EP 5
ความจริงอันแสนเจ็บปวด
______________
วันอาทิตย์
โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว
“แม่ครับ”
“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว
“แปลไม่ได้ครับ”
“กูเกิ้ลสิลูก”
คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก
_________
เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่ ท่ามกลางแดดยามสายตอนใกล้สิบโมง เขาตีระยะสั้นๆ ราวกับอยากออกกำลังเบาๆ มากกว่าจะซ้อมมือจริงจัง สมัตถ์ตัวสูง มองแผ่นหลังของเขาแล้วพานคิดถึงใครบางคน
“ทำอะไรอยู่คะ มีอะไรให้ช่วยไหมเอ่ย”
เทียนหยดออกจากห้องมานั่งรวมกลุ่มกับมารดา หญิงสาวแต่งเนื้อแต่งตัวในแบบที่ผกากรองดูออกว่าวันนี้ลูกสาวจะไม่อยู่บ้าน
“การบ้านภาษาจีนครับ ยากจัง”
เด็กน้อยว่า ทำหน้ายู่อย่างรำคาญความสมองทึบของตัวเอง
เทียนหยดเองก็ไม่ค่อยสันทัดภาษาจีนนัก แต่ว่า...คนที่ตีกอล์ฟอยู่นี่สิ อาจจะพอรู้เรื่อง เพราะเขาเองก็เคยทำงานโรงแรมมาก่อน ได้พบเจอผู้คนหลากหลาย บางทีสมัตถ์อาจจะรู้ภาษาจีนบ้าง
“เดี๋ยวพี่มานะ” บอกน้องชายแล้วลุกไปหาสมัตถ์ที่กลางสนาม เขามีเหงื่อผุดพรายทั่ววงหน้า ทว่ายังดูดีเหลือเกิน
“นี่คุณ”
“อะไร” เขาถามกลับ ใช้ไม้กอล์ฟเขี่ยลูกกอล์ฟเข้าหาตัว ก่อนจะตีมันไปในระยะสั้นๆ
“คุณพูดภาษาจีนได้ไหม”
“อือฮึ ได้นิดหน่อย”
“จริงเหรอ” ถามอย่างยินดีจนสมัตถ์อดไม่ได้ต้องเงยหน้าจากพื้นขึ้นมาจ้องมอง
“ทำไม”
“สอนการบ้านตาโอบหน่อยสิ” เธอร้องขอ แต่สมัตถ์ส่ายหน้า “น่านะ ช่วยกันหน่อยสิคุณ คนบ้านเดียวกัน ถ้าฉันอ่านรู้เรื่องฉันไม่มาขอร้องคุณหรอกน่า”
“ไม่เอา น้องเธอเธอก็สอนเองสิ” เขายักไหล่ไม่ยี่หระ มองฝ่าพยับแดดไปยังร่มอโศกหลังห้องครัว โอบนิธิกับมารดานั่งอยู่ใต้ร่มนั้น ตรงหน้านางผกากรองมีถาดฟักทองวางอยู่
“ใจดำ” บ่นดังๆ ให้เขาได้ยิน
“เรื่องของฉัน” เขาว่า
“อะไรกัน วันก่อนยังเลี้ยงข้าวฉันเลย ฉันนึกว่าคุณเป็นคนใจดีมีเมตตานะเนี่ย เด็กตาดำๆ น่าสงสารออก” ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาท่ามกลางแสงจ้า
เขาไม่เอ่ยอะไร ยกหลังมือปาดเหงื่อแล้วเอาไม้กอล์ฟเขี่ยเล่นไปมา ระหว่างนั้นโอบนิธิก็ตามมาสมทบ เด็กน้อยแก้มแดงเถือกเมื่อโดนแดดจัดลามเลีย
“มาทำไมโอบ มันร้อน”
“แม่ให้มาตามพี่” เด็กชายว่า เทียนหยดหันไปมองมารดา เห็นแต่ไกลว่าใบหน้านางไม่สบอารมณ์นัก
“เดี๋ยวพี่ไป คุณสมัตถ์เขาอ่านภาษาจีนได้ เขาจะสอนโอบ”
“หือ?” สมัตถ์ครางในลำคอ จ้องมองใบหน้างามตาขวาง
“ก็ใช่ไง คุณบอกฉันเองว่าจะสอนการบ้านตาโอบ”
เธอสำทับเข้าไปอีก เอาให้คนใจดำจนในคำปฏิเสธ
“จริงหรือครับ ดีจัง พี่มัตถ์”
คำว่าพี่มัตถ์สะเทือนเลื่อนลั่นในหัวใจของชายหนุ่ม เขาเป็นลูกชายคนเดียวมาทั้งชีวิต มันรู้สึกแปลกๆ ที่เด็กชายมาเรียกเขาด้วยคำว่าพี่ คำว่าพี่ที่มิใช่ พี่ แบบแค่เพื่อนร่วมงานที่เรียกเพื่อให้เกียรติกัน แต่เรียกเพราะนับถือว่าเขาคือพี่ชายจริงๆ
“จริงสิ ไปเถอะ มันร้อน” ว่าแล้วจูงโอบนิธิเข้าร่ม ในขณะที่สมัตถ์ถอนหายใจเบาๆ การถูกมัดมือชกนี่มันแก้ยากจริงๆ จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ อย่างที่หล่อนว่านั่นแหละ เด็กตาดำๆ อย่างโอบนิธิช่างน่าสงสารและน่าเอ็นดู ถ้าเขาปฏิเสธ ใบหน้าน้อยคงไร้ซึ่งรอยยิ้ม และน่าแปลกไหมเล่าที่เขาไม่ปรารถนาให้เจ้าหนูเป็นเช่นนั้น อาจเป็นเพราะว่าลึกๆ แล้ว เขาเองก็อยากมีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ เด็กที่จะเรียกเขาว่าพ่อ อย่างไรล่ะ
ผกากรองขยับถาดไปวางข้างกายเมื่อมีสมาชิกมาเพิ่มบนเสื่อผืนน้อย มันเล็กเกินไปสำหรับคนสี่คน
“เอ่อ...คุณจะทำอะไรกินครับ”
สมัตถ์เอ่ยถาม ถอดหมวกออกแล้วนั่งลงพักเหนื่อย
ผกากรองเห็นแวบแรกแล้วใจเต้นแรง โครงหน้าเขานั้นดูดีๆ แล้วคลับคล้ายคลับคลาชอบกล เหมือนเคยเห็นที่ไหน
“แกงเลียงน่ะ แล้วนี่...แฟนไปไหน” ถือวิสาสะถาม เพราะใกล้เที่ยงแล้ว ปกติราตรีจะออกไปซื้ออาหารก่อนเที่ยงเพื่อมาจัดขึ้นโต๊ะ
“อ่า...น่าจะยังไม่ตื่นครับ คืนวันเสาร์เป็นวันเที่ยวของเธอ”
“งั้นเหรอ ขอโทษนะที่ถาม ถึงฉันจะดูสมัยใหม่ แต่บางเรื่องฉันหัวโบราณน่ะ เป็นผู้หญิงควรตื่นก่อนแล้วนอนทีหลังสามี เช้ามาต้องหุงหาอาหาร ฉันไม่ชินที่เห็นสาวสมัยใหม่นอนตื่นสายโด่ง” นางตอบแล้วยิ้มเหมือนเหยียดน้อยๆ
“แม่คะ!” เทียนหยดปรามมารดา
สมัตถ์อึ้งไป จนในคำแก้ต่างให้ภรรยา เขาทำอย่างนี้มาจนชินแล้ว แม้ไม่ชอบที่ราตรีชอบเที่ยวดึกดื่น แต่นั่นก็แค่อาทิตย์ละวัน และมันคือความสุขของหล่อน เขายอมได้เสมอ
ความเงียบบังเกิดขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง เทียนหยดเลยเอ่ยแทรกเพื่อลดความตึงเครียดอันเกิดจากวาจาของมารดา
“โอบไปทำการบ้านข้างในดีกว่า พี่มัตถ์จะได้สอนได้ง่ายๆ ไปๆ เก็บของ พี่จะเอาของว่างไปให้นะ”
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ