มุมมืดในตรอกคับแคบแห่งหนึ่งของเมืองหมิงเวย รอบด้านเงียบสงัดวังเวงรกร้างว่างเปล่าปราศจากผู้ใดลึกเข้าไปมีร่างของชายหนุ่มรูปงามยืนเอามือไพล่หลังเงียบงัน ท่าทางของเขาทั้งสง่างามทั้งองอาจห้าวหาญ เคร่งขรึมเย็นชา กิริยาสูงส่งเหนือสามัญเขาคืออ๋องเจ็ด นาม ถังหย่งเทียน หรือ โซวอ๋องข้างกายโซวอ๋องคือสตรีโฉมสะคราญในชุดสีแดงเพลิง แท้จริงนางมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างระหงอ้อนแอ้น ท่าทางอ่อนโยนเป็นเลิศ เพียงแต่ยามนี้กลับไม่มีความอ่อนหวานปรากฏสักนิด เพราะดวงตาของนางเป็นสีแววแดงน่ากลัว ข้างแก้มและลำคอยังมีรอยอักขระน่าเกลียด เล็บมือยาวแหลมคมกริบปานปลายมีดลักษณะคือผู้สำเร็จเคล็ดวิชากรงเล็บกระชากวิญญาณ สามารถเข่นฆ่าศัตรูได้แม้ปราศจากอาวุธใดในมือ นับเป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่งผู้หนึ่งแห่งยุทธภพ ทั้งร้ายกาจเลือดเย็น ทั้งอำมหิตโฉดชั่วไม่เกรงกลัวใคร ผู้ซึ่งชาวยุทธ์ขนานนามว่า นางมารโลหิต ผู้แทนแห่งสำนัก นารีแดง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค มีสมุนในอาณัติเป็นนักฆ่านับหมื่นชีวิตกระจายไปทั่วแคว้น“สมุนของข้าตายจนหมดในดาบเดียวด้วยกระบวนท่าวายุคลั่งแห่งตำนาน เกรงว่าคนผู้นั้นจักเป็นยอดฝีมือยากต่อกร”เสียงเย็นเยีย
โซวอ๋องหรือหย่งเทียนผู้นี้คือพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ต้าถัง เขาทั้งผงาดค้ำฟ้า ไม่มีใครคานอำนาจกับเขาได้ เกรงว่าอีกไม่นานแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงไม่อยู่ในสายตาทว่าเพราะเป็นพี่น้องในมารดาเดียวกัน ทั้งยังได้รับความไว้วางพระทัยมากล้น ฮ่องเต้ทรงรักและใส่ใจน้องชายคนนี้มากโซวอ๋องจึงเคารพพี่ชายตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่เคยคิดล้ำเส้นอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยพิทักษ์บัลลังก์ให้อีกด้วยผู้ครอบครองบัลลังก์มังกรคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนับว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว และโซวอ๋องผู้เป็นน้องชายก็ไม่เคยคิดแย่งชิงมาเป็นของตนแม้แต่ครั้งเดียวทั้งอดีตและปัจจุบันก็ยังคิดเช่นนั้น เขาไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิต้าถังแม้แต่น้อยเพียงแต่...หากฮ่องเต้ทรงรักใคร่ฮองเฮาให้มากกว่านี้ และรอจนกว่าองค์ชายห้าเติบใหญ่มอบตำแหน่งรัชทายาทให้โซวอ๋องก็คงไม่คิดร้ายกับใครสาเหตุแห่งความเกลียดชังของบุรุษผู้ห้าวหาญสมชายชาตินักรบผู้นี้ แท้จริงเป็นเพียงเรื่องของสตรีวังหลังฮองเฮาคือสตรีเดียวในดวงใจของโซวอ๋อง แต่นางเกิดมาเพื่อเป็นหงส์เคียงมังกร ฐานะพี่สะใภ้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าพี่ชายจะรับชายารองก่อนหน้าสักกี่สิบคน แต่ฮองเฮา
เพื่อประกาศศักดาอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรว่าที่องค์ราชันอย่างจ้าวเหว่ย และเพื่อให้โอรสองค์อื่นๆ อยู่ในที่ในทางของตนงานเลี้ยงต้อนรับจึงเกิดขึ้นทุกครั้งหลังจากองค์รัชทายาทแห่งต้าถังชนะศึกกลับมา ทุกครายังคงเต็มไปด้วยพิธีอันทรงเกียรติและสำเริงสำราญ เปิดโอกาสให้หลายตระกูลได้พบพานสานไมตรี นับเป็นการดีต่อกระดานหมากราชสำนักหลายครั้งที่ฮ่องเต้ทรงใช้งานนี้จัดสรรขั้วอำนาจให้เป็นระบบระเบียบโดยมิต้องรอประชุมในท้องพระโรงอันเคร่งเครียดวิธีที่นิยมยังคงเป็นการมอบสมรสพระราชทาน จับสกุลนั้นเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลนี้อย่างสนุกสนาน เลื่อนขั้นขุนนางตามผลงานบ้าง ตามความดีความชอบบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสงานรื่นเริงถูกจัดขึ้นยามพลบค่ำ โคมไฟแสงสีละลานตาราวกับยามกลางวัน เส้นสายใยผ้าสีสันสดใสระโยงระยาง ดอกไม้งดงามบานสะพรั่ง อุทยานหน้าตำหนักส่วนกลางข้างท้องพระโรงหรูหราอลังการคล้ายสรวงสวรรค์ของบรรดาเทพเซียนลงมาเดินเล่นร่วมสังสรรค์พรมแดงทอดยาวตั้งแต่ทางเข้าจนถึงแท่นประทับ สองฝั่งมีขุนนางนั่งอยู่หลังโต๊ะทรงเตี้ยแน่นขนัด แบ่งแยกชายหญิงขุนนางเก่งกาจทั้งชราและหนุ่มแน่นนั่งลดหลั่นตามขั้น ตรงกันข้ามพรมแดงกางกั้นคือฮูหยินของพวก
อีกด้านหนึ่งของงานเลี้ยงลู่หลิ่งกับนางกำนัลพี่เลี้ยงและซูเหยาเล่นอยู่ด้วยกันกระทั่งเด็กน้อยหลับใหล ซานซานจึงพาบุตรสาวเข้านอนแต่หัวค่ำหญิงสาวเลือกที่จะดึงสติคืนปัดเรื่องน่ารำคาญใจออกไป แล้วเตรียมตัวบรรเลงพิณตามที่ได้เสนอกับหลี่กุ้ยเฟยเมื่อถึงเวลางานเลี้ยง ซานซานก็เดินทางจากเรือนพักออกมารออยู่เบื้องหลังฉากกั้นในห้องหนึ่งพร้อมกับนางรำคนอื่นๆภายในห้องแห่งนี้มีหญิงสาวแต่งกายยั่วยวนเดินบิดเอวกรีดกรายส่ายบั้นท้ายเต็มไปหมด ชุดที่สวมใส่ทั้งบางทั้งพลิ้วไหวและแนบเนื้อ เปิดเผยลำแขนขาวผ่องลำคอระหงเนินเนื้ออวบอิ่ม ซานซานให้รู้สึกว่าตนเองเข้าผิดห้องเหลือเกิน เพราะคืนนี้นางแต่งกายได้ผิดแผก ด้วยชุดพระราชทานจากหลี่กุ้ยเฟยเนื้อผ้าที่หญิงสาวใส่แม้หรูหราสีอ่อนหวานลวดลายลงตัวและโดดเด่นสะดุดตาไม่น้อย แต่ค่อนข้างมิดชิด หาได้เปิดเปลือยเนื้อหนังไม่ ใบหน้ายังแต้มชาดแค่พอดีไม่ยั่วยวนเกินไปเพราะมีลูกแล้วจึงไม่ต้องการทำตัวเฉิดฉายเกินงาม ปล่อยให้พวกสาวสะพรั่งได้มีโอกาสเจิดจรัสบ้างจะเป็นไรซานซานประคองพิณเข้ามานั่งลงยังมุมหนึ่งของห้อง พลางทำความเข้าใจตามรายละเอียดที่ได้รับจากขันทีผู้ดูแลแท้จริงวังหลวงแห่งนี้
ซึ่งแท้จริงแล้ว ใครสูงใครต่ำ ซานซานมิได้สนใจ เพียงแต่การถูกจัดลำดับให้ขึ้นแสดงต่างหาก ที่ทำให้หงุดหงิดเพราะนักแสดงมืออาชีพในห้องนี้ถูกสั่งให้แสดงหลังจากคุณหนูในงานแสดงจนหมดแล้วทุกคน และที่สำคัญ ลำดับของซานซานยังเป็นลำดับสุดท้ายต่อจากนางรำคนท้ายที่สุดอีกชั้นจะบ้าตาย...คุณหนูมากมายปานนั้น เวลาที่ใช้แสดงความสามารถก็นานเนิ่น ยังมีต่อกลอนหวานเลี่ยน โต้คารมไปมากว่านางจะได้ขึ้นแสดง ทุกคนคงเมาหลับหรือไม่ก็เริ่มทยอยกลับกันหมดซานซานขมวดคิ้วใคร่ครวญโดยละเอียด ในที่สุดก็ลุกขึ้นแล้วเดินมายืนกลางห้อง ยกมือขึ้นตบแรงๆ เพื่อเรียกความสนใจผลที่ได้คือนางรำหันมามองซานซานทุกคน“พี่น้องคนงามทั้งหลาย” เส้นเสียงกังวานที่เรียกขานทำเอาสาวงามขนลุกซู่ “การแสดงศาสตร์ศิลป์แต่ละครั้ง พวกท่านแยกกันแสดงตามลำดับก่อนหลังครั้งละสามสี่คนถูกต้องไหม?”เรื่องนี้ซานซานอ่านระเบียบการแสดงมาก่อนหน้า จึงรู้ได้“ถูกต้อง” นางรำคนหนึ่งตอบคำ “เจ้าสงสัยอันใดหรือ?”ซานซานมิได้ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับว่า “เช่นนั้น ค่าตอบแทนเล่า ได้อย่างไร?”นางรำอีกคนตอบบ้าง “ได้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ละรอบที่ขึ้นแสดง ความโปรดปรานย่อมไม่เท่าเทียม คน
หญิงสาวนางหนึ่งอายุราวยี่สิบปีค่อยๆ เผยโฉมออกมาจากกลุ่ม แล้วถามว่า “เจ้าคือคนของวังหลวงใช่หรือไม่? คิดใช้อำนาจข่มเหงพวกเราหรือไร?”ซานซานขมวดคิ้ววูบ “ข้ามิใช่คนของใครทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลใดต้องข่มเหงเจ้า แค่มีวิธีดีๆ ให้ได้เงินง่ายๆ แบบทั่วถึงกัน”หญิงสาวคนเดิมจึงเดินมายืนประจันหน้ากับซานซาน นางมีผิวขาวราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางเผยสัดส่วนชัดเจน ใบหน้ารูปไข่งดงามอ่อนหวานเย้ายวนอย่างที่สุด สะคราญโฉมพิลาศล้ำยิ่งกว่าองค์หญิงต้าถังด้วยซ้ำหญิงงามกล่าวกับซานซานด้วยน้ำเสียงแว่วหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า “ข้านามว่าหยุนผิง มือพิณ ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงฝีมือ ข้าได้รับความโปรดปรานที่สุด เรียกเงินได้มากที่สุด แต่ก็เหน็ดเหนื่อยกับการเอาตัวรอดจากขุนนางบางคนที่คิดจะติดพันเพื่อซื้อตัวเข้าจวนที่สุดเช่นกัน หากเจ้าช่วยให้ข้าลดความเสี่ยงตรงนั้นได้ โดยที่ค่าตอบแทนไม่ลดลงจากที่เคยรับ ข้าก็ยินดีมอบหน้าที่ดูแลน้องสาวทุกคนในที่นี้ของข้าให้เจ้า”“พี่ผิง!” นางรำทุกคนอุทานอย่างตกใจหยุนผิงยกมือห้ามบรรดาน้องสาวมิให้โวยวาย แล้วกล่าวต่ออย่างใจเย็น “แต่หากเจ้าทำมิได้ ด้วยความงามของข้า รวมกับการได้รับเชิญขึ้นแสดงเพลงพิณ
งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่นมีการสนทนาระหว่างฮ่องเต้ องค์ชาย องค์หญิง ขุนนางทั้งหลายฝ่ายบุรุษต่างมีสีหน้ารื่นรมย์เพราะถือเป็นโอกาสได้สำเริงสำราญเต็มที่ มีสตรีงดงามให้ได้ยล ทั้งยังสูงส่งมากความสามารถฝ่ายสตรียิ่งเบิกบานเพราะได้เปิดหูเปิดตาร่วมประชันโฉมและแสดงฝีมือหลังจากที่ต้องอดทนบ่มเพาะตัวตนแค่ในเรือนหัวข้อที่เสวนาล้วนแต่เป็นการสรรเสริญเยินยอประจบสอพลอ ยังมีต่อด้วยการโต้ตอบไปมาระหว่างอริที่เสแสร้งเป็นพันธมิตรนอกจากนั้นเรื่องที่คุยกันก็ไม่พ้นว่าบุตรชายหรือบุตรสาวบ้านใดเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน อายุเท่าไหร่มีความสามารถอันใด พร้อมออกเรือนหรือไม่ท่ามกลางถ้อยวาจาและเสียงหัวเราะที่แลกเปลี่ยนกัน มีเพียงบุรุษชุดม่วงขลิบทองยังคงเก็บอาการเบื่อหน่ายต่องานเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างแนบเนียนด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกใบหน้าหล่อเหลาซ่อนความเย็นชาในดวงตาคู่ดำด้วยการหลุบลงต่ำมองเพียงปลายนิ้วที่ไล้วนบนจอกเหล้าในมือขณะยกขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อดื่มลงคอ ในใจของจ้าวเหว่ยที่เคยราบเรียบบัดนี้คล้ายมีระลอกคลื่นบางเบาเมื่อนึกถึงเรื่องราวบางประการภาพภายในห้องขังคุกหลวงอันมืดมิดปราศจากผู้อื่น ยามที่เจี้ยนจื้อห
ยิ่งคิดเรียวคิ้วบุรุษยิ่งขมวดมุ่นจนเป็นปมยากคลายตัว ขัดแย้งกับบรรยากาศอันแช่มชื่นรอบกายเต็มทีหากปล่อยให้ซานซานเข้าใจผิดเรื่องเหย่หนิวต่อไป บางทีอาจจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อยนางย่อมไม่ถูกเพ่งเล็ง ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จแม่ต่อไปให้อู๋เจี๋ยได้รับผลกรรมเป็นเหย่หนิว ถูกซานซานเกลียดชัง ถูกคนรักเข้าใจผิดมหันต์ไปเช่นนั้น รอจนกว่าซานซานหายโกรธ เขาย่อมปล่อยอู๋เจี๋ยออกมาส่วนตัวเขาก็จะกลายเป็นชายหนุ่มคนใหม่ที่เข้าหานาง เป็นรัชทายาทสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อม เหนือชั้นกว่าเหย่หนิวทุกอย่างส่วนหลิ่งเอ๋อร์ก็เป็นองค์หญิงตัวน้อยช่วยกุมหัวใจของเสด็จแม่อยู่อีกทางให้เวลาบ่มเพาะความรักขึ้นมาใหม่แอบคบหากันไปก่อน รอกระทั่งเขาได้ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจสิทธิ์ขาดค่อยว่ากันภายใต้สีหน้าราบเรียบเฉยชาไร้อารมณ์ รัชทายาทหนุ่มยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มดังมีไฟสุมอยู่ในทรวงอก จนเลือดเดือดพล่าน เพราะเรื่องแรกที่เขาคิดการณ์ คือต้องจัดการซานซานให้ได้ก่อนดูเถิดว่าเขาจะเกี้ยวนางได้หรือไม่?ขณะที่จ้าวเหว่ยได้ข้อสรุปที่เรียกได้ว่าชั่วร้ายเพื่อภรรยา เสียงปรบมือเปิดงานด้วยการแสดงจากหอนางรำเลื่องชื่อก็เริ่มขึ้นสตรีงดงาม
ฉับพลันในห้วงภวังค์ของซานซานก็มีอู๋เจี๋ยแทรกเข้ามา องครักษ์หนุ่มผู้เป็นสามีของนางขณะเดียวกันก็มีใบหน้าของซูเหยา สตรีอ่อนแอที่คุกเข่าทั้งน้ำตาต่อหน้า ไหล่บอบบางสั่นไหวเพราะร่ำไห้เสียใจสุดแสน ปากยังขอร้องแทนบุรุษไม่หยุด เล่ห์เหลี่ยมยิ่งไม่มีให้เห็นวันที่ประจันหน้ากับอู๋เจี๋ย สายตาของเขายามมองนางกับมองซูเหยาต่างกันในแววตาที่มองนางมีเพียงความหวาดกลัวและรู้สึกผิด แต่แววตาที่มองซูเหยากลับมีความรู้สึกผิดและความรักท่วมท้นพวกเขารักกันมาก่อน ทั้งยังรักกันปานนั้นหากนางไม่ตัดใจ ย่อมมิใช่คนแล้ว...หญิงสาวยิ่งครุ่นคิดหนักหน่วง นางพยายามนึกถึงอู๋เจี๋ยทว่ายิ่งเพ่งพินิจนึกถึงภาพอู๋เจี๋ย ซานซานยิ่งสัมผัสได้ถึงความเหินห่าง ลักษณะท่าทางยังคล้ายคนแปลกหน้า ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด หากแต่เหตุการณ์เมื่อคืนกับรัชทายาทจ้าวเหว่ยกลับคุ้นเคยอย่างประหลาด ทั้งยังมีประโยคเด่นชัดในห้วงฝันนั่นอีก!คิดไปคิดมาก็พลันนึกถึงฉากรักกับจ้าวเหว่ยคิดถึงลีลากอดเกี่ยวโอบกระหวัด ท่วงท่าต่างๆ ยามรึงรัด รสสัมผัสเคล้นคลึงจากฝ่ามือหนา วงแขนแข็งแรงที่กกกอด ยามประทับจุมพิต ทิศทางการไล้แผ่วปลายนิ้วไปตามส่วนโค้งเว้าใบหน้าหล่อเหลาป
หลี่กุ้ยเฟยถอนหายใจหนักอก แล้วเอ่ยตามตรง“อาซาน ฐานะทางสังคมของเจ้าต่ำต้อยด้อยศักดิ์เกินไป ทั้งนิสัยใจคอของเจ้ายังร้ายกาจเกินไป ข้าไม่อาจให้เจ้าพลาดพลั้งถลำใจไปกับเสน่หาอันลึกล้ำของรัชทายาทได้ หากเจ้าชอบเขามากๆ แล้วพระชายาในภายภาคหน้าของเขาจะเป็นเช่นไร มิเหลือแต่ซากรึ?”“...!?”ประโยคที่ได้ยินทำผู้ฟังแปลกใจจนเลิกคิ้วสูง นึกฉงนไม่น้อย ได้ยินพระนางกล่าวอีกว่า“ข้ามั่นใจว่า สตรีที่จะได้เป็นพระชายาของเขา ย่อมต้องเป็นสตรีหนึ่งเดียวในดวงใจแน่ เจ้าไม่ควรเป็นศัตรูหัวใจกับนาง”“...!?”“เอาล่ะๆ เมื่อคืนเจ้าทำดีแล้วแต่อารมณ์กำหนัดของบุรุษข้าเองก็ไม่ควรเพิกเฉย หากปล่อยปละละเลยอาจป่วยไข้เอาได้ จำไว้ว่าต่อให้เจ้าได้ปรนนิบัติบุตรชายข้า ก็อย่าได้คิดเกินเลยกว่าฐานะสาวใช้อุ่นเตียง และอย่าเข้าใกล้หากไม่จำเป็น เขารูปงามปานนั้น สูงส่งน่าหลงใหล เจ้าทนทานมิให้บังเกิดรักปักใจต่อเขามิได้หรอก หากเป็นเช่นนั้น ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าต้องลำบากแน่ๆ”“...!?”ซานซานรับฟังด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง หมดคำใดจะเอื้อนเอ่ย ได้ยินหลี่กุ้ยเฟยเอ่ยย้ำอีกครั้ง“ไปคัดกฎระเบียบราชวังหนึ่งร้อยจบ อย่าให้ใครครหาเอาได้ว่าเจ้าใช้ความโปรดปรานข
ชาติก่อนซานซานคือนางมารจอมชั่วร้ายผู้หนึ่ง ชาตินี้นับว่าเป็นคนดีมากนัก เหลือไม่ดีอีกเล็กน้อยเท่านั้นยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับบุตรชายสุดที่รักของเจ้านาย ทำตัวคล้ายบ่าวหญิงแพศยาในเรือนขุนนางนอกวังไม่ผิดเพี้ยน เรื่องแบบนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นในวังหลวง หญิงรับใช้ใกล้ชิดของพระสนมยังแอบปีนเตียงฮ่องเต้เพื่อยกฐานะตน เพียงแต่ซานซานมิได้ต้องการฐานะอันใดให้ยุ่งยากซับซ้อน ขอแค่เงินทองเยอะๆยี่ซินตีหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้ม “อย่ามาโกหกเลย อาซาน เจ้ากล้าปฏิเสธรัชทายาทเชียวรึ?”“โอว...” ซานซานมีสีหน้ายุ่งยากใจ “ไม่ปฏิเสธได้รึ?”ยี่ซินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้านี่นะ”หลี่กุ้ยเฟยนั่งจิบชานิ่งฟังบทสนทนาด้วยสีหน้าเยือกเย็น รู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของซานซานไม่เบา ได้ยินเสียงสนทนากระซิบกระซาบของคนสนิททั้งสองเกิดขึ้นต่อเนื่องว่า“พี่ซินๆ”“หืม?”“รัชทายาทมีนางกำนัลอุ่นเตียงเยอะหรือไม่?”“เจ้าถามทำไม?”“พระองค์ยังมิได้แต่งงาน แสดงว่ามีคนอุ่นเตียงเยอะแล้ว เช่นนั้นข้าจึงเห็นสมควรว่าไม่ควรเข้าไปเพิ่มจำนวนให้วุ่นวาย”“เหลวไหล!” ยี่ซินเริ่มเสียงดัง “รัชทายาทของพวกเราเป็นบุรุษที่หวงเ
แสงตะวันยามเช้าแผดกล้าร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกได้ว่าถึงเวลาที่ควรไปดูแลบุตรสาวตัวน้อย อันสำคัญเหนืออื่นใดซานซานจึงส่ายศีรษะไล่ความง่วงงุนให้สิ้นไปแล้วลุกขึ้น ยังไม่ลืมทำลายหลักฐานบนเตียงนอน ที่บัดนี้โชยคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายวสันต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหลังร่วมรักส่วนยาห้ามครรภ์ แน่นอนว่าซานซานปรุงขึ้นได้ไม่ยาก และไม่มีใครรู้ด้วยนางจะทำเป็นยาลูกกลอนเม็ดกลมเล็กๆ จะได้พกพาสะดวกหลังจากล้างเนื้อตัวจนสะอาดหอมกรุ่น ยังไม่ลืมลบเลือนริ้วรอยฝากรักก่อนสวมใส่ชุดนางกำนัลเช่นเดิม ออกจากห้องมาหาบุตรสาว กินข้าวเช้าด้วยกัน คุยเล่นหยอกเย้า ชี้แนะทุกเรื่องราว พาไปส่งสำนักศึกษาประจำราชวัง ได้ร่ำเรียนร่วมกับบุตรหลานเชื้อพระวงศ์เด็กๆ ในชั้นเดียวกันยังอายุน้อย ปัญหาปากเสียงกระทบกระเทียบระหว่างชนชั้นจึงไม่มี ลู่หลิ่งเข้ากับทุกคนได้ดียิ่งโดยเฉพาะองค์ชายห้า นามว่า ถังจ้าวสุนถังจ้าวสุนคือโอรสหนึ่งเดียวของฮองเฮาแห่งต้าถัง หลายครั้งที่ซานซานได้เห็น เด็กชายอ้วนท้วนอายุเพียงเจ็ดปีผู้นี้จูงมือหลิงเอ๋อร์ในวัยสี่ปีวิ่งเล่นไปทั่วอุทยาน หากรอดพ้นสายตานางกำนัลได้ ก็มักจะสลับกันผัดหน้าทาชาดสนุกสนาน บางวันยังมีน้ำมันหอ
ผู้ฝึกยุทธ์มักเปี่ยมกำลังวังชา การศึกครานี้จึงใช้เวลายาวนานนัก การทรมานอันสุขสมคล้ายนิรันดร์การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างซานซานและจ้าวเหว่ย ยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอ นับตั้งแต่ห้าปีก่อนที่เรือนริมธาร กระทั่งยามนี้ที่ตำหนักใน ความสัมพันธ์ทางกายสนิทสนมเยี่ยงนี้คล้ายโซ่ตรวนชนิดหนึ่ง ซึ่งผูกพันทั้งสองเอาไว้จนยากจะคลายตัวลมราตรียังคงเย็นเยียบโชยผ่านเรือนพัก แต่ใครจะรู้ว่าเตียงในห้องๆ หนึ่งจักอุ่นร้อนเพียงใด จ้าวเหว่ยไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยซานซานเอาไว้ให้นอนคนเดียว กำลังวังชามากมายของเขาล้วนใช้ไปกับกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาทำเอาซานซานถึงกับอ่อนระโหยโรยแรงหน้ามืดตาลายไปหมด หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้สูงส่งเลิศล้ำจักเป็นบุรุษเช่นนี้ ทำนางมึนงงสิ้นดี พอเสียทีได้ไหม?“หยุด...หยุดก่อน...” เส้นเสียงแหบแห้งเพราะผ่านการครวญครางนับครั้งไม่ถ้วนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ไม่ไหวแล้ว...”ขณะที่หยาดเหงื่อกำลังผุดพราย รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พลันปรากฏบนใบหน้าบุรุษ จ้าวเหว่ยก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกโด่งสันหอมแก้มนางไปอีกหนึ่งครั้ง ก่อนมอบอิสระให้แก่ร่างอุ่นนุ่มโดยการปล่อยนางออกจากวงแขนร้อนผ่าวชื้นเหงื่อ แล
รัชทายาทหนุ่มไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีซานซานยังคงคิดถึงชายอัปลักษณ์แม้ว่ากำลังร่วมรักกับชายงามสูงศักดิ์จ้าวเหว่ยรู้ดี ว่านางใต้ร่างมิได้รักเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองอู๋เจี๋ยที่คิดว่าเป็นเหย่หนิวก็ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่ประจันหน้า ทั้งแววตาทั้งท่าทาง เผยชัดแจ้งถึงความแค้นเคืองชิงชัง ไม่มีความหลังให้จดจำหวนคืนนางชัดเจนปานนั้น แต่กลับ…ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลายามก้มลงต่ำพร้อมลมหายใจหนักหน่วงรินรดข้างแก้ม ซานซานก็เริ่มจับกระแสความคิดของจ้าวเหว่ยได้เพราะใบหน้าใกล้กันถึงเพียงนี้ สายตาดำจัดของเขาร้อนแรงปานนั้น ราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนระคนแปลกใจเรียวคิ้วงามขมวดวูบ “ท่านได้ยินนี่”เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มพลันบังเกิด “ข้ามิได้หูหนวก”ซานซานยิ่งรู้สึกผิด “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ”จ้าวเหว่ยหยุดขยับกาย แต่ยังรักษาความรู้สึกรัญจวนใจเอาไว้ด้วยการฝังนิ่งตรึงนาง ก้มหน้าหอมแก้มนวลแรงๆ หนึ่งที เอ่ยเสียงสั่นพร่าอย่างใจดีว่า “เจ้าแก้ตัวด้วยการเรียกนามข้าได้”หญิงสาวเบือนหน้าหนี “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”ชายหนุ่มไม
บนเตียงนุ่มที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างสองร่างเปล่าเปลือยกอดกระหวัดรัดรึงด้วยความทุลักทุเลเพราะฝ่ายสตรีไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มานานมาก ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้ายิ่ง จึงตอบสนองเงอะงะพอควรจ้าวเหว่ยถอนใบหน้าออกจากซอกคอขาว ในใจนึกเอ็นดูระคนสงสาร แต่ท่าทางตื่นเต้นของซานซานทำเขานึกอยากแกล้งอย่างที่สุด ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะคลายวงแขนปลายจมูกโด่งสันไล่หอมแก้มนวลไม่หยุดยั้ง ริมฝีปากยังไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้า ลำคอ เนินอก ทิ้งร่องรอยลึกซึ้งไม่มีเกรงใจ จนซานซานต้องถอยร่นจนชิดผนังห้องข้างเตียงอย่างหมดท่าบุรุษยิ่งนานยิ่งรุกล้ำ จนใบหน้าขาวผ่องเนียนนุ่มยิ่งนานยิ่งเห่อแดงร้อนแรงกว่าถ่านไฟ กิริยาท่าทางดุจดรุณีวัยแรกแย้ม มิใช่จอมยุทธ์หญิงอีกต่อไป ซึ่งซานซานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้กลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเช่นนี้จ้าวเหว่ยยังคงรุกไล่จุมพิตซานซานไปทั่ว ฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบอิ่ม ดูดกลืนยอดถันชูชัน กระทั่งนางเขินอายจนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อทำใจ เขาก็ยังไล่จูบนางทางด้านหลังประทับตราตั้งแต่เรือนผม ท้ายทอย หัวไหล่ แผ่นหลังนวลเนียนฝ่ามือร้อนลวกยังจับกระชับเอวคอดกิ่ว ลูบไล้วกวนตรงหน้าท้องแบนราบ จนซ
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายทันที จ้าวเหว่ยยิ้มอ่อน วงแขนยิ่งกระชับ “หากบอกว่าใช่”ซานซานให้รู้สึกขนลุกชูชัน “เราตกลงกันแล้วว่าไม่มีเรื่องงมงายไร้สาระ หากยังเอ่ยเช่นนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงไม่สะดวกแล้ว”จ้าวเหว่ยหัวเราะในลำคอเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ากล้า”ซานซานแค่นยิ้ม “จ้องนาน สี่หีบ!”“...”สมเป็นนาง...ไม่ว่าเรื่องใดยิ่งไม่เคยนึกหวั่น นอกจากไม่กลัวหรือเขินอายยังกล้าท้าทาย...แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่มีทางปล่อยซานซานไปสามีที่ห่างเหินการร่วมรักกับภรรยาเนิ่นนานปี เมื่อเจอกันอีกทีไม่พุ่งกายเข้าใส่ก็คงมิใช่คนปกติเขายังไม่ลืมย้ำเสียงหนัก“เจ้าปรนนิบัติข้าได้แค่คนเดียว เข้าใจหรือไม่?”“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ รีบๆ ทำเถิด”แม้เอ่ยเช่นนั้น แต่ร่างระหงอ้อนแอ้นกลับนอนนิ่งแข็งทื่อบุรุษยกยิ้มเอ็นดูแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลงจรดริมฝีปากตนกับนางแผ่วเบาคล้ายภมรหยอกเย้ากลีบบุปผาซานซานพลันเบิกตากว้าง รู้สึกได้ว่ากลีบปากอีกฝ่ายร้อนมากๆ จนอาจจะลวกปากนางได้อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกะพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงจุมพิตที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นรุกล้ำแต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดออกมาจากปากชายเหนือร่างเข้า
ความอุ่นร้อนจากวงแขนและแผงอกแผ่ซ่านรอบกายทันใด ซานซานพลันตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงก่ำ ท่าทางประหนึ่งสาวน้อยแรกแย้มเพิ่งเข้าหอครั้งแรกเพราะห่างเหินรสสัมผัสและการร่วมรักมานานปี ทั้งยังเป็นชายอื่นมิใช่สามี ไม่เกร็งก็คงไม่ใช่และนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงยินยอมให้เขาง่ายดายในขณะที่กำลังสั่นระริกทั้งตัว หัวใจเต้นตุบๆ แทบทะลุอก ซานซานยังได้ยินเจ้าของวงแขนเอ่ยเสียงเครียด“เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้ และยิ่งมิใช่หญิงขายเรือนร่าง”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิใช่ แต่ในเมื่อเป็นพระบัญชา ไยต้องคิดมากเล่า”“เจ้า...” รัชทายาทหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกิน “เรื่องเช่นนี้ เจ้าควรคิดให้มาก เข้าใจหรือไม่?”ซานซานได้ฟังพลันนิ่งเงียบไปหากศักดิ์ศรีของนางที่ต้องรักษาคือสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวบุรุษใจร้ายให้เห็นค่า มิสู้ทำลายศักดิ์ศรีนั้นทิ้งไปเสียหากต้องแย่งชิงบุรุษไร้ใจกับสตรีแสนดีเช่นซูเหยานางคงทรมานจนตาย หากสะสมเงินทองได้มากพอก็ออกจากวังไปเป็นเจ้าสำนักดูแลสมุนมารเหตุผลอันหลากหลายประการ ซานซานพลันสรุปได้ว่า รัชทายาทหนุ่มตรงหน้านับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เลวหึ! เป็นสตรีที่ดีแล้วอย่างไร สามีก็ทิ้งไปอยู่ดี