LOGINพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปี
แต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว
“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”
“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้
“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”
“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป
“เดี๋ยว”
“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก
“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้
“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาวแล้วนั่งลงที่เดิมทันที
“แต่อย่างเสียงดังล่ะ”
“รับทราบค่ะ”
ชนิดาเอ่ยรับปากกับเขาออกไป แล้วก็หันมาจัดการกับสิ่งตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เพราะแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของเธอหมด เธอไม่มีอะไรดูเพื่อเป็นการฆ่าเวลา และกว่าจะถึงเวลากลับบ้านอีกก็ต้องรอเขาเลิกงาน
*
*
“พี่เจษ นี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาหลายนาทีแล้ว ทำไมบอสถึงยังไม่ออกมาอีก หรือว่าบอสมีงานยุ่งเลยต้องทำโอทีต่อ” เอมราผู้ช่วยสาวเอ่ยถามเลขาส่วนตัวของประธานหนุ่มขึ้นมาทันที เมื่อเธอดูมองนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งเลยเวลามาเยอะแล้ว แต่กลับไม่เห็นเจ้าของห้องออกมาจากห้องเสียที
“งานของเธอเสร็จแล้ว เธอก็กลับบ้านของเธอไปเถอะเอม” เจษพิพัฒน์ตอบไปเพียงแค่นั้น แล้วรวบรวมเอกสารบนโต๊ะ หมายจะเอาไปส่งให้กับเจ้านาย
“แล้วนั่นพี่จะไปไหน” เธอถามเขาขึ้นมาทันที
“เอาเอกสารไปส่งให้บอส” เขาหันมาตอบ พร้อมกับชูเอกสารในมือขึ้นให้กับผู้ช่วยสาวดู และกำลังจะก้าวเท้าเดินต่อ
“ให้ฉันเอาไปส่งให้บอสเองนะพี่เจษ” เอมราขันอาสาขึ้นมาทันที เพราะเธออยากเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าประธานหนุ่มกับเด็กสาวบ้านนอกนั่นกำลังทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่ออกสักทีทั้งทีก็เลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว
ปกติศุภวัฒน์ไม่ใช่คนทำงานเลยเวลาขนาดนี้ หากว่าทำงานไม่เสร็จหรืองานยุ่งจริง เมื่อเห็นแก่เวลาสมควร เขามักจะให้เลขาส่วนตัวหอบงานไปส่งให้ที่บ้าน จะไม่ยอมทำงานอยู่ที่นี่เด็ดขาด
แต่วันนี้กลับแปลกไป เพราะมีเด็กสาวเข้ามาหาหรือเปล่า ปกติหากมีหญิงสาวมาหาศุภวัฒน์ถึงที่นี่ ก็มักจะถูกเธอจัดการหนีกลับออกไปทันที
“...” เจษพิพัฒน์หันไปมองหน้าผู้ช่วยสาวอย่างนึกแปลกใจ ที่วันนี้กลับดูแปลกไปขันอาสาเขาทุกอย่าง เพราะทุกครั้งเมื่อเขาจะใช้งาน เธอทำเหมือนกับไม่ค่อยพอใจ แต่วันนี้กลับขันอาสา
“พอดีว่าฉันยังไม่อยากกลับตอนนี้ เวลานี้คนแห่กันกลับฉันเบื่อรถติด” เธอรีบแก้ตัวขึ้นโดยเอาเรื่องปกติที่เจออยู่ทุกวันมาอ้าง
“ตามใจ ฝากให้บอสเซ็นด้วย” พูดแล้วเจษพิพัฒน์ก็ส่งเอกสารในมือให้เธอ แล้วก็เดินออกไปทันที
*
*
ทางด้านของคนด้านในเอง ที่ตอนนี้ละทิ้งจากการทำงาน มานั่งดูจอโน้ตบุ๊กกับชนิดาที่โซฟาเป็นที่เรียบร้อย เพราะเธอดันเปิดสิ่งที่เขาถูกใจ เลยอดใจไม่ไหวต้องมานั่งดูกับเธอ
ตอนแรกชนิดาลองเพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าจะโดนเขาดุ แต่นอกจากเขาไม่ดุเธอแล้ว เขายังชวนเธอหอบโน้ตบุ๊กไปนั่งดูที่โซฟาอีก แถมเขายังทิ้งงานของตัวเองมานั่งดูกับเธออีกด้วย
“เฮ้อ...จบสักที” ศุภวัฒน์ทิ้งตัวพิงกับโซฟา พร้อมกับเหยียดแขนออกกว้างเพื่อคลายเส้น หลังจากที่นั่งในท่าเดิมมานาน
เขาดึงเธอเข้ามาแนบชิดอีก แล้วจ้องมองเธอนิ่งไม่ได้พูดอะไร และไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่เวย์ พะ พี่จะทำอะไร” ชนิดารู้สึกประหม่าจึงถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนแทบจะจับใจความไม่ได้
สายตาคมจ้องมองที่ใบหน้าเธอนิ่งราวกับจะต้องมนตร์สะกด เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดและเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดทุกอณูขุมขน
“เอ่อ...แค่รู้สึกว่าแว่นมันดูเก่าไปนะ” เขาเองเมื่อเผลอมองเธอนานไปจนรู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูกเช่นกันจึงรีบหาข้อแก้ตัว
“ก็ไม่นะ พี่วิชญ์พึ่งพาไปเปลี่ยนมาได้ไม่นานเอง”
“ไม่คิดอยากลองมาเปลี่ยนเป็นใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นดูบ้างเหรอ” เขาถามเธอกลับไปอีกครั้ง
ชนิดาไม่ได้มีปัญหาทางสายตาถึงขั้นมองอะไรไม่เห็น เธอเพียงแค่ใส่ไว้เพื่อบำรุงสายตา เพราะการเรียนในแต่ละวันเธอจ้องทั้งหนังสือและจอมิเตอร์ที่มีแต่แสงอาจจะทำลายสายตาได้
“หนูว่าแบบนี้ก็ดีออก มันชินแล้ว”
ศุภวัฒน์ไม่พูดอะไร แต่กลับเอื้อมมือขึ้นมาถอดแว่นตาของเธอออกหน้าตาเฉย โดยที่เจ้าตัวนั่งนิ่งหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
เป็นครั้งแรกของชนิดาเช่นกันที่ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามมากขนาดนี้ นอกจากพี่ชายของเธอ ก็มีเขานี่แหละ ที่สามารถใกล้ชิดเธอได้ โดยที่เธอไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านเหมือนคนอื่น ๆ
“หลับตา” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นมา
“อะไรค่ะ” เธอเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
“เหมือนมีอะไรติดที่หางตา หลับตาลงเดี๋ยวมันเข้าไปข้างในก่อนจะแย่เอา” เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
ชนิดาจึงยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย ตามที่เขาบอก แต่การกระทำอย่างไร้เดียงสาของชนิดากลับทำให้ศุภวัฒน์ลำบากใจ
เขานั่งจ้องบองสำรวจใบหน้าขาวใสที่ไร้ที่ติของเธอนิ่ง ลมหายใจเริ่มติดขัดนี่่เขาเป็นอะไรไปกันแน่ เจอผู้หญิงมามากหน้าหลายตา แต่ทำไมพออยู่กับน้องสาวเพื่อน กลับทำให้เขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย
เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าปัดสิ่งที่ติดอยู่บริเวณหางตาของเธอออกอย่างอ่อนโยน และเมื่อเสร็จแล้วจึงหยิบแว่นตามาสวมให้เธอคืนทันที ยังไม่ทันทีเธอจะได้ลืมตาขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ทว่า
เดี๋ยวพี่ไปส่งรุ่งเช้า“ทำอะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก” ศุภวัฒน์ถามและดุเธอขึ้นมาทันที เมื่อเดินลงมาด้านล่างในช่วงเช้า กลับเห็นชนิดากำลังวุ่นอยู่ในครัว โดยที่เธอยังใส่ชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลยเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่พอลงมาชั้นล่างของบ้านในตอนนี้กลับยังเจอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมสยายยาวปกหลัง มองจากด้านหลังหากว่าเขาไม่รู้อายุเธอ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นแต่พอเธออยู่ในชุดนักเรียนรวบผมขึ้นสวมแว่นตา เธอก็เหมือนเด็กนักเรียนน่ารักสดใสตามวัยของเธอ แต่ทำไมพอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมแบบนี้แล้ว เขากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แถมยังไม่ชอบใจเขาเอาเสียเลย“ก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินก่อนไปทำงานยังไงล่ะค่ะ” เธอหันมาตอบเขาหน้าตาเฉย“ไม่ต้องทำแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปทานข้างนอกเอา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ ราวกับกำลังข่มให้เธอกลัว“แต่ว่า...”“อยู่กันสองคนจะทำไปทำไมให้ครัวเลอะเสียเปล่า”ชนิดาที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็ต้องเอาเข้าไปเก็บไว้ที่เดิมทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแค่อยากทำอา
ทำไมถึงหวานแบบนี้ทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จาน
กลัวหรือไง“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตนผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ท
หรือพี่ไม่ชอบคนสวยพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปีแต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป“เดี๋ยว”“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาว
บ่นอะไรชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขกเธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัวศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง “กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เ
น้องสาวกรุงเทพมหานครร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนดัง บนใบหน้ารูปไข่มีแว่นตากรอบใสประดับอยู่ เธอยืนมองตึกสูงเสียดฟ้าตรงหน้า ที่วันนี้นั้นเธอได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าวันนี้นั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกันกับเขา ซึ่งก็คือเพื่อนของพี่ชาย ที่เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านบุพพาการีของเขานั้นเอง และวันนี้พวกท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วคนขับรถของที่บ้านก็ต้องขับไปส่งพวกท่านที่สนามบินอีกด้วย เลยต้องให้เธอมารอกลับบ้านพร้อมกันกับลูกชายที่บริษัทแทน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับบริษัท พวกท่านยังไม่อนุญาตให้เธอขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน จึงต้องมีคนขับรถที่บ้านไปรับส่งอยู่ตลอดเดิมทีเธออยากเรียนแค่โรงเรียนของรัฐบาลมากกว่าเพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายกับเพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วย เธอเลยต้องได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติขึ้นชื่อที่ครอบครัวของเพื่อนพี่ชายมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย“นี่เธอมาจากไหนกัน? มาหาใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของหญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มเอ่ยดังขึ้นมาทันทีที่เธอก้าวผ่านหน้ามา แถมยังยิงคำถามแบบรัว ๆ







