เสียงประทัดดังขึ้นที่หน้าจวนซ่านเต๋อโหว เพื่อเฉลิมฉลองงานวิวาห์ของเฟิงอ๋องกับคุณหนูรองตระกูลฉิน เศษประทัดลอยไปมาในอากาศ ก่อนจะตกลงบนหลังคาและพื้นซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นชั้น ๆ สร้างความสวยแปลกตา เพิ่มความเป็นสิริมงคล
ประตูด้านหน้าของจวนถูกเปิดออกกว้าง แขวนประดับด้วยโคมไฟและผ้าไหมสีแดง บรรยากาศหน้าจวนมีแต่ความครึกครื้น ขณะที่ขบวนเจ้าบ่าวใกล้จะมาถึง
ภายในเรือนเหมยฮวาก็กำลังชุลมุนไม่ต่างกัน ฉินเจียวเยี่ยนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงานการแต่งหน้าของเสี่ยวหง และที่นางดีใจยิ่งกว่า คือ การได้แต่งหน้าในวันสำคัญด้วยเครื่องสำอางที่คุ้นเคย
อย่างไร วันนี้ นางก็ต้องเป็นเจ้าสาวที่งามที่สุดในเมืองหลวงอย่างแน่นอน
สายตาของฉินเจียวเยี่ยนมีแต่ความกระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจ นางหันซ้ายหันขวาชื่นชมความงามของตนเองอย่างลำพอง ท่ามกลางการกลอกตามองบนของเสี่ยวหง
เจ้าจะแต่งหน้าสวยไปไย สุดท้ายก็ต้องคลุมหน้า ไม่มีผู้ใดเห็นอยู่ดี...
“หวีผมจนสุดปลาย หวีแรกได้คู่สมใจหมาย หวีสองได้ครองรักนิรันดร์กาล หวีสามให้ลูกหลานเต็มบ้าน หวีสี่ให้พ
เสียงประทัดดังขึ้นที่หน้าจวนซ่านเต๋อโหว เพื่อเฉลิมฉลองงานวิวาห์ของเฟิงอ๋องกับคุณหนูรองตระกูลฉิน เศษประทัดลอยไปมาในอากาศ ก่อนจะตกลงบนหลังคาและพื้นซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นชั้น ๆ สร้างความสวยแปลกตา เพิ่มความเป็นสิริมงคลประตูด้านหน้าของจวนถูกเปิดออกกว้าง แขวนประดับด้วยโคมไฟและผ้าไหมสีแดง บรรยากาศหน้าจวนมีแต่ความครึกครื้น ขณะที่ขบวนเจ้าบ่าวใกล้จะมาถึงภายในเรือนเหมยฮวาก็กำลังชุลมุนไม่ต่างกัน ฉินเจียวเยี่ยนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงานการแต่งหน้าของเสี่ยวหง และที่นางดีใจยิ่งกว่า คือ การได้แต่งหน้าในวันสำคัญด้วยเครื่องสำอางที่คุ้นเคยอย่างไร วันนี้ นางก็ต้องเป็นเจ้าสาวที่งามที่สุดในเมืองหลวงอย่างแน่นอนสายตาของฉินเจียวเยี่ยนมีแต่ความกระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจ นางหันซ้ายหันขวาชื่นชมความงามของตนเองอย่างลำพอง ท่ามกลางการกลอกตามองบนของเสี่ยวหงเจ้าจะแต่งหน้าสวยไปไย สุดท้ายก็ต้องคลุมหน้า ไม่มีผู้ใดเห็นอยู่ดี...“หวีผมจนสุดปลาย หวีแรกได้คู่สมใจหมาย หวีสองได้ครองรักนิรันดร์กาล หวีสามให้ลูกหลานเต็มบ้าน หวีสี่ให้พ
ฉินเจียวเยี่ยนร่อนเอวไปมาตามจังหวะปลายนิ้ว มือเล็กขยำผ้าปูเตียงเพื่อระบายอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า ดวงตาจิ้งจอกหลับพริ้มเพื่อสะกดอารมณ์“เจ้าไม่อยากรู้แล้วรึ ว่าเหตุใดข้าจึงหาเจ้าเจอ?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ยั่วยวนให้ฉินเจียวเยี่ยนต้องลืมตาขึ้นมามองอึก เสียวจัง ตะ แต่ก็อยากรู้...“ยะ อยากสิเพคะ อ่า”เซียวชิงเฟิงโน้มตัวไปคร่อมร่างเล็ก กักขังฉินเจียวเยี่ยนไว้ใต้ร่าง พร้อมทั้งขยับปลายนิ้วแทรกกระแทกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง“หลังจากที่ข้าทำให้ฉินเยี่ยนฟางสลบไป ข้าจึงได้รู้ว่า ประตูถูกคล้องกุญแจจากด้านนอก มีคนจงใจขังข้าไว้กับฉินเยี่ยนฟาง”ฉินเจียวเยี่ยนกัดฟันเอ่ยถามขึ้น “ละ แล้วท่านออกมาได้อย่างไร?”“ข้าหนีออกมาทางหน้าต่าง”ฉินเจียวเยี่ยนแทบสำลักน้ำลายกับทางออกที่ไม่คาดคิดของเฟิงอ๋อง “...”หลี่ชิงหง ช่างน่าสงสารนัก...วางแผนขังท่านอ๋องเสียดิบดี ปิดตายประตู แต่ไม่ได้ปิดตายหน้าต่าง...“เมื่อข้าออกมาจากตำหนักข้าง ตง
ครั้นฉินเจียวเยี่ยนกลับถึงเรือนเหมยฮวา ชุนเถาและชุนหลิ่วก็ช่วยนางล้างหน้าล้างตาทำความสะอาด เปลี่ยนเป็นชุดนอนสบายตัว ก่อนจะถอยร่นออกจากเรือนอย่างรู้งานไม่นาน บานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ก็มีเงาดำสายหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างอุกอาจ ร่างสูงโปร่งคุ้นตาปิดประตูหน้าต่างให้อย่างมิดชิด“ท่านแม่กล่าวว่า พรุ่งนี้ ยามเฉินจะมาช่วยหม่อมฉันเย็บชุดเจ้าสาวนะเพคะ”เซียวชิงเฟิงเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ข้าก็ส่งชุดเจ้าสาวให้เจ้าแล้วอย่างไร เหตุใดจึงต้องมาเย็บชุดเจ้าสาวอีกเล่า?”“ท่านแม่ปลาบปลื้มเป็นยิ่งนักที่หม่อมฉันได้อภิเษกเข้าจวนท่านอ๋อง” ฉินเจียวเยี่ยนอธิบายอย่างใจเย็น “ส่วนหม่อมฉันซึ่งเป็นบุตรกตัญญู ย่อมไม่อาจหักใจบอกท่านแม่ได้ว่า ท่านอ๋องได้จัดเตรียมชุดเจ้าสาวให้หม่อมฉันแล้วเพคะ”“ประเดี๋ยวในวันแต่ง แม่เจ้าก็ต้องทราบอยู่ดี ว่าชุดที่เจ้าสวมนั้นมิใช่ชุดที่แม่เจ้าช่วยเย็บ”“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลใจไปเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนยกยิ้มกว้าง “เพราะฝีมือการเย็บผ้าของหม่อมฉันกับท่านแม่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใ
“ไม่!!” เซียวชิงเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อนึกถึงเสี่ยวหงที่ตั้งใจวางแผนให้เขารับฉินเยี่ยนฟางเป็นพระชายารอง รังสีสังหารแผ่ซ่านอีกครั้ง จนฉินเจียวเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังสัมผัสได้นางลอบอมยิ้มอย่างชอบใจ จึงได้หยอกล้อ “แต่ถ้าท่านอ๋องต้องการ หม่อมฉันก็ไม่ขัดข้องหรอกนะเพคะ”เซียวชิงเฟิง “???”“เพราะถ้าหากท่านอ๋องรับอนุเข้าจวนจริง ๆ หม่อมฉันก็จะไปหาความสุขที่หอนางโลมของท่านอ๋องแทน”“เจ้าจะไปหาความสุขที่หอนางโลมของข้าได้อย่างไร? ให้นางเหล่านั้นนวดให้รึ?” เซียวชิงเฟิงถามอย่างสงสัย เพราะอย่างไร เขาก็ไม่เข้าใจความคิดของคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย“หม่อมฉันก็จะเปลี่ยนนางโลมในหอเป็นบุรุษหนุ่มน้อยแทนอย่างไรเล่าเพคะ?” เสียงหวานเจื้อยแจ้วอย่างไม่เกรงกลัว “เหตุใดจึงมีเพียงบุรุษไปหอนางโลม ซื้อความสุขนอกจวนได้ สำหรับสตรีที่ออกเรือนแล้ว หากสามีไม่สามารถทำให้มีความสุขได้ ก็ควรจะสามารถออกไปหาความสุขนอกจวนได้เช่นกันสิเพคะ”เซียวชิงเฟิง “...”“หม่อมฉันจึงคิดว่า หา
หลี่ชิงหง… ไม่สิ ตอนนี้เหลือเพียงเสี่ยวหงแล้วเสี่ยวหงเดินมุ่งหน้าไปทางตำหนักข้าง เพื่อเฝ้าดูแลฉินเยี่ยนฟางตามแผนการเดิมที่วางไว้เซียวชิงเฟิงจึงได้เดินเข้ามาช่วยประคองฉินเจียวเยี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วพานางเดินออกมา“ท่านได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนเงยหน้าถามด้วยดวงตาไร้เดียงสาเซียวชิงเฟิงครางในลำคอเบา ๆ “อืม”ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอ “ท่านไม่สงสัย หรืออยากถามสิ่งใดเลยหรือเพคะ?”“แล้วเจ้าอยากให้ข้าถามสิ่งใด?” มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกสูง ดวงตาคมทอประกาย“ก็... พวกเจ้าคุยสิ่งใดกัน? มาจากที่ใด? ประมาณนี้เพคะ”“คนทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง หากสะดวกใจที่จะบอก เจ้าก็คงบอกข้าเอง แต่หากเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะช่วยเจ้าปิดจนสุดความสามารถ”ฉินเจียวเยี่ยน “???”เหตุใดจึงรู้สึกว่า ประโยคนี้ มันคุ้น ๆ หูกันนะ?เซียวชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือไปแตะปลายจมูกโด่งนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นคนพูดน
ฉินเจียวเยี่ยนนั่งยิ้ม นึกถึงเงินทองที่กำลังจะไหลเข้ากระเป๋าแล้วก็ยิ้มไม่หุบ ต่างจากอีกคนที่ยิ้มไม่ออก แม้ว่า เครื่องสำอางในมิติของหลี่ชิงหงจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาอัตโนมัติ โดยที่เธอเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่อย่างไร ก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกหลอกใช้ หรือต้องทำงานฟรี ๆ แบบนี้อีกแล้วชาติที่แล้ว ก็แต่งหน้าใช้หนี้บุญคุณตากวงหัวล้าน ข้ามมิติมาเกิดใหม่ ยังต้องเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางให้ยัยดาราโนเนมนี่อีก...หลี่ชิงหงแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าอย่างชัดเจน ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนหลุดขำออกมาฉินเจียวเยี่ยนที่มีความใฝ่ฝัน อยากทำสิ่งใดด้วยตนเองมาโดยตลอด เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจความคิดน้อยใจของหลี่ชิงหง? เพียงแต่ฉินเจียวเยี่ยนอยากเอาคืนหลี่ชิงหงบ้างก็เท่านั้น“เธอสนใจอยากเป็นหุ้นส่วนกับฉันไหมล่ะ?”หลี่ชิงหงเงยหน้าขึ้นมองหน้าฉินเจียวเยี่ยนทันที “เธอจะให้ฉันเป็นหุ้นส่วนเหรอ?”“ถ้าเธอไม่สนใจ ก็ไม่ปะ...”“สนสิ สน สน ฉันอยากเป็นหุ้นส่วนด้วย” หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงักราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือกหากได