน มิสู้ควบคุมตัวนางไปขังแยกไว้ก่อนเป็นไร? พวกเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยขอรับ”รองแม่ทัพหรี่ตาพยักหน้าเห็นด้วย “ดี! ลากตัวนางผู้นี้ไป” เขาสั่งให้ทหารคนเดิมพาตัวลี่เซียนไปอีกทาง ก่อนเบนสายตากลับมากวาดมองคนร้ายที่เหลือทั้งหมดพร้อมส่งเสียงเหี้ยม“นอกนั้น ฆ่า!”ลี่เซียนจึงถูกทหารพาไปทางเรือนที่สร้างด้วยศิลาทึบสีดำ สิ่งที่ตามหลังนางคือเสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมลั่นค่ายทหารเรื่องราวทางโลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครเกิดใครแก่กระทั่งใ
คล้อยหลังเรือนกายสูงค่าของรุ่ยอ๋องรอบบริเวณยังคงเต็มไปด้วยทหารร่างบึกบึนสูงใหญ่ พวกเขายืนถมึงทึงถืออาวุธพร้อมฆ่าฟัน ประกายตาทุกคนเจือแววอำมหิตข้นคลั่ก แต่ละคนยืนหยัดประดุจเหล็กกล้าศิลาแกร่ง ห้อมล้อมคนร้ายมิให้หลุดรอดไปได้สักคนท่ามกลางบรรยากาศดำทะมึนยิ่งกว่ายามราตรีกาลนั้น ลี่เซียนถูกผลักไหล่ให้เดินมาจนถึงกลุ่มคนร้ายซึ่งถูกมัดไว้ไม่ต่างจากขนมบ๊ะจ่าง ทันทีที่หญิงสาวเห็นคนเหล่านั้นพลันจำได้พวกเขาคือกลุ่มคนที่รุมทำร้ายผู้มีพระคุณ“ไป! รีบเดิน!” ทหารที่คุมตัวลี่เซียนอยู่ทางด้านหลังรีบผลักนางให้ไปรวมกลุ่มกับคนร้าย ก่อนหันหน้าไปกล่าวรายงานแก่รองแม่ทัพท่านหนึ่ง“เรียนท่านรองแม่ทัพ นางคือลี่เซียน สตรีที่ทำร้ายทหารของเราจนสลบเพื่อเปิดทางให้นักฆ่าขอรับ”“ดี! มัดนางไว้”สิ้นคำสั่งของรองแม่ทัพวัยฉกรรจ์ พลทหารคนเดิมรีบกระชากมือของลี่เซียนไพล่หลังมัดอย่างว่องไว ไร้ความปราณีใดๆหญิงสาวยังคงอ่อนแรงหมดกำลังจึงทำได้แค่ขมวดคิ้วไม่ช้า นางพลันถูกพันธนาการไม่ต่างจากนักฆ่าก่อนหน้า จังหวะเดียวกันยังถูกมือหนาผลักจนล้มไปกองกับพื้น“อ๊ะ!”ทว่าสิ่งที่ร่างนุ่มกระแทกใส่ หาใช่พื้นดินที่แข็งกระด้างไม่ ตรงกันข้า
บรรดาทหารยามต่างพากันคลี่ยิ้มเก้อเขินพยักหน้าทักทายกลับพัลวัน มีเพียงหมอหญิงสองคนที่เม้มปากกลอกตามองค้อนพวกบุรุษอย่างไม่ชอบใจนักลี่เซียนมิได้ถือสากับกิริยาอันแตกต่างนั่น นางยิ่งคลี่ยิ้มหวานละมุนงดงามจับตาแล้วถามเสียงใส“พวกท่านมีใครเห็นสิ่งของบางอย่างหรือไม่?”ทหารคนหนึ่งถามขึ้น “คือสิ่งใดหรือแม่นาง?”ลี่เซียนยกนิ้วเรียวขาวปานลำเทียนขึ้นกรีดอากาศเพื่อแจกแจงพลางนับจำนวน“คัมภีร์ครวญวสันต์ ภาพวาดอภิรมย์ ตำรารัญจวน ยังมีน้ำมันหอมเร้าอารมณ์ ตลับชาดสัมผัสรักตรึงใจ”อีกคราที่ทหารต้องเบิกตาโพลง หมอหญิงขมวดคิ้ววูบ ก่อนที่ทุกคนจะมีใบหน้าแดงเรื่อส่ายหัวแทบหลุดปฏิเสธแทบคลั่งสิ่งของเหล่านั้นต่อให้เคยผ่านตาหรือศึกษาจนแตกฉาน ย่อมไม่อาจตอบรับซึ่งหน้าแน่นอน“ไม่เลย ไม่เห็น ไม่มีๆ”ลี่เซียนเห็นทุกคนปฏิเสธอย่างสามัคคีก็ไม่เซ้าซี้เพียงรักษารอยยิ้มค้อมศีรษะขอบคุณแล้วเดินผ่านหน้าทุกคนไปด้วยท่าทางปกติเพื่อออกตามหาทุกสิ่งที่ว่าอย่างจริงจังด้วยตนเองทหารยามคนหนึ่งอายุสิบห้าปีนาม อี๋เป่า รู้สึกเป็นห่วงจึงเดินตาม “แม่นางมีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”ลี่เซียนหันหน้าไปยิ้มให้ กำลังจะบอกขอบคุณในน้ำใจ ทว่าจังหวะนั
คล้อยหลังถังไห่เฉิงกับเว่ยฉีที่เดินออกจากเรือนไปลี่เซียนซึ่งกำลังนอนอยู่ทางห้องปีกข้างเริ่มสะลึมสะลือ สองมือควานหาความอบอุ่นกรุ่นร้อนแสนสบายเมื่อครู่ไปทั่ว ก่อนที่เรียวคิ้วงามจะขมวดมุ่นเมื่อพบว่าสิ่งนั้นได้หายไปแล้วหญิงสาวเม้มปากแน่น ในใจนึกเสียดายไม่น้อยถึงแม้ว่าเนื้อหนังจะสมานตัวรวดเร็ว ทว่าก็ใช่ว่าจะหายดี เพราะบางแผลเล็กตื้นไม่สาหัส แต่บางแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกซ้ำร้ายยังทะลุอวัยวะภายในสำคัญจนเสียหายหลายจุด ชีพจรที่ลมปราณสามารถทะลวงได้สำเร็จเกิดภาวะปิดกั้นชั่วคราว ลี่เซียนจึงยังคงบาดเจ็บอยู่มาก ทรมานสิ้นดี อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดนางค่อยๆ ลืมตาดึงสติตนเองให้กลับมาแล้วพยุงกายเปลือยลุกขึ้นนั่ง ระงับอาการบาดเจ็บปวดแปลบทั่วตัวเอาไว้เมื่อพบว่าเสื้อผ้างดงามของตนถูกถอดกองไว้ไม่ไกล จึงเอื้อมมือไปหยิบมาปัดคราบเปื้อนอย่างทะนุถนอมหวงแหน ก่อนใส่กลับคืนบนร่างงาม ยังไม่ลืมมองหาตำราครวญวสันต์ น้ำมันหอม ตลับขี้ผึ้ง และสิ่งของต่าง ๆ ที่พี่เย่เสียมอบให้ครั้นมองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ในใจให้นึกตระหนกไม่เบา“แย่แล้ว! หายไปไหน?”หญิงสาวเป็นคนให้ความสำคัญกับน้ำใจคนยิ่งนักหาใช่ยึดติดวัตถุนอกกายไม่นางเก
นักฆ่าพวกนั้นพกมีดพร้าเอาไว้บนแผ่นหลังสองเล่ม ถือในมืออีกหนึ่งเล่ม ประหนึ่งแค่ต้องการตัดไม้ทำฟืน แต่แท้ที่จริงคือนักล่าตัดหัวคนและเพราะอากาศหนาว พวกมันจึงแต่งกายด้วยผ้าป่านเนื้อหนาทั้งหนักทั้งหยาบแต่กลับป้องกันอาวุธร้ายได้ฉกาจนักระหว่างครุ่นคิด อ๋องหนุ่มยังได้ยินเส้นเสียงของเว่ยฉีเอ่ยอีกว่า “จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคนของเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิเทียนเป่ยทรงพิโรธเรื่องพ่ายศึกครานี้ จึงส่งคนมาตลบหลังพระองค์ช่วงที่กองกำลังของต้าถังยังไม่ทันฟื้นตัว”ถังไห่เฉิงได้ฟังพลันหรี่ตา “เทียนเป่ยหรือ?”เว่ยฉีรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะ”รุ่ยอ๋องยังคงคลึงถ้วยชาด้วยกิริยาสงบทั้งสุขุมเยือกเย็น เขาถามเนิบช้า “พวกมันตายหมดแล้วหรือยัง?”เว่ยฉีกล่าวต่อ “ยังพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกมันเพียงสิ้นสติสลบเหมือดอยู่ในห้องอาบน้ำของเรือนพักส่วนพระองค์ แต่เมื่อถูกคนของเราจับกุมเอาไว้อย่างแน่นหนาไร้หนทางหนี พวกมันต่างก็พากันฆ่าตัวตายทีละคนสองคน กระหม่อมตรวจสอบศพของมือสังหารและสืบหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียด ทุกสิ่งที่พบล้วนบ่งบอกได้ว่าพวกมันเป็นคนของแคว้นเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ”ถังไห่เฉิงวางถ้วยชาก่อนโบกมือเบาๆ ให้เว่ยฉีหยุด
บนเตียงนุ่มภายในห้องพักเรือนบัญชาการลี่เซียนยังคงนอนหลับใหลเปลือยเรือนร่างงดงามอร่ามล้อสายตาบุรุษอยู่เช่นนั้นโดยไม่รู้สึกรู้สา เพราะว่ากำลังถูกฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้นวดคลึง ทำให้อาการเจ็บปวดลดลง เลือดลมสูบฉีด ยังผลให้บาดแผลสมานตัวรวดเร็ว นางกำลังสบายตัวมากๆ อารมณ์โกรธเกรี้ยวก่อนหน้าจึงสลายหายไปสิ้นในขณะที่ถังไห่เฉิงเองยังคงจ้องมองทุกอณูเนื้อนางโดยไม่วางตาเช่นกัน เพราะกำลังถูกความสงสัยครอบงำไม่คลายชายหนุ่มไม่คิดว่าเป็นการล่วงเกินหญิงสาวแต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ที่ห้องอาบน้ำ นางเองก็เห็นของเขาหมดแล้วจนสิ้น เรียกได้ว่าเสมอภาคเท่าเทียมอ๋องหนุ่มจึงจับพลิกร่างนุ่มพินิจต่อไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นลำคอขาวผ่อง เนินอกอวบนูน เอวเล็กคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ เนินเนื้อบุปผา เรียวขาเสลา สะโพกกลมกลึง เท้าเล็กน่ารักอมชมพูระเรื่อ สัดส่วนทรวดทรงของโฉมสะคราญไม่มีส่วนใดที่สายตาบุรุษมองไม่เห็นเรียวนิ้วแกร่งลูบไล้สำรวจเรือนร่างอรชรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งนานยิ่งเห็นรอยแผลทั้งหลายสมานตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อแม้แววตาคมดำจะเผยความร้อนแรงวาบผ่านเป็นระยะ รู้สึกร้อนรุ่มตรงท้องน้อย ใจเต้นตุบๆ ในแบบที่ไ