LOGINชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขก
เธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที
“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่
“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัว
ศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง
“กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่) ชนิดารีบเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป แถมยังเป็นคำพูดที่เขามักบอกเธอเป็นประจำ
ศุภวัฒน์จ้องมองเธอนิ่งอย่างกำลังครุ่นคิดพิจารณาอะไรอยู่สักอย่าง ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน แล้วจึงเอ่ยตักเตือนเธอออกมา เมื่อได้ยินเธอพูดภาษาบ้านเกิดเมื่อสักครู่นั้น
“บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้พูดภาษากลางจะได้คุ้นชิน ทำตัวให้เหมาะกับที่เรียนโรงเรียนนานาชาติหน่อยสิ” เขาดุเธอออกไปด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่นัก แล้วก็หันมาสนใจแฟ้มเอกสารตรงหน้าทันที
“หนูก็ไม่ได้อยากเรียนที่โรงเรียนนี่สักหน่อย” เธอพึมพำขึ้นมาอีกทันที
“แต่ก็เรียนมาได้ตั้งหกปี” แต่คนที่นั่งทำงานกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่เธอพูดออกมา
ชนิดาจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับคนที่กำลังก้มดูเอกสารบางอย่างอยู่ เธอจึงลากเก้าอี้อีกตัวมา แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงใกล้ ๆ กันกับเขา ก่อนจะพูดจาเหมือนกำลังล้อเลียนออกไป
“ทำไงได้ล่ะ พี่วิชญ์อุตส่าห์ส่งเสียมาขนาดนี้แล้ว ไอ้เราก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังเสียด้วยสิ”
โป๊ก!
ทำเอาศุภวัฒน์ที่กำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นนึกหมั่นไส้ขึ้นมา จึงได้ใช้ปากกาที่ถืออยู่เคาะลงที่หน้าผากของเธอไปทันที โดยที่ไม่แรงเท่าไหร่นัก
“โอ้ย...เจ็บนะ” ชนิดาได้แต่โอดครวญพร้อมกับลูบที่หน้านูนของเธอ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่เขาอย่างไม่พอใจนัก
“เป็นเด็กเป็นเล็ก คำพูดคำจาไปเรียนมาจากไหน จำได้ว่าที่บ้านพี่ไม่เคยสอนนะ แล้วเป็นอะไรทำหน้าบูดยังกับตูดลิง” เขาดุเธอขึ้นมา ที่นานนับวันเธอก็ยิ่งแต่พูดจาที่ไม่ค่อยเข้าหูนัก แล้วถามเธอกลับไปบ้าง เพราะตั้งแต่ที่เข้ามาก็รู้สึกว่าเธอทำหน้าไม่รับแขกเอาเสียเลย
“ก็...ไปถามผู้หญิงหน้าห้องทำงานพี่ดูสิ” เธอจึงยอมบอกว่าสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้เพราะอะไร
“เอมนะเหรอ ทำไม?” เขาวางปากกาลง แล้วหันมาเลิกคิ้วถามเธออย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาฟ้องเขา เพราะถึงอย่างไรหญิงสาวหน้าทำงานก็เป็นคนของเขา หากเกิดมีอะไรไม่ดีขึ้นมา จะทำให้องกรณ์เสื่อมเสียสละเปล่า
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว มาที่นี่ก็อย่าเทียวไปหาเรื่องใครเข้าล่ะ” เขาได้แต่บอกเธอ แต่ก็เริ่มเก็บเอาคำพูดของเธอมาคิดเหมือนกันว่าผู้ช่วยสาวทำอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นหรือ
เธอมาอยู่ที่นี่ได้หกปีแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหนมีนิสัยเช่นไร เธอต่างจากพี่ชายของเธอราวฟ้ากับเหว อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีพี่ชายตามใจก็เป็นได้
นิสัยของเธอถึงจะเป็นคนดื้อรั้นไม่ยอมคน แต่เธอก็เป็นคนมีเหตุผลมากพอสมควร ไม่เช่นนั้นบุพการีของเขาจะรักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหรอ
ส่วนเรื่องการเรียนตลอดเวลาที่เธอมาเรียนที่นี่ เธอก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังจริง ๆ ติดท็อปหนึ่งในสามมาตลอดสมกับที่เธออยากมาเรียนจริง
“...” ชนิดาไม่พูดเสียงดังอะไรออกมา แต่เธอกลับทำปากขยับตามที่เขาพูดราวกับว่ากำลังล้อเลียน
“ล้อเลียนอะไร พี่เห็นนะหนูนิด” เสียงเข้มหันมาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดุดัน
“ไม่มี๊” เธอได้แต่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่มีก็นั่งรอไปก่อน อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าพี่จะเลิกงาน แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” พูดแล้วศุภวัฒน์ก็หันมาสนใจเอกสารตรงหน้าของตัวเองต่อทันที
ชนิดาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมากลับพบว่าเครื่องดับสนิทไปแล้ว จึงได้แต่ถอยหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย และเอาแต่นั่งหน้าหงอยไม่พูดไม่จากับเขาเลย
“เฮ้อ...”
“หิวหรือเปล่า จะกินอะไรก็เปิดประตูออกไปบอกไอ้เจษมันได้เลย” ศุภวัฒน์จึงได้เอ่ยถาม เพราะรู้ว่าเธออยู่ในช่วงวัยที่กำลังเจริญอาหาร
เขาอยากจะห้ามในเรื่องการกินของเธอ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเพราะกลัวเธอจะโมโหหิวแล้วเอาเรื่องนี้ฟ้องผู้เป็นแม่เขา แล้วท่านมาดุเขาอีก
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะอ้วนเป็นหมู”
“นี่พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม”
แต่คำตอบของชนิดากลับทำให้เขาแปลกใจ เพราะว่าครั้งนี้เธอปฏิเสธ เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้นั้นเขาหูฝาดไปแน่
“พี่เวย์ หนูอายุสิบแปดแล้วนะ ต่อไปหนูจะไม่ตะกละเห็นแก่กินอีกแล้ว”
“ทำไมถึงกลัวอ้วนขึ้นมา หัดเป็นคนรักสวยรักงามขึ้นมาอย่างนั้น” ศุภวัฒน์ถามกลับด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้
เมื่อสองวันก่อนซึ่งเป็นวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเต็มของเธอ เขายังห้ามไม่ให้เธอกินเค้กกับพวกขนมหวานอยู่เลย เธอจึงร้องไห้ฟูมฟายไปฟ้องผู้เป็นแม่ ทำให้เขาโดนท่านดุบ่นจนหูชามาจนถึงทุกวันนี้
ที่เขาห้ามเพราะพี่ชายของเธอสั่งมาให้เยอะเกิน ในวันเกิดของเธอครั้งนี้พี่ชายเธอไม่ได้มาด้วยตัวเอง เพราะกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแนวทางลงพืชชนิดใหม่(อินทผลัม) บวกภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ด้วยจึงไม่ค่อยสะดวกในการเดินทาง และได้สั่งเป็นของกินมาให้น้องสาวแทนเพื่อเป็นการชดเชย และจะเทียวมาหาในช่วงยามว่าง
เดี๋ยวพี่ไปส่งรุ่งเช้า“ทำอะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก” ศุภวัฒน์ถามและดุเธอขึ้นมาทันที เมื่อเดินลงมาด้านล่างในช่วงเช้า กลับเห็นชนิดากำลังวุ่นอยู่ในครัว โดยที่เธอยังใส่ชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลยเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่พอลงมาชั้นล่างของบ้านในตอนนี้กลับยังเจอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมสยายยาวปกหลัง มองจากด้านหลังหากว่าเขาไม่รู้อายุเธอ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นแต่พอเธออยู่ในชุดนักเรียนรวบผมขึ้นสวมแว่นตา เธอก็เหมือนเด็กนักเรียนน่ารักสดใสตามวัยของเธอ แต่ทำไมพอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมแบบนี้แล้ว เขากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แถมยังไม่ชอบใจเขาเอาเสียเลย“ก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินก่อนไปทำงานยังไงล่ะค่ะ” เธอหันมาตอบเขาหน้าตาเฉย“ไม่ต้องทำแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปทานข้างนอกเอา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ ราวกับกำลังข่มให้เธอกลัว“แต่ว่า...”“อยู่กันสองคนจะทำไปทำไมให้ครัวเลอะเสียเปล่า”ชนิดาที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็ต้องเอาเข้าไปเก็บไว้ที่เดิมทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแค่อยากทำอา
ทำไมถึงหวานแบบนี้ทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จาน
กลัวหรือไง“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตนผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ท
หรือพี่ไม่ชอบคนสวยพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปีแต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป“เดี๋ยว”“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาว
บ่นอะไรชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขกเธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัวศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง “กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เ
น้องสาวกรุงเทพมหานครร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนดัง บนใบหน้ารูปไข่มีแว่นตากรอบใสประดับอยู่ เธอยืนมองตึกสูงเสียดฟ้าตรงหน้า ที่วันนี้นั้นเธอได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าวันนี้นั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกันกับเขา ซึ่งก็คือเพื่อนของพี่ชาย ที่เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านบุพพาการีของเขานั้นเอง และวันนี้พวกท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วคนขับรถของที่บ้านก็ต้องขับไปส่งพวกท่านที่สนามบินอีกด้วย เลยต้องให้เธอมารอกลับบ้านพร้อมกันกับลูกชายที่บริษัทแทน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับบริษัท พวกท่านยังไม่อนุญาตให้เธอขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน จึงต้องมีคนขับรถที่บ้านไปรับส่งอยู่ตลอดเดิมทีเธออยากเรียนแค่โรงเรียนของรัฐบาลมากกว่าเพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายกับเพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วย เธอเลยต้องได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติขึ้นชื่อที่ครอบครัวของเพื่อนพี่ชายมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย“นี่เธอมาจากไหนกัน? มาหาใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของหญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มเอ่ยดังขึ้นมาทันทีที่เธอก้าวผ่านหน้ามา แถมยังยิงคำถามแบบรัว ๆ







