เรือนส่วนพระองค์ของรุ่ยอ๋องถังไห่เฉิงเปลวไฟบนเชิงเทียนยังคงวูบไหวส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศกระอักกระอ่วนของบุคคลในห้องฝ่ายสตรียังคงกะพริบตามองอีกฝ่ายอย่างบริสุทธิ์ใสซื่อ แฝงความหวังให้เขาอยู่ด้วยกันทั้งคืนเพราะเหตุผลบางประการทว่าบุรุษกลับไร้ซึ่งความร่วมมือทั้งยังมีสีหน้าอึมครึม ไม่สบอารมณ์อย่างมากหากต้องเลือกการใช้เวลายามค่ำคืนระหว่างสะสางงานในกองทัพกับการได้คลอเคลียสาวงาม บางทีบุรุษอาจพลั้งเผลอทำตามอารมณ์แล้วเลือกสิ่งหลังโดยวางงานที่คั่งค้างเอาไว้ก่อนทว่าหากต้องเลือกระหว่างสะสางงานกับวาดภาพวสันต์ ไม่ต้องเสียเวลาคิดไตร่ตรอง ผู้มีสมองปกติย่อมรู้ว่าควรเลือกกระทำสิ่งใด ต่อให้ไม่มีงานคั่งค้างอันใด ถังไห่เฉิงย่อมไม่จับพู่กันเพื่อภาพเหล่านั้นอ๋องหนุ่มจึงสะบัดชายเสื้อเดินจากไปปิดฉากสงครามอันไร้สาระลงทันทีลี่เซียนชะงักชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ เงียบเสียงคร่ำครวญ ท้ายที่สุดนางจำนนและยอมรับได้ว่าความผิดมิใช่เพราะถังไห่เฉิง แต่เป็นเพราะตนเองทั้งสิ้น เหตุการณ์ตกน้ำล้วนเป็นฝีมือนางเอง การปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นจึงไม่ถูกต้องนักหญิงสาวมองตำราในมือด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจ เริ่มหาวิธีแก้ไ
ท่ามกลางเส้นสายดำขลับอ่อนละมุนปกคลุมยอดบุปผา ปลายนิ้วแกร่งรับรู้ได้ถึงส่วนสงวนอุ่นนุ่มว่าไม่เคยมีผู้ใดเคยสำรวจความลึกลับนี้มาก่อนแต่เพื่อความแน่ใจ ถังไห่เฉิงจึงเร่งจังหวะขยับนิ้วลึกล้ำ“อ๊ะ!”ลี่เซียนสะดุ้งสุดตัว แววตาแตกตื่น กล้ามเนื้อหดเกร็ง ผิวหนังเย็นเยียบ สองมือขีดข่วนตะเกียกตะกายผลักแผงอกกว้างให้ออกห่าง นางรีบหนีบขา ก่อนชันกายลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน ยังผลให้อีกคนต้องถอยหลังลุกขึ้นนั่งเช่นกัน แววตาบุรุษกระตุกวูบสั่นไหว “เจ้ายังไม่เคย...”“ข้า...” หญิงสาวรีบปิดประโปรง ลำตัวสั่นเทา สุ้มเสียงหวานใสเอ่ยติดขัดอย่างหมดความมั่นใจ “ข้ากำลังเร่งพากเพียร ท่านอย่าได้ตำหนิเชียว”ภายใต้ภาวะเจ็บแสบเล็กน้อยตรงหว่างขา พวงแก้มนวลยิ่งซับสีเลือดแดงเถือกซึมถึงลำคอแม่นางน้อยกำลังสับสนระหว่างภาพวาดกับความจริงที่กำลังเผชิญ ในตำราเขียนไว้ว่า ‘บุรุษชมชอบความรู้สึกลื่นๆ อุ่นๆ ปรารถนาโดนกลีบบุปผารัดรึงเอาไว้ ส่วนฝ่ายสตรีต้องทนให้ได้ เมื่อได้รับสัมผัสอุ่นๆ ลื่นๆ’อันใดลื่นๆ อันใดอุ่นๆ นางสับสนยิ่งนัก ใช่มิใช่นิ้วบุรุษ!ไม่ปล่อยให้ปัญหาคาใจเนิ่นนาน ลี่เซียนรีบหันไปคว้าตำรารัญจวนครวญวสันต์เปิดอ่านทันที สองต
ชั่วขณะนั้นฝ่ายลี่เซียนกลับกลายร่างเป็นก้อนหินไปแล้วนางตัวเกร็งแข็งทื่อเบิกตากว้างอ้าปากค้างชะงักนิ่งงัน จังหวะนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ปลายลิ้นกรุ่นร้อนของอีกฝ่ายสามารถล่วงล้ำลึกซึ้งได้ง่ายดายทั้งกลีบปากอุ่นนุ่ม ทั้งเรียวลิ้นอุ่นร้อน ทั้งความอุ่นชื้นของลมหายใจ ชายตรงหน้าประหนึ่งกำลังจะดูดกลืนวิญญาณของนางได้ หญิงสาวเร่งกะพริบตา เพียรศึกษาอย่างถ่องแท้จังหวะเดียวกัน ถังไห่เฉิงพลันจับร่างนุ่มพลิกให้นอนราบบนเตียงกว้างแล้วกดทับเอาไว้ใต้ร่างอย่างแน่นหนาแสงเทียนส่องสว่างวูบไหว สะท้อนให้เห็นเงาร่างใหญ่กลืนกินเงาร่างเล็กจนสิ้นตลอดทั้งลำตัวของทั้งสองแนบชิดปานนั้น ทั้งเรียวแขนและเรียวขาล้วนเกี่ยวกระหวัดพัลวัน ใบหน้ายิ่งแนบสนิทเช่นกันภายในห้องได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน ผสมปนเปกับเสียงบดเบียดของผิวเนื้อริมฝีปากหลังช่วงชิงลมหายใจเนิ่นนาน ชายหนุ่มผู้รุกล้ำเริ่มสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นนางที่แข็งเกร็ง เขาถอนใบหน้าออก ก้มมองนางในระยะประชิดจนปลายจมูกชนกัน เห็นกลีบปากแดงก่ำอ้าพะงาบๆ ดวงตากลมเบิกโตกะพริบปริบๆถังไห่เฉิงให้นึกแปลกใจ “เจ้าจูบไม่เป็น?”ประหนึ่งถูกต่อว่าอย่างรุนแรง ลี่เซียนผู้พาก
ภายใต้ภาวะคุกรุ่น คล้ายสงครามก่อตัวรอบใหม่ใบหน้าหล่อเหลาเขียวครึ้มสุดจะหยั่ง ถังไห่เฉิงให้รู้สึกเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันเหลือจะกล่าว เขาแค่นเสียงเย็นชา“ใช่เห็นว่าข้าหมดประโยชน์แล้วหรือไม่?”หญิงสาวเห็นพายุเริ่มก่อตัวบนดวงหน้าสง่างามจึงคิดว่าควรอธิบายเพิ่มเติมเพื่อทำลายบรรยากาศอึมครึม“ความต้องการของมนุษย์ควรหยุดแค่เท่านี้ ในเมื่อข้าได้ครบถ้วนแล้ว ทั้งที่นอน ทั้งอาภรณ์ ย่อมไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก”แต่ไหนเลยจะดีขึ้นกว่าเก่า ทั้งเขาตรงหน้ายังแผ่ซ่านรังสีอำมหิตโฉดชั่วออกมาแม่นางผู้อ่อนต่อโลกหล้าจึงจำต้องถอยหลังไปตั้งหลักบนเตียงนอน รวบอาภรณ์มากอดแน่น หวงแหนมากเขาจะยึดคืนหรือไม่?ถังไห่เฉิงย่างสามขุมตามขึ้นมาบนเตียง “เจ้าคงลืมฐานะตัวเองไปแล้วกระมัง? จึงได้สามหาวไม่รู้ความเยี่ยงนี้!”ลี่เซียนเบิกตากลมโต “ไม่...ไม่เคยลืมข้าคือสตรีของท่าน”เงาดำร่างใหญ่ครอบคลุมร่างเล็กจนมิดประหนึ่งอสูรร้าย“เช่นนั้น หน้าที่ของเจ้าคือสิ่งใด”หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น เอ่ยอย่างมั่นใจ “ปรนนิบัติท่าน”พี่เย่เสียย้ำบ่อยมาก นางไม่ลืมแน่นอน“ในเมื่อจำได้ ไฉนไม่ยินยอมให้ข้ามาหา”นี่คือสาระอันสำคัญ ถังไห่เฉิงถือเป็นเรื่องใหญ่พอ
“เจ้าไม่คิดว่าควรทำสิ่งใด?” ในน้ำเสียงทุ้มลึกแผ่วเบาเจือกระแสเย็นเยียบไม่น้อยลี่เซียนย่อมซาบซึ้งในน้ำใจของเขา“ข้าขอบคุณท่าน”บุรุษเลิกคิ้วสูง ความไม่พอใจผุดวาบในแววตา“แค่นั้น?”เรียวนิ้วงามชะงักเล็กน้อยยามจัดชั้นใน ลี่เซียนเงยหน้าช้อนตาขึ้น เอ่ยอย่างระมัดระวัง“ข้าคงไม่ต้องแบ่งปันท่านหรอกกระมัง”ชุดพวกนี้มิใช่สีขาวพิสุทธิ์สวมได้ทั้งชายหญิงเสียหน่อยแม่นางน้อยคิดในใจอย่างไม่ยินยอมอยู่บ้างหากท่านปรมาจารย์ในอารามผิงอันล่วงรู้ว่านางบังเกิดจิตใจคับแคบเช่นนี้ คงสั่งขังนางไว้ในหอพระธรรมอดข้าวอดน้ำเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่นอน ดียิ่งนักที่นางห่างไกลมาหลายร้อยปีแล้ว จึงตระหนี่ได้เต็มที่แววตาสตรีฉายชัดปานนั้น นางหวงแหนสิ่งที่เขาหยิบยื่นถังไห่เฉิงให้รู้สึกพึงใจอย่างประหลาด เรียวปากบางเฉียบค่อยๆ ยกโค้ง เกิดเป็นรอยยิ้มตรงมุมปากอย่างช้าๆ“ช่างเถอะ!”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง ก่อนขยับไปทางด้านในของเตียงแล้วนั่งเอนกายอิงกำแพงห้องนอน สองตายังคงจ้องมองผิวเนื้อขาวๆ เรียวขาเนียนๆ ไม่มีเกรงใจเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ว่าอะไร ลี่เซียนจึงก้มหน้าใส่เสื้อผ้าต่อไป นางไม่คิดว่าต้องระวังตัวอันใด เพราะตั้งแต่เล็
ห้องพักในเรือนบัญชาการหลังจากเดินหาอยู่เนิ่นนาน ลอยตัวหา หายตัวไปมา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ลี่เซียนจึงคิดตัดใจไม่หาต่อ ก่อนจะคิดได้ว่าควรกลับไปสารภาพผิดกับเย่เสียตามตรง โทษฐานไม่อาจรักษาสิ่งของสำคัญอันเป็นน้ำใจของอีกฝ่ายได้เมื่อคิดโดยละเอียดจึงคำนวณง่ายๆ ว่าสมควรชดเชยด้วยของมีค่าอย่างอื่น ทว่านางยังไม่มีเงิน ในโลกนี้เงินสำคัญมาก ยังต้องเร่งหาจากท่านอ๋องลี่เซียนเริ่มตระหนักถึงข้อนี้เนื่องจากเย่เสียพูดพร่ำให้นางฟังไม่หยุด อีกฝ่ายบอกว่ารุ่ยอ๋องมีเงินมีอำนาจ อยากได้สิ่งใดย่อมได้ทั้งนั้นหญิงสาวจึงทำตัวประหนึ่งวิญญาณ ลอยวูบหายวาบกลับมายังห้องนอนที่ถังไห่เฉิงจัดเตรียมให้ หมายมั่นไปขอเงินเขาทันทีที่ร่างงามทะลุกำแพงห้องเข้ามา ดวงเนตรงามพลันปะทะกับเนตรคมดำมหาภัย หญิงสาวชะงักค้างเกร็งร่างทันใด เนื่องจากนางสังเกตแววตาของเขาเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่านั่งรอนาง จนหงุดหงิดแล้วลี่เซียนคลี่ยิ้มแห้ง กำลังจะเอ่ยคำเอาอกเอาใจหมายให้เขาคลายโทสะ กลับเห็นสิ่งของที่วางเอาไว้ข้างกายสูงสง่า“อ๊ะ! หาเจอแล้ว”หญิงสาวละความสนใจออกจากชายหนุ่มทันที รีบปรี่เข้ามาทางตำราครวญวสันต์ทั้งหลายทันใด“ข้าหาอยู่นานมาก ไม่คิดเลยว