"เฌอแตม เฌอแตม" บรรดาพนักงานหญิงทั้งสี่คนช่วยเขย่าแขนคนที่นิ่งสนิทราวกับวิญญาณออกจากร่าง หลังจากได้สบสายตาคนที่คุ้นหู เฌอแตมผู้เป็นลมพับก็ไร้การตอบรับใด ๆ จนกระทั่งถูกใครคนใดคนหนึ่งเขย่าตัว
"ค คะ!?" กว่าจะได้สติก็เล่นนานนับนาที เธอละสายตาจากท่านประธานที่ทำงานใหม่มองเพื่อนร่วมงานผู้หวังดี โดยใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา ย้อนแย้งกับมือบางที่เย็นเฉียบจนคนข้าง ๆ แปลกใจ
"พี่ว่าท่าไม่ดีแล้ว ไปโรงพยาบาลเถอะ" หนึ่งในพนักงานกล่าวขึ้นมา
"ตะ แตมไม่เป็นไรค่ะ แตมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" จบประโยคเฌอแตมก็รีบลุกจากโซฟา เดินก้มหน้างุดผ่านหน้าทุกคนที่พากันงุนงงยกใหญ่ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคนมีแรงไร้ร่างของคนหมดแรงจนเป็นลมเสียอย่างนั้น
"ค่อย ๆ เดินนะแตม" ใหม่ตะโกนไล่หลังหญิงสาวที่ทำตัวรีบร้อนเหมือนกำลังหนีอะไร ก่อนจะเบนสายตามองท่านประธานก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
"พวกคุณไปทำงานต่อเถอะครับ คุณใหม่…ถ้าภัณฑารักษ์คนใหม่พร้อม ช่วยพามาที่ห้องผมหน่อยนะครับ" คนมาดนิ่งในชุดสูทสีเข้มพูดขึ้น แล้วขยับลุกขึ้นเดินผ่านหน้าพวกเธอเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวที่ไม่ได้ไกลกันมาก
"รับทราบค่ะบอส"
ตัดภาพมาที่คนในห้องน้ำได้แต่ยืนหัวใจเต้นระรัว การรับรู้ว่าตนท้องไม่น่าตกใจเท่าการบังเอิญเจอหน้าพ่อของลูกในท้องอีกครั้ง
เขามาอยู่นี่ได้ยังไง!?
คำถามที่วิ่งวนในหัวของเธอตลอดมา ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งโลกจะเหวี่ยงคนที่ไม่คิดจะพบเจอ กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เธอจำหน้าเขาได้แม่น!
น้ำเสียงใจดีที่นุ่มลึกยังคงเหมือนเดิม แค่ได้ยินก็รู้สึกดีเขาเป็นเหมือนวันนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง
แต่สิ่งที่จะทำต่อไปคืออะไร?
เหตุการณ์ครั้งนี้ตั้งคำถามมากมายกับเธอ แต่คำถามนี้มันก็เด่นชัดแซงหน้าขึ้นมาจนเธอทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นเทาไปหมด ทั้งที่เธอจำเขาได้อย่างแม่นยำ แต่สำหรับเขาเธอไม่แน่ใจว่าจะเหมือนกันหรือเปล่า
แล้วถ้าจำได้ล่ะ!
เขาจะไล่เธอออกหรือเปล่า หรือจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน
"ให้ตายเถอะ หัวจะระเบิดอยู่แล้ว!!" เฌอแตมสบถคนเดียวเสียงดัง ความคิดในหัวพันยุ่งเหยิงราวกับใยแมงมุม ไม่ทันสังเกตเลยว่าด้านหลังของเธอมีคนเปิดประตูเข้ามาพอดี
กระทั่งหันมามอง
"พี่ใหม่…" เฌอแตมที่เห็นผ่านกระจกตรงหน้ารีบหันไป ขณะที่ใหม่ยังงง ๆ เห็นเธอเข้ามานานจึงเป็นห่วงและอาสาออกมาตาม
"เป็นอะไรไหมแตม หน้าเราเครียด ๆ นะ"
"แตมน่าจะยังปรับตัวกับงานไม่ค่อยได้ สงสัยคงเครียดลงกระเพาะ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากนะคะ" เฌอแตมว่าด้วยใบหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ ทั้งที่เพิ่งเข้ามาก็สร้างเรื่องให้เสียแล้ว มีแต่จะทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย
"ไม่เป็นไรเลย เราเข้ามาที่นี่ก็เหมือนเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาแตมเจอกับอะไรมา แต่พี่อยากให้แตมรู้ว่าที่นี่เรานับถือกันเป็นพี่น้องจริง ๆ ถ้าแตมมีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีปัญหาอะไรอยากให้พวกพี่ช่วย บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ" ภัณฑารักษ์ใหม่ว่าจบก็ลูบหัวคนตรงหน้าอย่างรักใคร่เอ็นดู เป็นเหมือนน้องสาวอีกคน แม้จะเพิ่งเจอะเจอกันได้ไม่นานแต่เธอก็มั่นใจว่าเฌอแตมเป็นเด็กดีอย่างที่แสดงออกมา จิตใจดี น่ารักและอ่อนโยน แน่นอนว่าเธอต้องรับเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว
"แตมขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริง ๆ" หญิงสาวน้ำตารื่น ที่ทำงานเก่านอกจากทอฝันก็ไม่มีใครหวังดีกับเธอจริง ๆ แม้กระทั่งกับคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนเก่า ก็ล้วนแต่อยากได้ผลประโยชน์จากเธอก็แค่นั้น
"จริงสิ บอสตามให้เราเข้าไปพบน่ะ"
"ตะ แตมเหรอคะ?" เฌอแตมชะงักกึก หรือเขาจะเรียกไปคุยเรื่องนั้น
"น่าจะให้เข้าไปทำความรู้จักแหละ อย่างที่บอกว่าพวกเราอยู่กันเป็นครอบครัว บอสก็เช่นกัน รีบไปกันเถอะ"
"ค ค่ะ" เพียงเท่านั้นเฌอแตมก็ต้องจำใจเดินตามเพื่อนร่วมงาน คนที่กำลังพาเธอเข้าไปเจอพ่อของลูกที่ยังไม่มั่นใจว่าเขามาหรือยัง แต่เท่าที่อาการแสดงสองวันที่ผ่านมา ทั้งคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนหัว ก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามีเด็กอยู่ในท้องจริง ๆ
"น้องใหม่มาแล้วค่ะบอส เฌอแตมค่ะ"
"สวัสดีค่ะบอส" คนตัวเล็กยกมือไหว้ทั้งที่ยังหลบสายตา ขณะที่ใหม่กำลังพูดเธอก็ก้มมองพื้นตลอดเวลา กลัวว่าเขาจะจำได้ แม้รู้ว่าหลบหน้าครั้งนี้ก็ต้องมีครั้งอื่น ๆ ที่ต้องเจอกันอีกก็ตาม
"คุณใหม่อธิบายงานให้คุณเฌอแตมแล้วใช่ไหมครับ"
"เรียบร้อยค่ะบอส น้องคงจะยังเกร็ง ๆ แต่ทำงานดีเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้" ประโยคนั้นทำท่านประธานปรายไปยังคนที่ถูกพูดถึง แต่เธอก็ยังคงก้มหน้าหลบหลีกสายตาอยู่อย่างนั้น
"ผมขอคุยกับคุณเฌอแตมหน่อยนะครับ คุณใหม่ออกไปทำงานต่อเถอะ"
"ค่ะบอส" ใหม่แตะมือเฌอแตมเพื่อให้กำลังใจคนขี้กลัว แล้วเดินจากไปทิ้งให้ภายในห้องเหลือเพียงแค่คนสองคนที่คนหนึ่งกำลังกลัว ส่วนอีกคนก็แทบไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร
"ผมไคเรนครับ เป็นเจ้าของแกลอรี่" คนตรงหน้าว่าด้วยเสียงนุ่ม นัยน์ตาสีเทาเข้มกำลังทอดมองเธอตลอดเวลา ยิ่งเป็นแบบนั้นก็ยิ่งทำเฌอแตมแทบหยุดหายใจ เธอทั้งสั่นกลัว ทำตัวไม่ถูก เรื่องคืนนั้นกำลังวนเวียนในหัวของเธอ อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนวันไนท์แสตนด์กับเจ้านายตัวเองเสียอย่างนั้น
"คุณฟังผมอยู่ไหมครับ" ประโยคที่ดังขึ้นทำให้เฌอแตมวิญญาณกลับเข้าร่างอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วสบสายตาคู่คมที่ยังคงหยุดอยู่ที่คู่สนทนาอย่างเธอ
"ค ค่ะบอส เฌอแตมค่ะ"
"ผมทราบแล้วครับ คุณใหม่แจ้งผมแล้ว" เฌอแตมเม้มปากแน่น ตอนนี้เธอรู้สึกลนลานไปหมด อยู่ ๆ สมองมันก็ว่างเปล่าทั้งที่เรื่องงานเธอไม่เคยพลาด
"อะ เอ่อ…คือ"
"ที่เป็นลมเป็นยังไงบ้างครับ" เมื่อเห็นคนอึดอัดทำอะไรไม่ถูก ไคเรนจึงเป็นฝ่ายสวนขึ้นมาแทน
"อะ อ๋อ…ดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะที่ช่วยรับไว้"
"ไม่เป็นไรครับ แกลอรี่ WHITE COAT ยินดีต้อนรับนะครับ คุณคงจะรู้วัฒนธรรมการทำงานของพวกเราคร่าว ๆ แล้ว ขอให้คุณมีความสุขกับงานนะครับ"
"…"
"งานศิลปะจะสื่อสารได้ลึกที่สุด ก็ต่อเมื่อคนเบื้องหลังทำมันด้วยหัวใจ เมื่อคุณรักในสิ่งที่ทำ คนที่มาชมก็จะรู้สึกได้โดยไม่ต้องมีคำอธิบาย นี่เป็นเหตุผลที่ผมสร้างที่นี่ขึ้นมา" เขาไม่เพียงแต่เป็นคนที่ดูอบอุ่นแค่ภายนอก แต่ทุกการกระทำที่แสดงออกรวมไปถึงคำพูดทำให้เฌอแตมเชื่อว่าเขาเป็นคนอย่างนั้น จากครั้งนั้นกำลังใจของเขาทำให้เธอรู้สึกมีความกล้าขึ้นมา กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อทำตามใจตัวเอง นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คืนนั้นเธอคิดที่จะเลือกเขา
"ขอบคุณค่ะบอส ฉันจะทำงานให้ออกมาดีที่สุด"
"ครับ"
"ถะ ถ้างั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" ว่าจบคนตัวเล็กก็รีบหมุนตัวพร้อมความโล่งอก ผ่านไปตั้งสามเดือนเขาคงจะจำหน้าเธอไม่ได้ นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะเธอจะได้ทำงานที่นี่อย่างโล่งใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำตัวอย่างไรตอนเจอเขา สามารถทำเหมือนว่าระหว่างเขาและเธอไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
"เรื่องคืนนั้น…คุณยังจำได้ไหมครับ"
ห้าปีผ่านไปเวลาผ่านไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฉันอายุเข้าเลขสามเจ้าฝาแฝดของฉันก็ได้ 7 ขวบพอดี วัยกำลังซุกซน สร้างเสียงหัวเราะ แต่ในขณะเดียวกันก็เหนื่อยหน่ายกับความดื้อของพวกเขาเหมือนกัน"ทำอะไรอยู่คะ?" ฉันโน้มกอดแผ่นหลังของคนที่ยืนหันหน้าเข้าหาเตา กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งในอากาศทั่วบ้านของเรา ยังเป็นฉันที่เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีสามีดี ๆ ที่ฟ้าส่งให้มาอยู่เคียงข้าง ไม่มีวันไหนที่ไม่มีความสุขเลย"มีแซนด์วิชทูน่า แล้วก็ข้าวผัดให้ลูกครับ""หอมจัง ~" ฉันไม่พูดเปล่า ว่าแล้วก็ฝังจมูกกับแผ่นหลังกว้างของเขา ความหอมที่ฉันหมายถึงไม่ได้หมายถึงข้าว แต่เป็นกลิ่นกายของเขาที่คุ้นเคยและชวนตกหลุมรักซ้ำไปซ้ำมา"ระวังจะไม่ได้ไปปิกนิกนอกบ้านนะครับ" ฉันหยุดการกระทำในทันที สุดสัปดาห์แบบนี้ก็ต้องออกไปใช้ชีวิตครอบครัวข้างนอกบ้าง วาดรูป อ่านหนังสือ และพาลูกวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะฉันรอวันนี้มาตั้งหลายวัน"ไม่แกล้งแล้วก็ได้" ฉันเป็นต้องผละใบหน้าออกเล็กน้อย กลัวสามีจะจับทำกิจกรรมในบ้านมากกว่าออกไปตามที่แพลนเอาไว้"หึ...ลูกล่ะครับ" คุณไคเรนกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ ว่าไม่ได้เพราะหลังจากแต่งงานคนอบอุ่นของฉันค่อ
ณ คาเฟ่ในสวนกับบรรยากาศเขียวชอุ่มที่มีฉันคุณไคเรนและลูกน้อยฝาแฝดอีกสองคน กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ และขนมที่เพิ่งออกจากตู้อบลอยฟุ้งมาถึงเราที่นั่งสูดอากาศอยู่ในสวนข้างนอกแต่ให้ความเป็นส่วนตัว"เสียดายจังยัยทอฝันมีธุระต่อ คนอื่นก็หนีกลับไปหมดแล้ว เราเลยต้องมาเลี้ยงฉลองกันแค่สี่คน" ท่านประธานป้ายแดงแบบฉันที่ตั้งใจจะพาทุกคนมาเลี้ยงกลับเหลือกันอยู่แค่นี้"ทุกคนคงเกรงใจน่ะครับ" ฉันก็คิดแบบนั้น หลังเลิกงานก็อยากให้เป็นเวลาครอบครัว ฉันจึงไม่ได้บังคับใคร ทว่างานเลี้ยงที่มีครอบครัวเล็ก ๆ พ่อแม่ลูกแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน"คิณห์หิวแล้ว" คิณห์แฝดพี่ชี้ไปที่เครปผลไม้ในจานตรงหน้า บ่งบอกว่าลูกอยากกินมากเพราะแววตาที่ลุกวาวทำฉันผุดยิ้มอย่างเอ็นดู"ริณหิว" ตามด้วยคาริณแฝดคนน้องที่คลานตามไม่กี่นาทีจากพี่ชาย รายนี้นอกจากจะคลอดตามเขาแล้ว ยังขยันลอกเลียนแบบพี่ชายเกือบทุกอย่าง ทั้งพูดตาม กินตาม ไหนจะเดินตาม เรียกว่าขาดกันไม่ได้สมกับเป็นฝาแฝดกันจริง ๆ"พ่อป้อน" คิณห์เขย่าแขนคนเป็นพ่ออย่างรีบร้อน ส่วนอีกข้างก็ถูกคาริณเขย่าแขนตามด้วย"พี่ก่อน" คิณห์จดจ้องน้องคิ้วขมวด เป็นเรื่องปกติที่บ้านเราจะประสบพบเจอในแต่ละวัน ฉั
"คุณภรรยาท่านประธานคะ คุณสามีเรียกพบค่า ~" ฉันเงยหน้ามองเลขาท่านประธานใหญ่ของแกลอรี่ WHITE COAT ที่เดินมาเรียกฉันถึงที่โต๊ะ ทั้งยังส่ายหัวแล้วอมยิ้มให้พี่เนยที่ใช้สรรพนามเย้าแหย่เข้าทุกวัน"พี่เนย...แตมแต่งงานมาสามปีแล้วนะคะ ยังไม่เลิกแซวอีก" สามปีผ่านไปบรรยากาศสุดแสนจะผ่อนคลายของออฟฟิศเราก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ความเป็นพี่น้อง ความเฮฮาสนุกสนานกับการทำงานยังไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่ฉันที่ได้เลื่อนเป็นภัณฑารักษ์หลักเช่นเดียวกับพี่ใหม่แล้ว และรับน้อง ๆ ภัณฑารักษ์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอีกหลายคน ด้วยแกลอรี่ที่ขยายใหญ่ขึ้น สรรสร้างนิทรรศการที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นทุกปี กระทั่งตอนนี้ WHITE COAT ดังไกลไปถึงหลายประเทศ หลายคนแห่แหนกันมาเพื่อดูนิทรรศการของเราโดยเฉพาะ"เรารีบไปเถอะ ให้คุณสามีรอนาน ๆ มันไม่ดีน่า ~" พี่เนยฉีกยิ้มกว้างกระทั่งพนักงานคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันสนับสนุนส่งเสียงกระเซ้ายกใหญ่"พอเลยนะทุกคน ได้เวลาเลิกงานแล้วรีบกลับก่อนฝนจะตกนะคะ" ฉันทิ้งท้ายพวกเขาก็รีบเดินหนีเข้าไปในห้องทันที ท้องฟ้าเมฆครึ้มมาแต่ไกลไม่เป็นอุปสรรคต่อการแกล้งฉันจริง ๆฉันดันประตูห้องคนที่ทำให้โดนแซวทั้งสำนักงาน จนเห็นเจ้าตัว
ในห้องทำงานที่แยกส่วนจากเพนท์เฮ้าส์เงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีของพู่กันบนกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่ง และเสียงลมหายใจของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาใส่ใจกับผลงานที่อยู่ตรงหน้าใช่แล้ว...ศิลปิน KR ผู้โด่งดังกำลังวาดรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่รูปคน ไม่ใช่ภาพวิวทิวทัศน์อย่างที่เขามักคุ้นเคย แต่มันคือม้าโยกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่เขาค่อย ๆ ลงสีด้วยความประณีตที่สุดเท่าที่เคยทำมาขาของมันทำจากไม้ ฐานเป็นทรงโค้ง และเบาะที่นั่งถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงตุ่น ๆ ถอดออกมาจากต้นแบบม้าโยกไม้ของจริง ที่ตั้งประดับเป็นความทรงจำของพวกเธอเกี่ยวกับเจ้าก้อนที่ไคเรนไม่เคยลืมสักวันรอบนอกของรูปภาพถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองต้น แบ่งซ้ายและขวาข้างละต้นโดยมีกิ่งก้านทอดยาวโอบรอบม้าโยก เป็นตัวแทนของพ่อและแม่ที่ปกป้องลูกน้อยจากภัยอันตราย ใส่สีโทนเหลืองให้ความรู้สึกอบอุ่นกับภาพวาดภาพนี้ ทั้งยังสลักชื่อ 'คิณห์&คาริณ' แสดงถึงความตั้งใจของคนวาดภาพเพื่อจะมอบเป็นของขวัญให้กับอีกหนึ่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตภาพวาดที่เป็นดั่งตัวแทนของเจ้าก้อนลูกที่เธอและเขายังไม่มีโอกาสได้กอดออกมาเสร็จสมบูรณ์ในเวลาต่อมามือไคเรนเปื้อนไปด้วยสีวาด เช่นเดียวกับเสื
ในวันหยุดจากการทำงานเฌอแตมกำลังตั้งใจทำอาหารเพื่อรอให้ใครอีกคนกลับมาทานอาหารด้วยกัน โดยเมนูที่เลือกรังสรรค์ก็เจาะจงเป็นเมนูที่เขาโปรดปราน เอาใจคนทำงานหนักให้กลับมาจะได้สลัดความเหนื่อยล้าด้วยรสมือชั้นเลิศของแฟนสาวแบบเธอเสียงเปิดประตูทำให้คนตัวเล็กรีบวิ่งออกไปต้อนรับถึงที่ ฉีกยิ้มกว้างให้เขาแล้วยื่นมือรับเสื้อคลุมของคนรักมาถือให้"ขอบคุณครับ" ไคเรนรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง มีคนตั้งตารออยู่ที่บ้านมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง ว่าแล้วก็ประคองใบหน้าสวยจูบซับหน้าผากมนเป็นการรางวัล ชื่นใจทั้งคนมอบแบบเขาได้เห็นหน้าแฟนสาวเท่านี้ก็หายเหน็ดเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว"วันนี้ฉันทำต้มข่าไก่ของโปรดคุณด้วย" เฌอแตมภูมิใจนำเสนอ เมนูนี้สำหรับเธอแล้วค่อนข้างจะทำยาก กว่าจะมั่นใจว่ามันออกมาอร่อยถูกใจเขาทานก็ชิมแล้วชิมอีกเพื่อให้แน่ใจ"เหนื่อยไหมครับฮื้ม...วันหยุดทำไมไม่พักผ่อนให้สบายตัวล่ะครับ" เสียงนุ่มว่าพร้อมกับดึงเธอลงมานั่งด้วย แน่นอนว่าดีใจมากที่มีคนให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่อยากทำให้เธอลำบาก แทนที่วันหยุดจะเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนเอาแรงเพื่อสู้กับการทำงานวันต่อ ๆ ไป"ฉันพักผ่อนเต็มที่แล้ว อยากต
ร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นในย่านที่เป็นร้านประจำของทั้งสองเพื่อนสนิทสุดซี้ เสียงเพลงคลอเบา ๆ พอให้คนในร้านได้พูดคุย ให้บรรยากาศของความอบอุ่นเหมาะแก่การรับประทานอาหารเป็นครอบครัว ไคเรนเดินตามเฌอแตมเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ให้ดูสุภาพ ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าคนที่กำลังจะได้เจอไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น 'ทอฝัน' เพื่อนสนิทที่เธอมักพูดถึงเสมอ และที่สำคัญกว่านั้นเธอคือคนที่เหลืออยู่ในฐานะครอบครัวของเธอเพียงคนเดียวหญิงสาวเจ้าของชื่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่เดินควงแขนใครคนนั้นเธอก็ใช้สายตาไล่สแกนชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า"รอนานไหมแก" เฌอแตมทักทายอย่างเป็นกันเอง กำลังจะหย่อนตัวนั่งตรงกันข้ามทว่าทอฝันกลับพูดเสียงเรียบขึ้นมา"แกมานั่งฝั่งนี้สิ ให้คุณไคเรนนั่งฝั่งนั้น" ทอฝันมองที่นั่งข้างตัว เป็นการบอกกราย ๆ ว่าที่นั่งถูกต้องของเธอคือฝั่งนี้ ในขณะที่เฌอแตมกำลังจะแย่งขึ้นมาแต่เธอก็ส่ายหัวไม่อยากให้เฌอแตมถึงเงียบลง"คุณนั่งกับเพื่อนเถอะครับ" ไคเรนเผยยิ้มให้แฟนสาวยอมทำตาม แล้วเจ้าตัวก็รีบนั่งพร้อมยกมือเรียกบริกรขอเมนู"เล่นอะไรของแก" เฌอแตมกระซิบถามเพื่อนเสียงเบา ปกติก็ไม่ใช่คนที่จะมาเก๊กขรึมใส่ใคร