เข้าสู่ระบบ“ตื่นสักทีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่หลับอยู่บนเตียงนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งตรวจงานจากแฟ้มที่เลขาฯเอามาให้อยู่ข้างเตียง
“พี่...”
ศุภวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ที่โต๊ะ เขาจึงขยับตัวขึ้นมานั่งที่เตียงของเธอ ก่อนจะคอยช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่ง
“ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนไหม” เขาถามพร้อมกับใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอดู สายตาจับจ้องมองสำรวจตามร่างกายเธอ
ชนิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน เธอหันมาจ้องมองหน้าเขาอย่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ของเขา
“เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น” เขาถามเธอกลับเพราะเธอเอาแต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
ชนิดาเอาแต่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน มองหน้าเขานิ่งคิดอย่างพิจารณา ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร เพื่อเป็นการพิสูจน์
“โอ้ย...”
“หนูนิด! เจ็บตรงไหนงั้นเหรอ? พี่จะไปตามหมอ...” เขาตกใจรีบมองสำรวจเธอ เมื่อจู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอะไรเสียอย่างนั้น และเขาก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป
“พี่เวย์ หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่ร้องเพราะเจ็บที่หยิกตัวเองเฉย ๆ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ และบอกความจริงกับเขาว่าสาเหตุที่ร้องออกมาเมื่อสักครู่คืออะไร
“แล้วไปหยิกตัวเองทำไม เดี๋ยวผิวก็ช้ำหรอก” เขามองและถามเธอด้วยความแปลกใจ ว่าทำไมเธอถึงทำร้ายตัวเองแบบนั้น
“หนูแค่อยากรู้ว่าตอนนี้หนูไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” เธอตอบและยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา เพราะกลัวว่าเขาจะดุเธออา
โป๊ก!!!
“โอ้ย...” เธอร้องโอดครวญขึ้นมาทันที ที่ถูกเขาค้อนมะเหงกใส่ที่หน้าผากของเธออย่างจัง
“มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่ฝัน” เขาถามอย่างล้อเลียนเธอ เพื่อให้เธอมั่นใจว่าคือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
“...” เธอไม่ตอบอะไรเขาออกไปสักคำ แต่กลับเป็นพยักหน้าให้เขาเป็นคำตอบแทน
“วิ่งไม่ดูซ้ายดูขวา เป็นแบบนี้ตลอดไปใครจะกล้าให้ไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มีหวังไอ้วิชญ์ได้หั่นฆ่าตัดตอนพี่เป็นชิ้น ๆ แน่” เขาพูดขึ้นอย่างตัดพ้อเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้
“ขอโทษค่ะ ตายจริง! นี่มันเลยเวลาเข้าเรียนของหนูแล้ว”
ชนิดารีบขอโทษขอโพยเขาออกไป เมื่อสำนึกได้ว่าครั้งนี้เป็นความผิดของเธอจึง แต่ก็ต้องลุกลี้ลุกลนขึ้นมา เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เธอควรจะอยู่ที่โรงเรียนแล้ว
“พี่โทรไปลาให้แล้ว” ศุภวัฒน์รีบปราบแล้วบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เทอมนี้หนูหยุดบ่อย จะจบพร้อมเพื่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอพูดพร้อมกับทำหน้าหนักใจขึ้นมา
เพราะเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายของเธอแล้วที่เธอจะสิ้นสุดสถานะของนักเรียน แต่เธอต้องมีเหตุให้หยุดเรียนตลอดเพราะเหตุผลหลาย ๆ อย่าง
“ทำไมถึงชอบดูถูกตัวเองนัก นี่ไม่เชื่อใจมันสมองของตัวเองเลยหรือยังไง แล้วแบบนี้จะเรียนมหาลัยรอดได้ยังไงกัน” เขาตำหนิเธอขึ้นมาทันที ที่เธอมักจะด้อยค่าของตัวเองอยู่เสมอ ทั้งที่เธอดีพร้อมเพียบไปเสียทุกอย่าง
“เรื่องเรียนมหาลัยหนูว่าจะขอเรียนมหาลัยของรัฐเอา...” เธอลองพูดดูเชิงขึ้นมา เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาและความคิดของเขา ว่าจะเหมือนกับพี่ชายเธอหารือเปล่า
“ทำไมล่ะ” เขาถามขึ้นทันที ที่เธอพูดแบบนี้
“หนูสงสารคนหาตังค์ส่งเรียนค่ะ” เธอตอบเขาออกไปตามตรง เพราะเธอเห็นใจคนรอบตัวเธอที่คอยเอาใจส่งเสียให้เธอเรียนที่ดี ๆ
และอีกอย่างเธอเกรงใจพี่สะใภ้ของเธอมากกว่า เพราะพี่ชายแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังคอยดูแลเธอแบบไม่ขาดตกบกพร่องเลย แถมยังจะห่วงเธอมากกว่าแต่ก่อนอีก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอห่างจากบ้านมาไกลหรือเปล่า
“ปิดเทอมก็มาเรียนรู้งานที่นี่สิ พี่จะจ่ายค่าแรงให้ จะได้ไม่ต้องพูดว่าเอาแต่ใช้เงินของคนอื่นอีก” เขาจึงยื่นข้อเสนอขึ้นมาบ้าง เพื่อเป็นการหลอกล่อให้เธอยอมรับสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้
“จริงเหรอค่ะ” ทำเอาชนิดาตาลุุกวาวเปล่งประกายขึ้นมาทันที ที่ศุภวัฒน์พูดแบบนี้ออกมา
เธออยากช่วยแบ่งเบาภาระคนอื่นบ้าง ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็อยู่ในฐานะเหมือนลูกสาวเจ้าของบ้าน งานบ้านเธอแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะถูกเจ้าของบ้านสั่งห้ามไม่ให้เธอทำ
แต่คนดื้อรั้นแบบเธอเหรอจะยอมอยู่เฉย ๆ แบบลูกคุณหนูได้ เธอจะชอบแอบออกมาเรียนรู้กับเหล่าบรรดาพวกแม่บ้านอยู่เป็นประจำหากทีเวลาว่าง
“อายุสิบแปดปีแล้ว พี่กล้าใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกแล้ว”
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย ราวกับว่าเป็นการท้าทายเธอ
“พี่เวย์...”
จ๊อกกก
“หึ...ลุกขึ้นไหวไหมจะพาไปกินข้าว”
ยังไม่ทันที่ชนิดาจะได้พูดอะไรออกมา ท้องของเธอก็ดันร้องเสียงดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ศุภวัฒน์ขำออกมาทันที
*
*
ห้างสรรพสินค้า
ที่ที่ศุภวัฒน์พาเธอมาทานมื้อแรกของวันในวันนี้นั้นคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ครอบครัวเขามีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม
“อยากได้ก็เข้าไปเลือกสิ” เขาที่เดินมาตามหลังจึงสะกิดบอกเธอ เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องไปด้านในร้านจิวเวลรี่และไม่ยอมเดินไปไหน
“ไม่เอาหรอก” เธอรีบหันมาบอกปฏิเสธ
“เข้ามาช่วยงานเมื่อไหร่ พี่ค่อยหักจากค่าแรงเอาก็ได้” เขาพยายามเอ่ยหว่านล้อมเธอ เพราะรู้ดีว่าเธอเป็นคนขี้เกรงใจเขาเลยต้องเอาเรื่องที่จะให้เธอทำงานแลกมาอ้าง
“หนูต้องทำงานอีกกี่ชาติค่ะ ถึงจะใช้หมดแค่เห็นราคาแล้ว...”
“เอาน่า น่ะ...”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวหนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน พี่ไปรอที่ร้านได้เลยเดี๋ยวหนูตามไป” ชนิดารับปฏิเสธและกาทางหนีทีไล่จึงหาข้ออ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ เพื่อหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ และเธอก็รีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันที
“เฮ้อ...เด็กน้อยเอ้ย” ศุภวัฒน์ได้แต่มองตามหลังแล้วส่ายหน้ายิ้มขำให้กับนิสัยเอาตัวรอดของเธอ
ศุภวัฒน์มองตามแผ่นหลังเล็กที่วิ่งไปจนสุดตา แล้วเขาก็หันกลับไปมองทางร้านจิวเวลรี่ที่ชนิดายืนมองอยู่นาน ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
คนแก่ไม่เข้าใจเด็กเลย“คุณเวย์ครับ ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ปาลินเหมือนจะเมามากแล้ว” เจษพิพัฒน์เมื่อเห็นว่าแฟนสาวจะเริ่มเมาแล้ว จึงบอกกับศุภวัฒน์ขอตัวพาเธอกลับ“นายขับรถไหวเหรอเจษ ค้างที่นี่สิ” เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอันตรายหากว่าขับรถตอนเมา และเขาเองที่เป็นต้นเหตุจะรู้สึกผิด จึงได้แต่บอกให้เลขาหนุ่มค้างที่นี่“ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเองครับ ยังไม่หมดแก้วเลยด้วยซ้ำ ขับไหวอยู่แล้วครับ แล้วอีกอย่างแฟนผมเมาแบบนี้บนเตียงน่ารักจะตาย ไม่เชื่อก็ลองมีแฟนแล้วมอมเหล้าดูนะครับ ว่าผู้หญิงเวลาเมาแล้วจะน่ารักขนาดไหน” เจษพิพัฒน์เอ่ยบอกกับศุภวัฒน์อย่างสื่อความหมายเป็นนัย ๆ พร้อมกับส่งสายตามองไปที่แฟนสาวอย่างเจ้าเล่ห์ถึงเขาจะอายุห่างกับแฟนสาวอยู่หลายปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย เพราะต่างฝ่ายต่างก็เติมเต็มส่วนที่ขาดให้แก่กัน และทำความเข้าใจกันอยู่เสมอ หลายคนมองว่าเขาเห่อของใหม่ เพราะว่าปณาลินนั้นมีความสัมพันธ์กับเขาตั้งแต่อายุสิบแปด เลยทำให้เขาเห่อรสรักของสาวพรหมจรรย์เขาไม่รู้หรอก ว่าอาการเห่อของใหม่เป็นแบบไหน เพราะสำหรับเธอเขาทั้งรักและทะนุถนอมเธอมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะผ่านม
อยู่บ้านกันแค่สองบ้านอภิวัฒน์โภคิน“ทำไมบ้านดูเงียบจังเลยล่ะครับบอส” เจษพิพัฒน์ถามขึ้นมาทันทีที่เดินเข้ามาหาเจ้านายถึงที่ห้องโถงของบ้าน เพราะตั้งแต่ที่เขาขับรถเข้ามาภายในเขตบ้านกลับไร้ผู้คนและดูเงียบเหมือนกับไม่มีคนอยู่เลย“พ่อกับแม่ของฉันพวกท่านไปต่างประเทศนายก็รู้ ส่วนคนงานกับเหล่าแม่บ้านดันมาสามัคคีพร้อมกันลาพักพร้อมกันอีก บ้านก็เลยดูเงียบกว่าปกติอย่างที่นายเห็น” ศุภวัฒน์รับเอกสารจากมือที่เลขายื่นมาให้ แล้วก็เอ่ยบอกไปตามตรงเมื่อเจษพิพัฒน์ถามเจษพิพัฒน์เบิกตาโพล้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายพูดบอก คงเป็นเพราะเหตุผลนี้เองสินะ ที่วันนี้ศุภวัฒน์ยอมอู้งานเพียงเพราะกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนกับชนิดา“งั้นก็แสดงว่า ที่บ้านนี้มีบอสอยู่กับคุณหนูนิดแค่สองคนหรือครับ” เจษพิพัฒน์จึงตัดสินใจถามออกไปเพื่อความแน่ใจอีกที ว่าเมื่อสักครู่นั้นเขาได้ยินไม่ผิดแน่“ทำไม?” ศุภวัฒน์เลิกคิ้วถามเลขากลับไปบ้าง เมื่อเห็นสีตาดูตกใจของเจษพิพัฒน์ที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เปล่าหรอกครับ”“แล้วนายมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ถามขึ้นทันที เมื่อเจษพิพัฒน์นั่งลงที่โซฟาอีกฝั่ง“ไม่มีครับ รอแค่ไปรับปาลินแล้วกลับคอ
ไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวชนิดาพอจะทราบดีว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป ตรงนั้นก็ไม่มีใครเลยและยังไม่มีพนักงานคนไหนมาทำงานด้วย นอกจากหญิงสาวที่เป็นคู่นอนของเขา แล้วเธอจึงหยิบอีกกล่องที่อยู่ในถุงออกมา“แล้วนี้...” ชนิดาตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อของที่อยู่ภายในกล่องอีกใบนั้น เป็นสิ่งที่เธออยากได้และหมายตาไว้จริง ๆ ด้วย นี่เขาซกล้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้เธอจริง ๆเป็นสร้อยคอจี้จิกเพชรเม็ดงามเส้นไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป ดูกำลังเหมาะกับคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ซึ่งราคาที่เธอเห็นอยู่ภายในร้านจิวเวลรี่ราคาไม่ใช่น้อย เป็นราคาที่เธอมิอาจเอื้อมเลยเพราะมันช่างสูงมาก สูงถึงหลายแสนเกือบจะแตะหลักล้านอยู่แล้ว“ก็เห็นยืนมองอยู่เป็นชั่วโมง คิดว่าคงอยากได้เลยซื้อมาให้” เขาตอบเสียงแข็งและพยายามเก็บอาการทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้เผยพิรุธอะไรออกมาต่อหน้าเธอและเพื่อนของเขา เกรงว่าจะถูกเพื่อนล้อ“น้องมันยังเรียนอยู่เลยนะไอ้เวย์ ใส่ของมีค่าแบบนี้คงจะไม่...” วรากรกำลังจะอ้าปากเอ่ยค้าน“พี่ว่าสวยดีออก เหมาะกับหนูนิดที่สุดเลย” แต่สุทธิดากลับพูดแทรกผู้เป็นสามีขึ้นมาเสียก่อน แถมดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามไปกับศุภวัฒน์อีกด้
เปิดดูก็จะรู้เองทันทีที่ชนิดาออกมาจากห้องน้ำ เธอก็มุ่งหน้าเดินไปยังร้านอาหารทันที ซึ่งเป็นร้านประจำที่ครอบครัวของศุภวัฒน์มักมาพาเธอมาอยู่บ่อยครั้งแต่พอเธอเดินเข้ามาภายในร้านกลับรู้สึกแปลกใจ ที่โต๊ะของศุภวัฒน์นั่งอยู่นั้นกลับมีแขกนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยสองคน“พี่กร พี่ธิดา สวัสดีคะ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพวกพี่สองคนที่นี่” ชนิดาร้องทักทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ในฐานะที่เธออายุน้อยกว่าใคร ก่อนที่เธอจะมองเห็นเก้าอี้ตัวที่ว่าง และเดินไปนั่งลงข้างกันกับศุภวัฒน์ เพราะตรงหน้ามีสามีภรรยานั่งรออยู่แล้ว“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานหนูนิดดูโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลย พอไม่ใส่แว่นตาแบบนี้ดูสวยมากกว่าเดิมจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” สุทธิดา หรือ ธิดา หญิงสาววัย 27 ปี ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยแซวเธอขึ้นมาบ้างอย่างเป็นกันเอง นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันเพราะต่างคนต่างมีหน้าที่สุทธิดาเองก็พึ่งได้เข้าไปทำงานช่วยผู้เป็นสามีไม่นานมานี้เอง เพราะเธอพึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท หลังจากที่เธอพักการเรียนเอาไว้นานตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกสาวคนแรก พอมีโอกาสได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ทางครอบครัวของสามีก็ให้โอกาสเธอได้ศึกษาในระดับปริญ
เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง“ตื่นสักทีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่หลับอยู่บนเตียงนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งตรวจงานจากแฟ้มที่เลขาฯเอามาให้อยู่ข้างเตียง“พี่...”ศุภวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ที่โต๊ะ เขาจึงขยับตัวขึ้นมานั่งที่เตียงของเธอ ก่อนจะคอยช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่ง“ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนไหม” เขาถามพร้อมกับใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอดู สายตาจับจ้องมองสำรวจตามร่างกายเธอชนิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน เธอหันมาจ้องมองหน้าเขาอย่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ของเขา“เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น” เขาถามเธอกลับเพราะเธอเอาแต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำชนิดาเอาแต่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน มองหน้าเขานิ่งคิดอย่างพิจารณา ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร เพื่อเป็นการพิสูจน์“โอ้ย...”“หนูนิด! เจ็บตรงไหนงั้นเหรอ? พี่จะไปตามหมอ...” เขาตกใจรีบมองสำรวจเธอ เมื่อจู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอะไรเสียอย่างนั้น และเขาก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป“พี่เวย์ หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่ร้องเพราะเจ็บที่หยิกตัวเองเฉย ๆ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ และบอกความจริงกับเขาว
เลื่อนประชุมเอี๊ยด!!!!“อ้าย...” ชนิดาได้แต่หลับหูหลับตากรีดออกมาแทบจะสุดเสียงเท่าที่มี เพราะเธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับคืนไปได้แล้ว เธอได้แต่หลับตานิ่งยืนรอรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น“หนูนิด!!!”ศุภวัฒน์รีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของนางแบบสาว และรีบสาวเท้ายาวไปหาตามเสียงของชนิดาทันทีโดยตามสันชาตญาณ“หนูนิด เป็นไรไหม” ทันทีที่ถึงตัวชนิดา เขาเอ่ยเรียกเธอมองสำรวจรอบตัวกลับดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร เพราะตัวเขาเองก็ตกใจมากเช่นกันโดยที่ไม่ได้สนใจรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ออกไปเลย เพราะคนตรงนี้เป็นหน้าบริษัท รถอาจจะเยอะเป็นธรรมดาในช่วงเวลาเข้างานของพนักงาน ถ้าเขขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นรถของพนักงานส่งอาหาร หรือไม่ก็มอเตอร์รับจ้าง“พะ พี่เวย์”พรึ่บ!!!ชนิดาหันมามองเขาแล้วเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดสนิทลงไปในอ้อมแขนแกร่งศุภวัฒน์ที่รวบตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปกองกับพื้น“หนูนิด หนูนิด!!!” เขาได้แต่เขย่าเรียกเธอ ก่อนอุ้มเธอขึ้นมาแนบอกในท่าเจ้าสาว เมื่อไม่มีการตอบกลับใด ๆ จากเธอ“บอส เป็นอะไรหรือเปล่าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม น้องหนูนิด” เจษพิพัฒน์เลขาหนุ่มที่เดินผ่านมา







