LOGIN“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน
“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ
“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ
“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย
“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น
“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้
“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง
“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตน
ผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานตามคำสั่งของประธานหนุ่ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ แต่สายตาก็ยังแอบชำเลืองมองดูที่คนทั้งคู่
“ดุจังเลยนะคะ” ชนิดาเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่ผู้ช่วยสาวเดินออกไปแล้ว
“พี่ไม่ใช่หมาน่ะหนูนิด”
“หนูก็ยังไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย พี่จะคิดเองเออเองไปทำไม” เธอเถียงขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นว่าเขากำลังเหน็บแนมเธอ
“หนูนิด” น้ำเสียงกดต่ำเอ่ยเรียกชื่อของเธอ ราวกับว่ากำลังจะกดขี่ให้เธอเกรงกลัวเขา
“เดี๋ยวหนูลงไปรอที่รถดีกว่า” เธอมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วลุกขึ้นบอกกับเขา และกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป
“ไม่ต้อง นั่งอยู่นี้ พี่เก็บของก่อน”
ชนิดาจึงต้องยอมนั่งลงที่เดิม ตามที่เขาบอก และไม่นานเขาก็เก็บเอกสารบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อยจึงพาเธอเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง
*
*
บ้านอภิวัฒน์โภคิน
“ทำไมบ้านมืดจัง แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” ชนิดาพูดขึ้นมาทันที อย่างนึกสงสัยว่าทำไมบ้านถึงเงียบ แถมยังมืดไฟสักดวงก็ไม่สว่าง ราวกับว่าเหมือนไม่มีคนอยู่อย่างนั่นแหละ
“ครับแม่...”
ยังไม่ทันทีทั้งคู่จะได้เดินเข้าไปในบ้าน โทรศัพท์ของศุภวัฒน์ก็สายเข้ามาเสียก่อน และเขาก็กดรับสายในทันที
“ตอนนี้ถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ว่าแต่ทำไม่เหมือนที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคนครับ”
จากบทสนทนาของศุภวัฒน์ในสาย ชนิดาก็เดาได้ทันทีว่าเป็นใครที่โทรศัพท์เข้ามา ถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินไม่ชัดก็ตาม
“ครับ...รู้แล้วครับ จะดูแลลูกสาวสุดที่รักของแม่เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ สวัสดีครับ” รับปากกับทางสายสนทนาเสร็จก็วางสายทันที และเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงของตน
นั่นไง เธอเดาผิดเสียที่ไหนล่ะ น้ำเสียงออดอ้อนเสียงเล็กเสียงน้อยแบบนี้ มีเพียงแค่มารดาของเขาเท่านั้นแหละที่เขาพูดด้วย เพราะกับคนอื่นแม้แต่น้องสาวเขา เขาก็ใช้น้ำเสียงเดียวกันหมด
“มีอะไรเหรอค่ะ” เธอเลิกคิ้วถามเขาทันที เมื่อเขาวางสายจากผู้เป็นแม่
“ทุกคนลากลับบ้านพร้อมกันหมด บ้านเลยไม่มีใครอยู่สักคน เลยดูเงียบอย่างที่เห็น...” ศุภวัฒน์ตอบเธอออกไปตามตรง ตามที่ผู้เป็นแม่แจ้งมาในสายเมื่อสักครู่ เขาก้ไม่ได้ถามถึงเหตุผลด้วยสิ งว่าทำไมถึงสามัคคีกันลาหยุดพร้อมกันในวันนี้
“หมดเลยเหรอค่ะ” เธอถามออกไปอย่างแปลกใจ
“ทำไม กลัวเหรอไง” เขาพยักหน้าตอบเธอ แล้วถามเธอขึ้นมาด้วยเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ก็กลัวสิค่ะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ พอไม่มีคนอยู่แล้วรู้สึกวังเวงชอบกลยังไงก็ไม่รู้” เธอตอบพร้อมกับสายตามองซ้ายมองขวา แล้วยกแขนขึ้นลูบแขนตัวเอง
“หึ...”
ศุภวัฒน์นึกขำอยู่ในลำคอ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาไม่พูดอะไรออกมาแล้วเดินนำหน้าเธอเข้าไปด้านในบ้านทันที
ชนิดาเอาแต่ยืนนิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี แต่เมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้าไปด้านในแล้ว เธอรีบวิ่งตามเขาไปทันที
ทันทีที่เข้ามาภายในบ้าน ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ทำให้ชนิดารู้สึกโล่งอกลดความกังวลงไปบ้าง แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินขึ้นบันไดนั้น ไฟทุกดวงขแงบ้านก็ดับลงอีกครั้ง
พรึ่บ!!!
กรี๊ด!!!
ชนิดาหลับหูหลับตากรีดร้องเสียงดังออกมาทันที แบบไม่สนอะไรทั้งนั้นมือไม้สั่นไปหมดจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“หนูนิด” ศุภวัฒน์ที่ได้ยินเธอกรีดร้องออกมาเสียงดัง ก็ตกใจมากแทบจะทำตัวไม่ถูก เขารีบสาวเท้าก้าวยาว ๆ เข้าไปหาเธออย่างไว
“พี่เวย์” เธอไม่สนหาเหวอะไรอีกแล้ว เมื่อรู้ว่าเขาอยู่ตรงหน้า เธอก็กระโดดเคาะคอกอดเขาเอาไว้แน่น ขณะที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น
ดีที่เขาคอยเดินตามหลังเธอมาห่าง ไม่เช่นนั้นเธอคงได้วิ่งชนข้าวของกระจัดกระจายพังหมดแน่ คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองขึ้นมา
“ปล่อยก่อน กอดแน่นแบบนี้พี่หายใจไม่ออก” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเธออย่างใจเย็น เพราะเขาก้ไม่สามารถขยับเดินไปไหนได้เลย เมื่อเธอกระโดดเกาะเขาอยู่อย่างนี้
“ไม่เอาก็หนูกลัว” เธอได้แต่ส่ายหน้าตอบ และไม่ยอมทำตามที่เขาบอกเลย เพราะว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง
“แล้วกอดพี่แน่นแบบนี้ พี่จะไปเดินไปดูไฟได้ยังไง”
“หนูตัวไม่หนักหรอก ให้หนูไปด้วยนะ” เธอเอ่ยเสียงออดอ้อนขึ้นมาทันที เพราะขึ้นให้เธออยู่ตตรงนี้คนเดียว เธอคงช็อกตายแน่ แค่นี้เธอก็ยังกล้าลืมตตาขึ้นมามองสิ่งรอบ ๆ ตอนมืดสนิทแบบนี้หรอก
“นั่นไง ข้างนอกฝนตกแล้ว ไฟดับแบบนี้จะทำยังไงละทีนี้ เดินไปไหนก็ไม่ได้อีก” เขาได้แต่ถอนหายยาว เพราะไม่สามารถขยับตตัวไปไหนได้เลย
ศุภวัฒน์พยายามปลอบจนเธอยอมปล่อยแขน ปล่อยขาที่รัดเขาไว้ออก แล้วคว้าเอาแขนเขาไปกอดไว้แน่น โดยที่เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมา และก้าวเท้าเดินตามเขาไปช้า ๆ และไม่รู้จุดหมายด้วยว่าเขาจะพาเธอเดินไปไหน
“ลืมตาได้แล้ว ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่อเดินมาถึงยังจุดหมาย ที่เขาตั้งใจพาเธอมา
ชนิดาจึงยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ และก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะสิ่งตรงหน้าเธอในตอนนี้ มันช่างทำให้เธอตื่นตายิ่งนัก ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำเพราะรู้สึกตื้นตันใจ
“นี่มันอะไรกันค่ะ” เธอหันมาถามเขาอย่างนึกแปลกใจ กับสิ่งตรงหน้าที่เจอ
“ย้อนหลังให้ไง ไม่ดีใจเหรอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ ไม่มีท่าแสดงอะไร
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ หนูไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอะไรพี่เลย”
“รีบเป่าสิ เดี๋ยวเทียนก็ละลายกันพอดี อธิษฐานเอาเลยพอดีพี่ร้องเพลงไม่เป็น” เอ่ยบอกกับเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งมองสิ่งตรงหน้า
ชนิดายอมทำตตามที่เขาบอก เธอหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นอธิษฐานอยู่สักครู่ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นและก้มลงเป่าเทียนบนเค้กตรงหน้าก้อนนี้ทันที
พรึ่บ!!!
“นี่มัน...”
เดี๋ยวพี่ไปส่งรุ่งเช้า“ทำอะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก” ศุภวัฒน์ถามและดุเธอขึ้นมาทันที เมื่อเดินลงมาด้านล่างในช่วงเช้า กลับเห็นชนิดากำลังวุ่นอยู่ในครัว โดยที่เธอยังใส่ชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลยเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่พอลงมาชั้นล่างของบ้านในตอนนี้กลับยังเจอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมสยายยาวปกหลัง มองจากด้านหลังหากว่าเขาไม่รู้อายุเธอ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นแต่พอเธออยู่ในชุดนักเรียนรวบผมขึ้นสวมแว่นตา เธอก็เหมือนเด็กนักเรียนน่ารักสดใสตามวัยของเธอ แต่ทำไมพอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมแบบนี้แล้ว เขากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แถมยังไม่ชอบใจเขาเอาเสียเลย“ก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินก่อนไปทำงานยังไงล่ะค่ะ” เธอหันมาตอบเขาหน้าตาเฉย“ไม่ต้องทำแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปทานข้างนอกเอา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ ราวกับกำลังข่มให้เธอกลัว“แต่ว่า...”“อยู่กันสองคนจะทำไปทำไมให้ครัวเลอะเสียเปล่า”ชนิดาที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็ต้องเอาเข้าไปเก็บไว้ที่เดิมทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแค่อยากทำอา
ทำไมถึงหวานแบบนี้ทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จาน
กลัวหรือไง“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตนผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ท
หรือพี่ไม่ชอบคนสวยพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปีแต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป“เดี๋ยว”“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาว
บ่นอะไรชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขกเธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัวศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง “กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เ
น้องสาวกรุงเทพมหานครร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนดัง บนใบหน้ารูปไข่มีแว่นตากรอบใสประดับอยู่ เธอยืนมองตึกสูงเสียดฟ้าตรงหน้า ที่วันนี้นั้นเธอได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าวันนี้นั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกันกับเขา ซึ่งก็คือเพื่อนของพี่ชาย ที่เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านบุพพาการีของเขานั้นเอง และวันนี้พวกท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วคนขับรถของที่บ้านก็ต้องขับไปส่งพวกท่านที่สนามบินอีกด้วย เลยต้องให้เธอมารอกลับบ้านพร้อมกันกับลูกชายที่บริษัทแทน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับบริษัท พวกท่านยังไม่อนุญาตให้เธอขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน จึงต้องมีคนขับรถที่บ้านไปรับส่งอยู่ตลอดเดิมทีเธออยากเรียนแค่โรงเรียนของรัฐบาลมากกว่าเพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายกับเพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วย เธอเลยต้องได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติขึ้นชื่อที่ครอบครัวของเพื่อนพี่ชายมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย“นี่เธอมาจากไหนกัน? มาหาใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของหญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มเอ่ยดังขึ้นมาทันทีที่เธอก้าวผ่านหน้ามา แถมยังยิงคำถามแบบรัว ๆ







