คำเตือน: มีฉากรุนแรงไม่เหมาะสม
บ้าน พรึบ! "อ๊ะ" ตัวมิลินถูกจับเหวี่ยงลงโซฟาในห้องนอนจนร่างของเธอไปกระแทกเข้ากับขอบโซฟาอย่างแรง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปกุมท้องตัวเองเอาไว้เมื่อรู้สึกจุก "เจ็บเหรอ" พร้อมกับก้าวเข้าหาอย่างช้า ๆ น้ำเสียงเยือกเย็น แววตาเรียบนิ่งบวกกับท่าทางน่ากลัวของนำทัพทำให้มิลินขยับตัวถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เสียงที่จะพูดแทบไม่มีเพราะกำลังจุก เขาไม่มีทีท่าว่าจะเบามือกับเธอเลยสักครั้ง ตั้งแต่ขึ้นรถมากระทั่งถึงบ้านนำทัพก็เอาแต่ฉุดกระชากลากเธอมาจนถึงห้องนอน "ละ..ลินกลัว อึก~ จะขังลินหรือให้ลินอดข้าวลินก็ยอม ได้โปรดอย่าทำลินเลยนะ" "เธอจะกลัวทำไมมิลิน เพราะยังไงซะเธอก็ต้องมานอนให้ฉันกระแทกอยู่ดี" คิดว่าเขาจะเห็นใจกับคำร้องขอน่าสมเพชพวกนั้นเหรอ ฝันอยู่หรือไง "ฮื่ออ" คำพูดของเธอไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของอีกคนเลยแม่แต่น้อย นำทัพยังคงขยับก้าวเข้าหาหญิงสาวเรื่อย ๆ เขามองท่าทีหวาดหวั่นของเธอพลางกระตุกยิ้มชอบใจ "อะไรกันมิลิน ฉันยังไม่ได้สนุกกับเธอเลยนะ" ย่อตัวนั่งลงตรงหน้า "อยะ อย่าทำลิน กลัวละ..แล้ว อึก!" อยู่ ๆ อาการแน่นหน้าอกของเธอก็กลับมาเล่นงานอีกครั้ง หญิงสาวหอบหายใจอย่างยากลำบาก เธอพยายามจะเอ่ยเป็นคำพูดแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ใจเธอยิ่งสั่นมากเท่านั้น เหมือนกับว่าจะหยุดเต้นเอาให้ได้ "ทำไมต้องทำเหมือนกลัวฉันขนาดนั้น จำหน้าผัวตัวเองไม่ได้เหรอ หรือจำได้แค่ผู้ชายคนอื่น" มีดเล่มเล็กถูกดึงออกมาพร้อมกับหันปลายมีด ไปทางหญิงสาว นำทัพคว้าหมับเข้าที่ขาเล็กก่อนจะออกแรงดึงให้ตัวเธอเข้ามาใกล้มากขึ้น เขาใช้มืออีกข้างเอื้อมไปดึงมือเล็กขึ้นมา "ละ ลินไม่เอา!" เธอเผลอตวาดเสียงใส่เขาไป ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาเล่นงานทำให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉึก! "..หึ~" ปลายมีดแหลมวางลงบนปลายนิ้วก่อนจะกดลงแล้วกรีดให้เป็นแผล เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามรอยแผลเป็น ใบหน้าดูดีแสยะยิ้มพอใจเมื่อเห็นเลือด เขาวางมีดลงบนโต๊ะกระจกใสแล้วส่งยิ้มไปให้หญิงสาวที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นเพราะกลัว "เลือดออกหมดแล้ว..หึหึ" พร้อมกับดึงนิ้วหญิงสาวขึ้นมาดูดเลือด นำทัพช้อนตามองคนตัวเล็กที่หลับตาปี๋ไม่กล้ามองเขาที่กำลังดูดเลือดออกจากนิ้วให้เธอ "อึก~" เจ็บ..สิ่งที่หญิงสาวร้องบอกอยู่ในใจ "ลินกลัว ฮื่อ!!" "ตอนอยู่กับมันหน้าฉันลอยมาบ้างไหม" เลิกคิ้วมองหน้าถาม "เธอเองก็รู้ว่าฉันไม่ชอบแต่ทำไมยังทำล่ะ" พูดพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด "ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นนะมิลิน~" ฝ่ามือหยาบเลื่อนไปเกลี่ยแก้มเนียนเบา ๆ การกระทำของเขาไม่ได้น่าดีใจเลยสักนิด กลับดูน่ากลัวเสียมากกว่า "อ่า..ฟัด! ฉันควรลงโทษเธอยังไงดี" ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เธอพยศ ใส่เขาไปกี่รอบ หนีไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาตเขาก่อน ไหนจะอยู่กับผู้ชายสองต่อสองอีก เขาควรจัดการยังไงดีเธอจะได้ไม่ออกไปซนที่ไหนได้อีก "ลินแค่ไปซื้อของ ฮึก!" "แต่ภาพที่ฉันเห็นมันไม่ใช่" ถ้าเขาไปช้ามากกว่านี้ไม่รู้เลยว่าทั้งสองจะไปถึงไหนต่อไหน แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดไม่หายสักทีนั่นก็คือ ลูกน้องเขาเอง ในเมื่อมันไปด้วยทำไมมันถึงปล่อยให้เธอเดินซื้อของอยู่คนเดียว..มันหายไปไหน? แต่ยังไงซะก็ขอจัดการกับคนตรงหน้านี้ก่อน ส่วนมันเอาไว้ทีหลัง "คุณหมอเข้ามาช่วยลินค่ะ ฮึก~" "เอาล่ะ ฉันไม่อยากฟังเธอพล่ามอีกแล้ว ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงซะ" "คะ คุณนำทัพ ละลินไม่ทำได้ไหม" "ฉันจะไม่พูดซ้ำ" ว่าจบร่างสูงก็ดันตัวลุกขึ้น นำทัพหายเข้าไปในห้องแต่งตัว หญิงสาวมองตามไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เพราะเธอรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าตัวเองกำลังจะเจอเข้ากับอะไร ไม่นานนำทัพก็ออกมาจากห้องแต่งตัว มิลินน้ำตาไหลอาบใบหน้าทันที ในมือเขามีกุญแจมือกับโซ่ติดออกมาด้วย แต่แล้วดวงตาก็ต้องเบิกขึ้นอีกครั้งเมื่อหันไปเจอเทียนเล่มหนึ่งที่อยู่ในมือ "หงุดหงิดสัส" ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดพลางมองไปยังหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นำทัพเดินเอาของไปวางไว้ที่หัวเตียงพร้อมกับปลดเปลืองเสื้อผ้าตัวเอง เหลือไว้เพียงกางเกงสแล็คสีดำเท่านั้น เผยให้เห็นรอยสักน่ากลัว "หะ ให้ลินงดข้าวก็ได้แต่อย่าทำอะไรรินเลยนะ" "ถอดเสื้อผ้า" เขาไม่ฟังคำร้องขอของเธอพลางบอกน้ำเสียงกดต่ำ "ละ ลินกลัวเจ็บ" เธอยังจำรสชาติของเล่นที่เขาถือมาได้เป็นอย่างดี ครั้งนั้นเธอจับไข้เป็นอาทิตย์ ลุกขึ้นมานั่งแทบไม่ไหว ลำพังร่างกายเธอก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว หากเขายังฝืนที่จะทำต่อเธออาจจะแย่ก็ได้ "กูบอกให้ลุกขึ้น!" และแล้วน้ำเสียงและแววตาของอีกคนก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สรรพนามที่เขาเคยใช้กับเธอเปลี่ยนไปเป็นกูมึง แล้วมิลินก็รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เขาใช้คำพวกนี้เธอไม่มีโอกาสหนีไปไหนได้อย่างแน่นอน "ฮื่ออ" "มึงเลือกเองนะ" พรึบ! "อึก!" เขาพุ่งตัวไปที่หญิงสาวด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปบีบคอเล็กจนอีกคนหายใจไม่ออก ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงมีน้ำตาซึมออกมาบริเวณหางตา มือเล็กพยายามทุบตีให้เขาปล่อยมือออกจากลำคอแต่เหมือนว่าจะไม่เป็นผล เมื่อเขาออกแรงกระชากเธอไปยังเตียงนอนทั้งอย่างนั้น ตุบ! "กูเตือนมึงหลายครั้งแล้ว"“ว่าแต่พี่ไบค์เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนตัวโตขณะนั่งทานข้าวอยู่ในห้องอาหาร“มันไม่เป็นอะไรมาก” เขาโกหกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก ความจริงแล้วไบค์ยังอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากเสียเลือดมาก เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกน้องปลอดภัย แคล้วคลาดจากสิ่งร้าย ๆ สักที“หนูอยากไปหาพี่ไบค์” เธออยากไปขอบคุณที่อีกคนเอาตัวมารับมีดแทน หากไม่ได้ไบค์ปานนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงได้ไปอยู่วัดที่ไหนสักแห่ง“ใจเย็นที่รัก เราต้องพักผ่อนก่อน” ขืนปล่อยให้เธอไปตอนนี้มีหวังเธอได้รู้ความจริงน่ะสิว่ามันยังไม่ฟื้น“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ได้ครับหมอบอกต้องดูแลตัวเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไรก็จริง แต่หมอได้สั่งเด็ดขาดห้ามเธอเดินหรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอมีโอกาสแท้งได้ เนื่องจากแรงกระแทกที่เธอได้รับมันส่งผลต่อเด็กในท้องอยู่ไม่น้อย“ก็ได้ค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสลดพร้อมกับยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“หายแล้วเฮียจะพาไปเยี่ยมมัน”“....” ยิ้มอ่อน“ทานต่อเถอะ” ทว่า..“เฮียรู้ไหม.. ตอนนั้นหนูกลัวมากเลย กลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ได้กลับมาหาเฮียอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าพ่อของลูกอีก ใครจะคิดว่
เช้าวันใหม่“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกกับพ่อของลูก ก็นำทัพเล่นประกบเธอไม่ห่างจนอีกคนรู้สึกอึดอัด เข้าใจว่าเขาห่วง แต่อารมณ์เธอยิ่งแปรปรวน กลัวว่าจะเผลอใส่อารมณ์แล้วเขาจะเสียใจ อีกอย่างเธอก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย ข้างล่างก็ยังไม่ได้ลงไป“เฮียต้องอยู่ใกล้หนูกับลูก” เขาตอบหน้าตาย นำทัพกลับมาสนใจที่การเลือกชุดให้คนตัวเล็กต่อ“เฮียนี่นะ” ส่ายหน้าเนือย ๆ ขณะนั่นเอง..ครืน ครืน“มีคนโทรมาค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังเดินดูเครื่องประดับในตู้ มือถือนำทัพที่วางอยู่ก็มีสายเรียกเข้า คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงบอกให้เธอรับสายแทน“หนูรับให้เฮียหน่อย” เขาพูดโดยที่ไม่หันไปมอง“คะ?” มิลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาขอให้เธอรับสายให้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแตะต้องของส่วนตัวเขาไม่ได้เลย อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จริงที่นำทัพไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเข้าจริงมันก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ หญิงสาวเผลอยิ้มจนลืมรับสาย“หนู”“ฮะ? อะ..อ๋อค่ะ” มือเล็กลุกลี้ลุกลนหยิบเอามือถือขึ้นมากดรับติ๊ด!“สวัสดีค่ะ”(คุณนำทัพอยู่ไหม) ทว่าคนตัวเล็กต้องนิ่งไปเมื่อคนที่โทรเข้ามาดันเป็นผู้หญิง ใบหน้าสวยหันไป
ตึกตึกเสียงฝีเท้าวิ่งหาที่หลบ ก่อนจะเห็นซอกหนึ่งที่น่าจะพอซ่อนตัวได้ ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเข้าไปหลบทันทีตึกตึกกึก!“จะออกมาดี ๆ หรือให้กูไปลากคอออกมา" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของร่างสูงผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น เขาถอดแมสก์ที่ปิดใบหน้าออก ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพลางเงยหน้าพ่นควัน“.....” มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา แววตาเฉียบคมขยับมองไปรอบ ๆ บริเวณ เท้าหนักก้าวไปหยุดที่รถยนต์คันหนึ่ง ก่อนจะย่อนก้นลงไปนั่งกับกระโปรงรถแล้วเอ่ยอีกครั้ง“กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง” “.....”"ระหว่างพูดความจริง กับ.. ตายตรงนี้ มึงอยากได้แบบไหน" “.....”“กูมีเวลาเล่นกับมึงไม่มาก รีบออกมาซะ” แล้วคนที่ไซลอน กำลังคุยด้วยอยู่ตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่แทงไบค์จนต้องหามส่งโรงพยาบาล และทีมพวกมันถูกคนของเขาจัดการจนสิ้นซากหมดแล้ว จะเหลือก็แค่มันคนเดียวที่เขาต้องการจับเป็น ทว่ายังไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ไซลอนดันตัวขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกายตัวเองอีกครั้ง "หึ~"ราวเกือบสิบนาทีได้ที่อีกคนไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมั่นใจว่าคนที่ตามล่าตนได้หายไปแล้วเขาจึงพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นรอดแล
“ผมเห็นด้วยกับคุณศิธาครับ” นำทัพนั่งประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพราะตอนนี้บริษัทที่คาเรนดูแลอยู่มีปัญหาอย่างหนัก พรุ่งเขาต้องกลับไปจัดการให้จบก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ คาเรนไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นเขาที่เข้าไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะไบค์ยังมีงานอีกที่ที่ต้องไปทำเหมือนกัน จะให้เขาโยนทุกอย่างให้ไบค์หมดก็คงไม่ได้ แค่ทุกวันนี้ที่ทำก็หนักมากแล้ว“แล้วคุณนำทัพจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ” หุ้นส่วนวัยกลางคนถามประธานหนุ่มที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ พวกเขาทุกคนต่างก็เครียดที่อยู่ ๆ หุ้นของบริษัทก็ตกฮวบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งการเงินยังคลาดเคลื่อน พวกเขาต้องหาตัวต้นเหตุของเรื่องให้ได้“เร็วสุดคืนนี้” ถ้าช้าก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า เขาต้องดูก่อนว่ามิลินจะไหวเดินทางหรือเปล่า แม้มันจะไม่ไกลมากแต่วันนี้เธอก็ไปเที่ยวมาทั้งวัน หากต้องเดินทางต่ออีกเขากลัวว่าเธอจะไม่ไหว ต่อให้นอนบนรถได้ก็เถอะ ถึงยังไงซะมันก็ยังไม่สบายตัวเท่าเรานอนบนเตียงหรอกนะ“พวกเราจะรอ” “ส่วนระ..” ซึ่งในขณะนั้นเอง..ติ๊ด ๆขวับ! ใบหน้าดูดีหลุบมองหน้าจอมือถือด้วยความรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนตัวเล็ก เขาไม่รอช้ารีบหยิบมือถือ
“ดูแลมิลินให้ดี” มาเฟียใหญ่กำชับลูกน้องตัวเอง วันก่อนนำทัพรับปากคนตัวเล็กว่าจะพาไปเที่ยวในเมือง ทว่าวันนี้กลับมีงานเร่งด่วนเข้ามา เขาต้องอยู่ประชุมกับหุ้นส่วนทุกคน จึงไม่สามารถไปกับคนตัวเล็กได้ มิลินเมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้ไปก็ซึมไปทันที คงเป็นอารมณ์น้อยใจของคุณแม่ที่ไม่ได้เที่ยว นำทัพเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ไบค์พาไปแทน แล้วตัวเองจะตามไปทีหลัง เพราะการประชุมอย่างน้อยต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร“ครับ”“เฝ้าอย่าให้ห่าง เธออยากได้อะไรซื้อให้เลยอย่าขัดใจ” เขาส่งบัตรเครดิตให้ลูกน้องตัวเอง เผื่อเธออยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรก็ให้ไบค์จัดการได้เลย ถ้าให้มิลินพกไว้เองเธอคงไม่ใช้แน่นอน ให้ไบค์นั่นแหละดีแล้ว“มาแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเดินตรงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ นำทัพทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด ผ้าเช็ดหน้าถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมาเช็ดมือให้สะอาด ไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดมือ“หมวกล่ะ” เขาถามหาหมวก วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ใส่หมวกไว้จะได้ไม่โดนแดดมาก“นี่ค่ะ” มิลินเอาหมวกที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมาให้คนตัวโตดู ไว้ไปถึงที่เที่ยวค่อยเอาออกมาใส่ ยังไงตอนไปเธอก็อยู่บนรถอยู่แล้ว“อย่าห่างไ
"จริงสิผมลืมไปเลย" เขานึกได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รายงานเจ้านาย"เรื่องไอ้คาเรนสินะ""ใช่ครับ""...." เงียบเพื่อรอฟัง"ไอ้คาเรนกลับญี่ปุ่นจริง ๆ ครับ""เพราะอะไรมันถึงไปโดยไม่บอก""ผมเองก็สงสัย มันเพิ่งถึงญี่ปุ่นเมื่อเช้านี้เอง" เขาตรวจไฟท์บินพบว่าคาเรนเดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันนี้"งั้นก็ปล่อยมันไปก่อน" สงสัยจะเหนื่อยแล้วอยากพัก ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้ามันอยากกลับบ้านทำไมไม่เดินมาบอกเขาดี ๆ ทำไมมันต้องเก็บข้าวของออกไปจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ตอนนี้ทั้งนำทัพและไบค์ต่างก็กำลังหาสาเหตุว่าเพราะอะไรคาเรนถึงทำแบบนี้ แล้วหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะมากพออีกคนถึงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับบ้านตัวเองไป"ครับ""แล้วมึงล่ะ..อยากกลับไหม" ในเมื่อไบค์กับคาเรนมาด้วยกัน เป็นแบบนี้แล้วไบค์ไม่คิดอยากตามเพื่อนตัวเองไปหรือยังไง เขาไม่คิดห้ามถ้าไบค์จะกลับไปจริง ๆ ถามว่าเสียดายไหมแน่นอนมันต้องเสียดายอยู่แล้วเพราะไบค์เป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่คาเรนหรอกที่เป็นน้องชาย ยังมีไบค์อีกคนที่เขารักเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้จะมีด่ามีดุบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไล่อีกคนออก ไม่ใช่