หลังเลิกประชุมจากท้องพระโรงตำหนักฮุ่ยเยี่ยนคือสถานที่แรกที่ต้องไปเยือน จ้าวเหว่ยจึงไม่รอช้า เลี้ยวเข้าประตูแดงฝั่งตำหนักในทันทีเมื่อเดินเข้ามาจึงได้เห็นลู่หลิ่งในชุดสีเขียวอ่อนลายดอกไม้นอนหมอบเป็นก้อนกลมอยู่บนพื้นห้อง กำลังเล่นต่อไม้อย่างตั้งใจ โดยมีหลี่กุ้ยเฟยนั่งมองเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนหลังจากทักทายกัน รัชทายาทหนุ่มจึงเล่นต่อไม้กับลู่หลิ่งจนสำเร็จ ยังสอนเดินหมากอีกหนึ่งกระดานข่าวการตายของจ้าวหมิง สำหรับหลี่กุ้ยเฟยนับว่าร้ายแรงมาก โศกเศร้าไม่น้อย เมื่อเห็นบุตรชายปรากฏกายก็ต้องการพูดคุยทันทีทว่าเห็นจ้าวเหว่ยที่เอ็นดูลู่หลิ่งมาแต่ไหนแต่ไร กำลังเล่นต่อไม้เดินหมากเช่นนั้นจึงปรับใจให้เย็นลง รอจนลู่หลิ่งหาวก็รีบสั่งให้ซูเหยาพาเด็กน้อยไปหลับกลางวันก่อน เรื่องเลวร้ายอัปมงคลเช่นนี้จะให้เด็กเล็กตาใสร่วมฟังมิได้โดยเด็ดขาดคล้อยหลังลู่หลิ่ง จ้าวเหว่ยจึงส่งสายตาบอกยี่ซินว่าต้องการคุยกับมารดาเพียงสองต่อสอง ยี่ซินย่อมเข้าใจ จึงรีบพานางกำนัลออกไปจากห้องทั้งหมด ตนเองยังยืนเฝ้าหน้าห้องมิให้ใครเข้าใกล้คุณหนูสูงศักดิ์ได้ข่าวการกลับมาของรัชทายาทหนุ่มผู้หล่อเหลางามสง่าที่พวกนางเฝ้าฝันคะนึงหาทุกคื
เดิมทีที่ผ่านมาฮ่องเต้มักจะคล้อยตามความคิดของโอรสสุดที่รักเสมอ แต่เรื่องนี้ออกจะเกินไปสักหน่อยแน่นอนว่าหากพระองค์ทรงอนุญาตตามนั้น ความวุ่นวายย่อมตามมาและรัชทายาทก็ลอยตัวเหนือปัญหา ให้สุนัขล่าเนื้อทั้งหลายได้แย่งชิงผลงาน หลักฐานที่ได้จากทุกทางย่อมมีความขัดแย้งกันเองไม่จบไม่สิ้น แค่คิดก็ปวดหัวแล้วแต่จะให้ขุนนางคนใดรับผิดชอบคดีใหญ่ปานนี้เล่า?จ้าวเหว่ยไม่ปล่อยให้ใครได้ใคร่ครวญจนแตกฉาน เขารีบเสนออีกเส้นทาง “หากเสด็จพ่อไม่เห็นด้วย มิสู้ให้กระหม่อมรับผิดชอบคดีนี้เสียเอง และเพื่อความโปร่งใส ขอพระองค์ทรงให้โซวอ๋องได้ร่วมสืบสาวร่วมกัน เช่นนั้นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ครานี้สีพระพักตร์โอรสสวรรค์ผ่อนคลายมากแต่ไหนแต่ไรมาโซวอ๋องมิเคยยื่นมือข้องเกี่ยวกับเรื่องราวราชสำนัก เพียงแต่วันนี้หัวข้อประชุมคือเรื่องใหญ่ สาเหตุการตายของเชื้อพระวงศ์ซึ่งองค์ชายสามคือหนึ่งในหลานชาย โซวอ๋องจึงต้องเข้าร่วมประชุม ไม่เข้าไม่ได้ทั้งนี้โซวอ๋องยังนับว่าเป็นผู้ใหญ่ การสืบคดีเช่นนี้จะได้ควบคุมรัชทายาทไปในตัว มิให้เกิดคำครหาโอรสสวรรค์จึงตรัสอนุญาตทันทีหลังประชุมเสร็จสิ้นจ้าวเหว่ยจึงเดินออกมาด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึก สีหน้า
หลังจากถึงวังหลวง ราชสำนักวุ่นวายไม่น้อยกับข่าวการตายขององค์ชายสามจ้าวหมิง เช้านี้การประชุมในท้องพระโรงจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเคร่งเครียด หลายเสียงเสนอความคิดเห็นว่าให้กักตัวรัชทายาทเอาไว้เพื่อสืบสาวความจริงโดยละเอียด เพราะมีข่าวเล็ดลอดมาว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุร้าย องค์ชายสามทะเลาะกับรัชทายาทอย่างรุนแรง คนร้ายที่ตายเกลื่อนไม่ห่างจากรถม้ายังเป็นชายในเครื่องแบบทหารค่ายปีกเหล็ก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นคนของใคร ควรเรียกคืนความยุติธรรมโดยไว มิอาจล่าช้าจ้าวเหว่ยได้ฟังเพียงยกยิ้มเฉยชา สีหน้าไม่เผยอารมณ์ เรียวตาคมจ้องมองโซวอ๋องที่เข้าร่วมประชุมซึ่งยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่แล้วหัวคิ้วของรัชทายาทหนุ่มพลันขมวดเข้าหากัน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคืออันใดโซวอ๋องกำลังมองมาทางเขาด้วยสองตาสั่นไหว สีหน้าเคร่งเครียดอย่างมากขุนนางคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า คุกเข่าโขกศีรษะไปทางฮ่องเต้ที่ประทับนิ่งขรึมบนแท่นมังกรทอง ร่ำร้องเสียงพร่า“ทูลฝ่าบาท เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นให้เหล่าชาวประชา คืนความสว่างไสวแก่ไพร่ฟ้า ได้ยึดมั่นถือมั่นต่อราชวงศ์ต่อไป องค์รัชทายาทสมควรถูกสืบสวนให้ความจริงกระจ่างโดยละเอียดเพื่อมิให้เรื่องร้
รุ่งอรุณแสงสว่างมาเยือนซานซานเดินทางขึ้นเขาย่ำราตรีใช้เวลาหาสมุนไพรที่ต้องการได้ภายในคืนเดียว ไม่มีใครคาดคิดว่า ยาพิษชนิดร้ายแรงอย่างสุริยันจันทราเดือดจะใช้ยาแก้แค่นำสมุนไพรไม่กี่อย่างอบให้แห้งแล้วชงดื่มเป็นน้ำชาเพียงสามวันพิษย่อมสลาย กลับมาหายดี ไม่มีแม้ริ้วรอยยามนี้หยุนผิงไร้เรี่ยวแรง ช่วยเหลือตัวเองมิได้ หน้าที่ดูแลเปลี่ยนผ้าป้อนข้าวป้อนยาชงชาควรเป็นสาวใช้ปรนนิบัติสักคน ซานซานจึงเสนอทหารใหม่ในอาณัติของตนที่ไว้ใจได้หนึ่งคน ทว่าจ้าวหมิงไม่ยอม กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่าไม่ควรให้ข่าวรั่วไหลแน่นอนว่าหยุนผิงไม่มีแรงขัดขืนหรือออกความเห็นใดๆ จ้าวเหว่ยจึงโบกมืออนุญาตแล้วพาซานซานออกจากห้องลับ ยังไม่ลืมหันมาลงกลอนจากด้านนอกขังสองชายหญิงเอาไว้อย่างแน่นหนาน่าแปลกนัก ทั้งที่ถูกคุมขังประหนึ่งนักโทษตัวประกัน แต่กลับไม่มีเสียงโวยวายเล็ดลอดออกมาศพพร้อมรถม้าขององค์ชายสาม รวมทั้งศพองครักษ์และทหารของค่ายปีกเหล็กถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว รัชทายาทหนุ่มจึงถูกเชิญตัวกลับวังหลวงในทันทีข่าวนี้มิได้ทำให้จ้าวเหว่ยตระหนก ทว่ายังต้องขบคิดแผนการรับมือให้ละเอียดรอบคอบในขณะที่รัชทายาทหนุ่มครุ่
จ้าวเหว่ยและซานซานเข้ามาในห้องนานแล้ว และยืนมองชายหญิงทั้งสองนานแล้วเช่นกัน เพียงแต่ยามที่หยุนผิงกำลังถูกจ้าวหมิงเปลื้องผ้า ซานซานก็รีบปิดตาสามีเอาไว้อย่างแน่นเมื่อหยุนผิงได้รับการปรนนิบัติจากจ้าวหมิงจนมีเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ซานซานจึงปล่อยมือจากดวงตาคู่คม แล้วพากันเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างใจเย็นทันทีที่จ้าวหมิงเห็นพี่ชายก็รีบโวยวายปานฟ้าถล่ม “พี่ใหญ่ข้าไม่ยอมให้นางตายนะ ท่านรีบช่วยนางเร็ว”จ้าวเหว่ยเอ่ยเสียงเรียบ “หากไม่อยากให้นางตาย เจ้าก็ปล่อยนางได้แล้ว”จ้าวหมิงพลันรู้สึกตัว จึงหยุดเขย่า ปล่อยนางในอ้อมแขน“ตามข้ามา”จ้ายเหว่ยออกคำสั่งให้น้องชายเดินตามออกมานอกห้อง เพื่อปล่อยให้ซานซานจัดการคนของนางคล้อยหลังสองบุรุษ ซานซานจึงนั่งลงบนขอบเตียง พิจารณาหยุนพิงเงียบงัน เนิ่นนานก็ยังไม่เอ่ยวาจาสภาพของหยุนผิงยามนี้น่าเวทนายิ่งนัก ใกล้คำว่าครึ่งผีครึ่งคนแล้ว เนื้อตัวเริ่มเขียวคล้ำ ปากซีดกลมกลืนไปกับผิวหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษ เล็บมือเล็บเท้าเริ่มเน่า ผิวเนื้อตรงข้อต่อก็เริ่มยุ่ยแล้ว หากมิได้จ้าวหมิงลากกลับมาทันกาลเกรงว่าคงสลายหายไปไม่เหลือซาก แม้แต่กระดูกก็หาไม่พบครานี้ เจ้าโซวอ๋องผู้นั้นลง
เลือดข้นเช่นนี้คงปิดกั้นเส้นเลือดทั่วร่าง ไม่นานคงหายใจไม่ได้ ชีพจรไม่เดิน กล้ามเนื้อทุกส่วนตายสนิทหยุนผิงเอ่ยเสียงแหบ “เป็นพิษสุริยันจันทราเดือดในตำนาน ผสานร้อนเย็นหลอมละลายร่างกาย เปลี่ยนสมดุลเลือดลมทั่วร่าง ไร้ยาต้านและไม่มียาแก้ ฤทธิ์ร้ายกาจรุนแรง มีผลภายในไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ร่างกายของข้าที่สิ้นแรงแม้แต่ขยับนิ้วเช่นนี้ คืนเดียวก็จะค่อยๆ ย่อยสลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก”“ว่าอย่างไรนะ?” จ้าวหมิงได้ฟังให้รู้สึกไม่ยินยอม “เจ้ากำลังล้อเล่นแล้ว”หยุนผิงเอ่ยเสียงเครียด “นี่ใช่เวลาล้อเล่นหรือไร?”แม้กำลังเปลือยกายต่อหน้าบุรุษ แต่หยุนผิงกลับมิได้เขินอายอีกต่อไปเพราะกำลังจะตาย จึงไม่จำเป็นต้องโกหก นางกัดฟันเอ่ย “เดิมทีข้าถนัดแต่ฆ่าคน งานปกป้องคุ้มครองใครไม่เคยคิดทำ แต่ท่าน...ข้าคิดว่าจะได้ปกป้องท่านนานกว่านี้สักหน่อย ไม่ง่ายเลยที่จะได้เข้าใกล้บุรุษรูปงามเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดเช่นท่าน ข้าขอโทษนะ”แม้ฟังดูแล้วให้รู้สึกว่าเป็นแค่น้ำเสียงออดอ้อนฉอเลาะ คล้ายแค่เอาใจเหมือนที่สตรีอื่นชอบทำ แต่จ้าวหมิงกลับสะท้านไหวอยู่ในอกแกร่งอย่างที่สุด เพราะรูปประโยคเยี่ยงนี้เคยมีที่ใด “เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?”