เข้าสู่ระบบทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น
“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม
“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป
“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน
“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย
“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้
“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่า
เธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จานยื่นมาตรงหน้าเขาทันที เพื่อเป็นการให้เกียรติที่เขาอายุเยอะกว่าเธอ
“พี่ไม่กินของหวาน หนูนิดก็...” เขาทำทีปฏิเสธเพราะว่าเขาไม่ชอบทานของพวกนี้จริง ไม่เคยแม้จะอยากแตะต้องด้วย
“ต้องกินค่ะ พี่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” แต่ถูกเจ้าชนิดาชิ่งพูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน แถมยังกำชับให้เขาต้องลองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีก
“แล้วถ้าพี่ปฏิเสธล่ะ”
“นี่แหน่ะ” ชนิดาใช้ความไว นิ้วจิ้มที่หน้าเค้ก แล้วป้ายแก้มของเขาทันที ด้วยความรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“หนูนิด เล่นแบบนี้เหรอ ได้...”
ศุภวัฒน์รวบตัวของชนิดาเข้ามาในอ้อมแขนทันที ทั้งคู่ประจันหน้ากัน เขาถอดแว่นตาของเธอออกมาวางลงที่โต๊ะข้างกันกับจานเค้ก แล้วป้ายเนื้อครีมมาปาดหน้าแก้มของเธอบ้าง
“อย่านะพี่เวย์ อ้าย...” เธอพยายามดิ้นหนี หันหน้าหนีพลวันทำให้เนื้อครีมติดเลอะเต็มใบหน้าจนลามมาถึงริมฝีปากของเธอ
“ใครเป็นคนเริ่มก่อนล่ะ” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องมองเธออย่างท้าทาย ราวกับว่าเป็นผู้ชนะ
“ขอโทษค่ะ หนูผิดไปแล้ว ปล่อยหนูเถอะนะคะ นี่มันของกินนะไม่ใช่ของมาทาหน้าเล่นกัน” ชนิดาเมื่อรู้ว่าไม่มีทางสู้เขาได้ เธอได้แต่ร้องขอด้วยน้ำเสียงและสายตาอ่อนลงราวกับเด็กถูกรังแก
“ไหนขอชิมหน่อยสิ” แต่ไวกว่าความคิด ศุภวัฒน์กลับทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาก้มลงอ้าปากงับเอาชิ้นเค้กเนื้อครีมของขนมที่ติดริมฝีปากของเธอทันที
“อื้อ...”
“อืม...เค้กส้มมันน่าจะออกรสเปรี้ยวสิ แต่ทำไมถึงหวานแบบนี้...” เขาเอ่ยออกมาอย่างล้อเลียน พร้อมกับใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม
“ไอ้พี่เวย์บ้า...” เธอผลักเขาออกแล้วรีบก็วิ่งหนีขึ้นไปด้านบนทันที โดยไม่ได้หยิบเอาอะไรติดมือขึ้นไปด้วยเลยสักชิ้น
ศุภวัฒน์ยืนมองตามหลังเล็กของเธอ โดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรลงไป ก่อนที่ตักเค้กตรงหน้าเข้าปากลองชิมดูอีกครั้ง
“อี๋...เค้กบ้าอะไรว่ะ แม่ง...โคตรจะเปรี้ยวเลย” เขารีบคายทิ้งทันที ที่เอาเข้าปากโดยที่ยังไม่ได้กลืนลงท้องเลยเสียด้วยซ้ำ
เขาคงไม่เข้าใจผู้หญิงจริง ๆ แหละ แต่เมื่อกี้พอชิมเค้กจากปากของเธอ รู้สึกว่าทำไมมันไม่เปรี้ยวเหมือนกับในนี้
“คุณมีอะไรเหรอเชอรี่ พอดีคืนนี้ผมไม่ว่าง ไว้วันอื่นผมไปหาคุณที่คอนโดน่ะ”
วางสายแล้วเขาก็เดินขึ้นบันไดไปจัดการตัวเองทันที ที่ตอนนี้เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขนมหวาน เขาจะออกไปหาเธอได้อย่างไร ก็วันนี้สมาชิกในบ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน หากจะออกไปข้างนอกเขาก็ต้องลากชนิดาไปด้วยสิ ดูท่าแล้วเธอคงไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียวแน่
*
*
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของเธอในเวลาช่วงดึก ชนิดาเดินไปเปิดอย่างไวแบบไม่มีท่าทีลังเล หรือนึกไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะเปิดเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมมาเปิดเร็วนัก ยังไม่นอนหรือยังไง” เขาตำหนิเธอขึ้นมาทันที ที่ประตูห้องของเธอถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง
“พี่เวย์ ก็...” เธอไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี ก็เพราะเขานั่นแหละที่ทำให้เธอคิดมากนอนไม่หลับแบบนี้ เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมานั่นเขาชิมเค้กจากปากของเธอ ทำเอาแต่เก็บภาพนั่นมาเพ้อจนไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลย
“คิดว่าเป็นใครมาเคาะดึก ๆ ดื่น ๆ งั้นเหรอ” เขาเอ่ยเชิงเป็นการแซวหยอกล้อเล่น เพราะเห็นใบหน้าสีระเรื่อของเธอ
“เปล่าค่ะ แล้วพี่...” เธอรีบปฏิเสธแล้วเปลี่ยนเรื่องถามเขาออกไปทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรถึงมาเคาะประตูห้องเธอในยามวิกาลแบบนี้ หรือว่าเขาพึ่งนึกขึ้นได้ เลยมาขอโทษเธอที่เผลอทำอะไรไม่ดีกับเธอลงไป
“ของขวัญลืมไว้อยู่ข้างล่าง” เขาพูดพร้อมกับชูของที่ถืออยู่ในมือส่งมาตรงหน้าเธอทันที เพราะเธอวิ่งหนีขึ้นมาโดยที่ไม่เอาอะไรเลย แถมตอนเขาลงไปทานข้าว เธอก็ไม่ยอมลงมาร่วมโต๊ะด้วยอีก เขาเลยขันอาสาถือขึ้นมาให้ด้วยตัวเองแบบนี้
ผิดคาด เธอเดาใจเขาไม่ถูกจริง ๆ ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ช่างเถอะ ในเมื่อไม่มีคำขอโทษจากปากของเขา เธอก็ไม่ได้ร้องขอและอยากได้ยินมันเท่าไหร่นักจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน
“ขอบคุณค่ะ” เธอยืนมือไปรับและไม่มีที่จะเอ่ยขอบคุณเขาออกไป
ศุภวัฒน์พยักหน้าให้ก่อนที่จะหมุนตัวหันหลังให้เธอ และกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหน้ากลับมาคืน
“อ้อ...อย่าลืมล็อคห้องดี ๆ ล่ะ แล้วถ้าได้ยินเสียงอะไรก็หัดคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่เปิดให้มั่วแบบนี้” เขาได้แต่เอ่ยเตือนเธอ เพราะว่าตอนนี้สมาชิกที่บ้านมีเพียงเธอและเขาเท่านั้น
เขาไม่กลัวว่าจะมีใครบุกขึ้นมาหาเธอที่ห้องหรอก แต่เขากลัวว่าเขาเองนั่นแหละจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วเป็นคนบุกห้องของเธอมากกว่า เลยต้องสั่งเธอออกไปแบบนั้น
เดี๋ยวพี่ไปส่งรุ่งเช้า“ทำอะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก” ศุภวัฒน์ถามและดุเธอขึ้นมาทันที เมื่อเดินลงมาด้านล่างในช่วงเช้า กลับเห็นชนิดากำลังวุ่นอยู่ในครัว โดยที่เธอยังใส่ชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลยเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่พอลงมาชั้นล่างของบ้านในตอนนี้กลับยังเจอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมสยายยาวปกหลัง มองจากด้านหลังหากว่าเขาไม่รู้อายุเธอ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นแต่พอเธออยู่ในชุดนักเรียนรวบผมขึ้นสวมแว่นตา เธอก็เหมือนเด็กนักเรียนน่ารักสดใสตามวัยของเธอ แต่ทำไมพอเธอใส่ชุดนอนปล่อยผมแบบนี้แล้ว เขากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แถมยังไม่ชอบใจเขาเอาเสียเลย“ก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินก่อนไปทำงานยังไงล่ะค่ะ” เธอหันมาตอบเขาหน้าตาเฉย“ไม่ต้องทำแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปทานข้างนอกเอา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ ราวกับกำลังข่มให้เธอกลัว“แต่ว่า...”“อยู่กันสองคนจะทำไปทำไมให้ครัวเลอะเสียเปล่า”ชนิดาที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็ต้องเอาเข้าไปเก็บไว้ที่เดิมทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอแค่อยากทำอา
ทำไมถึงหวานแบบนี้ทันทีที่ชนิดาเป่าเทียนบนเค้กทุกเล่มดับจนหมด ไฟทุกดวงของบ้านก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนกำกับเสียอย่างนั้น“ขอโทษนะที่พี่เล่นใหญ่ไปหน่อย ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” เขารีบขอโทษขอโพยเธอ เมื่อแผลการที่เขาจัดเตรียมไว้นั้นทำให้เธอกลัวจนแทบจะเป็นลม“ขอบคุณนะคะ สำหรับเค้กก้อนนี้” เธอให้อภัยในความผิดของเขาครั้งนี้ เพราะเค้กหน้าส้มตรงหน้าเธอโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เธอกำลังจะเดินออกไป“อันนี้ของขวัญ โทษทีที่ปีนี้มาช้ากว่าทุกปีนะ” แล้วเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กมาวางลงที่เค้กก้อนนี้เสียก่อน“ทำไมต้องซื้อมาด้วยคะ สิ้นเปลืองเสียเปล่า” เธอจึงหยุดชะงักแล้วหันมาสนใจกับของชิ้นใหม่ เธอไม่ได้ดีใจเห่อสิ่งของอะไรมากมายอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยขาดเหลืออะไรหรือมีอะไรที่อยากได้เลย“แค่อยากให้ ไม่ลองแกะดูก่อนเหรอว่าถูกใจหรือเปล่า” เขาพูดแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับจัดการกับเค้กก้อนนี้“ให้อะไรหนูก็ชอบทั้งนั้นละคะ” เธอรับมีดจากมือเขา แต่ก็ยังไม่สนใจของขวัญที่เขาให้อยู่ดี เพราะสิ่งตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเธอบรรจงตัดเค้กใส่จานอย่างระมักระวังเพื่อไม่ให้หน้าเค้กเสียหรือเละ และชิ้นแรกเธอก็ตักใส่จาน
กลัวหรือไง“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตนผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ท
หรือพี่ไม่ชอบคนสวยพูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอในปีนี้เขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับเธอเลย นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้วเพราะเขางานรัดตัว แทบจะเจียดเวลาออกไปหาของขวัญให้เธอได้ต้องเลยวันมาแล้ว คิดว่าเธอคงจะไม่น้อยใจเขานะ ที่ปีนี้เขาให้เธอช้ากว่าทุกปีแต่เขาก็ยังไม่ได้มอบมันให้เธอเลย รอไปให้อยู่บ้านก็แล้วกัน เพราะวันนี้กลับบ้านพร้อมกัน เขาสั่งเค้กอีกก้อนไว้รอที่บ้านแล้ว“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หรือว่าพี่ไม่ชอบคนสวย”“...” เขานิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที ที่เธอถามกลับมาแบบนี้“เห็นไหม แม้แต่พี่เองพี่ก็ยังชอบคนสวยเลย แล้วทำไมหนูจะสวยบ้างไม่ได้” เธอพูดขึ้นต่อทันที เมื่อเขาไม่พูดอะไร“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแค่สงสัยว่าจะรีบทำตัวสวยไปไหน ยังเรียนไม่จบเลยหรือว่าไปแอบแฟน?”“ไม่มี หนูไม่พูดกับพี่แล้ว” ชนิดารีบปฏิเสธเธอ แล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป“เดี๋ยว”“...” เธอจึงหันกลับมาช้า ๆ แถมไม่กล้ามองหน้าเขาอีก“นั่งลง โน้ตบุ๊กใช้ได้” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยสั่ง แล้วเพยิดหน้าไปบนโต๊ะทำงานที่โน้ตบุ๊กของเขาวางอยู่และอนุญาตให้เธอใช้ได้“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” ชนิดาตาลุกวาว
บ่นอะไรชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขกเธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัวศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง “กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เ
น้องสาวกรุงเทพมหานครร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนดัง บนใบหน้ารูปไข่มีแว่นตากรอบใสประดับอยู่ เธอยืนมองตึกสูงเสียดฟ้าตรงหน้า ที่วันนี้นั้นเธอได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าวันนี้นั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกันกับเขา ซึ่งก็คือเพื่อนของพี่ชาย ที่เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านบุพพาการีของเขานั้นเอง และวันนี้พวกท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ แล้วคนขับรถของที่บ้านก็ต้องขับไปส่งพวกท่านที่สนามบินอีกด้วย เลยต้องให้เธอมารอกลับบ้านพร้อมกันกับลูกชายที่บริษัทแทน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับบริษัท พวกท่านยังไม่อนุญาตให้เธอขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน จึงต้องมีคนขับรถที่บ้านไปรับส่งอยู่ตลอดเดิมทีเธออยากเรียนแค่โรงเรียนของรัฐบาลมากกว่าเพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พี่ชายกับเพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วย เธอเลยต้องได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติขึ้นชื่อที่ครอบครัวของเพื่อนพี่ชายมีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย“นี่เธอมาจากไหนกัน? มาหาใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของหญิงสาวหน้าห้องทำงานของประธานหนุ่มเอ่ยดังขึ้นมาทันทีที่เธอก้าวผ่านหน้ามา แถมยังยิงคำถามแบบรัว ๆ







