Masukสามเดือนผ่านไป
"สะ สองขีด…"
พรึ่บ!
ที่ตรวจครรภ์ร่วงหล่นจากมือบางของคนยืนนิ่งสนิทเพราะร่างกายยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นผลตรวจจากอุปกรณ์ที่ใช้กับร่างกายปรากฏชัดว่าเธอมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและตั้งใจ
แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวกลับทำให้ชีวิตเธอพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ
"แน่ใจนะ เพราะถ้าผมเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้แล้วนะครับ"
"ฉันแน่ใจค่ะ"
ภาพในวันนั้นฉายเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะหยุดมันและเลิกประชดชีวิตวันนี้ก็คงไม่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและลำบากใจอย่างเช่นวันนี้
"แตม…ฉันมาแล้ว~" เสียงหวานของคนมาใหม่ทำให้เฌอแตมรีบคว้าที่ตรวจครรภ์แล้วซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าห่มแทบไม่ทัน เพื่อนสนิทหอบของพะรุงพะรังกดเข้าห้องโดยไม่ได้คิดจะเคาะประตูขออนุญาตตามประสา
"ฉันเห็นนะ แกซ่อนอะไรไว้ยัยแตม" ทอฝันรีบวางของแล้วเดินมาจับผิด
"ปะ เปล่าไม่มีอะไร" ขณะที่เฌอแตมส่ายหัวจนตัวสั่นไปหมด แน่นอนว่าทำอย่างไรเธอก็ยังแสดงพิรุธออกมาอย่างคนที่โกหกไม่เก่งเช่นเคย
"แกเอาของของไอ้ภามมาดูใช่ปะ สามเดือนแล้วยังไม่ลืมมันอีกเหรอ!?" ทอฝันเริ่มขึ้นเสียง
"ไม่ใช่ ฉันจะคิดถึงไอ้เลวนั่นทำไม" ทว่าเพื่อนสนิทกลับส่ายหัวหน้าซีด
"ถ้าไม่ใช่แล้วแกปิดบังอะไรฉัน" ทอฝันยังไม่หยุดที่จะคาดคั้นเพื่อหาความจริง เพียงเท่านั้นคนปิดบังก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ จึงล้วงมือไปใต้ผ้าห่มแล้วหยิบเอาของบางอย่างที่ซ่อนไว้ส่งให้เพื่อนดู
"แกติดโควิดเหรอ?" เฌอแตมส่ายหัว
"ถ้าไม่ใช่ที่ตรวจโควิดแล้วมันคือ…"
"ที่ตรวจครรภ์" คนตัวเล็กพูดจบก็ถอยหลังไปพิงเก้าอี้ปล่อยตัวปล่อยใจอย่างคนหมดแรง
"ฮะ ฮ้ะ!?"
"ฉันท้อง…"
"กะ แกท้อง!?" ทอฝันเบิกตากว้างตกใจสุดขีด ทั้งที่เพื่อนครองโสดตลอดสามเดือนที่เลิกกับแฟนเก่า แต่วันนี้เธอกลับบอกว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง งั้นก็คงแปลว่า…
"แกท้องกับไอ้ภามเหรอ!?" คนถามเบิกตาโต
"ฉันไม่เคยมีอะไรกับภาม" เท่านั้นทอฝันก็อ้าปากค้างขมวดคิ้วยุ่ง เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็งุนงงหนักกว่าเดิม
"แต่แกมีแฟนเป็นไอ้ภามคนเดียว หรือแกมีแฟนใหม่แต่ปิดบังฉัน"
"เปล่า"
"แล้วเป็นใครยัยแตม พ่อของลูกแกเป็นใคร?"
"ฉะ ฉันไม่รู้…" เฌอแตมตอบเพื่อนเสียงแผ่วเบา ผู้ชายคนนั้นเธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียง อายุ หรือหน้าที่การงาน จำได้แค่หน้าตาที่หล่อเหลา เสียงที่ไพเราะ และการพูดคุยกันที่ถูกคอและเข้าขา นิสัยดูเป็นคนอบอุ่น เธอรู้เพียงแค่นี้จริง ๆ
"ยัยแตมอะไรของแกเนี่ย…" ทอฝันท้อใจไม่ต่างจากเพื่อน ใบหน้าของเฌอแตมว่างเปล่าจนเธอพลอยรู้คำตอบไปด้วย
"ฉันมีวันไนท์แสตนด์" สุดท้ายร่างเล็กก็ยอมรับ อย่างไรเสียทอฝันก็รู้เรื่องหมดแล้ว ให้รู้อีกสักเรื่องจะไม่เป็นไร
"ยัยแตม!!!" ทอฝันร้องเสียงหลง แน่นอนว่าเธอไม่คิดว่าเฌอแตมจะทำเรื่องแบบนี้
"ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าฉันไม่อยากเป็นคนเดิมอีกแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้"
"แล้วแกรู้จักเขาหรือเปล่า?" เฌอแตมส่ายหัว…
"ได้ป้องกันหรือเปล่า" เฌอแตมก็ส่ายหัวอีกครั้ง…
"แล้วแกก็ไม่กินยาคุมเหรอ?" แน่นอนว่าครั้งนี้เธอก็ส่ายหัวอีกเช่นเคย จนกระทั่งคำถามสุดท้ายจากเพื่อน
"แกจะเอายังไงต่อไป?" คนตัวเล็กสั่นหัวเป็นครั้งที่สี่ หลังจากเห็นผลตรวจชีวิตก็มืดมิดอย่างหมดหนทางไปหมด คิดอะไรไม่ออก หัวตื้อ บอกไม่ถูกเหมือนทุกอย่างมันจุกอยู่ที่อกจนพูดออกมาไม่ได้
"ยัยแต๊ม…แกจะส่ายหัวทุกครั้งไม่ได้!" ทอฝันเปล่งสุดเสียง เพราะเธอเอาแต่ไม่พูดแสดงออกด้วยการสั่นหัวเป็นเจ้าเข้าคนถามจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
"ฉันทำอะไรได้ล่ะฝัน ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา หลังจากเรามีอะไรกันฉันก็หนีเขาออกมาเลย" ตอนนั้นเธอเหมือนคนเพิ่งได้สติ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิทข้างกายก็ยิ่งรู้สึกกระดากอายกับสิ่งที่ทำลงไป
"แต่เขามาแล้วไงแตม ถึงแกจะไม่เต็มใจแต่เขามาแล้ว แกคงจะไม่ทำแท้งหรอกใช่ไหมยัยแตม"
"ฉันไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นนะฝัน" คำตอบของเฌอแตมพลอยทำให้เพื่อนรักถอนหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายเธอก็ไม่ได้คิดทำอะไรโง่ ๆ เกินกว่าเพื่อนอย่างเธอจะต้องด่าตักเตือน
"ถ้างั้นก็ไปตรวจกับหมอให้รู้แล้วรู้รอด ฉันจะพาแกไปเอง บางทีผลมันอาจจะผิดพลาดก็ได้"
"มันดึกแล้ว"
"งั้นก็พรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้ฉันเริ่มงานวันแรกแกก็รู้"
"งั้นวันหยุดตกลงไหม อย่าหาข้ออ้างอีก"
"อะ อือ" เฌอแตมรับปากเพื่อนแล้วทำหน้าครุ่นคิด ขอเพียงแค่การตรวจในครั้งนี้เป็นแค่ผลที่คลาดเคลื่อนของที่อุปกรณ์ ชีวิตของเธอจะต้องไม่แย่ไปกว่านี้…
"ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยแกเลี้ยงเอง" ทอฝันขยับมากอดเพื่อนปลอบใจ เข้าใจดีว่าเฌอแตมกำลังขวัญเสีย เพราะนี่เป็นเรื่องแรกที่เธอทำเรื่องผิดพลาด และพลาดใหญ่ที่สุดในชีวิตเท่าที่จะเกิดมายี่สิบห้าปี
เช้าวันต่อมา
(ถึงที่ทำงานหรือยัง?) ปลายสายดังเข้ามาในหูของฉันทันทีที่รับสาย จะเป็นใครไม่ได้นอกจากทอฝันที่โทรมาถามไถ่ทุก ๆ ห้านาที
"ถึงแล้วกำลังเข้าไป"
(แกต้องระวังให้ดีนะยัยแตม แกไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ)
"แกพูดประโยคนี้จะสิบรอบแล้วทอฝัน" ฉันถึงกับส่ายหัว ขนาดยังไม่มั่นใจว่าท้องหรือเปล่าว่าที่คุณน้าก็บงการชีวิตฉันทุกฝีก้าว
(ก็แกทำอะไรไม่ค่อยคิด ฉันก็เป็นห่วงหลานของฉัน แกอย่าลืมแจ้งหัวหน้าแกด้วย ตอนนี้แกท้องอยู่ แกจะเดินเยอะไม่ได้)
"อืม…รู้แล้ว แค่นี้ก่อนฉันถึงที่ทำงานแล้ว" ฉันวางสายจากทอฝันแล้วเข้าไปในสำนักงานของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งตำแหน่งใหม่ที่ฉันได้งานคือภัณฑารักษ์ คอยดูแลรักษาพิพิธภัณฑ์ศิลปะหรือแกลอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก รวมไปถึงผลงานศิลปะที่มีคุณค่าของแกลอรี่ และจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดที่เกิดขึ้นทุกปี ถึงจะไม่ได้เปิดนิทรรศการของตัวเองแบบที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อยก็ได้เป็นภัณฑารักษ์ใกล้ชิดกับงานศิลปะไม่ต่างกัน
"คิดเสียว่าเป็นการศึกษาเพื่อต่อยอด ผมว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ"
คงต้องขอบคุณกำลังใจจากคนแปลกหน้าคนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนสายงาน ออกจากกรอบเดิม ๆ และตัดสินใจมาทำงานที่นี่ตามคำแนะนำ
"พนักงานใหม่ใช่ไหมคะ?" ฉันออกจากความคิดแล้วปรายมองหญิงวันไล่เลี่ยกันที่เดินเข้ามาทัก เธอกดมองลอดผ่านแว่นตาทรงกลม ฉันจึงยกมือไหว้เธอแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมตอบคำถาม
"ใช่ค่ะ หนูเป็นภัณฑารักษ์คนใหม่ค่ะ"
"จ้ะ…พี่ใหม่นะเป็นภัณฑารักษ์ White coat gallery เหมือนกัน" พี่ใหม่ยิ้มให้ฉันเป็นอย่างดี รวมถึงพี่พนักงานคนอื่น ๆ อีกสี่คนที่ยิ้มต้อนรับไม่ต่างกัน
"แตมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ฉันกลับไปนั่งโต๊ะตำแหน่งที่ว่างและถูกจัดเตรียมมาเพื่อพนักงานใหม่โดยเฉพาะ แค่วันแรกก็รู้สึกสังคมการทำงานดีกว่าที่เก่าเป็นบ้า ชื่อแกลอรี่ก็น่าดึงดูด เพื่อนร่วมงานไม่เยอะ อยู่แบบง่าย ๆ ในโลกของตัวเอง คิดไม่ผิดเลยที่เลือกที่นี่
"เลขาฝากบอกให้แตมรายงานตัวกับบอสพรุ่งนี้นะ วันนี้บอสไม่เข้าบริษัท"
"ขอบคุณค่ะพี่ใหม่ ว่าแต่บอสเป็นคนยังไงเหรอคะ แตมต้องเตรียมตัวอะไรหรือเปล่า?" ตั้งแต่สมัครงานสัมภาษณ์งานฉันยังไม่เคยเจอกับประธานหรือเจ้าของแกลอรี่เลยด้วยซ้ำ
"พี่ไม่อยากจะเมาท์เลยน้องแตม แต่มาพี่จะเล่าให้ฟัง" คำว่าไม่อยากจะเมาท์ฉันเจอมาเยอะ สุดท้ายก็ฝอยรัว ๆ ไม่เป็นอันทำการทำงานแทบทุกคน
"บอสของเราหล่อมาก เท่มาก แต่ก็เนี๊ยบมากเหมือนกัน"
"เป็นผู้ชายเหรอคะ?"
"ใช่จ้ะ ที่สำคัญบอสของเราโสดด้วยนะ สาว ๆ วิ่งตามกันเป็นแถบ ๆ แต่บอสของเราก็ไม่เคยสนใจ ท่านงานเยอะน่ะสำนักงานเราก็เป็นแค่งานรอง สร้างมาเพราะใจรัก แต่งานหลักพี่ก็ไม่แน่ใจว่าทำอะไร บางเดือนก็ไม่เข้าบริษัทเลยนะ เราโชคดีมากที่มาไม่กี่วันได้เจอบอสพอดี"
"ท่านดุไหมคะ?"
"ดุไหมเหรอ…พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เราต้องเจอเองแล้วแหละ" ทำไมคำถามนี้ถึงตอบไม่ได้ แปลว่าท่านประธานคงจะอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ สินะ ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้วหวังว่าคงจะไม่จบที่ท่านประธานนะ…
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ" "ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว" "คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้
พรึ่บ!ไฟในห้องเปิดสว่างจ้า คนนอนหลับสบายค่อย ๆ ลืมตาเมื่อถูกรบกวน ก่อนที่จะเห็นพี่ชายตัวโตที่เป็นคนทำเธอรีบคลานลงจากเตียงมามอง"อะไรของเฮียเนี่ย จีจะนอนพรุ่งนี้งานเช้านะ" "มาร์กหน้าให้เฮียหน่อย" "ฮะ ฮ้ะ? เฮียเนี่ยนะจะมาร์กหน้า" "งานแต่งก็ต้องหล่อหน่อยไหม เดี๋ยวเมียจะว่าเอาได้" "เห็นแก่ที่เฮียจะเป็นเจ้าบ่าวหรอกนะ จีจะทำให้ ไปอาบน้ำที่ห้องเลยเดี๋ยวจีตามไปทำให้" "รีบตามมานะน้องรัก" เจโรมจุ๊บหัวเหม่งของน้องสาวแล้วตรงกลับห้อง เขาเองก็ยอมรับว่าตื่นเต้นเป็นบ้าที่จะได้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตสักครั้ง แต่ที่ทำให้ตื่นเต้นมากกว่าก็คงจะได้เห็นหน้าคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบเดือนเต็มเช้าวันต่อมางานแต่งถูกจัดขึ้นบนโรงแรมหรูเดลตาดอทพีหรือโรงแรมของดีแลน ทุกอย่างถูกอำนวยความสะดวกและคุ้มกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นงานแต่งของมาเฟียแล้ววันนี้ยังเป็นวันแต่งตั้งประมุขเจอาร์อย่างเป็นทางการ เป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงผู้มีอำนาจคนใหม่ในตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งตระกูลรวมไปถึงนายหญิงคนใหม่ของเจอาร์ที่จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปช่วงเช้าจะเป็นพิธีการแต่งงานแบบธรรมดาไม่หวือหวาโดยเชิญแค่คนสนิทเจ้าบ่าวเจ
คราวนี้ทั้งฉันและพี่โรมต่างเบิกตากว้างพร้อมกัน งานแต่งงานต้องแพลนล่วงหน้าอย่างน้อยก็สองสามเดือน ให้ตายเถอะ...ไม่ใช่แค่เขาที่จะอยู่ไม่ได้ฉันเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน "คุณมันไม่เกินไปเหรอ..." ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ "ถ้ารักกันจริงก็ต้องอดทนได้" "ฉันก็เห็นด้วยกับกำนันนะ แยกกันไปทำหน้าที่ก็ดี จะได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ทำได้ไหมเจโรม?" รอบนี้ไม่ใช่พ่อของฉันแต่พลอยเป็นคุณลุงจาร์ฟาที่คล้อยตามไปด้วย "คะ ครับ ทำได้..." พี่โรมตอบเสียงอ่อย ฉันรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือก แต่มันนานเกินไปไหม...ฉันอยากจะร้องไห้ "งั้นก็ตกลงตามนี้ ส่วนฤกษ์แต่งงาน เดี๋ยวฉันอาสาดูให้ ยังไงจะแจ้งคุณน้องไปนะ" "ได้จ้ะคุณพี่" ผู้ใหญ่สี่คนตกลงกันเข้าท่า ในขณะที่ฉันกับพี่โรมนั้นได้แต่มองกันตาละห้อย จะต้องแยกกันอีกแล้วคราวนี้น่าจะนานสุดตั้งแต่ที่แยกกันมาเลย "ผมขอพาน้องไปเดินเล่นก่อนนะครับ" พี่โรมขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ จนพ่อฉันหันมามอง ท่านเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าอนุญาต เราสองคนออกมาเดินเล่นในสวนข้างบ้าน จับมือกันชมพระอาทิตย์ในยามเย็นกับลมโกรกอ่อน ๆ ที่ปะทะใบหน้า "พ่อเธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง" พี่โรมเลื่
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน "แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่ "พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม "จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด "คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ" "เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว" "น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก "พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน" "งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก "งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอ
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท" "ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ" "ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ" "งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย" "พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด "มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่น







