เสียงอุทานของเซียวฮูหยินดังขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เหตุใดท่านพี่จึงกล่าวเช่นนั้น นี่หมายความว่าสตรีนางนี้คือฮวาเอ๋อร์อย่างนั้นรึ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่เชื่อเป็นแม่นมั่น”เซียวฮูหยินเอ่ยคัดค้านสุดกำลัง พร้อมใช้นิ้วสะกิดมือบุตรสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ให้สนับสนุนนางพลางถลึงตาบังคับไปพร้อมกัน ครั้นไป๋จูเห็นเช่นนั้นก็มิอาจขัดคำสั่งมารดาของนางได้ จำต้องเอ่ยเสียงสนับสนุนออกไป “ข้าก็เช่นกันท่านพ่อ! ขะ....”ยังมิทันที่นางจะกล่าวจนจบประโยค ปัง! ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องหนังสือ “เจ้าสองคนแม่ลูกจงหุบปากเดี๋ยวนี้! ข้าสั่งให้ทำสิ่งใดจงทำตามคำสั่งก็เพียงพอ อย่ามาหาญกล้าคัดค้านคำสั่งของข้าเป็นอันขาด นี่ขนาดข้ายังไม่ตายพวกเจ้าสองคนยังกล้าออกความเห็นคัดค้านถึงเพียงนี้!”ไป๋อวี้ตวาดกลับไปเสียงดังกระหึ่มพร้อมจ้องหน้าฮูหยินของตนเขม็ง ในขณะที่สองคนแม่ลูเสียงอุทานของเซียวฮูหยินดังขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินเช่นนั้น “เหตุใดท่านพี่จึงกล่าวเช่นนั้น นี่หมายความว่าสตรีนางนี้คือฮวาเอ๋อร์อย่างนั้นรึ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่เชื่อเป็นแม่นมั่น”เซียวฮูหยินเอ่ยคัดค้านสุดกำลัง พร้อมใช้นิ้วสะกิดมือบุตรสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ให้สนับสนุนนางพลางถลึงตาบังคับไปพร้อมกัน ครั้นไป๋จูเห็นเช่นนั้นก็มิอาจขัดคำสั่งมารดาของนางได้ จำต้องเอ่ยเสียงสนับสนุนออกไป “ข้าก็เช่นกันท่านพ่อ! ขะ....”ยังมิทันที่นางจะกล่าวจนจบประโยคปัง! ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องหนังสือ“เจ้าสองคนแม่ลูกจงหุบปากเดี๋ยวนี้! ข้าสั่งให้ทำสิ่งใดจงทำตามคำสั่งก็เพียงพอ อย่ามาหาญกล้าคัดค้านคำสั่งของข้าเป็นอันขาด นี่ขนาดข้ายังไม่ตายพวกเจ้าสองคนยังกล้าออกความเห็นคัดค้านถึงเพียงนี้!”ไป๋อวี้ตวาดกลับไปเสียงดังกระหึ่มพร้อมจ้องหน้าฮูหยินของตนเขม็งในขณะที่สองคนแม่ลู
เรือนหยกเขียวร่างระหงของไป๋หลันฮวาก้าวไปตามทางเดินที่ทอดยาวมุ่งหน้าไปเรือนหยกเขียว อันเป็นสถานที่พำนักใหม่ของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจวน และเธอคาดเดาว่าน่าจะเป็นสถานที่เดียวกับเรือนมรกตซึ่งอยู่ในคฤหาสน์ของจวนสกุลไป๋ในยุคปัจจุบัน หญิงสาวเดินฮัมเพลงไปตลอดทางอย่างอารมณ์ดี“นั่นเจ้าคือผู้ใดกัน!บังอาจก้าวล่วงเดินมาถึงตัวเรือนชั้นใน!”เสียงตวาดเอ็ดอึงดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังเป็นเหตุให้ร่างงามหยุดชะงักขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ใครวะ! ถือดีอย่างไงบังอาจตวาดคนอย่างไป๋หลันฮวากันห๊ะ!”หญิงสาวตวาดสวนกลับไปทันทีเช่นกันพร้อมหันหลังกลับไปมองคู่กรณีของเธอที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ในขณะนี้ทันใดและทันทีที่หญิงสาวหันกลับมาเผชิญหน้ากับคู่กรณีเพล้ง!ตุบ!ตุบ! ข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในวงแขนของสตรีสองนางร่วงหล่นลงไปกับพื้นโดยพลัน ทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอสร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวครั้นเห็นอาการของทั้งสองแสดงออกมาเช่นนั้น“เอ้า!อะไรกันเนี่ยพอเห็นหน้าก็เหมือนกับว่าเห็นเราเป็นผีไปได้”ห
เสียงอุทานของเซียวฮูหยินบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตกใจมากมายเพียงใดกับสิ่งที่นางเพิ่งจะได้รับรู้ รวมไปถึงไป๋จูธิดาของนางก็มีอาการตกใจไม่แพ้คนเป็นแม่เช่นเดียวกันในขณะที่ไป๋อวี้ถึงกับชะงักงันครั้นได้ยินรับสั่งองค์ชายจากแคว้นถัง ดวงตาดำคู่ใหญ่มองใบหน้างดงามของไป๋หลันฮวา ซึ่งเป็นบุตรีคนโตของตนด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ได้เห็นโฉมหน้าอันปราศจากปานแดงลุกลามดั่งที่เคยเป็น “องค์ชายทรงมีรับสั่งล้อเล่นกระหม่อมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ฮวาเอ๋อร์นางมิได้มีรูปโฉมงดงามประดุจดั่งเทพสตรีดั่งเช่นแม่นางผู้นี้แม้แต่น้อย เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะที่จะเป็นธิดาคนโตของกระหม่อม”ไป๋อวี้กราบทูลปฏิเสธเสียงแข็งกลับไปทันใด พร้อมเสียงสนับสนุนคัดค้านเอ่ยแทรกตามมาติดๆ “ท่านพี่กล่าวถูกต้องแล้ว ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ว่าแม่นางผู้นี้งดงามดุจดั่งเทพสตรีบนสรวงสวรรค์ช่างแตกต่างกับฮวาเอ๋อร์ของพวกเราราวฟ้ากับดิน อีกทั้งเป็นถึงพระขนิษฐาบุญธรรมขององค์ชายแห่งต้าถังต้องมิใช่นางอย่างแน่นอน”เซียวฮูหยินกล่าวพร้อมร
ภายในห้องหนังสือ“อะไรนะ!ฮวาเอ๋อร์ถูกพิษดอกโครงกระดูกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เสียงไป๋อวี้เอ่ยออกมาด้วยความตกใจครั้นได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากองค์ชายเนี่ยนเจิน“ถูกต้องแล้วท่านแม่ทัพ บุตรีของท่านถูกลอบวางยาพิษดอกโครงกระดูก ซึ่งมีผลแบบค่อยเป็นค่อยไปตามที่ข้าเล่าให้ท่านฟัง”“แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างนั้นรึ”ไป๋อวี้พึมพำออกมาเบาพร้อมสุรเสียงขององค์ชายหนุ่มมีรับสั่งขึ้น“ดอกโครงกระดูกที่ว่านี้ จะพบเห็นได้ตามป่าเขาในแถบหนาวเย็น เป็นดอกไม้สีขาวเล็กๆ ซึ่งดอกไม้นี้ ซุกซ่อนความอัศจรรย์ไว้ที่กลีบอันบอบบาง ยามถูกหยาดน้ำประพรมชุ่มฉ่ำ เม็ดสีขาวในกลีบดอกจะสลายตัวไป เปลี่ยนกลีบดอกเล็กๆ ให้กลายเป็นเยื่อบางใส และการที่มันโปร่งบางจนเห็นเส้นใยโครงร่างของกลีบชัดเจนเช่นนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่าโครงกระดูก และเมื่อหยาดน้ำระเหยแห้งไปหมดแล้ว กลีบดอกน้อยๆนี้ก็จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวกลับขึ้นมาตามเดิม”ไป๋อวี้พนักหน้าขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเช่นนั้น“แล้วส่งผลออกมาเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ เท่
เสียงอุทานของเซียวฮูหยินบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตกใจมากมายเพียงใดกับสิ่งที่นางเพิ่งจะได้รับรู้ รวมไปถึงไป๋จูธิดาของนางก็มีอาการตกใจไม่แพ้คนเป็นแม่เช่นเดียวกันในขณะที่ไป๋อวี้ถึงกับชะงักงันครั้นได้ยินรับสั่งองค์ชายจากแคว้นถัง ดวงตาดำคู่ใหญ่มองใบหน้างดงามของไป๋หลันฮวา ซึ่งเป็นบุตรีคนโตของตนด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ได้เห็นโฉมหน้าอันปราศจากปานแดงลุกลามดั่งที่เคยเป็น “องค์ชายทรงมีรับสั่งล้อเล่นกระหม่อมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ฮวาเอ๋อร์นางมิได้มีรูปโฉมงดงามประดุจดั่งเทพสตรีดั่งเช่นแม่นางผู้นี้แม้แต่น้อย เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะที่จะเป็นธิดาคนโตของกระหม่อม”ไป๋อวี้กราบทูลปฏิเสธเสียงแข็งกลับไปทันใด พร้อมเสียงสนับสนุนคัดค้านเอ่ยแทรกตามมาติดๆ “ท่านพี่กล่าวถูกต้องแล้ว ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ว่าแม่นางผู้นี้งดงามดุจดั่งเทพสตรีบนสรวงสวรรค์ช่างแตกต่างกับฮวาเอ๋อร์ของพวกเราราวฟ้ากับดิน อีกทั้งเป็นถึงพระขนิษฐาบุญธรรมขององค์ชายแห่งต้าถังต้องมิใช่นางอย่างแน่นอน”เซียวฮูหยินกล่าวพร้อมร
เมืองหลวงตันหยางแห่งแคว้นฉู่ณ.จวนสกุลไป๋รถม้าขนาดใหญ่สามารถนั่งได้สามถึงสี่คนค่อยๆ ชะลอตัวครั้นวิ่งมาถึงหน้าจวนสกุลไป๋ ติดตามด้วยรถม้าซึ่งเต็มไปด้วยสัมภาระมากมายวิ่งตามหลังมาอย่างกระชั้นชิดค่อยๆ จอดนิ่งสนิทเช่นเดียวกันหยุด!!!! เสียงร้องสั่งให้หยุดพร้อมรถม้าเคลื่อนตัวเข้ามาจอดนิ่งสนิทอยู่ด้านหน้าประตูจวนสกุลไป๋ พร้อมบ่าวรับใช้ซึ่งเป็นชายหนุ่มรีบลงจากรถม้า พร้อมวิ่งไปจากส่วนท้ายเพื่อนำบันไดมาวางไว้ตรงพื้น เตรียมพร้อมสำหรับคนบนรถพรืด!!! พระหัตถ์ใหญ่ขององค์ชายจากแคว้นถังเปิดผ้ากั้นประตูทางเข้าของรถม้าออกทันทีครั้นถึงที่หมาย เสด็จลงจากรถก่อนจะมาหยุดยืนทอดพระเนตรด้านหน้าจวนที่เต็มไปด้วยผ้าแพรผืนงามและโคมมงคลประดับประดาอย่างสวยงามเต็มไปหมดผู้คนมากมายล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางและคหบดีน้อยใหญ่ กำลังทยอยเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับแม่ทัพไป๋อวี้แห่งแคว้นฉู่กันอย่างเนืองแน่น“ว้าว!แม่เจ้าโคตรเจ๋งเลยอะ!!!”เสียงที่บ่งบอกถึงอาการตื่นตาตื่นใจดังออกมาอย่างชัดเจนของสตรีสาวซึ่งมีใบหน้างดงามอย่างแปลกประหลาด ถูกคลุมด้วยผ