Masuk"ชีวิตคุณน่าสนุกดีนะคะ" ร่างสวยนั่งยิ้มฟังคนที่กำลังเล่าเรื่องราวการทำงานผ่านบทสนทนาที่รื่นไหลตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ตลอดการพูดคุยระหว่างเขาและเธอไม่ได้ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกน่าเบื่อขึ้นมาเลย ยิ่งในตอนที่ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวการตามหาความฝันที่ผ่านมาเธอก็ยิ่งนั่งฟังเพลิน ๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็เริ่มเมามายด้วยแอลกอฮอล์ที่นั่งชนแก้วกับเขานับครั้งไม่ถ้วน
"ชีวิตผมน่าเบื่อจะตายครับ ที่คุณเห็นก็แค่เปลือกนอก"
"แล้วสุดท้ายคุณได้ทำตามความฝันหรือเปล่าคะ?" เฌอแตมเอียงคอมองคนถาม ดวงตากลมเริ่มหรี่ลงสู้แสงในผับไม่ค่อยไหว
"ครับ ผมได้ทำอย่างที่ต้องการ ถึงจะไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ทำ"
"ดีจังนะคะ อย่างน้อยคุณก็ได้ทำตามฝัน"
"แล้วคุณมีความฝันที่อยากทำไหมครับ?"
"มีสิคะ…แต่คงไม่มีโอกาส"
"ความฝันคุณคืออะไรเหรอครับ?" แล้วร่างสวยอมยิ้มจมอยู่ในความฝันที่กำลังนึกถึง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำสักครั้งจึงไม่เคยได้พูดกับใครที่ไหน
"ฉันอยากเปิดแกลอรี่เป็นของตัวเองค่ะ" ความฝันอันสูงสุดที่ก่อนหน้ายังพอมีความหวัง กระทั่งทุกอย่างกลับพังทลายลงด้วยฝีมือแฟนเก่าคนเดียว อาชีพที่มั่นคงมากพอจะเก็บเงินเพื่อเดินตามความฝันก็พังลงไปด้วย
"คุณอยากเป็นศิลปินเหรอครับ"
"ฉันไม่กล้าเรียกตัวเองแบบนั้นหรอกค่ะ ส่วนตัวฉันแค่เป็นคนหลงใหลในงานศิลปะ เวลาเหนื่อย ๆ ได้เห็นหรืออยู่ใกล้มันก็ทำให้ความเหนื่อยมันหายเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งผลงานของศิลปินในดวงใจก็เหมือนยิ่งสร้างพลังให้ฉันดำเนินชีวิตต่อไปทุกวัน" แล้วรอยยิ้มหวานก็ค่อย ๆ หุบลงเช่นเดียวกับความฝันที่ดับวูบลงตาม แววตาที่เปล่งประกายในตอนแรกค่อย ๆ จางหายไปช้า ๆ แทนที่ด้วยความเคว้งคว้างที่ประสบพบเจอเข้ามา หนำซ้ำยังอาภัพรัก ไม่เคยแม้แต่เรื่องเดียว ในชีวิตไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจสักอย่างเลย
"ผมว่าลองเริ่มจากอะไรเล็ก ๆ ก่อนไหมครับ"
"ยังไงเหรอคะ?"
"แทนที่จะมองว่าการถูกไล่ออกเป็นเรื่องแย่ ๆ ในชีวิต ทำไมคุณไม่ลองเปลี่ยนความคิดว่านี่มันอาจจะเป็นโอกาสก็ได้ โอกาสที่คุณจะได้เริ่มทำในสิ่งที่ชอบ" คำพูดของเขาเหมือนทำคนท้อแท้กลับมามีความหวัง
"คุณหมายถึงให้ฉันไปลองทำงานในแกลอรี่ก่อนเหรอคะ?"
"คิดเสียว่าเป็นการศึกษาเพื่อต่อยอด ผมว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ" มันก็จริงอย่างที่เขาว่า…ถึงตอนนี้เธอจะมีทุนพอจะเปิดแกลอรี่เป็นของตัวเองอย่างที่ตั้งใจได้แล้ว แต่สิ่งที่เธอยังขาดนั่นคือประสบการณ์การทำงานจริงในสถานการณ์จริงที่ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เห็นว่ามันออกมาสวยงาม
ภายใต้ผลงานพวกนั้นมันอาจจะเต็มไปด้วยปัญหาและแรงกดดัน อย่างน้อยการได้อยู่ตรงนั้นในฐานะของพนักงานคนหนึ่ง มันก็ดีกว่าฐานะของเจ้าของแกลอรี่ที่น้อยประสบการณ์และอาจจะทำพังลงด้วยมือของตัวเอง
"ขอบคุณนะคะ ได้คุยกับคุณฉันรู้สึกสบายใจมากเลย" เฌอแตมยิ้มด้วยสายตาหวานเยิ้ม อาจจะด้วยความเมาและความชอบที่เริ่มก่อขึ้นเธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
"ใช้ความรักความหลงใหลในงานศิลป์มาเป็นพลังให้คุณทำตามความฝันให้ได้นะครับ ผมหวังว่าสักวันผมจะได้ถือดอกไม้เดินไปแสดงความยินดีกับเจ้าของแกลอรี่คนใหม่นะครับ" เฌอแตมยิ้มรับกำลังใจจากคนที่เพิ่งเจอไม่กี่ชั่วโมง จากคนที่เป็นแฟนนานนับปีไม่เคยจะได้กำลังใจหรือคำพูดที่เยียวยาหัวใจเลยสักครั้ง แต่กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน ยิ่งเขาเข้ามาในเวลาที่อ่อนแอ หัวใจที่อ่อนไหวกว่าทุกวันก็ยิ่งรู้สึกหลวมตัวอยากจะเป็นของเขาเสียอย่างนั้น
"ฉันมัวแต่เล่าเรื่องของตัวเองไปเยอะเลย แล้วคุณจะไม่ยอมบอกฉันหน่อยเหรอคะ ความฝันที่คุณเล่าให้ฉันฟังคืออาชีพอะไร" คนเมาว่าจบก็ยกขึ้นดื่มอีกแก้ว แก้มแดง ๆ เริ่มฟ้องว่าเธอเริ่มคุมสติไม่ไหว
"เป็นครั้งหน้าถ้าเราเจอกันอีก ผมจะบอกคุณแน่นอน แต่ตอนนี้ผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว มีเพื่อนที่ไว้ใจไหมครับสภาพนี้คุณคงกลับเองไม่ไหว"
"แต่ฉันยังไม่อยากกลับเลยค่ะ…" คนเมาเซซบไหล่กว้างของชายหนุ่มที่ทั้งถูกใจและถูกคอ ยอมรับตามตรงว่าเธอไม่อยากให้ค่ำคืนนี้มันจบลงเลยสักนิด ยังคงอยากอยู่กับเขาต่อไปเรื่อย ๆ มองหน้าหล่อ ๆ ของเขาต่อไปแบบนี้
"แต่ร้านใกล้จะปิดแล้วนะครับ" คนตัวโตไม่ได้ดันตัวออก แต่ก็ไม่ได้โอบตัวเธอไว้ทำแค่เพียงประคองมืออยู่ห่าง ๆ เพราะกลัวว่าคนบนตัวจะร่วงลงไป
"แต่ฉันยังอยากอยู่กับคุณ…" นัยน์ตาสวยจดจ้องเจ้าของแผ่นอกกว้างนั้นไม่ละสายตา เช่นเดียวกับเขาคนนั้นที่ไม่ถอดถอนสายตาจากเธอเลยสักนิด
"รู้ตัวไหมครับว่าพูดอะไรออกมา"
"ถ้าบอกว่ารู้ตัวล่ะคะ"
"ผมเองก็รู้ตัวเหมือนกัน" สิ้นเสียงนั้นเจ้าของใบหน้าหล่อก็กดใบหน้าครองครองริมฝีปากที่เย้ายวนสายตา เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดไม่ให้เขาปล่อยโอกาสนั้นจนรู้ตัวอีกทีก็อยากจะครอบครองอยากเป็นเจ้าของมัน
"ขอโทษนะครับ ผมว่าผมโทรหาเพื่อนคุณดีกว่าครับ" ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกมาจากคนหลับตาพริ้มรับรสจูบอย่างลืมตัว จนถูกเขาประคองให้กลับมานั่งดี ๆ พร้อมจะขยับถอยห่างออกแต่แล้วอยู่ ๆ แขนหนาก็ถูกดึงด้วยฝีมือใครบางคนที่ไม่อยากให้ไป
เสียจูบแรกไปแล้ว แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยมันไปง่าย ๆ …
"เราลองมีเซ็กส์กันดูไหมคะ?"
"ครับ?" ร่างหวานทำให้เขาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ คนตัวเล็กตรงหน้าดูเปลี่ยนไปคนละคน เธอไม่ได้ยิ้มบอกอย่างคนล้อกันเล่น แต่กำลังทำหน้าจริงจังโดยการชักชวนผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกขึ้นเตียง
ชายหนุ่มไม่ทันตอบ…
"เอ่อ…คุณคงไม่สะดวก ฉันขอตัวก่อนนะคะ" คนว่าจบเหมือนจะได้สติเล็ก ๆ รีบเอื้อมหยิบกระเป๋ามาถือไว้เตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป รู้สึกหน้าชาเล็กน้อยกับความใจกล้าที่ถูกปลุกด้วยแอลกอฮอล์ที่เผลอพูดออกไปแบบนั้น บวกกับความอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อประชดชีวิต ทุกอย่างประเดประดังจนไม่แปลกที่เขาทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ
"เดี๋ยวครับ…" ชายหนุ่มคว้าแขนบางก่อนที่เธอจะเดินพ้น ทำเอาเธอชะงักปรายมองแล้วยืนนิ่ง
"เมื่อกี้พูดเล่นไหมครับ?"
"ฉัน…" เฌอแตมเริ่มลังเล
"ผมตกลง" ว่าจบเรือนร่างอรชรก็ถูกจับมือลากออกมาจากหน้าผับ โดยไม่พูดพร่ำเขาก็จับเธอยัดใส่รถหรูที่จอดลานวีไอพี ความมีสติอันน้อยนิดทำให้เฌอแตมพลอยจมอยู่ในอาณัติเขาอย่างง่ายดาย
"ระ เรากำลังจะไปไหนคะ?"
"โรงแรมครับ" สิ้นเสียงนั้นรถราคาแพงก็ถูกติดเครื่องยนต์แล้วขับพุ่งออกไปด้วยความเร็วแสง ก่อนที่จะถึงโรงแรมระดับห้าดาวภายในห้านาทีหลังจากนั้น
ปึก!
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับเฌอแตมที่ยืนนิ่งหน้าประตู เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องใหญ่โตด้วยความรู้สึกอึกอักใจแปลก ๆ เริ่มไม่แน่ใจกับสิ่งที่เพิ่งจะรับปากเขาไป
"คุณจะเปลี่ยนใจไหมครับ?" ชายหนุ่มเหลือบมองคนลังเล เขาไม่ได้แสดงทีท่าจะขืนใจ หากเธอไม่เต็มใจเขาก็พร้อมจะหยุดทุกอย่าง
"ฉัน…ไม่เปลี่ยนใจค่ะ" เฌอแตมยังคงยืนยันคำเดิม แม้เสียงจะไม่หนักแน่นเท่าครั้งแรก แต่ก็ยังคงใจกล้าไม่ต่างจากตอนชวน
"แน่ใจนะ เพราะถ้าผมเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้แล้วนะครับ" เจ้าของเสียงทุ้มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาช้อนสายตาถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มขึ้น
"ฉันแน่ใจค่ะ" สิ้นเสียงนั้นเจ้าของร่างบึกบึนก็กระตุกยิ้มขึ้นมา พร้อมทั้งไล่เรียวนิ้วยาวตามกรอบหน้าของคนตัวเล็กกว่า เพียงเท่านั้นเฌอแตมก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งเรือนร่าง วันนี้ความสาวความใสคงจะขาดสะบั้นให้คนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม
แต่สำหรับวันไนต์สแตนด์คงไม่จำเป็น ยิ่งไม่รู้ข้อมูลกันและกันก็ยิ่งดี จะได้ตัดขาดกันง่าย ๆ แค่ครั้งเดียวทุกอย่างก็จะจบลงรวมไปถึงความรู้สึกของเธอด้วย
"ขอจูบอีกได้ไหมครับ?" เฌอแตมเม้มปากเป็นเส้นตรง ระงับความตื่นเต้นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเห็นสายตาของคนที่รอคำตอบเธอจึงพยักหน้าลงช้า ๆ ราวกับถูกมนต์สะกดที่ไม่ว่าเขาจะขออะไรเธอก็อยากให้ทุกอย่างตามที่ต้องการ
แล้วจูบครั้งที่สองในชีวิตจากคนคนเดิมก็ถูกเขาปนเปรอเข้ามาอีกครั้ง ร่างเล็กหลับตาพริ้มแล้วยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ เธอปล่อยให้คนไม่รู้จักทักทายริมฝีปากอมชมพูที่ไม่เคยยอมให้ใคร แม้กระทั่งคนที่คบมาเป็นปีก็ไม่เคยได้สิทธิ์นั้นสักครั้ง แต่เมื่อผลการตอบแทนของการเป็นคนดีแบบเธอดันถูกหักหลัง ความคิดมันจะเปลี่ยนไปก็ไม่แปลก ยิ่งเป็นเขาที่อยู่ตรงหน้า ยกให้เป็นจูบแรกก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย
มือหนากดเอวคอดเข้าประชิดตัว เขาส่งลิ้นร้อนทักทายโพรงปากหวานแล้วฉกชิมทุกความต้องการอย่างดูดดื่ม ลิ้นซนเกี่ยววนกันจนปากชุ่มด้วยน้ำลาย แลกลิ้นกันนัวเนียเป็นจูบที่ทำเธอดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์
รู้ตัวอีกทีเฌอแตมก็ถูกกดลงบนเตียงนอนกว้าง โดยมีร่างสูงขึ้นคร่อมแล้วไม่หยุดที่จะนัวเนียกับเรียวปากบาง เป็นการจูบที่เนิ่นนานแม้แต่คนไม่เคยก็ไม่คิดอยากจะถอดถอนให้เสียดาย เขาทำให้เธอติดอยู่ในอารมณ์สวาทที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะรู้สึกดีได้มากขนาดนี้
รู้สึกดีมากจริง ๆ
"อื้อ…"
"ชอบไหมครับ?"
"ชะ ชอบค่ะ คุณทำอีกได้ไหม…"
"ถ้าคุณชอบผมจะทำให้ทั้งคืน"
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ" "ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว" "คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้
พรึ่บ!ไฟในห้องเปิดสว่างจ้า คนนอนหลับสบายค่อย ๆ ลืมตาเมื่อถูกรบกวน ก่อนที่จะเห็นพี่ชายตัวโตที่เป็นคนทำเธอรีบคลานลงจากเตียงมามอง"อะไรของเฮียเนี่ย จีจะนอนพรุ่งนี้งานเช้านะ" "มาร์กหน้าให้เฮียหน่อย" "ฮะ ฮ้ะ? เฮียเนี่ยนะจะมาร์กหน้า" "งานแต่งก็ต้องหล่อหน่อยไหม เดี๋ยวเมียจะว่าเอาได้" "เห็นแก่ที่เฮียจะเป็นเจ้าบ่าวหรอกนะ จีจะทำให้ ไปอาบน้ำที่ห้องเลยเดี๋ยวจีตามไปทำให้" "รีบตามมานะน้องรัก" เจโรมจุ๊บหัวเหม่งของน้องสาวแล้วตรงกลับห้อง เขาเองก็ยอมรับว่าตื่นเต้นเป็นบ้าที่จะได้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตสักครั้ง แต่ที่ทำให้ตื่นเต้นมากกว่าก็คงจะได้เห็นหน้าคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบเดือนเต็มเช้าวันต่อมางานแต่งถูกจัดขึ้นบนโรงแรมหรูเดลตาดอทพีหรือโรงแรมของดีแลน ทุกอย่างถูกอำนวยความสะดวกและคุ้มกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นงานแต่งของมาเฟียแล้ววันนี้ยังเป็นวันแต่งตั้งประมุขเจอาร์อย่างเป็นทางการ เป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงผู้มีอำนาจคนใหม่ในตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งตระกูลรวมไปถึงนายหญิงคนใหม่ของเจอาร์ที่จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปช่วงเช้าจะเป็นพิธีการแต่งงานแบบธรรมดาไม่หวือหวาโดยเชิญแค่คนสนิทเจ้าบ่าวเจ
คราวนี้ทั้งฉันและพี่โรมต่างเบิกตากว้างพร้อมกัน งานแต่งงานต้องแพลนล่วงหน้าอย่างน้อยก็สองสามเดือน ให้ตายเถอะ...ไม่ใช่แค่เขาที่จะอยู่ไม่ได้ฉันเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน "คุณมันไม่เกินไปเหรอ..." ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ "ถ้ารักกันจริงก็ต้องอดทนได้" "ฉันก็เห็นด้วยกับกำนันนะ แยกกันไปทำหน้าที่ก็ดี จะได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ทำได้ไหมเจโรม?" รอบนี้ไม่ใช่พ่อของฉันแต่พลอยเป็นคุณลุงจาร์ฟาที่คล้อยตามไปด้วย "คะ ครับ ทำได้..." พี่โรมตอบเสียงอ่อย ฉันรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือก แต่มันนานเกินไปไหม...ฉันอยากจะร้องไห้ "งั้นก็ตกลงตามนี้ ส่วนฤกษ์แต่งงาน เดี๋ยวฉันอาสาดูให้ ยังไงจะแจ้งคุณน้องไปนะ" "ได้จ้ะคุณพี่" ผู้ใหญ่สี่คนตกลงกันเข้าท่า ในขณะที่ฉันกับพี่โรมนั้นได้แต่มองกันตาละห้อย จะต้องแยกกันอีกแล้วคราวนี้น่าจะนานสุดตั้งแต่ที่แยกกันมาเลย "ผมขอพาน้องไปเดินเล่นก่อนนะครับ" พี่โรมขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ จนพ่อฉันหันมามอง ท่านเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าอนุญาต เราสองคนออกมาเดินเล่นในสวนข้างบ้าน จับมือกันชมพระอาทิตย์ในยามเย็นกับลมโกรกอ่อน ๆ ที่ปะทะใบหน้า "พ่อเธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง" พี่โรมเลื่
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน "แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่ "พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม "จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด "คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ" "เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว" "น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก "พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน" "งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก "งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอ
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท" "ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ" "ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ" "งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย" "พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด "มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่น







