Masukก็อก ๆ
ฉันรีบเปิดประตูรับคนใหม่ที่เพิ่งมาถึงคอนโด คนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากยัยทอฝันเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต
"ฮัลโหลลลล ~" เจ้าของเสียงหวานว่าจบก็เดินแทรกเข้ามาในห้องด้วยมือที่ถือของพะรุงพะรัง เต็มไปด้วยอาหารโปรดของฉันทั้งนั้น คนเพิ่งเลิกงานที่ยังไม่มีอะไรตกถึงห้องจึงตาลุกวาว
"ฉันซื้อข้าวมันไก่เจ้าดังมาฝาก เนื้อส่วนอกไร้มันรับรองดีต่อสุขภาพแน่นอน แล้วก็ยังมีสลัดผัก ผลไม้อีกสองสามอย่างเอาไว้บำรุงหลานของฉันจะได้แข็งแรงปลอดภัย" ฉันยกยิ้มพร้อมส่ายหัวให้คุณน้าขี้เห่อ ยังไม่ทันรู้ผลที่แน่ชัดก็เห็นแววว่าเจ้าเด็กของฉันจะมีแม่บุญธรรมที่รอต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
"ฉันกินหมดนี่ได้พุงแตกตายพอดี"
"ฉันก็เผื่อหลานฉันจะหิว แล้วแกเพิ่งกลับจากทำงานใช่ไหม กินอะไรมาหรือยัง ฉันจะได้เตรียมให้"
"ยัง ฉันรู้ว่ายังไงแกก็มา" ฉันรู้ดีว่าอย่างไรทอฝันก็ไม่ปล่อยให้ฉันต้องคิดมากอยู่คนเดียวกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว สิ่งที่โชคดีอีกอย่างหนึ่งในชีวิตก็คงมีเพื่อนที่รักฉันมากนี่แหละ
"งั้นแกก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ฉันเตรียมให้ ออกมาจะได้ทานเลย"
"แต่ฉันอยากช่วย"
"ไม่ต้อง ฉันทำเองถนัดกว่า ส่วนแกไปอาบน้ำค่ะ" ฉันโดนเพื่อนจับหมุนตัวแล้วดันหลังเบา ๆ ให้ตรงเข้าไปในห้องนอน อยากจะช่วยก็ไม่ให้ช่วย ขัดอะไรไม่ได้จึงต้องเข้าไปอาบน้ำอาบท่าตามคำสั่ง
ผ่านไปสักพักฉันในชุดนอนก็พร้อมที่โต๊ะอาหาร โดยมียัยทอฝันจัดการให้ทุกอย่างตั้งแต่เตรียมอาหารใส่จานและรินน้ำดื่ม
เพื่อนสนิทไม่ยอมให้ฉันทำอะไรเลยสักอย่าง จัดแจงจนครบแล้วก็ลงมานั่งตรงข้ามทานอาหารที่เธอซื้อมาแล้วพุดคุยกันอย่างสนุกสนาน
"ว่าแต่แกบอกที่ทำงานหรือยัง เรื่องท้อง?" ฉันส่ายหัว
"ฉันย้ำกับแกหลายรอบแล้วนะแตม เรื่องนี้สำคัญมากนะ" ทอฝันทำหน้าดุ
"ฉันเพิ่งเริ่มงานแค่วันเดียวนะฝัน บอกไปก็เกรงใจพี่ ๆ เขาเปล่า ๆ ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใคร อีกอย่างงานใหม่ไม่ได้หนักเลยสักนิด ฉันคิดว่าฉันทำได้โดยไม่ต้องบอกกับใคร"
"แต่ถ้าพวกเขารู้ก็จะได้ช่วยกันระวังไงแตม"
"แค่ท้องเองฝัน ฉันไม่ได้เป็นโรคร้ายสักหน่อย"
"ทำไมแกดื้อแบบนี้วะ" ทอฝันกอดอกแล้วเบือนหน้าหนี ฉันเข้าใจเพื่อนที่หวังดีเป็นห่วงฉันและลูกในท้อง ยิ่งเรื่องพ่อของลูกที่ยังหาทางออกไม่ได้ก็ยิ่งสร้างความลำบากใจกับเธอ
"แกไม่ต้องห่วงเลยฝัน ทุกวันนี้แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เต็มสังคมไปหมด ฉันแค่เป็นหนึ่งในนั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แล้วถ้าเด็กคนนี้เขามาจริง ๆ ฉันก็เต็มใจที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขา ฉันมั่นใจว่าฉันจะเลี้ยงดูเขาได้เป็นอย่างดี" ฉันลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบพร้อมเผยยิ้มให้ทอฝันสบายใจ หากในนั้นมีอีกหนึ่งชีวิตจริง ๆ ฉันก็เต็มใจที่จะเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี
"แล้วพ่อเขาล่ะ แกจะไม่ตามหาเขาให้เขารับผิดชอบเลยเหรอ?"
"คงไม่ล่ะ ใครเขาจะมารับผิดชอบคนเพิ่งรู้จักกันจริงไหม" อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วย ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวฉันที่ทำอะไรไม่ระวัง ฉันผิดเต็ม ๆ ไม่มีหน้าที่ไหนจะไปขอความรับผิดชอบจากเขา
"แต่แกไม่มีใครเลยนะ ทั้งพ่อและแม่ แล้วใครจะช่วยแกเลี้ยง" ทอฝันยังคงทำหน้าเศร้า
"ใครบอกฉันไม่มีใคร ฉันยังมีแกไง แล้วหลานก็จะมีแม่บุญธรรมที่รักเขามากเหมือนกัน" เพียงเท่านั้นเพื่อนสนิทก็คลี่ยิ้มหวาน รีบเดินมาสวมกอดฉันพร้อมลูบหลังเบา ๆ จนรู้สึกปลอดภัย เวลาแบบนี้ทำให้รู้ว่าใครรักเราจริง ๆ หนึ่งในนั้นมีทอฝันที่ฉันมั่นใจว่าเธอจะเคียงข้าง และคอยดูแลกันและกันอย่างนี้ตลอดไป
เช้าวันต่อมา
"เฌอแตมทำไมหน้าซีดแบบนั้น" ทันทีที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะทำงานของที่ทำงานใหม่ที่เริ่มเป็นวันที่สอง พี่ใหม่ก็รีบเดินเข้ามาทัก ก่อนที่จะว่าจบก็ทาบหลังมือบนหน้าผากเพื่อพยายามจะเช็คอุณหภูมิร่างกายให้
"ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่หนา" เธอเอ่ยด้วยใบหน้าสงสัย แต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงที่ทำฉันรู้สึกดี
"เมื่อคืนแตมคงจะนอนน้อยไปหน่อยค่ะ" ก็เมื่อคืนเล่นคลื่นไส้ทั้งคืน มีอาเจียนไปด้วยสองสามครั้งทำเอาฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอนวิ่งวุ่นสลับห้องน้ำกับห้องนอนเกือบทั้งคืน
"ไหวไหมเนี่ย กลับไปพักก่อนดีไหม หรือจะให้พี่พาไปโรงพยาบาล" ฉันส่ายหัวนิด ๆ เพิ่งจะเริ่มงานแต่กลับลาป่วยเลย คงไม่ดีมั้งฉันว่า…
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ใหม่ ได้ยาดมก็น่าจะดีขึ้น" ฉันแวะซื้อระหว่างทางมาแล้วด้วย ได้สูดเข้าไปเต็มไปปอดสักพักก็น่าจะดีขึ้น
"ยังไงก็บอกพี่นะ อย่าอดทนคนเดียวเข้าใจไหม"
"ค่ะพี่ใหม่ ขอบคุณนะคะ" ถ้าเป็นที่ทำงานเก่าฉันคงจะโดนด่าเพิ่ม ยิ่งเป็นยัยหัวหน้างานคนนั้นยิ่งได้โอกาสหาข้ออ้างมาต่อว่าฉันแน่นอน แต่กับที่นี่แตกต่างกันอย่างลิบลับ ทุกคนพร้อมใจกันเป็นห่วงและจับสังเกตฉัน ไม่เพียงแค่พี่ใหม่คนเดียว แต่พี่อีกสี่คนที่เหลือก็แวะเวียนกันถามไถ่อาการฉันอยู่ตลอดเวลา
"เฌอแตมจะไปไหน?" ฉันชะงักเท้าปรายไปตามเสียง หลังจากเพิ่งลุกจากที่นั่งก็ถูกพี่ ๆ เรียกขึ้นมาก่อน
"แตมว่าจะไปหาอะไรดื่มในครัวหน่อยค่ะ" ยิ่งอยู่หน้างานก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม อาการของฉันชักไม่ค่อยดีจึงคิดว่าหาอะไรหวาน ๆ อย่างเช่นเครื่องดื่มผสมน้ำตาลน่าจะดีขึ้นมา
"ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ มานั่งเถอะ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้" พี่ใหม่เสนอ
"ไม่เป็นไรค่ะ แตมไหว พี่ ๆ เอาอะไรไหมคะ?" ทุกคนส่ายหัว
"ไหวแน่ใช่ไหม?" ขณะที่ฉันพยักหน้าอีกครั้ง เกรงใจที่จะให้เขาต้องมาดูแล จึงฝืนสังขารพาตัวเองตรงไปที่ครัวเล็ก ๆ ในบริษัท ที่มีทั้งมุมกาแฟและโต๊ะอาหารสำหรับบริการพนักงาน
ครัวของบริษัทอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่อยู่ ๆ ไอ้ตาที่มันเคยสว่างก็เริ่มพร่ามัว เสียงรอบข้างเริ่มอื้ออึง กระทั่งฉันได้ยินเสียงที่เรียกชื่อฉันลาง ๆ แล้วภาพสุดท้ายที่จำได้ก็มีแต่ความมืดมิดพร้อมกับความรู้สึกอกแข็งของอ้อมกอดใครสักคนที่ประคองไม่ให้ฉันล้มลงกับพื้น แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
…
…
"แตม เฌอแตม…" ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกของใครสักคนที่พยายามเรียกสติ ภาพที่เริ่มมัวตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งฉันกระพริบตาถี่ ๆ ปรับสายตาก็เห็นพี่ใหม่ที่กำลังถือยาดมจ่อที่จมูกของฉัน
"แตมเป็นลมเหรอคะ?" ฉันชันตัวพยายามขึ้นมานั่ง โดยมีพี่ ๆ คอยช่วยเหลือ
"ใช่ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม ไปหาหมอไหม?" ฉันส่ายหัวหวือ แค่นี้ทุกคนก็ลำบากเพราะฉันมากพอแล้ว
"ไม่เป็นไรค่ะ แตมโอเคขึ้นแล้วจริง ๆ"
"โชคดีนะที่ไม่ล้มหัวฟาดพื้น" หนึ่งในพี่ร่วมงานถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉันก็ว่าตัวเองโชคดีที่มีใครมารับเอาไว้ก่อน ไม่งั้นก็คงหัวฟาดพื้นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ
"ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยแตม"
"ไม่ใช่พวกพี่หรอก"
"แล้วใครเหรอคะ?" ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย กระทั่งทุกคนมองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนจะมีคนหนึ่งที่ขยับออกให้ฉันเห็นใครบางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากโซฟาที่ฉันถูกจับให้นอน
"บอสน่ะ" บอส…หมายถึงท่านประธานบริษัทน่ะเหรอ!?
"โอเคขึ้นไหมครับ?" ทำไมน้ำเสียงคุ้นหูจัง ไม่สิ…ไม่ใช่แค่เสียง ใบหน้าฟ้าประทานฉันก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนกัน
"คะ คุณ!!"
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ" "ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว" "คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้
พรึ่บ!ไฟในห้องเปิดสว่างจ้า คนนอนหลับสบายค่อย ๆ ลืมตาเมื่อถูกรบกวน ก่อนที่จะเห็นพี่ชายตัวโตที่เป็นคนทำเธอรีบคลานลงจากเตียงมามอง"อะไรของเฮียเนี่ย จีจะนอนพรุ่งนี้งานเช้านะ" "มาร์กหน้าให้เฮียหน่อย" "ฮะ ฮ้ะ? เฮียเนี่ยนะจะมาร์กหน้า" "งานแต่งก็ต้องหล่อหน่อยไหม เดี๋ยวเมียจะว่าเอาได้" "เห็นแก่ที่เฮียจะเป็นเจ้าบ่าวหรอกนะ จีจะทำให้ ไปอาบน้ำที่ห้องเลยเดี๋ยวจีตามไปทำให้" "รีบตามมานะน้องรัก" เจโรมจุ๊บหัวเหม่งของน้องสาวแล้วตรงกลับห้อง เขาเองก็ยอมรับว่าตื่นเต้นเป็นบ้าที่จะได้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตสักครั้ง แต่ที่ทำให้ตื่นเต้นมากกว่าก็คงจะได้เห็นหน้าคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบเดือนเต็มเช้าวันต่อมางานแต่งถูกจัดขึ้นบนโรงแรมหรูเดลตาดอทพีหรือโรงแรมของดีแลน ทุกอย่างถูกอำนวยความสะดวกและคุ้มกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นงานแต่งของมาเฟียแล้ววันนี้ยังเป็นวันแต่งตั้งประมุขเจอาร์อย่างเป็นทางการ เป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงผู้มีอำนาจคนใหม่ในตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งตระกูลรวมไปถึงนายหญิงคนใหม่ของเจอาร์ที่จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปช่วงเช้าจะเป็นพิธีการแต่งงานแบบธรรมดาไม่หวือหวาโดยเชิญแค่คนสนิทเจ้าบ่าวเจ
คราวนี้ทั้งฉันและพี่โรมต่างเบิกตากว้างพร้อมกัน งานแต่งงานต้องแพลนล่วงหน้าอย่างน้อยก็สองสามเดือน ให้ตายเถอะ...ไม่ใช่แค่เขาที่จะอยู่ไม่ได้ฉันเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน "คุณมันไม่เกินไปเหรอ..." ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ "ถ้ารักกันจริงก็ต้องอดทนได้" "ฉันก็เห็นด้วยกับกำนันนะ แยกกันไปทำหน้าที่ก็ดี จะได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ทำได้ไหมเจโรม?" รอบนี้ไม่ใช่พ่อของฉันแต่พลอยเป็นคุณลุงจาร์ฟาที่คล้อยตามไปด้วย "คะ ครับ ทำได้..." พี่โรมตอบเสียงอ่อย ฉันรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือก แต่มันนานเกินไปไหม...ฉันอยากจะร้องไห้ "งั้นก็ตกลงตามนี้ ส่วนฤกษ์แต่งงาน เดี๋ยวฉันอาสาดูให้ ยังไงจะแจ้งคุณน้องไปนะ" "ได้จ้ะคุณพี่" ผู้ใหญ่สี่คนตกลงกันเข้าท่า ในขณะที่ฉันกับพี่โรมนั้นได้แต่มองกันตาละห้อย จะต้องแยกกันอีกแล้วคราวนี้น่าจะนานสุดตั้งแต่ที่แยกกันมาเลย "ผมขอพาน้องไปเดินเล่นก่อนนะครับ" พี่โรมขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ จนพ่อฉันหันมามอง ท่านเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าอนุญาต เราสองคนออกมาเดินเล่นในสวนข้างบ้าน จับมือกันชมพระอาทิตย์ในยามเย็นกับลมโกรกอ่อน ๆ ที่ปะทะใบหน้า "พ่อเธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง" พี่โรมเลื่
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน "แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่ "พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม "จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด "คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ" "เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว" "น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก "พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน" "งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก "งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอ
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท" "ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ" "ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ" "งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย" "พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด "มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่น






![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
