สมัตถ์กำลังจะล้มตัวลงนอนในตอนที่ศรีภรรยาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่ ราตรีบอกว่าเพื่อนนัดออกไปเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด เขาอยากห้ามหล่อนหรอกนะ แต่นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่หล่อนจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ตอนที่บริหารโรงแรมช่วยเขานั้น หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างดีเยี่ยมจนแทบไม่มีเวลาเข้าแม้แต่ร้านเสริมสวยด้วยซ้ำ นับว่านี่คือโอกาสที่อยู่ในช่วงวิกฤติเลยล่ะ
เขาลุกไปหาภรรยาที่หน้ากระจกเงา กอดเอวเจ้าหล่อนไว้แล้วก้มลงไปหาซอกคอขาวๆ บรรจงจุมพิตและซุกไซ้อย่างที่เคยทำยามต้องการปลุกเร้าสาวเจ้าให้มีอารมณ์พิศวาส
“อือ...ไม่เอานะคะ ไนท์รีบไป สามทุ่มแล้ว”
“ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ วันนี้ผมเครียดจัง คุณอยู่กับผมดีกว่า” ร้องขอแล้ววางจมูกคมๆ ลงกับแก้มบาง สูดดมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กระโปรงที่หล่อนสวมนั้นสั้นเหนือเข่าขึ้นมามากโข เขาสามารถลูบไล้ต้นขางามได้ง่ายๆ เลย
“อย่าค่ะสมัตถ์ ไนท์รีบนะคะ กลับมาค่อยมาต่อนะ...อือ...” บอกอย่างนั้นแต่ครางอืออาเมื่อสามีสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือเขากอบกุมเนินนุ่มที่ปกคลุมด้วยผ้าบางๆ ของกางเกงชั้นใน สมัตถ์พยายามปลุกอารมณ์เธอ แต่มันช่างไม่เหมาะไม่ควร ตอนนี้เธอรีบนะ เพื่อนๆ รออยู่ที่ผับแล้ว
“นิดเดียวที่รัก ขอสิบนาที”
“ห้านาทีก็ไม่ได้ เอามือออกสิคะ” บอกเขาแล้วดึงมือเขาออกมาวางบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง สมัตถ์เผลอบีบมันแรงๆ
“กลับมาจะชดเชยให้นะคะ ไม่ต้องรอนะ หลับไปได้เลย เดี๋ยวไนท์จะกลับมาลักหลับนะคะ” ศรีภรรยาเอ่ยอย่างทะเล้นแล้วเขย่งเท้าจุมพิตปลายคางสามี ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือใบน้อยแล้วรีบออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มสดใส เหลือเพียงฝ่ายสามีที่อารมณ์ค้างเติ่งเพราะยังมีความต้องการ
“ให้ตายสิ!” เขาเสยผมแรงๆ แล้วหลับตาลงแน่นๆ พยายามไม่นึกถึงความนุ่มอุ่นที่ฝ่ามือเพิ่งได้สัมผัส อารมณ์อันกระสันรัญจวนนั้นกำลังทำร้ายเขาอย่างหนักหน่วงจนบางสิ่งที่อยู่ระหว่างซอกขาพองตัวเติบใหญ่ขึ้นมา
สมัตถ์เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำอีกรอบ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อหาเบียร์สักกระป๋อง มันอาจช่วยให้เขาหลับดีขึ้น หารู้ไม่ว่าตอนที่กลับมาห้องตัวเองนั้น อาการจะหนักยิ่งกว่าเดิม
___________
สามทุ่มเศษๆ แล้วตอนที่เทียนหยดอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น เมื่ออยู่ในชุดที่พร้อมนอนเธอเลยไม่จำเป็นต้องสวมชุดชั้นใน กางเกงนอนแบบสตรีขาสั้นคลุมเพียงต้นขา เนื้อผ้าเรียบลื่นรัดรึงสะโพกงาม ตัวเสื้อนั้นเป็นเสื้อกล้าม รัดรึงอกอวบจนแลเห็นปลายถันรำไร เทียนหยดวางโทรศัพท์มือถือลงข้างหมอน อยากนอนอยู่หรอกแต่มันหลับไม่ลง ในห้องนี้ร้อนเหลือเกิน มีเพียงพัดลมตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้ทำความเย็นอะไรมากมาย แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอปัดหน้าจอเพื่อรับสาย เป็นสายจากลูกค้าของเธอเอง ในเวลาสามทุ่มนั้น แม่ค้าออนไลน์ย่อมรู้ดีว่าสามารถเกิดการซื้อขายได้เสมอ
“สวัสดีค่ะ...ใช่ค่ะ” รับสายแล้วกรอกเสียงส่งไป ลุกจากที่นอนไปเดินวนไปวนมาเมื่อการสนทนาทำท่าจะยืดเยื้อและตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายโน้นมีความลังเลในสิ่งที่เธอเสนอไป และเธอเองก็กังวลหนักด้วยว่าอยากได้ยอดสั่งซื้อจากลูกค้ารายนี้
“วัตถุดิบนำเข้าจากฝรั่งเศสนะคะพี่ ใช้ของดีเกรดพริเมี่ยม อย่างพี่นี่ขายได้แน่นอน ฉันคิดว่าแป้งของบล็องค์เต้จะไปได้ดี เราจะเริ่มผลิตกันภายในเดือนหน้า ถ้าพี่ตกลงรับแป้งของเราไปเปิดตัว ฉันจะคิดราคาให้แบบพิเศษที่ไม่เหมือนดีลเลอร์รายอื่น เพราะพี่คือรายแรกที่ทำสัญญาซื้อขายกับเราค่ะ”
เทียนหยดเสนอเงื่อนไขที่แม่ค้าออนไลน์รายใหญ่ฟังแล้วอยากจะฮุบข้อเสนอนั้น บล็องค์เต้ของเธอทำเครื่องสำอางหลายชนิด แต่เพิ่งจะเริ่มทำแป้งตลับ เดี๋ยวนี้เมืองไทยนิยมเครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลี มันมีออกเกลื่อนถนน ราคาถูกบ้างแพงบ้าง เธอคิดไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเธอพาแป้งตลับของบล็องค์เต้เข้าตีตลาดเมืองไทยในราคาที่สาวออฟฟิศสามารถซื้อหาได้อย่างไม่เหนือบ่ากว่าแรง มันน่าจะดีกว่าแบรนด์ของเกาหลี ขายในราคาส่งสักเจ็ดร้อยบาทน่าจะดี ที่เหลือก็เป็นส่วนที่ต้องช่วยแม่ค้าออนไลน์ทำการตลาด ราคาที่ปล่อยออกไปน่าจะอยู่ที่ หนึ่งพันเศษๆ มันต้องไปได้สิ คนไทยชอบลองของใหม่ เทรนด์ปีหน้าฝรั่งเศสอาจจะกลับมาได้รับความนิยมก็ได้
“ค่ะ...มั่นใจเลยค่ะพี่ เรามีงบสำหรับทำการตลาดกว่าสามล้านบาท เราเตรียมพร้อมหมดแล้ว” อธิบายเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อ แต่ต้องปาดเหงื่อเบาๆ เพราะพัดลมตัวน้อยไม่ทำให้เธอเย็นขึ้นมา ให้ตายเถอะ เธอกำลังทำการเจรจาซื้อขายสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่าสิบล้านในห้องที่เปิดแค่พัดลมตัวเล็กๆ ตัวเดียว
หญิงสาวเปิดประตูออกมาเมื่อทนความร้อนไม่ไหว บ้านปูนนั้นตอนกลางวันก็พออยู่ได้ แต่พอกลางคืน มันจะคายความร้อนจากดวงอาทิตย์ออกมา ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมเธอถึงได้ร้อนจนทนไม่ไหว
อากาศที่สวนด้านนอกนั้นเย็นสบายกว่าในห้อง เธอเจรจาไปเรื่อยๆ หันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นคนอื่น คาดว่าคงเข้านอนกันหมดแล้ว
เธอนึกถึงแอร์เย็นๆ ที่คอนโดฯ ของตัวเอง แต่ก็กลัวว่ามารดากับน้องชายจะถูกรังแกเลยต้องทนอยู่ไปก่อน คิดว่าจะอยู่ไปสักระยะ ให้มั่นใจว่าคนบ้านนี้ไม่มีพิษภัยจริงๆ ถึงจะย้ายกลับไปอยู่คอนโดฯ อย่างเก่า
สมัตถ์กระดกเบียร์อึกสุดท้ายจนเกลี้ยงกระป๋อง เขาขว้างมันลงถังขยะภายในห้องครัว กะว่าจะขึ้นนอนหลังจากร่างกายมียานอนหลับขนานเอกเป็นตัวช่วย ทว่าพอมองผ่านกระจกหน้าต่างห้องครัวออกไป ร่างอรชรที่เดินอยู่ริมสนามก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ เขาเปิดประตูห้องครัวออกมา เดินช้าๆ ไปหาหล่อน หล่อนยังไม่เห็นเขา ยังมีความสุขอยู่กับการคุยโทรศัพท์แบบคุยไปยิ้มไป คงจะคุยกับคนรักสินะ เขายืนอยู่ใต้ร่มอโศกต้นใหญ่ ใช้เงาของมันพรางกาย ช่วงขาเรียวๆ ของหล่อนนั้นช่างยั่วใจคนมองเหลือเกิน
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ