LOGINศิลาแดง
ร่างใหญ่สองร่างนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมทางเข้าบ้าน พวกเขาหันจ้องหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับรอใครบางคนที่กำลังจะผิดนัด “อ้าว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้านอนกันอีกเหรอ?” คุณหญิงครีมหอมที่ลงมาหาน้ำดื่ม เอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสองนั่งเงียบอยู่ข้างล่าง “ก็เจ้าคินน่ะสิคุณ ผมอุตส่าห์โทรนัดให้กลับมาคุยกันที่บ้านวันนี้ แถมมันยังรับปากผมซะดิบดี แต่สุดท้ายเวลานี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย!” เสี่ยโอมถอนหายใจหนักมองเข็มนาฬิกาบนผนังอย่างไม่สบอารมณ์ “แบบนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้งคะ สงสัยคงไปเมาอยู่ที่ไหนสักที่" ครีมหอมตอบ ขณะเดินเข้าไปลูบไหล่คีรินที่นั่งไม่ห่างจากตรงที่เธอยืน “อืม ผมว่าคุณแม่คงพูดถูกแล้วแหละครับ” คีรินพึมพำ “เราไปอาบน้ำเข้านอนกันเถอะครับคุณพ่อ” เขาหันไปบอกกับบิดาเนื่องจากเห็นว่าวันนี้ทำงานหนัก คนเป็นพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว “แล้วเรื่องงานล่ะลูก?” เสี่ยโอมที่เรียกลูกชายอีกคนกลับมาเพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ เขาเอ่ยถามออกมาอย่างหัวเสีย ก็คนที่นั่งข้างกันดันไปหน้าเหมือนกับคนที่ผิดนัดอีก “ไว้วันหลังค่อยคุยเถอะครับคุณพ่อ ที่คินไม่มาวันนี้ คงเพราะเรานัดกะทันหันนั่นแหละครับ ป่านนี้คงจะเมาแล้ว ถึงมาไม่ได้” คีรินที่รู้จักฝาแฝดของตัวเองดี กล่าวพลางถอนหายใจ เสี่ยโอมได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม “งั้นลูกก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางเดี๋ยวจะเหนื่อยเอานะ” เสี่ยโอมบอก เพราะเขาตั้งใจจะให้คีรินบินไปดูงานแทนที่อังกฤษ ส่วนที่เรียกอนาคินมาคุยกันวันนี้ก็เพราะอยากให้เขารับหน้าที่แทนพี่ชายฝาแฝดดำรงตำแหน่งรองประธานแทน ถึงแม้เสี่ยโอมจะรู้ว่าอนาคินไม่ชอบเอาการเอางาน แต่ฝีมือก็ไม่ธรรมดาหากว่าเจ้าตัวยอมที่จะมาทำให้ อีกอย่างมันก็จำเป็นที่ลูกชายคนนี้ต้องก้าวเข้าสู่วงการเดียวกันกับพี่ๆ คนอื่นแล้ว เมื่อเห็นภรรยาพาลูกชายเดินขึ้นไปพัก เขาก็ได้แต่นั่งพึมพำถึงลูกชายหัวดื้ออยู่คนเดียว “กลับมาจะบ่นให้หูดับเลย วันไหนมันจะเลิกเล่นเลิกเที่ยว แล้วหัดคิดเรื่องอนาคตตัวเองบ้างน่ะ แบบนี้น่าจะหาผู้หญิงมาจับแต่งงานด้วยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” โรงแรม “ฮัดเช่ยยย!” เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงถึง จามเสียงดังจนสาวที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่น “พี่คินจามซะดังเลยเป็นหวัดเหรอคะ?”หญิงสาวหน้าตาสะสวยเงยหน้ามองเขา อนาคินจ้องใบหน้าของเธอสักพักก่อนจะส่ายหน้า “น้ำตาล เธอลุกไปใส่เสื้อผ้าแล้วกลับได้แล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ น้ำเสียงไม่มีอารมณ์ใดๆ พลางลุกนั่งและดันตัวหญิงสาวออกห่าง “อ้าว เป็นอะไรไปคะ อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้หรือว่าพี่เครียดเรื่องพ่อโทรมาตามเหรอ? มีอะไรหรือเปล่าคะ?” น้ำตาลยิงคำถามกลับทันที ถึงตอนเขาถูกพ่อโทรตามเขาไม่ได้บอกอะไรให้เธอรู้ แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องงาน “เฮ้อ”ชายหนุ่มถอนหายใจหนักอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวโดยไม่สนใจเธอ ที่พยายามจะห้าม “พี่จะไปไหน?” หญิงสาวที่ยังอยู่บนเตียงรีบลุกขึ้นมากอดรั้งเขา “ฉันจะกลับบ้าน ถ้าเธออยากจะนอนต่อก็เชิญเถอะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “อะ! พี่คิน!เดี๋ยวสิ แล้วพี่จะเรียกหาน้ำตาลอีกไหมคะ” น้ำตาลได้แต่เรียกร้องตามหลังของเขาอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็แสดงอะไรมากไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยให้สถานะอะไรกับเธอเลยนอกจากคำว่าคู่นอนแบบที่เขาให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ “จะไปไหน?” หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวหยุดชะงัก หลังจากที่ทุกคนในบ้านทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากันเสร็จแล้ว เธออ้างว่าจะขึ้นห้องพัก แต่จริงๆ แล้วแอบขึ้นไปเปลี่ยนชุดสวยแล้วเดินอ้อมลงมาอีกทางหวังจะได้ไปเห็นหน้าชายหนุ่มที่แอบรัก แต่กลับโดนพี่ชายยืนดักเหมือนตั้งใจรอจับผิดโดยเฉพาะ “พี่จอน?” เจย่ายิ้มแหย หันไปสบตากับพี่ชายที่ยืนกอดอกมองมาอย่างรู้ทัน “เจนึกว่าพี่ ขึ้นไปคุยกับพี่เหนือซะอีก” เธอรีบเบี่ยงประเด็น ทั้งสายตาแอบเหล่มองหาทางหลบ “อย่าเปลี่ยนเรื่อง! เมื่อกี้พี่ถามว่าจะไปไหน? ตอบมา!” เจย่าก้มหน้าพลางตอบเสียงเบา “เจว่าจะไปบ้านศิลาแดง” “เวลานี้เนี่ยนะ!” จอนนี่โพล่งขึ้นเสียงดังจนน้องสาวสะดุ้ง “จะไปหาใครตอนนี้?” เขาบ่นเธออย่างไม่ชอบใจ น้องสาวผู้เรียบร้อยของเขาได้หายไปทีละน้อยเหลือแค่ยัยแสบตรงหน้านี้แล้วใช่ไหม “เจแค่อยากเห็นหน้าพี่คีริน” “เขานอนกันหมดแล้วมั้ยล่ะ เจย่า! นี้มันกี่โมงแล้ว!” จอนนี่ดุน้องสาว พยายามจะพูดให้เธอเปลี่ยนใจ แต่น้องก็ยังดื้อ “ไม่ได้เห็นหน้า แค่เห็นหลังคาบ้านก็ยังดีนี่ค่ะ พี่จอนน้า~” หญิงสาวรีบเดินเข้ามากอดแขนออดอ้อนพี่ชาย “เจไม่ได้เห็นพี่คีรินมา 4 ปีแล้วนะ พี่จอนจะใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ? น้องขอแค่ขับรถไปจอดหน้าบ้านเขาสัก 2 นาทีก็ได้~” สายตาหวานหยดย้อย จ้องพี่ชายพร้อมขนตากระพริบปริบๆ เป็นไม้ตายสุดท้าย และมันก็ได้ผลเพราะจอนนี่รักน้องสาวมากและก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว “ก็ได้ แต่พี่จะขับรถพาไปเอง มันดึกมากแล้ว ถ้าพ่อรู้เดี๋ยวจะโดนดุ” “เย้~ รักพี่จอนที่สุดในโลกค่ะ!” เจย่ากระโดดกอดคอ พลางหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่ ทำเอาจอนนี่หน้าเหวอ “เจย่า! นี่เราจะกลายเป็นสาวฝรั่งเต็มตัวแล้วน่ะรู้ไหมเนี้ย!? สงบเสงี่ยมหน่อยเถอะ!” เขารีบดุทันที เพราะกลัวว่าน้องจะไปทำอะไรแบบนี้กับคนอื่น “โอ๊ย~ พี่จอนคะ เจก็ไม่ได้ทำกับทุกคนสักหน่อย ทำแค่กับคนที่เจรักเท่านั้นละค่ะ~”เธอพูดพลางผละออก ก้มหน้าทำงอนที่โดนพี่ว่า “เออๆ พี่อนุญาตให้ทำได้แค่เฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้นนะ เข้าใจไหม? ไป ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้ หรือจะให้พี่โทรหาคีรินให้เขาออกมาพบดีล่ะ?” น้องสาวหันพรวดจ้องพี่ชายด้วยใบหน้าแดง ก่อนรีบปฏิเสธอย่างเคอะเขิน “ไม่เป็นไรค่ะ เจไม่อยากรบกวนเวลานอนเขา” “อ้าว? แต่เมื่อกี้บอกว่าอยากเห็นหน้าเขาไม่ใช่เหรอ?” “ถ้าพระพรหมลิขิต คงทำให้เจได้เจอเขาเองแหละ” เธอพูดเสียงกุกกักแอบหวังลึกในใจว่าถ้าเธอไปถึงต้องได้เจอเขาที่นอนไม่หลับแล้วออกมาเดินเล่น เฉกเช่นในบทกวีที่เธอเคยอ่าน คิดไปเธอก็ยิ้มเขิน “ยังไงวะเนี่ย” ทำให้พี่ชายงงจนไม่มีอันจะพูด “เอาเถอะ ไปขับรถให้น้องก่อนนะคะ!” สองพี่น้องถกเถียงกันเบาๆ ก่อนที่เจย่าจะดันพี่ชายขึ้นรถบริษัท ศิลาทรัพย์ ช่วงเวลาที่พนักงานเริ่มทยอยกลับเพราะเป็นเวลาเลิกงานของบริษัทแล้ว ในขณะเดียวกันห้องทำงานของรองประธานบริษัทกลับปิดสนิทพร้อมติดป้ายด้วยตัวหนังสือตัวโตๆ ว่า ห้ามรบกวน เนื่องจากด้านในเจ้าของห้องกำลังให้คุณเลขาคนสวยนั่งตัก เพื่อสกินชีพกันอยู่ “พี่คิน พี่คีรินจะแต่งงานจริงๆเหรอคะ” เจย่าเอ่ยถามพร้อมกับใช้ส้อมป้อนแอปเปิ้ลให้กับเขา อนาคินรับแอบเปิ้ลของเธอเข้าปากไป พร้อมสองแขนกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น “เห็นคุณพ่อบอกว่าอย่างนั้นนะ ทำไมเหรอ เจอยากแต่งบ้างเหรอครับ” เขาเอาหน้าแนบแก้มของเธอ “ไม่เอาหรอก” “อ้าว~ ทำไมไม่ล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง เจย่ากัดแอปเปิ้ล ไม่ได้หันไปสนใจเขา “เจ เจไม่อยากแต่งงานกับพี่บ้างเหรอ” เขาอ้อน เธอจึงหลุดยิ้มพลางวางจานแอปเปิ้ลในมือลง แล้วหันหน้าไปจ้องเขา “พี่อยากแต่งงานกับเจเหรอคะ” เขายักคิ้ว หอมเบาๆ ที่ซอกคอ “อยากแต่งสิ อยากแต่งมากๆ ไม่อยากทำเป็นหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้แล้วน่ะ” เสียงเขาดูงอแงพร้อมกับสูดดมซอกคอของคนตรงหน้าแรงขึ้น ก่อนจะขยับลงมาเรื่อยๆ ตามเสื้อคอเหลี่ยมของเธอ พลันจูบเข้าที่เนินอก จนเจ้าของร่างดันเขาออก “อยากแต่งหรืออยากมีอะไรด้วยกันแน่ เห็นมา
“เหนื่อยไหมครับ” คีรินถามไถ่เมื่อเห็นว่าโซเฟียเดินออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าที่เธอทำงาน หญิงสาวตอนแรกมีสีหน้าเหนื่อยๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ แค่เห็นหน้าพี่คีรินมารับฉันก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว” เธอตอบอย่างร่าเริงสดใส “เหรอ แต่ถ้าเหนื่อยต้องบอกนะ ถ้าเหนื่อยไม่ทำก็ได้ คุณท้องอยู่นี้” โซเฟียมองเขาด้วยความซึ้งใจก่อนรีบส่ายหน้า “แค่นี้สบายมากน่า คนในท้องยังไม่เป็นตัวอ่อนเลยมั้งคะ” เธอตอบ เขาก็ยิ้มให้ แววตาของเขาดูเป็นห่วงเธอจริงๆ โซเฟียคิดพร้อมกับความภาคภูมิใจเล็กน้อยที่เธอหาคนแบบเขาเจอ “แต่สายตาโซเฟียมันฟ้องว่าเหนื่อยมากนะครับ” เขาเดินมาโอบเธอที่ตอนนี้ชะงักนิ่งไปแล้ว “ไม่ต้องทำตัวเก่งตลอดเวลาก็ได้ อยู่กับพี่ไม่ต้องฝืน ถ้ามีอะไรไม่สบายใจขอแค่ให้บอก” เธอยิ้มนัยน์ตาแดงๆ “ค่ะ!!ฉันเหนื่อยมากเลย แต่แค่กลับไปทานข้าวแล้วก็นอนกอดกันทั้งคืนคงจะหายแล้วแหละ” เธอคล้องแขนของเขา “งั้นเย็นนี้กินอะไรดีครับ พี่ซื้อของทำอาหารมาเต็มรถเลยนะ” เขาเดินนำเธอมาที่รถพลางถามถึงมื้อเย็นของพวกเขา “วันนี้พี่โชว์ฝีมือทำอาหารไทยให้ทานหน่อยสิคะ” “ได้สิครับ” ทั้งสองขึ้นรถและขับกลับบ้านไปด้วยกัน โซเฟียนั
ที่บ้านอีกหลัง วันนี้อนาคินอารมณ์ดีเขาลงจากรถเตรียมเดินเข้าบ้าน เพราะแม่ส่งข้อความตามให้มาทานข้าวพร้อมหน้า แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน ก็ดันเหลือบไปเห็นน้องสาวคนเดียวที่เดินลงรถอีกคันซึ่งขับตามกันเข้ามาเมื่อครู่ เขาชะงักเล็กน้อยพลางเปลี่ยนทิศทางเดิน “ลลิซ!!” อนาลิน หรือ ลลิซ หันมาจ้องหน้าพี่ชายก่อนรีบหลบหน้ายกกระเป๋าขึ้นปิดเธอพยายามจะเดินหนีไปทางหลังบ้านแต่ก็โดนพี่ชายคว้าแขนเอาไว้ “นี่ไปตีกับใครมาเนี่ย” “พี่คินปล่อยนะ หนูจะขึ้นห้องก่อน” “ไม่ได้มากับพี่เดี๋ยวนี้” อนาคินจับแขนน้องสาวแน่นพลางลากเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ซึ่งรู้ว่าตอนนี้ทุกคนน่าจะรวมตัวอยู่ที่โถงห้องนั่งเล่น “อ้าว~ พี่ไฟก็มาด้วยเหรอ?นึกว่าต้องเฝ้าเมียที่รีสอร์ท” อนาคินทักเมื่อเจอพี่ชายสุดรักนั่งอยู่ในบ้าน “เห็นหน้าก็กวนตีนเลยนะคิน จะเอาเหรอ” “อ่าๆ พี่น้องคู่นี้” แม่รีบเข้ามาปราม “พี่เขาแค่มาประชุมด่วน เห็นข้อความแม่ว่ามีเรื่องคุยก็เลยแวะมาหา พรุ่งนี้พี่เขาก็ต้องกลับแล้ว” ครีมหอมว่าพลางจ้องหญิงสาวที่มากับอนาคิน “ใคร ลลิซเหรอลูก” หญิงสาวเอาแต่ปิดหน้าจนแม่จำแทบไม่ได้ “ก็ลูกสาวคุณแม่น่ะแหละครับ” อนาคินด
“พวกแกกลับไปได้แล้ว ท่านสั่งให้ฉันมาดูแลคนข้างในแทน” ด้านนอกมีชายร่างสูงผอมเดินเข้ามาบอกกับการ์ดหน้าบ้าน พวกนั้นมีท่าทีลังเลแต่พอชายหนุ่มชูการ์ดขององค์กรให้ดู พวกการ์ดก็มองหน้ากันแล้วเดินหนีไป ชายหนุ่มผู้มาใหม่รีบพุ่งเข้ามาในบ้าน “แม่ แม่เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม พวกมันไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม” นาตาเลียได้ยินเสียงเธอก็หันมามองหน้าเขาน้ำตาคลอ “เลย์ นี่แกยังไม่ตายเหรอ แกมาได้ยังไงนะ แกพาฉันหนีไปทีพาฉันหนีไปทีนะ” นาตาเลียกระวนกระวายใจจับแขนลูกชายบุญธรรมและขอร้องเขา “ใจเย็นๆ นะครับแม่! ผมยังพาแม่ไปตอนนี้ไม่ได้” “ทำไม” เลย์ก้มหน้างุด “ผมเป็นลูกน้องกาเบรียล” นาตาเลียยกมือฟาดแขนลูกชายทันที “ไอ้เลย์!! นี่แกเอาตัวไปผูกมัดกับมันเหรอ! แกอยากตายมากหรือไง” คนเป็นแม่มองลูกด้วยท่าทีผิดหวัง เลย์รีบส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะแม่ แม่ฟังผมก่อน….” เลย์เล่าเรื่องวันนั้นให้แม่ของเขาฟัง ‘นายพาฉันมาที่นี่ทำไม นึกว่าจะรีบมารับฉันไปงานเลี้ยงซะอีก!’ วันนั้นเลย์ได้ขอให้ซาเวียร์พาโซเฟียน้องสาวมาเจอที่โรงแรม ‘มีคนอยากเจอเธอไง’ ซาเวียร์เอ่ยพลางจูงมือเธอไปที่ห้องลับซึ่งเลย์กำลังนั่งรออยู่ ‘พี่เลย์ ฉันนึกว่าพี่ถ
“ฉัน.....ท้องค่ะ” ราวแก้วบาดทิ่มลงกลางอก คีรินยืนแน่นิ่งน้ำตาคลอ ในหัวเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่ได้พูดออกมา คำถามที่กำลังผลักอกเขาแรงๆ ว่า ‘มันเป็นลูกของใคร’ แต่พอเห็นเธอกอดเขาแน่นเหมือนจะหลุดลอยไป เขากลับกลืนมันลงคอไม่ใช่เพราะเขาไม่สงสัย แต่เพราะเขารักเธอมากพอที่จะไม่ถาม หรือว่าไอ้หมอนั่น ภาพของโซเฟียที่อยู่กับซาเวียร์ผุดขึ้นมาในหัว น้ำตาของเขาคลอเบ้า “ฉันจะทำยังไงดีคะ พี่คีริน” เมื่อเห็นเขาเงียบไปนาน เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา คีรินยังนิ่งเขาดันตัวเธอออกจนหญิงสาวชะงักรู้สึกใจหวิว “พี่ขอถามอะไรหน่อย!มันคือเรื่องจริงใช่ไหม” ประโยคหลังเขาพูดมันเสียงแผ่ว “คะ?” คนฟังใจหวั่นไหวราวหวาดกลัวในคำถาม ของคนที่ก้มหน้าหลบตาอยู่ “เธอรักพี่จริงใช่ไหมโซเฟีย” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาแววตาของเธอสายชัดว่าคำที่จะเอ่ยต่อไปนี้เป็นความจริงแท้ “รัก มันไม่ใช่แค่รักแต่ฉันชอบที่ได้อยู่กับพี่ ฉันอยากจะอยู่กับพี่ แบบที่เราอยู่กันทุกวันแบบนี้ได้ตลอด อึก” เธอเอ่ยพลางสะอึกราวกำลังก่ำกลืนอะไรบางอย่างลงคอไป คนฟังก็เหมือนจะเป็นเช่นเดียวกัน คีรินยิ้มรับสิ่งที่เขาตัดสินใจภายในเสี้ยววิและกลืนค
ก๊อกๆ พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงเคาะประตูพร้อมบิดที่ลูกบิดก็ดังขึ้น “ท่านรองคะ เอาเอกสารมาให้ค่ะ” สองร่างสะดุ้งอนาคินรีบวิ่งไปเปิดม่านแบบลวกๆ ส่วนเจย่าวิ่งวุ่นหาที่หลบ ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ก่อนที่เขาจะรีบไปเปิดประตู “สวัสดีครับคุณวาเนีย” “นึกว่าท่านรองไม่อยู่ซะอีกเห็นล็อกประตูไว้” หญิงสาวผู้มาใหม่มองเขาด้วยสีหน้างงๆ “สงสัยตอนเข้ามามือผมคงเผลอไปโดนล็อกนะ” “ค่ะ ฉันเอาเอกสารมาให้ท่านรองเซ็นให้ค่ะ เซ็นด่วนนะคะ” อนาคินมองหน้าวาเนียพร้อมโต๊ะทำงานเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนเขาจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ เหลือบมองคนใต้โต๊ะที่นั่งขดอยู่ “นี่ค่ะ” วาเนียวางเอกสารลง เขาก็รีบตรวจสอบ “อะ!” เสียงของคนใต้โต๊ะที่นั่งผิดท่าจนรู้สึกปวดตัว แต่วาเนียดันหูดีซะนี่ “เสียงอะไรคะ!!” เจย่ารีบยกมือปิดปากด้วยกลัวว่าเพื่อนจะรู้ “เสียงอะไรครับ คุณวาเนียหูฝาดหรือเปล่า เวลาทำงานอย่าเอาแต่นินทาเพื่อนนะครับเดี๋ยวจะหูแว่วเอา” “คะ?” คำตอบของอนาคินทำวาเนียหลุดโฟกัสได้เป็นอย่างดี หญิงสาวยืนเกร็งเพราะกลัวโดนด่า อนาคินรีบเซ็นเอกสารแล้วส่งคืนให้เธอ ชายหนุ่มถอนหายใจแรงเมื่อเห็นเธอพ้นประตูห้องออกไปแล้ว







