"ไอ้เฮงซวย..." ฉันทิ้งกล่องของที่หอบมาจากที่ทำงานเก่าพะรุงพะรังโยนทิ้งโคร่มบนพื้นไม่ไยดี ก่อนที่จะล้มตัวนอนบนเตียงกว้างด้วยความหมดอาลัยตายอยาก วันนี้ช่างเป็นวันที่เฮงซวยที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา นอกจากจะโดนนอกใจจากแฟนที่คบกันมาถึงหนึ่งปีจนน่าสมเพชแล้ว ยังโดนแฟนใหม่ของมันที่เป็นถึงหัวหน้างานของฉันไล่ตะเพิดออกมาอย่างกับหมูกับหมา
เหอะ...ทิ้งฉันแล้วไปเอาหัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงกว่า ทั้งที่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเราสองคนกำลังคบกัน เลวทั้งหญิงและชาย สมควรแล้วที่จะได้สมสู่กัน ถึงจะไม่ไล่ออก ฉันก็ตั้งใจจะออกจากบริษัทที่มีหัวงานไร้ศีลธรรมอยู่แล้ว ไม่อยากจะอยู่นักกับบริษัทที่เต็มไปด้วยเส้นสายที่พันกันมั่วซั่ว เลียแข้งเลียขาดีก็ได้ตำแหน่งมาง่าย ๆ ในขณะที่ฉันทำงานหนักแทบตาย สองปีที่อยู่มาไม่แม้แต่จะเลื่อนตำแหน่งให้ฉันสักขั้น เพิ่มเงินเดือนสักนิดก็ไม่มี
ครืดดดดดด...
ฉันชันตัวมองเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา ก่อนจะเห็นเป็นเพื่อนรักอย่างยัยทอฝันที่โทรเข้าจึงกดรับสายทันที
(เป็นเรื่องจริงเหรอแก ฉันได้ยินว่าไอ้ภามมันคบกับพี่นิล แล้วพี่นิลก็ไล่แกออก)
"อือ" ฉันเค้นเสียงตอบได้แค่นั้น ป่านนี้ที่บริษัทก็คงจะนินทาฉันไปทั่ว หากไม่โดนไล่ตะเพิดออกมาก่อนฉันคงจะได้ประจานพวกมันแทนที่จะถูกโดนกุเรื่องมาใส่ร้ายกันแบบนี้
"ยัยแตมแย่งแฟนหัวหน้าจนโดนเขาไล่ออก" พาดหัวข่าวที่ฉันโดนมาวันนี้ พูดออกมาได้หน้าด้าน ๆ เป็นมันต่างหากที่แย่งไป มันแอบเอากันลับหลังฉันเป็นเดือน ๆ นี่มันผีเน่ากับโรงผุชัดๆ
(เลวมาก หญิงก็เลวชายก็ชั่ว เหมาะกันมาก) ทอฝันก่นด่าดังจนทะลุออกมานอกโทรศัพท์ เพื่อนรักของฉันก็ทำงานบริษัทนั้นรวมไปถึงไอ้ภามที่เป็นแฟนเก่าแสนจะหวยแตก เราเจอกันที่ทำงานโดยที่มันเป็นฝ่ายจีบฉันก่อนกระทั่งตกลงคบกันจริงจังในเวลาสามเดือนต่อมา ไม่รู้ว่าทนคบมาได้ยังไงถึงหนึ่งปีทั้งที่มันแสดงออกมาตลอดว่าต้องการแค่ร่างกายของฉัน แต่ฉันก็ปฏิเสธมันมาตลอดด้วยเหตุผลว่ายังไม่พร้อม สุดท้ายมันก็คงจะไปหาที่ระบายหาทางเอาน้ำกามของมันออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันแอบนอกกายนอกใจ แต่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันจับได้ จับได้คาห้องหัวหน้าอย่างอีพี่นิลจนฉันโวยวายและโดนไล่ออกมาแบบนี้
(แกไม่ต้องเสียใจให้ผู้ชายแบบนั้นเลยนะ คนเห็นแก่ตัวรักแต่ตัวเอง หวังไต่เต้าด้วยวิธีสกปรก)
"..." ฉันนั่งฟังทอฝันก็พลอยน้ำตาไหลรินจากหางตาหักห้ามไว้ไม่อยู่ ฉันไม่ได้เสียใจเลยที่ตัวเองได้สลัดตัวเห็บหมัดไม่มีอะไรดีออกจากชีวิตได้สำเร็จ แต่ฉันเจ็บใจที่มันทำให้ทุกอย่างในชีวิตของฉันพังทลายลงทั้งที่สร้างมากับมือ ทั้งหน้าที่การงานที่ฉันอดทนถึงสองปีเพื่อเลื่อนตำแหน่งความไว้ใจและเวลาแห่งความสุขที่หายไปตลอดหนึ่งปีผ่านมา
มันพังทลายหมดแล้ว…
(แตมแกฟังอยู่ไหม แตม...เฌอแตม) ฉันชะงัก…หลุดจากความคิดแล้วปาดน้ำตาออกลวก ๆ
"อือ ฟังอยู่" ก่อนที่จะตอบเพื่อนที่ขานเรียกอยู่นานสองนาน
(หลังเลิกงานฉันไปหา อย่าคิดฟุ้งซ่านเข้าใจไหม)
"แกไม่ต้องมาหรอก"
(แล้วแกจะอยู่คนเดียวได้ยังไง)
"ใครบอกว่าฉันจะอยู่คนเดียว ถึงเวลาที่ฉันจะทำตามใจตัวเองบ้างแล้ว"
(ก่อนจะทำอะไรแกต้องคิดเยอะ ๆ นะแตม)
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอก แกสบายใจได้" ว่าจบฉันก็กดวางสายจากยัยทอฝันโดยไม่ได้ฟังอะไรอีกเลย อย่างไรเสียวันนี้ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว จึงใช้เวลาว่างโดยการนอนชาร์จพลังให้เต็มที่ เพราะคืนนี้ฉันจะออกไปทำตามใจโดยการทำอะไรใหม่ ๆ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ในเมื่อเป็นคนดีแล้วมันไม่ได้ผลดีตอบแทนสักอย่าง ฉันก็คงต้องเปลี่ยนตัวเองไปอีกแบบเผื่อว่าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตบ้างเหมือนกัน
THE BEST BAR
"ขอเหล้าแรง ๆ หน่อยค่ะ" ฉันสั่งบาร์เทนเดอร์แล้วหย่อนตัวนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ในร้านเหล้าแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ร้านที่ขึ้นชื่อว่ามีแต่ผู้ชายงานดีเป็นอันดับต้น ๆ คัดแต่ตัวท็อปเดินกันว่อน ที่นี่จึงเป็นเป้าหมายหลักที่ทำให้ฉันปักหมุดแล้วตรงดิ่งเพื่อมาดื่มย้อมใจ
"มาครั้งแรกเหรอครับ" บาร์เทนเดอร์วางเครื่องดื่มแล้วยกยิ้มหวานให้ฉัน แค่บาร์เทนเดอร์ก็กินขาดแล้ว…หล่อกว่าไอ้แฟนเก่าเฮงซวยนั้นเป็นกอง
"รู้ได้ยังไงเหรอคะ?" ฉันคลึงเครื่องดื่มวนเบา ๆ แล้วยิ้มโปรยเสน่ห์ให้เขา เห็นยัยทอฝันทำจึงจำมาทำบ้าง และดูเหมือนว่าผลคงออกมาดีเพราะบาร์เทนเดอร์หนุ่มจ้องมองฉันไม่กระพริบตา
"ผมไม่คุ้นหน้า แถมคุณยังไม่มีเครื่องดื่มประจำ"
"แล้วคุณคิดว่าแบบฉันควรดื่มอะไรล่ะคะ?" ฉันฉีกยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง มีเพื่อนคุยหน้าตาดีแบบนี้ค่อยคลายเหงาคนอกหักขึ้นมาหน่อย
"White lady ดีไหมครับ รสชาติออกเปรี้ยวและฝาดเบา ๆ จากเลมอน ผสมกับเหล้าจินและครองโทร์ รสชาติแรงแบบที่คุณต้องการ สำหรับคนสวยที่มีเรื่องทุกข์ใจผมว่าคุณน่าจะชอบ" เรื่องทุกข์ใจเหรอ…
"หน้าฉันมองออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?"
"เปล่าหรอกครับ ผมแค่เจอคนแบบคุณมาเยอะ เลยลองเดาใจดู"
"งั้นคุณก็คงเดาถูกแล้วล่ะค่ะ" ฉันควงแก้วเหล้า white lady ไปมาเพิ่มเสน่ห์ไปในตัว เขาว่ากันว่ามันทำให้ดูน่าดึงดูดกับเพศตรงข้ามขึ้นซึ่งฉันก็เห็นด้วย เพราะในตอนที่นั่งก็มีผู้ชายชายตามองไม่ขาด แต่ก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมา อยากเป็นผู้หญิงสวย แพง นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วมีผู้ชายเข้ามาทักเอง
คิดแล้วก็ตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ทำอะไรแบบนี้…
ระหว่างนั้นบาร์เทนเดอร์ก็หันไปทำเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆ แต่ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ฉันเป็นระยะ สายตาประกายความเจ้าชู้ ดูเป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่สเปกฉันเท่าไหร่ ราวกับกำลังลงเล่นกับไฟ เล่นไปก็มีแต่จะโดนไฟคลอก สุดท้ายก็สะบักสะบอมกลับมาเหมือนเคย สำหรับเขาฉันสนุกเพียงแค่นี้แหละปลอดภัยที่สุดแล้ว
ฉันค่อย ๆ จิบเหล้ารสชาติที่เขาเสนอมาให้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีที่ฉันออกมาดื่มคนเดียว ปล่อยตัวปล่อยใจกับแอลกอฮอล์เพราะไม่อยากคิดอะไรมากมาย ปล่อยให้เรื่องงานเป็นเรื่องของอนาคต เรื่องซวย ๆ เป็นเรื่องในอดีต ส่วนปัจจุบันอยากอยู่เงียบ ๆ เสพบรรยากาศและเสียงดนตรีไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็พอใจแล้ว
"อ้าวเฮียมาแล้วเหรอ…" ฉันปรายมองคนที่บาร์เทนเดอร์กำลังคุยด้วย เขาหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ ฉันแล้วพยักหน้าให้เขาเอาเครื่องดื่มมาให้
"เหมือนเดิมใช่ไหมครับ?"
"อืม" ร่างสูงในชุดสูทหันมามองที่ฉันกลับบ้าง ได้เจอคนหล่อก็พลอยใจสั่นขึ้นมาอีก นัยน์ตาเทาเข้มดูดุแต่ก็มีความใจดี เข้ากับใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาที่แม่ให้มาเต็ม ผมดำปรกใบหน้าลงมาปิดตานิด ๆ ให้ตายเถอะ…ยังมีคนหล่อมากขนาดนี้อยู่บนโลกใบนี้อีกงั้นหรือ ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทั้งรูปร่างที่สมส่วนและรอยยิ้มเบา ๆ ที่กระชากวิญญาณฉันไป
"หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอครับ" น้ำเสียงก็เพราะจนน่าฟัง คนอะไรดูดีแบบไม่มีที่ติ
แบบนี้แหละถึงเรียกว่า…สเปกของฉัน
"คุณครับ…"
"ค คะ…" คงเพราะฉันหลงอยู่ในภวังค์ความหล่อของเขาอยู่นานจึงไม่ได้ฟังว่าเขาคุยกับฉันก่อนหน้าแล้ว
"มาคนเดียวเหรอครับ?" เขาถามพร้อมรอยยิ้ม ไหนคนอกหักอยู่ตรงไหน ตอนนี้เห็นทีว่ามีแต่คนอยากจะลิ้มลองผู้ชายคนใหม่เท่านั้น
"ค่ะ…ฉันมาคนเดียว แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันไม่อยากกลับคนเดียวแล้ว"
ห้าปีผ่านไปเวลาผ่านไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฉันอายุเข้าเลขสามเจ้าฝาแฝดของฉันก็ได้ 7 ขวบพอดี วัยกำลังซุกซน สร้างเสียงหัวเราะ แต่ในขณะเดียวกันก็เหนื่อยหน่ายกับความดื้อของพวกเขาเหมือนกัน"ทำอะไรอยู่คะ?" ฉันโน้มกอดแผ่นหลังของคนที่ยืนหันหน้าเข้าหาเตา กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งในอากาศทั่วบ้านของเรา ยังเป็นฉันที่เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีสามีดี ๆ ที่ฟ้าส่งให้มาอยู่เคียงข้าง ไม่มีวันไหนที่ไม่มีความสุขเลย"มีแซนด์วิชทูน่า แล้วก็ข้าวผัดให้ลูกครับ""หอมจัง ~" ฉันไม่พูดเปล่า ว่าแล้วก็ฝังจมูกกับแผ่นหลังกว้างของเขา ความหอมที่ฉันหมายถึงไม่ได้หมายถึงข้าว แต่เป็นกลิ่นกายของเขาที่คุ้นเคยและชวนตกหลุมรักซ้ำไปซ้ำมา"ระวังจะไม่ได้ไปปิกนิกนอกบ้านนะครับ" ฉันหยุดการกระทำในทันที สุดสัปดาห์แบบนี้ก็ต้องออกไปใช้ชีวิตครอบครัวข้างนอกบ้าง วาดรูป อ่านหนังสือ และพาลูกวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะฉันรอวันนี้มาตั้งหลายวัน"ไม่แกล้งแล้วก็ได้" ฉันเป็นต้องผละใบหน้าออกเล็กน้อย กลัวสามีจะจับทำกิจกรรมในบ้านมากกว่าออกไปตามที่แพลนเอาไว้"หึ...ลูกล่ะครับ" คุณไคเรนกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ ว่าไม่ได้เพราะหลังจากแต่งงานคนอบอุ่นของฉันค่อ
ณ คาเฟ่ในสวนกับบรรยากาศเขียวชอุ่มที่มีฉันคุณไคเรนและลูกน้อยฝาแฝดอีกสองคน กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ และขนมที่เพิ่งออกจากตู้อบลอยฟุ้งมาถึงเราที่นั่งสูดอากาศอยู่ในสวนข้างนอกแต่ให้ความเป็นส่วนตัว"เสียดายจังยัยทอฝันมีธุระต่อ คนอื่นก็หนีกลับไปหมดแล้ว เราเลยต้องมาเลี้ยงฉลองกันแค่สี่คน" ท่านประธานป้ายแดงแบบฉันที่ตั้งใจจะพาทุกคนมาเลี้ยงกลับเหลือกันอยู่แค่นี้"ทุกคนคงเกรงใจน่ะครับ" ฉันก็คิดแบบนั้น หลังเลิกงานก็อยากให้เป็นเวลาครอบครัว ฉันจึงไม่ได้บังคับใคร ทว่างานเลี้ยงที่มีครอบครัวเล็ก ๆ พ่อแม่ลูกแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน"คิณห์หิวแล้ว" คิณห์แฝดพี่ชี้ไปที่เครปผลไม้ในจานตรงหน้า บ่งบอกว่าลูกอยากกินมากเพราะแววตาที่ลุกวาวทำฉันผุดยิ้มอย่างเอ็นดู"ริณหิว" ตามด้วยคาริณแฝดคนน้องที่คลานตามไม่กี่นาทีจากพี่ชาย รายนี้นอกจากจะคลอดตามเขาแล้ว ยังขยันลอกเลียนแบบพี่ชายเกือบทุกอย่าง ทั้งพูดตาม กินตาม ไหนจะเดินตาม เรียกว่าขาดกันไม่ได้สมกับเป็นฝาแฝดกันจริง ๆ"พ่อป้อน" คิณห์เขย่าแขนคนเป็นพ่ออย่างรีบร้อน ส่วนอีกข้างก็ถูกคาริณเขย่าแขนตามด้วย"พี่ก่อน" คิณห์จดจ้องน้องคิ้วขมวด เป็นเรื่องปกติที่บ้านเราจะประสบพบเจอในแต่ละวัน ฉั
"คุณภรรยาท่านประธานคะ คุณสามีเรียกพบค่า ~" ฉันเงยหน้ามองเลขาท่านประธานใหญ่ของแกลอรี่ WHITE COAT ที่เดินมาเรียกฉันถึงที่โต๊ะ ทั้งยังส่ายหัวแล้วอมยิ้มให้พี่เนยที่ใช้สรรพนามเย้าแหย่เข้าทุกวัน"พี่เนย...แตมแต่งงานมาสามปีแล้วนะคะ ยังไม่เลิกแซวอีก" สามปีผ่านไปบรรยากาศสุดแสนจะผ่อนคลายของออฟฟิศเราก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ความเป็นพี่น้อง ความเฮฮาสนุกสนานกับการทำงานยังไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่ฉันที่ได้เลื่อนเป็นภัณฑารักษ์หลักเช่นเดียวกับพี่ใหม่แล้ว และรับน้อง ๆ ภัณฑารักษ์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอีกหลายคน ด้วยแกลอรี่ที่ขยายใหญ่ขึ้น สรรสร้างนิทรรศการที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นทุกปี กระทั่งตอนนี้ WHITE COAT ดังไกลไปถึงหลายประเทศ หลายคนแห่แหนกันมาเพื่อดูนิทรรศการของเราโดยเฉพาะ"เรารีบไปเถอะ ให้คุณสามีรอนาน ๆ มันไม่ดีน่า ~" พี่เนยฉีกยิ้มกว้างกระทั่งพนักงานคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันสนับสนุนส่งเสียงกระเซ้ายกใหญ่"พอเลยนะทุกคน ได้เวลาเลิกงานแล้วรีบกลับก่อนฝนจะตกนะคะ" ฉันทิ้งท้ายพวกเขาก็รีบเดินหนีเข้าไปในห้องทันที ท้องฟ้าเมฆครึ้มมาแต่ไกลไม่เป็นอุปสรรคต่อการแกล้งฉันจริง ๆฉันดันประตูห้องคนที่ทำให้โดนแซวทั้งสำนักงาน จนเห็นเจ้าตัว
ในห้องทำงานที่แยกส่วนจากเพนท์เฮ้าส์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีของพู่กันบนกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่ง และเสียงลมหายใจของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาใส่ใจกับผลงานที่อยู่ตรงหน้าใช่แล้ว...ศิลปิน KR ผู้โด่งดังกำลังวาดรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่รูปคน ไม่ใช่ภาพวิวทิวทัศน์อย่างที่เขามักคุ้นเคย แต่มันคือม้าโยกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่เขาค่อย ๆ ลงสีด้วยความประณีตที่สุดเท่าที่เคยทำมาขาของมันทำจากไม้ ฐานเป็นทรงโค้ง และเบาะที่นั่งถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงตุ่น ๆ ถอดออกมาจากต้นแบบม้าโยกไม้ของจริง ที่ตั้งประดับเป็นความทรงจำของพวกเธอเกี่ยวกับเจ้าก้อนที่ไคเรนไม่เคยลืมสักวันรอบนอกของรูปภาพถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองต้น แบ่งซ้ายและขวาข้างละต้นโดยมีกิ่งก้านทอดยาวโอบรอบม้าโยก เป็นตัวแทนของพ่อและแม่ที่ปกป้องลูกน้อยจากภัยอันตราย ใส่สีโทนเหลืองให้ความรู้สึกอบอุ่นกับภาพวาดภาพนี้ ทั้งยังสลักชื่อ 'คิณห์&คาริณ' แสดงถึงความตั้งใจของคนวาดภาพเพื่อจะมอบเป็นของขวัญให้กับอีกหนึ่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตภาพวาดที่เป็นดั่งตัวแทนของเจ้าก้อนลูกที่เธอและเขายังไม่มีโอกาสได้กอดออกมาเสร็จสมบูรณ์ในเวลาต่อมามือไคเรนเปื้อนไปด้วยสีวาด เช่นเดียวกับเสื
ในวันหยุดจากการทำงานเฌอแตมกำลังตั้งใจทำอาหารเพื่อรอให้ใครอีกคนกลับมาทานอาหารด้วยกัน โดยเมนูที่เลือกรังสรรค์ก็เจาะจงเป็นเมนูที่เขาโปรดปราน เอาใจคนทำงานหนักให้กลับมาจะได้สลัดความเหนื่อยล้าด้วยรสมือชั้นเลิศของแฟนสาวแบบเธอเสียงเปิดประตูทำให้คนตัวเล็กรีบวิ่งออกไปต้อนรับถึงที่ ฉีกยิ้มกว้างให้เขาแล้วยื่นมือรับเสื้อคลุมของคนรักมาถือให้"ขอบคุณครับ" ไคเรนรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง มีคนตั้งตารออยู่ที่บ้านมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง ว่าแล้วก็ประคองใบหน้าสวยจูบซับหน้าผากมนเป็นการรางวัล ชื่นใจทั้งคนมอบแบบเขาได้เห็นหน้าแฟนสาวเท่านี้ก็หายเหน็ดเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว"วันนี้ฉันทำต้มข่าไก่ของโปรดคุณด้วย" เฌอแตมภูมิใจนำเสนอ เมนูนี้สำหรับเธอแล้วค่อนข้างจะทำยาก กว่าจะมั่นใจว่ามันออกมาอร่อยถูกใจเขาทานก็ชิมแล้วชิมอีกเพื่อให้แน่ใจ"เหนื่อยไหมครับฮื้ม...วันหยุดทำไมไม่พักผ่อนให้สบายตัวล่ะครับ" เสียงนุ่มว่าพร้อมกับดึงเธอลงมานั่งด้วย แน่นอนว่าดีใจมากที่มีคนให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่อยากทำให้เธอลำบาก แทนที่วันหยุดจะเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนเอาแรงเพื่อสู้กับการทำงานวันต่อ ๆ ไป"ฉันพักผ่อนเต็มที่แล้ว อยากต
ร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นในย่านที่เป็นร้านประจำของทั้งสองเพื่อนสนิทสุดซี้ เสียงเพลงคลอเบา ๆ พอให้คนในร้านได้พูดคุย ให้บรรยากาศของความอบอุ่นเหมาะแก่การรับประทานอาหารเป็นครอบครัว ไคเรนเดินตามเฌอแตมเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ให้ดูสุภาพ ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าคนที่กำลังจะได้เจอไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น 'ทอฝัน' เพื่อนสนิทที่เธอมักพูดถึงเสมอ และที่สำคัญกว่านั้นเธอคือคนที่เหลืออยู่ในฐานะครอบครัวของเธอเพียงคนเดียวหญิงสาวเจ้าของชื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่เดินควงแขนใครคนนั้นเธอก็ใช้สายตาไล่สแกนชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า"รอนานไหมแก" เฌอแตมทักทายอย่างเป็นกันเอง กำลังจะหย่อนตัวนั่งตรงกันข้ามทว่าทอฝันกลับพูดเสียงเรียบขึ้นมา"แกมานั่งฝั่งนี้สิ ให้คุณไคเรนนั่งฝั่งนั้น" ทอฝันมองที่นั่งข้างตัว เป็นการบอกกราย ๆ ว่าที่นั่งถูกต้องของเธอคือฝั่งนี้ ในขณะที่เฌอแตมกำลังจะแย่งขึ้นมาแต่เธอก็ส่ายหัวไม่อยากให้เฌอแตมถึงเงียบลง"คุณนั่งกับเพื่อนเถอะครับ" ไคเรนเผยยิ้มให้แฟนสาวยอมทำตาม แล้วเจ้าตัวก็รีบนั่งพร้อมยกมือเรียกบริกรขอเมนู"เล่นอะไรของแก" เฌอแตมกระซิบถามเพื่อนเสียงเบา ปกติก็ไม่ใช่คนที่จะมาเก๊กขรึมใส่ใคร