“พวกเรามาที่นี่ เพราะว่า…” ลุคยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็มองไปเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขาหรือคุณยายท่านนี้จะเป็นแม่ของคุณบี?“สวัสดีครับ คุณยาย!” ลานี่ทักทายหญิงชราอย่างสุภาพคุณยายอย่างนั้นหรือ...?เบียงก้ามองตามลานี่ไปยังด้านหลังของเธอหญิงชราวัยห้าสิบเศษ สวมชุดวอร์มอะดิดาสสีชมพูขาว เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงพวกเขาสามคนลุครู้ดีว่าหญิงชราคนนี้ไม่ใช่แม่ของเบียงก้า เขาจึงไม่ได้พูดอะไร“คุณน้ามีอะไรรึเปล่าคะ?” เบียงก้ากังวลกับสายตาที่หญิงชรามองมาที่เธอหญิงชราขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มแนะนำบางอย่างแก่เบียงก้า “เมื่อแต่งงานแล้ว เธอต้องเรียนรู้วิธีดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวของเธอด้วยสิ อย่าทำให้สามีและลูกของเธอโกรธ ที่ฉันจะพูดก็คือ ดูเธอสิ! นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว แต่เธอเพิ่งกลับน่ะรึ?”คำว่า “สามีของเธอ” คงจะหมายถึงชายหน้าตายที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นแน่เบียงก้าทั้งอับอายและอึดอัดที่สุดเบียงก้าพยายามจะอธิบายให้หญิงชราเข้าใจ แต่หญิงชราหันไปมองลุคด้วยสายตาอันไร้ความปราณีเช่นกัน “คุณเองก็ไม่ได้เป็นสามีที่ดีนักหรอกนะ คุณไม่ควรจะโกรธภรรยาของคุณ เพียงเพราะเธอเข้มงวดกับคุณ อย่างนี้แล้วคุณจ
วันถัดมาเบียงก้าออกจากบ้านตอนแปดโมงเช้าเธอภูมิใจเหลือเกินที่ห้องเช่าราคาถูกนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน เพราะด้วยรถไฟใต้ดิน เธอใช้เวลาแค่เพียงยี่สิบนาทีก็เป็นอันถึง เมื่อเธอเดินพ้นตัวอาคารออกมา เบียงก้าจำต้องยกมือขึ้นป้องที่ใบหน้าของตัวเองเพื่อให้พ้นจากแสงแดดอันแรงกล้าเธอแทบไม่ได้หลับได้นอนตลอดทั้งคืน ดวงตาของเธอจึงเหนื่อยล้ามากในตอนที่ลุกจากเตียงเพียงแค่แสงแดดก็มากพอจะทำให้ตาของเธอระคายเคืองได้แล้วเมื่อคืนเบียงก้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อตอบคำถามที่ว่าทำไมท่านประธานต้องให้ของขวัญอะไรเธอมากมายขนาดนี้?เรื่องการดูแลถึงบ้าน หรือแม้แต่เรื่องสุขภาพนั่นคงจะเป็นสิ่งที่เขามอบให้แทนคำขอบคุณ เพราะเธอช่วยดูแลลูก ๆให้เขาอย่างนั้นใช่รึเปล่า?”เรื่องดอกไม้นำเข้านั่น อาจจะเป็นเพราะว่าเขาแค่อยากจะปลอบใจเธอที่ป่วยอย่างนั้นหรือ?ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูเป็นมิตรเอาเสียเลยเธอยังงงรู้สึกมึนงงกับของขวัญสองกล่องเมื่อคืนไม่หายไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฟุ่มเฟือยของเขา หรือแม้แต่ของขวัญที่เขาส่งให้เธอเมื่อคืน ทั้งหมดนั่นสร้างความไม่สบายใจให้เบียงก้าอย่
บลองช์มองดูพ่อของเขาขับรถออกไปอย่างไม่พอใจ เด็กชายรู้ดีว่าครั้งนี้ตนทำให้พ่อต้องเจ็บปวดจากคำพูดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอันแสนเย็นชาของเขาเรนนี่ลงมาจากบันได แล้วเดินออกมานอกตัวบ้าน เธอถามพี่พี่ชายของตัวเอง “พ่อไปไหนเหรอคะ?”“ไม่รู้สิ พี่คิดว่าพี่คงจะทำให้พ่อไม่พอใจแน่เลย” เด็กชายก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงดูไม่ดีนักในตอนที่เขาสารภาพกับน้องสาว“พี่ชายคะ หนูคิดถึงคุณบีจัง!”ถ้าจะถามว่าแล้วกับพ่อของเธอล่ะ? เขาเป็นอย่างไร? พ่อของเธอเป็นไม่ใช่คนสนุกสนานเฮฮา เขามักจะมองเธอด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เธอชอบพ่อของตัวเองน้อยกว่าคุณครูที่ช่างคุยจนน่ารำคาญของตัวเองเสียอีก เรนนี่ ครอว์ฟอร์ดไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะมีเวลาช่วงวันหยุดให้เธอหรือไม่แต่คุณบีต่างออกไป เธอเป็นคนน่ารักแถมยังยิ้มเก่งเสียด้วย“เรนนี่อยากให้พี่พาไปหาคุณบีที่บ้านของเธอไหม? พี่รู้ว่าคุณบีอยู่ที่ไหน!” บลองช์พูดแล้วจับมือของเรนนี่เอาไว้เรนนี่พยักหน้ารับสองแฝดความต้องการตรงกันในทันทีสองพี่น้องออกจากบ้าน หาแท๊กซี่จากแอปพลิเคชั่นหลังจากที่พวกเขาบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับ รถยนต์คันนั้นก็มุ่งตรงไปยังระแวกบ้านของเบีย
ลุคไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่เอ่ยเตือน “อาหารเย็นชืดหมดแล้ว”เพียงเท่านั้น เขาก็หันหลังแล้วเดินไปยังระเบียงเล็กและแคบเพียงสองตารางเมตร ราวกับว่าเขารู้จักที่นี่ไม่ต่างไปจากหนังมือของตัวเองเบียงก้ายืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างเดิม ลุคทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของบ้าน เขาล้วงเอากล่องบุหรี่ออกมาแล้วเดินไป เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่อง คีบมันใส่ปากแล้วจุดไฟสูบทุกกริยาของเขาดูนุ่มนวลและเท่เหลือทนที่นี่มันบ้านของเธอ แต่เด็กสองคนที่นั่งถือช้อนอยู่บนโต๊ะขณะที่จ้องมองชามที่ยังว่างเปล่า ทำเอาเธอรู้สึกติดค้างพวกเขาเสียอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ยังเชื่อฟังและน่ารักอย่างยิ่งปัญหาเดียวของเธอก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาดูจะไม่สนใจเลยสักนิดว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ตามมารยาทแล้ว ควรจะมีใครสักคนอธิบายว่าเขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร…เบียงก้าตักอาหารให้เด็กทั้งสองก่อน เธอไม่ได้กินอะไรเลย แต่เลือกที่จะไปหลบในครัวแทนเธอทำเรื่องพื้นฐานทุกอย่างที่แม่ของบลองช์และเรนนี่ควรทำ โดยที่ไม่มีรับค่าตอบแทนอะไรกลับมานี่มันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลยเบียงก้าหลงคิดไปว่าห้องครัวจะเป็นสถานที่ปลอดภัยของเธ
ริมฝีปากอันอบอุ่นและเย้ายวนของลุคลูบไล้ลงไปยังเนินอกของเบียงก้า... เสียงลมหายใจดังหวีดหวิว เธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ประเดประดังอยู่ภายในกำลังจะปะทุออกมา น้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่น้อยของเธอราวกับสายน้ำไหล ทันใดนั้น ความคิดของเธอพลันพลันถลำลึกลงไปยังเหตุการณ์ที่เอ่ยถึงไม่ได้คืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน เสียงใด ๆ ไม่อาจกระทบกับโสตประสาทของเธอได้นอกจากเสียงเหนื่อยหอบของชายหนุ่มตรงหน้า เบียงก้าจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นหลังจากที่เธอได้ให้กำเนิดแล้ว เธอกับนีน่าคุยกันผ่านวิดีโอในตอนที่เธอบังเอิญเห็นเศรษฐีในข่าวทางโทรทัศน์ ข้อตกลงถือเป็นสิ่งที่เด็ดขาด มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นผู้ชายประเภทไหน เบียงก้าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอยู่ดี เมื่อโดนบังคับจูบอย่างไม่เต็มใจ เบียงก้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายวัยกลางคนผู้นั้นจนอาการคลื่นไส้ซัดขึ้นมาเหนือหน้าอก จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าครองสติไม่อยู่ ลุคสัมผัสได้ว่าเธอกำลังฟุ้งซ่าน เขาจับที่คางของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นเขาก็เงยหน้าของเธอขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยตัณหาของเขาจ้องมองมาที่เธออย่างจดจ่อ "คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณร้องไห้ทำไม?" เบี
ในคืนนั้น ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด ทั้งครอบครัวกำลังรับประทานอาหารเย็น และลุค ครอว์ฟอร์ดไม่ได้ร่วมมื้ออาหารนั้นด้วย อลิสัน แทนเนอร์หยิบชิ้นแตงกวาใส่ลงในชามของลานี่ จากนั้นก็หยิบใส่ลงในชามให้เรนนี่ “คุณย่าอยากให้สิ่งที่ดีกับพวกหลานนะ แม้ว่าจะไม่ชอบ แต่หลานจะต้องหัดกินบ้าง หลานกำลังเติบโตขึ้น ดังนั้นพวกหลานคงไม่อยากจะตัวเล็กไปตลอดใช่ไหมจ๊ะ?” ทุกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะต่างก็กำลังรับประทานอาหาร บลองช์มองแตงกวาในชามแล้วตักเข้าปาก เขารับประทานเข้าไปอย่างว่าง่าย หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คุณย่าของตอน “คุณย่า ทำไมถึงไม่ทานหัวหอมบ้างล่ะครับ?” มีจานหัวหอมผัดอยู่บนโต๊ะ บลองช์และน้องสาวของเขาต่างก็ชื่นชอบเช่นเดียวกับคุณปู่ทวด คุณลุงหลุยส์และคุณย่าซูซานเองก็ชอบหัวหอมเช่นกัน มีเพียงคุณย่าเท่านั้นที่ไม่ชอบหัวหอม เธอมักจะผลักจานหัวหอมผัดออกห่างจากเธอ คุณย่ามักจะพูดเสมอว่า กลิ่นของมันเหม็นจนทำให้เธอไม่อยากอาหาร ก่อนที่อลิสันจะได้พูด ซูซาน อาร์มสตรองก็กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “เพราะว่าคุณย่าหลานเป็นพวกเรื่องมากยังไงล่ะ” เมื่อผู้อาวุโสคอรว์ฟอร์ดได้ยินเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและกระแอมอ
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กชายยังคงไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำและรอให้พ่อของเขาออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จจากนั้นไม่นาน ลุคก็ออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว หน้าอกอันกระชับของเขาเปล่งประกายไปด้วยหยดน้ำที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกที่แสนจะเย้ายวน“คุณพ่อครับ ผมเชื่อว่าคุณบีเธอเองก็มีพ่อมีแม่ แล้วทำไมพ่อถึงต้องดูแลด้วย?” บลองช์ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้ลุคนั่งลงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายในขณะที่เขากำลังเช็ดผมที่เปียกด้วยผ้าขนหนู เขาถามกลับว่า “ลูกอายุเท่าไหร่? แล้วเธออายุเท่าไหร่?"“อืม ผมอายุ 5 ขวบ...” บลานช์ตอบ “แต่ผมไม่รู้ว่าคุณบีอายุเท่าไหร่”ลุคมองดูลูกชายแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ลูกอายุ 5 ขวบและเธออายุ 24 ปี ทั้งสองคนอายุห่างกันตั้ง 19 ปี ลูกจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และลูกจะเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับพ่อ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกจะมีอาชีพและความฝันที่อยากจะไล่ตาม และพ่อก็คงจะมีอายุสัก 50 ได้และหลังจากไม่นาน พ่อก็จะแก่ชราเช่นเดียวกับคุณบีของลูก วันหนึ่งเราจะแก่เหมือนกับคุณปู่ทวดของลูก แต่กว่าจะถึงวันนั้นยังมีเวลาอีกมากมาย ผู้ชายมีไหล่ที่แข็งแรงกว่าผู้หญิงเมื่อต้องทนต่อเรื่องความเจ
เบียงก้าโทรหาฌองอย่างไรก็ตาม เธอได้รับข้อความแบบเดียวกันจากระบบ “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”ทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกไม่สบายใจเธอหวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นจากนั้น เธอก็โทรหานีน่านีน่ารับสายทันทีและถามว่า “มีอะไรเหรอ เพื่อนรัก?”เบียงก้าจึงอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังจากนั้นนีน่าก็กล่าวว่า “ฉันเดาว่าอาจจะมีใครบางคนเรียกแม่ไปเล่นไพ่นกกระจอกก็ได้นะ? เธอคงจะไม่รู้ แต่ตอนเล่นไพ่นกกระจอก แม่ชอบเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋า แม่ก็เลยอาจไม่ได้ยิน ส่วนพี่ชาย ก็คงกำลังจะยุ่งอยู่แหละ”เมื่อนีน่าพูดเช่นนั้น เบียงก้าจึงไม่คิดมากอีกเบียงก้าวางโทรศัพท์ลงและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ มันช่วยให้เธอสดชื่นมากขึ้น ในขณะที่เธอกำลังเป่าผม เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟภายในห้องนั่งเล่นดังขึ้นฌองเป็นคนที่โทรเข้ามา"สวัสดีค่ะพี่" เบียงก้ารับสายทันทีฌองเงียบไปครู่หนึ่ง จนผ่านไปนาน ดูเหมือนว่าเขาจะกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อนที่เขาจะถามออกมาอย่างเย็นชาว่า “เบียงก้า เรย์น เธอมีผู้ชายซ่อนเอาไว้ลับหลังพี่กี่คน?”“อะไรนะ…พี่หมายความว่ายังไง? ฉันซ่อนผู้ชายเอาไว้