แน่นอนว่าเมื่อเธอกล่าวจบ ทั้งโต๊ะก็พลันเงียบลงในทันที
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เถ้าแก่เนี้ยคนงามจะออกปากกล่าวเชิญชวนบุรุษก่อน ใครๆก็รู้ว่าแม่สื่อมาที่นี่แทบทุกวันเพื่อมาสู่ขอเถ้าแก่เนี้ยให้กับบรรดาคุณชายในตระกูลต่างๆ และแน่นอนแม่สื่อทุกนางต่างถูกปฏิเสธ เถ้าแก่เนี้ยผู้งดงาม เอ่ยปากชวนท่านแม่ทัพหนิงไปร่ำสุรา..เป็นการส่วนตัวเนี่ยนะ!! ราวกับว่าหนิงหลงพอจะเดาได้ ว่าผู้คนในร้านกำลังคิดเช่นไร เขาก้มหน้าลงไปเพื่อกระซิบที่ข้างหูของเย่วเล่ออย่างแผ่วเบา "...ไม่มีทาง" ความใจแข็งของเจ้าทึ่มคนนี้ ไม่มีสิ่งใดเกินเลยจริงๆ แต่ทว่าเธอกลืนกินวิญญาณของเขามาบางส่วนแล้ว คงจะมีแต่ต้องใช้ไม้แข็งกับเขาเสียแล้ว "เช่นนั้นก็ได้แต่รอวันที่ท่านแม่ทัพ จะให้โอกาสข้านะเจ้าคะ" เธอกล่าวขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อกล่าวอำลา เย่วเล่อลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปทักทายแขกโต๊ะต่างๆด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม "อ่า..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะเชิญท่านแม่ทัพไปร่ำสุรานะขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปจัดหาวันว่าง..." "ใครบอกเจ้าว่าข้าจะไป อาหารที่นี่เลิศรสยิ่ง เอาไว้เจ้ามาซื้อไปให้ข้าทานที่ค่ายทหารบ่อยๆก็แล้วกัน หากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆข้าจะไม่มีทางมาที่นี่อีก..." หลังจากกล่าวจบหนิงหลงก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินจากไป เย่วเล่อมองเขาลุกออกไปด้วยหางตาพร้อมกับยกยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องและในค่ำคืนนี้ หูของเย่วเล่อได้ยินเพียงเสียงฝนตกเท่านั้น เธอหยิบสุราที่ขโมยมาจากอาเหยาขึ้นมาดื่ม พร้อมกับมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง "ปัง!!" เสียงประตูถูกเปิด..อันที่จริงควรจะเรียกว่าถูกถีบมากกว่า พร้อมกับใบหน้าที่เหนื่อยหอบของหนิงหลง เขาถอดเสื้อฟางกันฝนออกก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ คมดาบที่แหลมคมถูกยกขึ้นมาจ่อที่คอของเย่วเล่อ เย่วเล่อมิได้แปลกใจกับท่าทีของเขา เธอไม่แม้แต่จะชายตามองเขาด้วยซ้ำ "ข้าชวนท่านร่ำสุราดีๆท่านกล่าวปฏิเสธ แต่กลับบุกเข้ามาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแม่ทัพหนิง?" "เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่ สิ่งที่อยู่ในหัวนี้คืออันใด" เขารู้สึกแปลกๆเมื่อล้มตัวนอนลง เพราะหัวใจมันเต้นแรงมากกว่าปกติ อีกทั้งในหัวก็คิดถึงแต่ใบหน้าอันงดงามของเย่วเล่อ คิดแต่ว่าอยากจะสัมผัสและ..โอบกอดนางเอาไว้ เมื่อช่วงเย็นนางจะต้องทำอะไรสักอย่างกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะหลอนขนาดนี้อย่างแน่นอน "ข้าบอกไปแล้วว่าข้ากลืนกินวิญญาณของท่านไปกว่าครึ่ง ในขณะที่ข้ากลืนกินวิญญาณของท่านเข้าไป ข้าก็ได้ใส่พลังวิญญาณของข้าเข้าไปในร่างกายของท่านแทน เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะโหยหาและคิดถึงแต่ข้า" เธอใช้มือปัดดาบของเขาออกไปพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเขา นิ้วมือที่เรียวยาวของเย่วเล่อบรรจงเช็ดหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนหน้าของหนิงหลงช้าๆ "เอามันออกไปเดี๋ยวนี้ วิญญาณอะไรของเจ้าน่ะ?" ในใจอยากจะถามออกมาว่าทำไมถึงต้องเป็นเขา ทำไมคนที่เธอมาคอยตามรังควานมันจะต้องเป็นเขาด้วย เขาแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขเท่านั้นเอง เธอเห็นแววตาเจ็บปวดของเขา นั่นทำให้ในใจเกิดเป็นความสุขเล็กๆขึ้นมา นี่คือบุรุษที่ไม่มีวันหลงใหลไปกับรูปลักษณ์อันงดงามนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีวันรักเธอ เราจะไม่รักกัน... เธอสามารถเล่นสนุกกับเขาได้เต็มที่และพอถึงเวลา เราต่างก็จะเดินจากกันไปราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่เสียใจไม่ผูกพัน "ข้าอ่อนแออยู่ จึงไม่สามารถนำพาจิตวิญญาณของข้า ออกมาจากร่างกายของเจ้าได้ เรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย" "ข้าอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยไว.." "เช่นนั้นก็นอนกับข้าสิ ถึงเวลานั้นที่เราทั้งสองต่างเผลอไผลข้าจะดึงจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในตัวของเจ้าออกมาเอง" เธอกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วมือไล้ไปตามเสื้อที่เปียกชื้นของเขา เพราะไม่อยากสร้างความผูกพันเย่วเล่อจึงปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับบุรุษมาหลายปีแล้ว ในเมื่อมีคนที่ไม่มีทางรักเธอยืนอยู่ตรงหน้า เช่นนั้นเธอก็สามารถทำทุกอย่างที่อยากทำโดยไม่ต้องมาคำนึงถึงตอนแยกจาก "ล้อเล่นอยู่รึไง?" เขาถอดเสื้อตัวนอกออกไปพาดเอาไว้ที่หน้าต่างก่อนจะปิดประตูห้องของเธอลงในทันที "ช่างน่าเศร้าที่ความจริงใจของข้า ในสายตาของเจ้ามันคือการล้อเล่น..." "เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาก็เพราะว่าอยู่ๆเจ้ามาจุมพิตข้า.." หนิงหลงชะงักเล็กน้อย ในเมื่อเรื่องราวมันเกิดขึ้นมาจากการจุมพิต เช่นนั้นหากเขา...ทำมันอีกครั้งล่ะ ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า? เขาเดินเข้าไปหาเย่วเล่อ ส่วนเธอก็เดินถอยหลังจนแผ่นหลังติดกำแพง หนิงหลงก้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นไปเพื่อรอรับจุมพิตที่หวานล้ำจากเขา เย่วเล่อรู้สึกได้เลยว่าเสื้อผ้าของเธอมันกำลังเปียกเพราะหนิงหลงบดเบียดร่างกายของเขาเข้ามา พร้อมกับรวบมือของเธอเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว น่าแปลกที่ในตอนแรกเป็นเธอที่เข้าหาเขา แต่ทว่าในยามนี้กลับเป็นเขาที่เป็นฝ่ายกำลังเข้าหาเธอแทน เรียวลิ้นของเขารุกล้ำเข้ามาพร้อมกับลมหายใจที่อุ่นร้อน เสียงฝนด้านนอกยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าบรรยากาศในห้องนี้กลับร้อนระอุ เขาผละออกจากริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบาและเชื่องช้า ดูเหมือนว่ามันนะไม่ได้ผลเพราะว่าในหัวของเขาตอนนี้ยังคงต้องการเธออยู่เลย เขาปล่อยให้มือของเธอเป็นอิสระแต่ทว่าเย่วเล่อไม่ยอมให้เขาเป็นอิสระ เธอโอบคอของเขาเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เขาเดินจากไป "ครั้งเดียวไม่ได้ผลหรอกหนิงหลง...เรื่องเช่นนี้จะต้องทำให้มากถึงจะได้ผล" เขายกมือขึ้นมาเช็ดที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา "ครั้งนี้จะทำอะไรข้าอีก จะดูดกลืนวิญญาณหรือทำให้ข้าลุ่มหลง..." "ผิดแล้ว เพราะว่าในครั้งนี้ข้าจะทำให้สายตาของเจ้ามองมาที่ข้าเพียงผู้เดียว" เธอเคยชินกับการได้ดั่งใจ และหนิงหลงต้องเป็นไปตามที่เธอคาดหวังเอาไว้ เขาเดินทางมาจากเมืองหลวงนั่นหมายความว่าเขาจะต้องเดินทางกลับไปที่นั่นในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน คนที่เธอต้องการมันคือหนิงหลงจริงๆ ความรักมันเจ็บปวดและเธอไม่คิดจะเอาหัวใจดวงนี้ไปผูกเอาไว้ที่คนอื่นอีกแล้ว เย่วเล่อตั้งใจว่าเธอจะขอเล่นสนุกกับชายผู้นี้ไปจนกว่าเราทั้งสองคนจะเบื่อกันและกัน คงจะดีหากว่า..เขามาเร็วกว่านี้อีกหน่อยนี่คืองานแต่งที่ทวยเทพทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนมาร่วมยินดี งานแต่งของมหาเทพบรรพกาล กับเทพจิ้งจอกผู้งดงามราวกับภาพวาดแน่นอนว่ามู่หยางจัดงานอย่างยิ่งใหญ่โดยครั้งนี้เขามิได้คำนึงถึงฤกษ์มงคลใดๆ เขาจัดงานในทันทีที่อาการของเยว่เล่อดีขึ้น ยามนี้นางคือภรรยาของเขาอย่างแท้จริงและพวกเรากำลังอยู่ที่หุบเขาแห่งเซียน เขารู้ดีว่าภรรยาชื่นชอบที่นี่ จึงมิคิดพานางไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้า "ภรรยาเจ้าติดค้างคืนเข้าหออยู่นะ..."เยว่เล่อหัวเราะเบาๆท่านเทพบรรพกาลผู้นี้จับเธอกินจนแทบมิเหลือเรี่ยวแรงในทุกค่ำคืน ยามนี้เธอเหนื่อยล้ากับการต้อนรับเทพที่มาร่วมยินดีเขาจะมิวายจะรังแกเธออีกอย่างนั้นหรือ"ท่านพี่ควรจะให้ข้าได้พักบ้าง"มู่หยางหัวเราะเบาๆ เขาอุ้มเยว่เล่อขึ้นมาวางเอาไว้บนเตียง"วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมอาเหยา ที่โรงเตี๊ยมนั่นของทุกอย่างที่เจ้าเคยใช้ อาเหยายังคงเก็บเอาไว้ให้เป็นอย่างดี..."เยว่เล่อส่งยิ้มจางๆให้สามี อาจจะเพราะเรานั้นอยู่ที่โลกมนุษย์มานาน คำเรียกขานเช่นนี้จึงสบายใจยิ่งกว่าการเรียกขานที่ห่างเหินอย่างที่พวกเซียนชอบกล่าวเธอคือภรรยาและเขาคือสามี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มิต้องการสิ่งใดที่ยุ่งย
หิมะโปรยปรายลงมาพร้อมกับเยว่เล่อที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เธอยกมือขึ้นมาเพื่อรอรับหิมะที่ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของหนิงหลงนั้นสลายหายไปในอากาศเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าพลังเซียนของเธอนั้นอ่อนแอลงจนไม่สามารถคงสภาพของเขาเอาไว้ได้ เธอยังคงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเขาทุกคืนก่อนนอน ถึงแม้ผิวกายของเขาจะเย็นเฉียบก็ไม่เป็นไร เธอยังคงพูดคุยกับเขาราวกับว่าเขายังอยู่ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะสูญสลายไปแล้ว...การมีชีวิตอยู่โดยไร้ท่านมันทรมานเหลือเกินหนิงหลง ข้าร่ำร้องขอความตายจากสวรรค์ในทุกค่ำคืนเผื่ออย่างน้อยที่ปลายทางมันจะมีท่านยืนรออยู่และแล้ววันที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึงในวันที่พลังเซียนของเธอกำลังจะหมดลง อายุขัยที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุด เยว่เล่อสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา เธอแต่งหน้าและแต่งตัวให้งดงามกว่าทุกวันเพื่อในยามที่ได้พบเจอหนิงหลง เธอจะได้งดงามที่สุดในสายตาของเขาเธอกำลังนั่งรอความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆให้หิมะพวกนี้ฝังกลบร่างของเธอเอาไว้ ร่างของสาวงามพลันหายไปเหลือเพียงแต่ร่างจิ้งจอกที่มีขนสีขาวกลมกลืนไปกับหิมะที่นอนหายใจรวยรินอยู่มารับข้าไปได้แล้ว.
ไร้สิ้นลมหายใจ หัวใจที่เคยเต้นแรงในยามที่โอบกอดเธอเอาไว้ ยามนี้มันไม่เต้นอีกแล้วปราณเซียนของเธอที่แบ่งให้เขาเอาไว้ถึงครึ่งบัดนั้นมันแตกสลายไปหมดแล้ว เธอมาช้าเกินไป เพราะมัวแต่ร้องไห้เสียใจอยู่ตรงนั้นจึงไม่ได้มาทันล่ำลากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตาเพราะกับร่างกายที่สั่นเทา เยว่เล่อยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนที่นางจะลุกขึ้น "ใคร...ใครเป็นคนฆ่าเขา?" เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเมื่อถามถึงว่าใครกันที่สามารถล้มแม่ทัพหนิงผู้เกรียงไกรได้ ตามแขนและคอของหนิงหลงมีรอยเชือกแสดงว่าคนพวกนี้คงจะมัดมือมัดแขนของเขาเอาไว้หรืออาจจะมีการใช้ใครสักคนต่อรองเพื่อให้เขาวางอาวุธลง... แล้วยอมจำนน ไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นเพราะว่าเธอจะฆ่าให้หมด...จะนำเลือดของคนพวกนี้มาล้างเท้าให้หนิงหลงเสียให้หมดทุกคน มีมือมาแตะที่ไหล่ของเยว่เล่อ พอเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาเหยา "ในใจเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมา ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเถ้าแก่เนี้ยจะต้องมีเรื่อง...ถ้าท่านจะจัดการคนพวกนี้ ให้ข้าน้อยเป็นผู้กระทำเถิดนะขอรับ" เพราะเยว่เล่อเป็นเซียน อีกทั้งนางสูญเสียพลังเซียนไปกว่าครึ่ง ทุกๆการใช้พลังของเทพจิ้งจอกอ
หนิงหลงหรี่ตามองนักดนตรีผู้หนึ่งที่กำลังตีกลองอยู่ เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมาที่เขานั้นมันแตกต่างจากคนอื่นเพราะนางมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เจือปนไปด้วยความโกรธ ส่วนนางรำนางอื่นๆต่างมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เย้ายวนอ่า..เขาคิดว่าเขาพบเจอภรรยาตัวเองแล้วล่ะนะ"หลิงหยุนวันนี้ข้าพบเจอสตรีที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้วล่ะสิ...""...มีสตรีใดที่งดงามมากกว่าภรรยาของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ? บ้าไปแล้วหนิงหลง"หนิงหลงยกมือขึ้นเพื่อให้การแสดงหยุด เขาเดินเข้ามาหานักดนตรีสาวที่กำลังนั่งตีกลองอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปหานาง"เจ้าบรรเลงเพลงได้ถูกใจข้ายิ่งนัก แน่นอนว่าข้าอยากจะฟังฝีมือในการบรรเลงเพลงของเจ้าให้ชัดเจนกว่านี้..ลุกขึ้นมาเถิด"เยว่เล่อถึงกับหน้าชา นางมิรู้ว่าสามีล่วงรู้ถึงตัวตนของนางหรือว่าเขาเพียงแค่แสดงท่าทางเจ้าชู้ไปเรื่อยแล้วมันบังเอิญที่เขาเลือกนักดนตรีนางนี้...ที่นางปลอมตัวมาเขาเดินจับจูงมือของนางเพื่อจะพาไปด้านนอกกระโจมจัดเลี้ยงเพราะเวลานี้เป็นเวลาดึกมาแล้ว ใจจริงของหนิงหลง เขานั้นอยากจะหาเหตุผลออกไปจากที่นี่อยู่พอดี"ซุกซนเกินไปแล้วภรรยา เจ้าคิดว่าสามีจะจดจำเจ้ามิได้อย่างนั้นหรือ?"เยว่เล่อเม้มปา
หนิงหลงกระโดดขึ้นม้า เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฟางเซียนในขบวน เราจะไปตั้งค่ายกันที่ใกล้สนามรบมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนักแต่ทว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่นางจะต้องตามไป"คือว่าข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ให้ข้าได้ทำประโยชน์เพื่อทหารกล้าทุกนายที่ช่วยเหลือข้าเถอะนะ"ฟางเซียนรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หนิงหลง เพราะเขามองมาที่นางด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นางรู้ฟางเซียนรู้ดีว่าหนิงหลงนั้นเป็นห่วงนาง เขาไม่อยากให้นางไปที่สนามรบเพราะเขาหวาดกลัวว่านางจะเป็นอันตราย ที่เขามองมานั่นก็เพราะว่าเป็นห่วงนางรับรู้ได้จากแววตาที่โมโหของเขา"อย่าทำพลาดเพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จำให้มั่นว่าเจ้าจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้""รู้แล้วน่า ข้ามิใช่คนโง่ไม่ต้องมาสั่ง!"ฟางเซียนกล่าวกับชูชางเสียงต่ำที่พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุดเพราะนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ว่านางและแม่ทัพชูรู้จักหรือว่าสนิทกันทุกคนควรจะรับรู้ว่านางและแม่ทัพหนิงต่างหากที่รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีฟางเซียนยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเดินตามขบวนทหาร..."นายหญิงก็เห็นใช่หรือไม่ สตรีผู้นั้นไม่น่าวางใจสักนิด เราควรจะตามไ
ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อย นางเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอทานอาหารพร้อมกันกับพวกทหารมากมายแน่นอนว่านางได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะมีใบหน้าที่งดงาม แถมหนิงหลงยังประกาศว่านางคือลูกสาวของตระกูลฝูอีกด้วย แน่นอนว่าความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวเพราะท่านพ่อนั้นเป็นถึงเสนาบดี "ข้าคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน"ชูชางนั่งลงตรงข้ามฟางเซียน พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มิได้สนอกสนใจใบหน้านี้เลย...เช่นนั้นบุรุษผู้นี้สนใจสิ่งใดกันล่ะ ถ้ามิใช่สนใจในตัวนาง ถ้าจำไม่ผิดฟางเซียนคิดว่าเธอเห็นเขาเดินตามสตรีชุดแดงมาเมื่อตอนบ่าย เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน เธอเริ่มมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นแล้วชายผู้นี้จะต้องหลงรักว่าที่ภรรยาของหนิงหลงเป็นแน่ฟางเซียนยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนจอกสุราไปให้เขา"ความรักนั้นน่าตลก...""สำหรับข้ามันมิได้น่าขำสักนิดเพราะว่าข้านั้นพร้อมจะแลกทุกอย่าง..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง"ความงามขนาดนี้ไม่แปลกใจจริงๆที่ชายผู้นั้นจะแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เพียงแต่มันน่าสนใจเพราะว่าเธอเองก็อยากได้หนิงหลง.. เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าเขาจะ