Masukเพราะความโกรธแค้นในอดีต ทีมีอคติต่อมารดาของเธอ...เขาจึงต้องใช้เธอเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้ ...ถึงแม้ว่าเขานั้นจะรักเธอจนสุดขั้วหัวใจก็ตาม...
Lihat lebih banyak“คุณหมอปุณณ์ไม่กลับไปอยู่บ้านใหญ่หรือครับ” เสียงคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีอย่าง อนุชา เอ่ยถามน้องเจ้านายขึ้นมาทันที
“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้น ผมอยากอยู่คอนโดฯมันใกล้โรงพยาบาลด้วย” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยตอบ แล้วบอกให้คนขับรถมุ่งหน้าไปยังที่พักส่วนตัวของเขาทันที
นพ.ปุณณกันต์ ปิยพัฒนากุล หรือ หมอปุณณ์ หมอหนุ่มเฉพาะทางในวัย 32 ปี ศัลยแพทย์หัวใจ(Cardiac Surgeon) หรือบางครั้งจะเรียกว่า ศัลยแพทย์หัวใจและหลอดเลือด(Cardiovascular Surgeons)
พึ่งได้รับตำแหน่งรองฯผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาหมาด ๆ หลังจากที่เขาจบแพทย์เฉพาะทางมาจากต่างประเทศ แต่ยังคงเที่ยวไปรักษาแผลใจอยู่ที่ต่างประเทศเสียนานไม่ยอมมารับตำแหน่งเสียที
“ให้ผมขึ้นไปส่งไหมครับ” อนุชาลูกน้องคนสนิทของพี่ชายถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อรถหรูจอดที่คอนโดมีเนียมหรูสูงเสียดฟ้า
“ไม่ต้องครับ พี่นุกลับบ้านใหญ่ไปเถอะ ขอบคุณมากนะครับสำหรับบวันนี้”
เพราะคนที่เขาไม่ชอบหน้ายังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ตั้งแต่พี่ชายพาเธอคนนั้นคนที่เป็นสาเหตุให้บิดาและมารดาของเขาทะเลาะกัน จนรถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำเสียชีวิตไปทั้งคู่เมื่อหลายปีก่อน
หนำซ้ำพี่ชายของเขายังคว้าผู้หญิงเพศยาคนนั้นมาเป็นภรรยาและพามาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกด้วย จนเขาต้องเป็นฝ่ายออกมาอยู่ข้างนอกแทน เพราะทนมองหน้ากันไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำร้ายผู้หญิงคนนั้นเข้าสักวัน
ครอบครัวของเขามีธุรกิจเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนดัง มีชื่อเสียงติดอันดับบของประเทศ และเป็นหมอกันทั้งตระกูลกันหมด
บิดาเป็น ‘แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป’(general practitioner, GP) เป็นแพทย์ที่รักษาอาการเจ็บป่วยเฉียบพลันและเรื้อรังทั่วไป รวมทั้งให้ความรู้ทางด้านสุขภาพและการป้องกันโรคแก่ผู้ป่วยและประชาชน ควบด้วยตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาล
ส่วนมารดาเป็น ‘แพทย์สูตินรีเวช’(Obstetrics) หรือ (Obstetrician) ซึ่งเป็นแพทย์ที่ดูแลผู้หญิงและทารกในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตร
และมีพี่ชายอีกคนเป็น ‘แพทย์ออร์โธปิดิกส์’ (Orthopedics) หรือหมอกระดูกและข้อ ปัจจุบันพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการและผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย แทนที่บิดาเสียชีวิตไป
“ต้องทำยังไงเธอถึงจะออกจากบ้านของครอบครัวฉันไป ปรารถนา!!!” เสียงเข้มกดต่ำพร้อมกำแก้วในมือที่บรรจุน้ำสีอำพรางไว้แน่น
กริ่ง กริ่ง กริ่ง
เสียงเครื่องโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังราคาหลายหมื่นแผดเสียงขึ้นมา มืออีกข้างที่ว่างหยิบขึ้นมาดูจ้องมองไปที่หน้าจอ ก่อนที่นิ้วเรียวจะไถลจุดสีเขียวรับสาย
“ครับพี่ปัณณ์” น้ำเสียงปกติขานรับคนจากปลายสาย โดยที่พยายามควบคุมอารมณ์คุกรุ่นที่อยู่ภายในใจ ไม่ให้ประทุออกมา
[ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ได้ข่าวว่ากลับถึงไทยแล้ว]
“คอนโด”
[ทำไมไม่มาอยู่ที่บ้าน จะไปอยู่ที่นั่นให้ลำบากทำไม]
“เมียพี่ออกจากบ้านหลังนั้นไปเมื่อไหร่ วันนั้นแหล่ะที่ผมจะกลับไปอยู่ที่บ้าน”
[เฮ้อ...แกจะอคติกับนาเขาไปถึงไหนกันเจ้าปุณณ์ นี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วน่ะ เมื่อไหร่แกจะลืมเรื่องทั้งหมดแล้วปล่อยวางเสียที]
“คนที่เป็นต้นเหตุยังลอยหน้าลอยตาอยู่ พี่จะให้ผมปล่อยวางอย่างนั้นเหรอ ผมไม่มีวันให้อภัยหรอก”
[ต้องให้พี่อธิบายกี่พันครั้ง ว่านาเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย]
“แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เกี่ยวข้องกับพ่อ หรือพี่จะเถียง”
[พี่ไม่คุยกับแกแล้ว เอาเป็นว่ากลับมาหาหลานบ้างน่ะ น้องปลื้มอยากเจอแก]
“วันไหนที่ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่บ้าน พี่ก็ให้เด็กในบ้านโทรฯมาบอกผมก็แล้วกัน ผมไม่อยากเจอหน้าแม่ของน้องปลื้ม แค่นี่นะครับ”
[เดี๋ยวก่อนสิ]
“อะไรของพี่อีก”
[แกจะเข้าไปโรงพยาบาลวันไหน]
“พี่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนช่วยทำงานหรอกครับ ถึงอย่างไรผมก็ไม่เอาเปรียบพี่คนเดียวหรอกน่า แค่นี้นะครับผมอยากพักผ่อน”
เขาวางสายจากพี่ชายแล้ว ก็หยิบบุหรี่เดินออกไปสูบที่ระเบียงข้างนอกอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนึกถึงใบหน้าผู้หญิงเพศยาคนนั้น
“หึ พ่อกับลูกมีเมียคนเดียวกัน อะไรมันจะทุเรศขนาดนี้” เขาได้แต่แค่นหัวเราะออกมา เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีตที่ไม่น่าจดจำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“...” ใบหน้านิ่งขรึมขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม มองไปยังประตูทางเข้า ใครกันที่กล้ามาเคาะประตูห้องเขาในตอนนี้
เขาทิ้งบุหรี่ที่พึ่งดูดเข้าไปได้แค่ครึ่งดับลงที่ถาดรอง แล้วจึงสาวเท้ายาวเดินไปที่ประตูต้นทางของเสียงนั้นอย่างจำใจ
“เอ่อคือ...”
สองสายตาสบประสานกันอย่างไม่รู้ตัว เมื่อบานประตูห้องสุดหรูถูกเปิดออก ปรากฏร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่าราวกับเทพพระบุตรในนิยายก็ไม่ปราน
“...” สายตาคมของร่างสูงจ้องมองไปที่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้านิ่งอย่างต้องการสำรวจ เมื่อเธอเอาแต่ยืนมองเขาตาค้างไม่พูดอะไร
“มะ มาทำความสะอาดค่ะ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ เธอก็แทบบจะไม่มีสติ คนอะไรหล่อเป็นบ้าเลย แต่หน้าตาดุไปนิด
เมื่อเธอบอกเช่นนั้นก็จำได้ว่าก่อนขึ้นมาเขาแจ้งกับทางนิติบุคคลไปว่าต้องการแม่บ้านทำความสะอาด ปุณณกันต์จึงเดินกลับไปที่ระเบียง หมายจะจุดบุหรี่ต่อสุด
แคร่ก แคร่ก
“เป็นอะไร ป่วยก็ไม่ต้องมาทำงาน” เสียงทุ้มเรียบนิ่งเอ่ยถาม ที่ได้ยินเสียงคนร่างเล็กไอตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้อง
“เปล่าค่ะ แค่เหม็นควันบุหรี่เฉย ๆ” เธอรีบปฏิเสธแล้วเอ่ยบอกถึงเหตุผล พร้อมกับยกมือขึ้นปิดจมูก เพราะกลิ่นบุหรี่ยังลอยคละคลุ้งเข้ามาเมื่อเขาเปิดประตูระเบียง
“หึ...” ปุณณกันต์แค่นยิ้มมุมปากก่อนที่จะเลื่อนประตูระเบียงปิดคืน แล้วโยนม้วนบุหรี่และไฟแช็คลงที่โต๊ะทันที
“ต้องทำในห้องนอนด้วยไหมค่ะ...” เธอเอ่ยถาม เพื่อขออนุญาต เพราะบางที่ที่เธอไปทำ บางคนจะไม่ให้เข้าไปในห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว
“ทำสิ ทุกซอกทุกมุม และต้องสะอาดภายในสองชั่วโมง” เขาพูดพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ทั่วทุกบริเวณห้องสุดกว้างของเขา
“สองชั่วโมง?” เธอเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เมื่อมองรอบ ๆ บริเวณห้องเขานั้นไม่ใช่เล็ก ๆ เลย น่าจะเป็นห้องที่กว้างที่สุด และมีห้องเขาห้องเดียวของชั้นนี้
“ทำไม่ได้” คิ้วเข้มขมวดมองเธออย่างท้าทาย
“...” เธอนิ่งไม่ได้ตอบอะไรเขา
“ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป จะได้โทรฯบอกให้เขาหาคนอื่นมาทำแทน” พูดพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที
“ทะ ทำได้ค่ะ”
บทส่งท้าย(จบ)“หนูเสียใจหรือเปล่าสายป่าน” ปรารถนาจึงหันมาถามปาลรพีร์บ้าง ที่เธอเอาแต่นั่งเงียบเมื่อรู้ความจริง“ไม่ค่ะ...แต่ขอบคุณแม่นานะคะ ที่รักและเลี้ยงหนูมาเป็นอย่างดี”“ขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่าน และเรื่องที่เคยทำไม่ดีกับสายป่านด้วย แล้วขอบคุณอีกนะครับ ที่เลี้ยงดูสายป่านมาเป็นอย่างดี ขอบคุณมากจริง ๆ พี่สะใภ้...” ปุณณกันต์เองก็ยกมือขึ้นไหว้ปรารถนาเพื่อเป็นการขอโทษเช่นกัน และเป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้และพูดดียอมรับในตัวปรารถนาว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา“ไม่ต้องเรียกเต็มแบบนี้ก็ได้มั้งค่ะ” ปรารถนารีบเอ่ยแก้เก้อกลบเกลื่อน ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของปุณณกันต์“ครับ ผมเองก็ยังไม่ชิน”“ต่อไปก็กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะเจ้าปุณณ์” ปัณณวิชญ์จึงชวนน้องชายอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นว่าอย่างเข้าใจกันดีแล้ว“ครับ จะมาอยู่ทวงทุกอย่างที่เป็นของผมคืนให้หมด”“ไอ้ปุณณ์!”“ผมแค่แซวเล่นเอง พี่นี่คงจะแก่แล้วจริง ๆ สะแล้ว”คนเป็นน้องอย่างปุณณกันต์ก็อดที่เอ่ยแซว เย้าแหย่พี่ชายไม่ได้ จึงพูดจากวนให้ปัณณวิชญ์โมโห เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน“แล้วเรื่องของพวกแกสองคน ต่อไปจะเอา
ความลับที่เก็บมานาน“คงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรตามมาอีกแล้วนะคะพี่หมอ” ปาลรพีร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันมาพูดขึ้นมากับคนตัวสูง หลังจากที่พัทธิชากลับออกไปแล้ว“ไม่มีแล้วครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเธออย่างมั่นใจ“มีค่ะ” ปรารถนาพูดขึ้นมาบ้าง เมื่อยังมีสิ่งที่ยังค้างคาที่เก็บเอาไว้มานาน ยังไม่ได้บอกให้ใครรับรู้นอกจากผู้เป็นสามีคนเดียว“อะไรอีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์เลิกคิ้วขึ้นถามปรารถนาอย่างแปลกใจ ว่ามารดามีเรื่องอะไรอีก“หมอปุณณ์จำคำที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วหรือค่ะ” ปรารถนาไม่ตอบกลับปาลรพีร์ แต่หันไปถามทางปุณณกันต์แทน“...” ปุณณกันต์หันมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา เพราะเขาเองก็จำไม่ได้“ก็ก่อนที่แกจะไปตามหนูป่านยังไงล่ะ ว่ากลับมานาจะบอกความจริงให้แกกับหนูป่านรู้” ปัณณวิชญ์จึงเปรยขึ้นมา เมื่อเห็นน้องชายยืนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก“ยังมีเรื่องอะไรที่หนูไม่รู้อีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์ถามขึ้นมาบ้าง“พาน้องมานั่งก่อนสิเจ้าปุณณ์”เมื่อพี่ชายพูดเช่นนั้น ปุณณกันต์จึงได้พาปาลรพีร์เดินไปนั่งลงที่โซฟา เพื่อรอฟังสิ่งที่ปรารถนาจะพูด เขาเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะตอนนั้นก็นึกถึงแค่เรื่องปาล
ภรรยาและลูกแฝดของหมอปุณณ์หลายวันต่อมาโรงพยาบาลปิยพัฒน์ร่างสูงของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณหมอปุณณกันต์เดินกุมมือมากับหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนกระโปรงกลีบบานเท่าหัวเข่า เดินเข้ามาที่แผนกสูติฯด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่เข้ามาใช้บริการ“อ้าวหมอปุณณ์! มาทำงานแล้วหรือค่ะ แล้วมาทำอะไรที่แผนกนี้ค่ะ” ฟ้าลดาหมอสาวสุดสวยประจำอีกแผนกเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นปุณณกันต์ที่แผนกนี้แต่กับอีกคนหญิงสาวที่ปุณณกันต์กุมมืออยู่นั้น เธอกลับมองด้วยสายตาที่ริษยา รู้สึกอิจฉาที่เธอเป็นเพียงลูกติดของพี่สะใภ้ เป็นแค่หญิงสาวธรรมดากลับทำให้ปุณณกันต์หลงได้ขนาดนี้“พาภรรยามาฝากท้องครับ แล้วหมอฟ้าล่ะ” ปุณณกันต์เอ่ยตอบหมอสาวคนสวยไปตามตรง แล้วถามกลับไปตามมารยาทสายตาคมมองอย่างแปลกใจที่เห็นเธอที่นี่“ฟ้าเอาเอกสารมาส่งค่ะ” เธอเอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างยั่วยวนไปให้“หมอฟ้ามาส่งเอกสารเองเลยหรือครับ” ปุณณกันต์เลิกคิ้วมองถามด้วยความแปลกใจ ที่เห็นหมอคนสวยถือเอกสารมาส่งด้วยตัวเองแบบนี้“ค่ะ ว่าแต่หมอปุณณ์กับ...เอ่อ ภรรยาเป็นยังไงบ้างค่ะ” ฟ้าลดาถามไถ่คุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล เพ
ใครสอนให้ทำแบบนี้ NCปุณณกันต์ได้แต่ยอมอ่อนข้อให้ตามคำที่เธอขอ เพราะรู้ดีว่าเธอยังคงมีความโกรธเคืองเขาอยู่ ยังไม่ให้อภัยเขาทั้งหมดอยู่แล้ว ใครมันจะลืมกันได้ง่าย ๆ แม้แต่เขาก็ยังไม่ลืมในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย“คงจะไม่สนุกนะสิค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา“ทำไมครับ” ปุณณกันต์ได้แต่เลิกคิ้วถามอย่างงุนงง ไม่เข้าในใจสิ่งที่เธอพูด“เพราะในนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวนะสิค่ะ” ปาลรพีร์พูดแล้วก็จับมือหนาของเขามาแตะลงที่หน้าท้องของเธออีกครั้งเพื่อสัมผัสกับเจ้าก้อนที่อยู่ด้านในนี้“หมายความว่า...” ปุณณกันต์เบิกตากว้าง เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เธอบอกอย่างแจ่มแจ้ง ความรู้สึกดีใจตื้นตันอยู่ในอก แทบจะทะลุออกมา“แฝดค่ะ เราได้ลูกแฝด”“จริงหรือครับ”“จริงสิค่ะ พี่หมอดีใจไหม”“ดีใจสุด ๆ ไปเลยครับ ทำทีเดียวได้มาตั้งสอง แบบนี้พี่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่มีแต่ความยินดี ดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่งอีกครั้ง มือหนาอีกข้างยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน“พี่หมอ”“หนูยังมีความกังวลอะไรอีกอย่างนั้นหรือครับ บอกพี่มาได้นะ” ปุณณกันต์ถามเธอขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอยังมีความกังวลใจอะไรอยู่