LOGINเอี๊ยด!!!!
“อ้าย...” ชนิดาได้แต่หลับหูหลับตากรีดออกมาแทบจะสุดเสียงเท่าที่มี เพราะเธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับคืนไปได้แล้ว เธอได้แต่หลับตานิ่งยืนรอรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น
“หนูนิด!!!”
ศุภวัฒน์รีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของนางแบบสาว และรีบสาวเท้ายาวไปหาตามเสียงของชนิดาทันทีโดยตามสันชาตญาณ
“หนูนิด เป็นไรไหม” ทันทีที่ถึงตัวชนิดา เขาเอ่ยเรียกเธอมองสำรวจรอบตัวกลับดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร เพราะตัวเขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน
โดยที่ไม่ได้สนใจรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ออกไปเลย เพราะคนตรงนี้เป็นหน้าบริษัท รถอาจจะเยอะเป็นธรรมดาในช่วงเวลาเข้างานของพนักงาน ถ้าเขขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นรถของพนักงานส่งอาหาร หรือไม่ก็มอเตอร์รับจ้าง
“พะ พี่เวย์”
พรึ่บ!!!
ชนิดาหันมามองเขาแล้วเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดสนิทลงไปในอ้อมแขนแกร่งศุภวัฒน์ที่รวบตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปกองกับพื้น
“หนูนิด หนูนิด!!!” เขาได้แต่เขย่าเรียกเธอ ก่อนอุ้มเธอขึ้นมาแนบอกในท่าเจ้าสาว เมื่อไม่มีการตอบกลับใด ๆ จากเธอ
“บอส เป็นอะไรหรือเปล่าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม น้องหนูนิด” เจษพิพัฒน์เลขาหนุ่มที่เดินผ่านมาเห็นถามเจ้านายขึ้น กลับต้องตกใจ เมื่อเห็นคนที่เจ้านายอุ้มนั่นเป็นใคร
ดีหน่อยที่วันนี้นั้นเป็นวันสุดสัปดาห์ ซึ่งเธอมีกิจกรรมที่โรงเรียนเลยต้องใส่ชุดพละเป็นกางเกงวอมขายาว ศุภวัฒน์เลยอุ้มขึ้นแบบไม่ต้องคอยกังวลพะวงอะไร
“ฉันไม่เป็นอะไร แต่...” เขาหันมาตอบเลขาหนุ่ม แต่สายตากลับเอาแต่คอยมองคนในอ้อมแขนด้วยความเป็นห่วง
“น่าจะตกใจแล้วหมดสติไปนะครับ บอสรีบพาน้องไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” เจษพิพัฒน์เอ่ยบอกเพราะพอจะทราบสาเหตุอยู่บ้าง
ศุภวัฒน์จึงพยักหน้ารับส่ง ๆ ก่อนที่จะสาวเท้าก้าวตามเลขาหนุ่มไป ผ่านหน้าจองณัชชารีย์โดยไม่สนใจอะไรเธอเลย
“แต่เวย์ค่ะ”
“วันนี้คุณกลับไปเถอะเชอรี่” เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันมาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง พร้อมกับสายตาที่มองเธออย่างไร้ความรู้สึก
ศุภวัฒน์รีบสาวเท้ายาวเดินตามเจษพิพัฒน์เข้าไปในลิฟต์ที่เลขาหนุ่มกดไว้รอแล้ว แต่พอประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็ส่งเธอที่ห้องพยาบาล แต่ก็ไม่ยอมออกห่างจากเธอเลย
“น้องไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บอะไรหรอกมั้งครับบอส บอสถอยออกมาให้หมอตรวจดูจะดีกว่านะ บอสไปเตรียมตัวรอเข้าประชุมเถอะครับ” เจษพิพัฒน์พูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มเอาแต่คอยมองสำรวจตามร่างกายของชนิดาโดยที่ไม่ยอมออกห่างเลย
เมื่อเจ้านายไม่ยอมออกห่าง เลขาหนุ่มจึงได้แต่เอาเรื่องงานขึ้นมาอ้าง เพราะคนที่บ้างานแบบศุภวัฒน์จะเห็นงานมาก่อนเสมออยู่แล้ว
“เลื่อนออกไปประชุมในช่วงบ่ายแทนก็แล้วกัน” เขาตวาดสายตาหันมาสั่งกับเลขาทันที
“บอสครับ”
เจษพิพัฒน์ได้แต่อึ้งในคำพูดสั่งการของเจ้านาย นอกจากจะไม่เข้าประชุมในช่วงเช้าแล้ว เจ้านายยังสั่งการเลื่อนออกไปอีก นี่เจ้านายเขาถึงขั้นเลื่อนประชุมเพื่อสาวน้อยคนนี้เลยเชียวเหรอ สงสัยความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ไอ้เจษ นายน่าจะเข้าใจฉันตอนนี้มากที่สุดน่ะ ถ้าเกิดหนูนิดเป็นอะไรไปฉันจะกล้ามองหน้าไอ้วิชญ์ยังไง ไหนจะพ่อแม่ของฉันอีก พวกท่านรักเธอยิ่งกว่าฉันกับยัยวิวที่เป็นลูกในไส้เสียอีก” เขาหันมาพูดกับเลขาด้วยสายตาที่ขอความเห็นใจ
“เข้าใจแล้วครับบอส ก็น้องหนูนิดออกจะน่ารักแบบนี้ใครจะไม่รักละครับ อาจจะดื้อไปบ้างตามประสาวัยรุ่น ก็ตามวัยของเธอพอเป็นเสน่ห์มัดใจ...”
เจษพิพัฒน์เห็นแววตาของเจ้านายหนุ่มก็เห็นใจ และลองเชิงพูดแซวขึ้นมา เพื่ออย่างให้ศุภวัฒน์คลายกังวลลง และอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“พูดมาก เอกสารอะไรที่ต้องจัดการในช่วงเช้า นายไปเอามาให้ฉันที่นี่ด้วย ส่วนเอกสารของเมื่อวานก็อยู่ในรถ ออกไปได้แล้ว”
“ครับบอส”
นอกจากศุภวัฒน์จะไม่หายเครียดแล้ว กลับทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีก เพราะคำพูดของกำกวมของเจษพิพัฒน์นี่แหละ ที่ตีความหมายได้สองแง่สองมุม ซึ่งไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย
เจษพิพัฒน์รับกุญแจรถจากเจ้านายมา แล้วรีบออกจากห้องพยาบาลไปในทันที ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงถูกเจ้านายต่อว่าอีกก็เป็นแน่
เจษพิพัฒน์ที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของประธานหนุ่ม เนื่องจากพึ่งไปเอาเอกสารที่รถมาขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหารนั้น
“เฮ้อ บอสนะบอส บอสจะรู้ใจตัวเองไหมว่าบอสกำลังหลงรักน้องหนูนิดเข้าให้แล้ว” เขาเอ่ยพึมพำออกมาอยู่คนเดียว เมื่อเห็นอากัปกิริยาของเจ้านายในวันนี้
“พี่เจษพูดว่าอะไรน่ะ” เอมราที่เห็นเลขาหนุ่มเดินมาก็ร้องทักขึ้นทันที
“ไม่มีอะไร ทำงานของเธอไปเถอะ” เขารีบตอบปัด ๆ ไป แล้วก็เดินเข้าห้องของประธานหนุ่มไปทันทีโดยไม่สนใจเธอ
และไม่นานเจษพิพัฒน์ก็หอบแฟ้มเอกสารออกมาจากห้องอีก จนทำให้ผู้ช่วยสาวที่ขี้สงสัยอยู่แล้ว กลับรู้สึกแปลกใจ
“พี่จะหอบแฟ้มไปไหน แล้วบอสล่ะ” เธอถามขึ้นมาทันที เพราะเวลานี้ก็เลยเวลาเข้างานมาสักพักแล้ว แต่กลับไร้วี่แววของประธานหนุ่ม
“เอาไปให้บอสที่ห้องพยาบาล” เจษพิพัฒน์ตอบเพียงแค่นั้น และกำลังจะสาวเท้าก้าวเดินออกไป
“เอาไปให้บอสที่ห้องพยาบาล บอสป่วยเหรอพี่เจษ” เธอเบิกตากว้างถามขึ้นทันที เพราะสถานะที่ที่เลขาส่วนตัวของประธานหนุ่มบอกนั้น เป็นใครก็ต้องตกใจไม่ต่างจากเธอหรอก
“บอสไม่ได้เป็นอะไร”
“อ้าว...แล้วทำไมบอสถึงไปอยู่ที่ห้องพยาบาลล่ะ” เธอถามอย่างนึกแปลกใจ
“บอสเฝ้าน้องหนูนิด พอดีน้องโดนรถเฉี่ยวเมื่อเช้าเป็นลมหมดสตินอนอยู่ที่ห้องพยาบาลตอนนี้” เขาจึงยอมบอกความจริงออกมา ไม่เช่นนั้นผู้ช่วยสาวคงเซ้าซี้เขาไม่หยุดแน่
“อ่อ...(สมน้ำหน้านังเด็กกาฝาก)” เธอพยักหน้าให้เขาอย่างเข้าใจ แต่ภายในใจกลับแอบยิ้มสะใจอยู่ ที่รู้ว่าคนที่นอนอยู่ห้องพยาบาลนั้นเป็นใคร
“ทำงานของเถอะไปเถอะ ส่วนเอกสารหัวข้อการประชุมบอสเลื่อนประชุมเป็นช่วงบ่ายแทน เธอก็ทำแค่งานที่ค้างอยู่ก็พอ” พูดกับผู้ช่วยสาวเสร็จ เจษพิพัฒน์ก็เดินจากไปทันที
คนแก่ไม่เข้าใจเด็กเลย“คุณเวย์ครับ ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ปาลินเหมือนจะเมามากแล้ว” เจษพิพัฒน์เมื่อเห็นว่าแฟนสาวจะเริ่มเมาแล้ว จึงบอกกับศุภวัฒน์ขอตัวพาเธอกลับ“นายขับรถไหวเหรอเจษ ค้างที่นี่สิ” เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอันตรายหากว่าขับรถตอนเมา และเขาเองที่เป็นต้นเหตุจะรู้สึกผิด จึงได้แต่บอกให้เลขาหนุ่มค้างที่นี่“ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเองครับ ยังไม่หมดแก้วเลยด้วยซ้ำ ขับไหวอยู่แล้วครับ แล้วอีกอย่างแฟนผมเมาแบบนี้บนเตียงน่ารักจะตาย ไม่เชื่อก็ลองมีแฟนแล้วมอมเหล้าดูนะครับ ว่าผู้หญิงเวลาเมาแล้วจะน่ารักขนาดไหน” เจษพิพัฒน์เอ่ยบอกกับศุภวัฒน์อย่างสื่อความหมายเป็นนัย ๆ พร้อมกับส่งสายตามองไปที่แฟนสาวอย่างเจ้าเล่ห์ถึงเขาจะอายุห่างกับแฟนสาวอยู่หลายปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย เพราะต่างฝ่ายต่างก็เติมเต็มส่วนที่ขาดให้แก่กัน และทำความเข้าใจกันอยู่เสมอ หลายคนมองว่าเขาเห่อของใหม่ เพราะว่าปณาลินนั้นมีความสัมพันธ์กับเขาตั้งแต่อายุสิบแปด เลยทำให้เขาเห่อรสรักของสาวพรหมจรรย์เขาไม่รู้หรอก ว่าอาการเห่อของใหม่เป็นแบบไหน เพราะสำหรับเธอเขาทั้งรักและทะนุถนอมเธอมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะผ่านม
อยู่บ้านกันแค่สองบ้านอภิวัฒน์โภคิน“ทำไมบ้านดูเงียบจังเลยล่ะครับบอส” เจษพิพัฒน์ถามขึ้นมาทันทีที่เดินเข้ามาหาเจ้านายถึงที่ห้องโถงของบ้าน เพราะตั้งแต่ที่เขาขับรถเข้ามาภายในเขตบ้านกลับไร้ผู้คนและดูเงียบเหมือนกับไม่มีคนอยู่เลย“พ่อกับแม่ของฉันพวกท่านไปต่างประเทศนายก็รู้ ส่วนคนงานกับเหล่าแม่บ้านดันมาสามัคคีพร้อมกันลาพักพร้อมกันอีก บ้านก็เลยดูเงียบกว่าปกติอย่างที่นายเห็น” ศุภวัฒน์รับเอกสารจากมือที่เลขายื่นมาให้ แล้วก็เอ่ยบอกไปตามตรงเมื่อเจษพิพัฒน์ถามเจษพิพัฒน์เบิกตาโพล้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายพูดบอก คงเป็นเพราะเหตุผลนี้เองสินะ ที่วันนี้ศุภวัฒน์ยอมอู้งานเพียงเพราะกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนกับชนิดา“งั้นก็แสดงว่า ที่บ้านนี้มีบอสอยู่กับคุณหนูนิดแค่สองคนหรือครับ” เจษพิพัฒน์จึงตัดสินใจถามออกไปเพื่อความแน่ใจอีกที ว่าเมื่อสักครู่นั้นเขาได้ยินไม่ผิดแน่“ทำไม?” ศุภวัฒน์เลิกคิ้วถามเลขากลับไปบ้าง เมื่อเห็นสีตาดูตกใจของเจษพิพัฒน์ที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เปล่าหรอกครับ”“แล้วนายมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ถามขึ้นทันที เมื่อเจษพิพัฒน์นั่งลงที่โซฟาอีกฝั่ง“ไม่มีครับ รอแค่ไปรับปาลินแล้วกลับคอ
ไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวชนิดาพอจะทราบดีว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป ตรงนั้นก็ไม่มีใครเลยและยังไม่มีพนักงานคนไหนมาทำงานด้วย นอกจากหญิงสาวที่เป็นคู่นอนของเขา แล้วเธอจึงหยิบอีกกล่องที่อยู่ในถุงออกมา“แล้วนี้...” ชนิดาตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อของที่อยู่ภายในกล่องอีกใบนั้น เป็นสิ่งที่เธออยากได้และหมายตาไว้จริง ๆ ด้วย นี่เขาซกล้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้เธอจริง ๆเป็นสร้อยคอจี้จิกเพชรเม็ดงามเส้นไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป ดูกำลังเหมาะกับคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ซึ่งราคาที่เธอเห็นอยู่ภายในร้านจิวเวลรี่ราคาไม่ใช่น้อย เป็นราคาที่เธอมิอาจเอื้อมเลยเพราะมันช่างสูงมาก สูงถึงหลายแสนเกือบจะแตะหลักล้านอยู่แล้ว“ก็เห็นยืนมองอยู่เป็นชั่วโมง คิดว่าคงอยากได้เลยซื้อมาให้” เขาตอบเสียงแข็งและพยายามเก็บอาการทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้เผยพิรุธอะไรออกมาต่อหน้าเธอและเพื่อนของเขา เกรงว่าจะถูกเพื่อนล้อ“น้องมันยังเรียนอยู่เลยนะไอ้เวย์ ใส่ของมีค่าแบบนี้คงจะไม่...” วรากรกำลังจะอ้าปากเอ่ยค้าน“พี่ว่าสวยดีออก เหมาะกับหนูนิดที่สุดเลย” แต่สุทธิดากลับพูดแทรกผู้เป็นสามีขึ้นมาเสียก่อน แถมดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามไปกับศุภวัฒน์อีกด้
เปิดดูก็จะรู้เองทันทีที่ชนิดาออกมาจากห้องน้ำ เธอก็มุ่งหน้าเดินไปยังร้านอาหารทันที ซึ่งเป็นร้านประจำที่ครอบครัวของศุภวัฒน์มักมาพาเธอมาอยู่บ่อยครั้งแต่พอเธอเดินเข้ามาภายในร้านกลับรู้สึกแปลกใจ ที่โต๊ะของศุภวัฒน์นั่งอยู่นั้นกลับมีแขกนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยสองคน“พี่กร พี่ธิดา สวัสดีคะ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพวกพี่สองคนที่นี่” ชนิดาร้องทักทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ในฐานะที่เธออายุน้อยกว่าใคร ก่อนที่เธอจะมองเห็นเก้าอี้ตัวที่ว่าง และเดินไปนั่งลงข้างกันกับศุภวัฒน์ เพราะตรงหน้ามีสามีภรรยานั่งรออยู่แล้ว“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานหนูนิดดูโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลย พอไม่ใส่แว่นตาแบบนี้ดูสวยมากกว่าเดิมจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” สุทธิดา หรือ ธิดา หญิงสาววัย 27 ปี ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยแซวเธอขึ้นมาบ้างอย่างเป็นกันเอง นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันเพราะต่างคนต่างมีหน้าที่สุทธิดาเองก็พึ่งได้เข้าไปทำงานช่วยผู้เป็นสามีไม่นานมานี้เอง เพราะเธอพึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท หลังจากที่เธอพักการเรียนเอาไว้นานตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกสาวคนแรก พอมีโอกาสได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ทางครอบครัวของสามีก็ให้โอกาสเธอได้ศึกษาในระดับปริญ
เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง“ตื่นสักทีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่หลับอยู่บนเตียงนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งตรวจงานจากแฟ้มที่เลขาฯเอามาให้อยู่ข้างเตียง“พี่...”ศุภวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ที่โต๊ะ เขาจึงขยับตัวขึ้นมานั่งที่เตียงของเธอ ก่อนจะคอยช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่ง“ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนไหม” เขาถามพร้อมกับใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอดู สายตาจับจ้องมองสำรวจตามร่างกายเธอชนิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน เธอหันมาจ้องมองหน้าเขาอย่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ของเขา“เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น” เขาถามเธอกลับเพราะเธอเอาแต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำชนิดาเอาแต่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน มองหน้าเขานิ่งคิดอย่างพิจารณา ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร เพื่อเป็นการพิสูจน์“โอ้ย...”“หนูนิด! เจ็บตรงไหนงั้นเหรอ? พี่จะไปตามหมอ...” เขาตกใจรีบมองสำรวจเธอ เมื่อจู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอะไรเสียอย่างนั้น และเขาก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป“พี่เวย์ หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่ร้องเพราะเจ็บที่หยิกตัวเองเฉย ๆ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ และบอกความจริงกับเขาว
เลื่อนประชุมเอี๊ยด!!!!“อ้าย...” ชนิดาได้แต่หลับหูหลับตากรีดออกมาแทบจะสุดเสียงเท่าที่มี เพราะเธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับคืนไปได้แล้ว เธอได้แต่หลับตานิ่งยืนรอรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น“หนูนิด!!!”ศุภวัฒน์รีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของนางแบบสาว และรีบสาวเท้ายาวไปหาตามเสียงของชนิดาทันทีโดยตามสันชาตญาณ“หนูนิด เป็นไรไหม” ทันทีที่ถึงตัวชนิดา เขาเอ่ยเรียกเธอมองสำรวจรอบตัวกลับดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร เพราะตัวเขาเองก็ตกใจมากเช่นกันโดยที่ไม่ได้สนใจรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ออกไปเลย เพราะคนตรงนี้เป็นหน้าบริษัท รถอาจจะเยอะเป็นธรรมดาในช่วงเวลาเข้างานของพนักงาน ถ้าเขขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นรถของพนักงานส่งอาหาร หรือไม่ก็มอเตอร์รับจ้าง“พะ พี่เวย์”พรึ่บ!!!ชนิดาหันมามองเขาแล้วเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดสนิทลงไปในอ้อมแขนแกร่งศุภวัฒน์ที่รวบตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปกองกับพื้น“หนูนิด หนูนิด!!!” เขาได้แต่เขย่าเรียกเธอ ก่อนอุ้มเธอขึ้นมาแนบอกในท่าเจ้าสาว เมื่อไม่มีการตอบกลับใด ๆ จากเธอ“บอส เป็นอะไรหรือเปล่าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม น้องหนูนิด” เจษพิพัฒน์เลขาหนุ่มที่เดินผ่านมา







