ศิลาแดง
ร่างใหญ่สองร่างนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมทางเข้าบ้าน พวกเขาหันจ้องหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับรอใครบางคนที่กำลังจะผิดนัด “อ้าว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้านอนกันอีกเหรอ?” คุณหญิงครีมหอมที่ลงมาหาน้ำดื่ม เอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสองนั่งเงียบอยู่ข้างล่าง “ก็เจ้าคินน่ะสิคุณ ผมอุตส่าห์โทรนัดให้กลับมาคุยกันที่บ้านวันนี้ แถมมันยังรับปากผมซะดิบดี แต่สุดท้ายเวลานี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย!” เสี่ยโอมถอนหายใจหนักมองเข็มนาฬิกาบนผนังอย่างไม่สบอารมณ์ “แบบนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้งคะ สงสัยคงไปเมาอยู่ที่ไหนสักที่" ครีมหอมตอบ ขณะเดินเข้าไปลูบไหล่คีรินที่นั่งไม่ห่างจากตรงที่เธอยืน “อืม ผมว่าคุณแม่คงพูดถูกแล้วแหละครับ” คีรินพึมพำ “เราไปอาบน้ำเข้านอนกันเถอะครับคุณพ่อ” เขาหันไปบอกกับบิดาเนื่องจากเห็นว่าวันนี้ทำงานหนัก คนเป็นพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว “แล้วเรื่องงานล่ะลูก?” เสี่ยโอมที่เรียกลูกชายอีกคนกลับมาเพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ เขาเอ่ยถามออกมาอย่างหัวเสีย ก็คนที่นั่งข้างกันดันไปหน้าเหมือนกับคนที่ผิดนัดอีก “ไว้วันหลังค่อยคุยเถอะครับคุณพ่อ ที่คินไม่มาวันนี้ คงเพราะเรานัดกะทันหันนั่นแหละครับ ป่านนี้คงจะเมาแล้ว ถึงมาไม่ได้” คีรินที่รู้จักฝาแฝดของตัวเองดี กล่าวพลางถอนหายใจ เสี่ยโอมได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม “งั้นลูกก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางเดี๋ยวจะเหนื่อยเอานะ” เสี่ยโอมบอก เพราะเขาตั้งใจจะให้คีรินบินไปดูงานแทนที่อังกฤษ ส่วนที่เรียกอนาคินมาคุยกันวันนี้ก็เพราะอยากให้เขารับหน้าที่แทนพี่ชายฝาแฝดดำรงตำแหน่งรองประธานแทน ถึงแม้เสี่ยโอมจะรู้ว่าอนาคินไม่ชอบเอาการเอางาน แต่ฝีมือก็ไม่ธรรมดาหากว่าเจ้าตัวยอมที่จะมาทำให้ อีกอย่างมันก็จำเป็นที่ลูกชายคนนี้ต้องก้าวเข้าสู่วงการเดียวกันกับพี่ๆ คนอื่นแล้ว เมื่อเห็นภรรยาพาลูกชายเดินขึ้นไปพัก เขาก็ได้แต่นั่งพึมพำถึงลูกชายหัวดื้ออยู่คนเดียว “กลับมาจะบ่นให้หูดับเลย วันไหนมันจะเลิกเล่นเลิกเที่ยว แล้วหัดคิดเรื่องอนาคตตัวเองบ้างน่ะ แบบนี้น่าจะหาผู้หญิงมาจับแต่งงานด้วยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” โรงแรม “ฮัดเช่ยยย!” เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงถึง จามเสียงดังจนสาวที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่น “พี่คินจามซะดังเลยเป็นหวัดเหรอคะ?”หญิงสาวหน้าตาสะสวยเงยหน้ามองเขา อนาคินจ้องใบหน้าของเธอสักพักก่อนจะส่ายหน้า “น้ำตาล เธอลุกไปใส่เสื้อผ้าแล้วกลับได้แล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ น้ำเสียงไม่มีอารมณ์ใดๆ พลางลุกนั่งและดันตัวหญิงสาวออกห่าง “อ้าว เป็นอะไรไปคะ อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้หรือว่าพี่เครียดเรื่องพ่อโทรมาตามเหรอ? มีอะไรหรือเปล่าคะ?” น้ำตาลยิงคำถามกลับทันที ถึงตอนเขาถูกพ่อโทรตามเขาไม่ได้บอกอะไรให้เธอรู้ แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องงาน “เฮ้อ”ชายหนุ่มถอนหายใจหนักอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวโดยไม่สนใจเธอ ที่พยายามจะห้าม “พี่จะไปไหน?” หญิงสาวที่ยังอยู่บนเตียงรีบลุกขึ้นมากอดรั้งเขา “ฉันจะกลับบ้าน ถ้าเธออยากจะนอนต่อก็เชิญเถอะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “อะ! พี่คิน!เดี๋ยวสิ แล้วพี่จะเรียกหาน้ำตาลอีกไหมคะ” น้ำตาลได้แต่เรียกร้องตามหลังของเขาอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็แสดงอะไรมากไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยให้สถานะอะไรกับเธอเลยนอกจากคำว่าคู่นอนแบบที่เขาให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ “จะไปไหน?” หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวหยุดชะงัก หลังจากที่ทุกคนในบ้านทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากันเสร็จแล้ว เธออ้างว่าจะขึ้นห้องพัก แต่จริงๆ แล้วแอบขึ้นไปเปลี่ยนชุดสวยแล้วเดินอ้อมลงมาอีกทางหวังจะได้ไปเห็นหน้าชายหนุ่มที่แอบรัก แต่กลับโดนพี่ชายยืนดักเหมือนตั้งใจรอจับผิดโดยเฉพาะ “พี่จอน?” เจย่ายิ้มแหย หันไปสบตากับพี่ชายที่ยืนกอดอกมองมาอย่างรู้ทัน “เจนึกว่าพี่ ขึ้นไปคุยกับพี่เหนือซะอีก” เธอรีบเบี่ยงประเด็น ทั้งสายตาแอบเหล่มองหาทางหลบ “อย่าเปลี่ยนเรื่อง! เมื่อกี้พี่ถามว่าจะไปไหน? ตอบมา!” เจย่าก้มหน้าพลางตอบเสียงเบา “เจว่าจะไปบ้านศิลาแดง” “เวลานี้เนี่ยนะ!” จอนนี่โพล่งขึ้นเสียงดังจนน้องสาวสะดุ้ง “จะไปหาใครตอนนี้?” เขาบ่นเธออย่างไม่ชอบใจ น้องสาวผู้เรียบร้อยของเขาได้หายไปทีละน้อยเหลือแค่ยัยแสบตรงหน้านี้แล้วใช่ไหม “เจแค่อยากเห็นหน้าพี่คีริน” “เขานอนกันหมดแล้วมั้ยล่ะ เจย่า! นี้มันกี่โมงแล้ว!” จอนนี่ดุน้องสาว พยายามจะพูดให้เธอเปลี่ยนใจ แต่น้องก็ยังดื้อ “ไม่ได้เห็นหน้า แค่เห็นหลังคาบ้านก็ยังดีนี่ค่ะ พี่จอนน้า~” หญิงสาวรีบเดินเข้ามากอดแขนออดอ้อนพี่ชาย “เจไม่ได้เห็นพี่คีรินมา 4 ปีแล้วนะ พี่จอนจะใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ? น้องขอแค่ขับรถไปจอดหน้าบ้านเขาสัก 2 นาทีก็ได้~” สายตาหวานหยดย้อย จ้องพี่ชายพร้อมขนตากระพริบปริบๆ เป็นไม้ตายสุดท้าย และมันก็ได้ผลเพราะจอนนี่รักน้องสาวมากและก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว “ก็ได้ แต่พี่จะขับรถพาไปเอง มันดึกมากแล้ว ถ้าพ่อรู้เดี๋ยวจะโดนดุ” “เย้~ รักพี่จอนที่สุดในโลกค่ะ!” เจย่ากระโดดกอดคอ พลางหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่ ทำเอาจอนนี่หน้าเหวอ “เจย่า! นี่เราจะกลายเป็นสาวฝรั่งเต็มตัวแล้วน่ะรู้ไหมเนี้ย!? สงบเสงี่ยมหน่อยเถอะ!” เขารีบดุทันที เพราะกลัวว่าน้องจะไปทำอะไรแบบนี้กับคนอื่น “โอ๊ย~ พี่จอนคะ เจก็ไม่ได้ทำกับทุกคนสักหน่อย ทำแค่กับคนที่เจรักเท่านั้นละค่ะ~”เธอพูดพลางผละออก ก้มหน้าทำงอนที่โดนพี่ว่า “เออๆ พี่อนุญาตให้ทำได้แค่เฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้นนะ เข้าใจไหม? ไป ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้ หรือจะให้พี่โทรหาคีรินให้เขาออกมาพบดีล่ะ?” น้องสาวหันพรวดจ้องพี่ชายด้วยใบหน้าแดง ก่อนรีบปฏิเสธอย่างเคอะเขิน “ไม่เป็นไรค่ะ เจไม่อยากรบกวนเวลานอนเขา” “อ้าว? แต่เมื่อกี้บอกว่าอยากเห็นหน้าเขาไม่ใช่เหรอ?” “ถ้าพระพรหมลิขิต คงทำให้เจได้เจอเขาเองแหละ” เธอพูดเสียงกุกกักแอบหวังลึกในใจว่าถ้าเธอไปถึงต้องได้เจอเขาที่นอนไม่หลับแล้วออกมาเดินเล่น เฉกเช่นในบทกวีที่เธอเคยอ่าน คิดไปเธอก็ยิ้มเขิน “ยังไงวะเนี่ย” ทำให้พี่ชายงงจนไม่มีอันจะพูด “เอาเถอะ ไปขับรถให้น้องก่อนนะคะ!” สองพี่น้องถกเถียงกันเบาๆ ก่อนที่เจย่าจะดันพี่ชายขึ้นรถในเวลาเดียวกันเจย่าก็กำลังเดินห้างกับพี่สาวก่อนที่คนเป็นพี่จะต้องพาลูกและสามีกลับบ้านต่างจังหวัด “เจน้องดูเสื้อผ้าร้านนี้สิสวยๆ ทั้งนั้นเลยพี่ว่าเราเข้าไปเลือกดูหน่อยดีไหม เดี๋ยวพี่จะซื้อให้สักสองสามชุด” หญิงสาวมองหน้าพี่ของเธอก่อนรีบส่ายหน้า “ไม่เอา พี่จะมาซื้อให้เจทำไมล่ะ” “ต้องซื้อสิ อาทิตย์หน้าน้องเจของพี่ต้องไปเป็นเลขาคนสวยของคีรินแล้วไม่ใช่เหรอ” เมื่อได้ยินคำถามแกมชมเช่นนั้นคนฟังก็เผยยิ้ม ตั้งแต่มาถึงเธอก็ยังไม่ได้เจอพี่คีรินเลยนี้น่า ถ้าจะไปเจอกันครั้งแรกที่บริษัทเลยในรอบหลายปี เธอก็อยากจะดูดีที่สุดในสายตาเขาเช่นกัน “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ช่วยดูให้เจด้วยนะว่าชุดไหนสวยชุดไหนเจใส่แล้วออร่าจับนะ” “ได้แน่นอน” พี่สาวเอ่ยพลางรีบพากันเข้าไปในร้าน แจมมี่จับชุดที่คิดว่าจะเข้ากับน้องสาวของเธอมาสี่ห้าชุด แล้วให้เจย่าเข้าไปเปลี่ยนทีละชุดออกมาให้เธอดู “พี่คินขาเนเน่หิวข้าวแล้วน่ะ พี่คินพาเนเน่ไปกินข้าวหน่อยสิ” ซึ่งทางด้านนอกอนาคินได้พาสาวคู่นอนของเขามาเดินห้างแก้เบื่อ สายตาคมเหลือบไปเห็นสาวสวยคุ้นตาแวบๆ จากที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อกี้ก็เผยยิ้ม เขารีบหันมาบอกผู้หญิงข้างกาย “แล้วเธออยาก
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในอาณาเขตเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษลาวาเลนเต้ “คุณพ่อเรียกหนูเหรอคะ?” หญิงสาวตัวเล็กผอมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ทองยาวสวยโดยกำเนิดแบบหาได้ยาก เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงานด้วยท่าทีตื่นเต้น นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาโทรหาลูกสาวแบบเธอให้มาพบ “ฉันได้ยินข่าวมาว่านายเจมส์ผู้บริหารของบริษัทศิลาที่นาย อศิร ศิลาหัตร์ทัยเป็นเจ้าของ มันประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำกายภาพบำบัด….” กาเบรียลหัวหน้าแก๊งลาวาเลนเต้เอ่ย ทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ทำโซเฟียบุตรสาวที่ยืนฟังอยู่เกิดความฉงนสงสัย“คุณพ่อหมายถึงอะไรคะ?” กาเบรียลหันมาจ้องหน้าเธอพร้อมตอบกลับเสียงเข้ม“ฉันอนุญาตให้แกเรียกฉันว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่” โซเฟียก้มหน้างุดในทันที เธอก็แค่ลูกนอกสมรสที่เขาไม่ต้องการ“เอาล่ะ แต่ฉันจะยอมรับแกเป็นลูกก็ได้หากแกทำงานนี้ให้ฉันสำเร็จ” โซเฟียเงยหน้าขึ้นมาจ้องบิดาทันที“นายอศิรส่งลูกชายของเขาที่อายุไล่เลี่ยกับแกมาบริหารงานแทนไอ้เจมส์ที่ต้องรักษาตัว” เขาพูดพร้อมเว้นช่วงเพื่อพิสูจน์ความหัวไวของคนตรงหน้า“คุณท่านจะให้หนูไปตีสนิทกับเขางั้นเหรอคะ” กาเบรียลเผยยิ้มอย่างชอบใจ“ไม่ใช่
รุ่งเช้าวันต่อมา “อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ” คีรินที่พึ่งเดินลงมาจากบ้านเห็นน้องชายฝาแฝดนั่งหัวโด่รออยู่ที่โต๊ะทานข้าว เขาก็มองไปที่เจ้าตัวด้วยคิ้วขมวด อนาคินเองก็เหลือบหางตามามองพี่ชายฝาแฝดของเขาเล็กน้อย “ก็เห็นว่าคุณพ่อมีเรื่องด่วนนี้ นี่คินก็รีบมาสุดๆ แล้วนะ” คนพูดยักไหล่ในขณะที่ทำคนฟังส่ายหน้า “นี่ขนาดรีบนะ ปล่อยให้พี่กับพ่อรอกันทั้งคืน” คีรินบ่นเบาๆ พลางหันไปหยิบแก้วกาแฟจากแม่บ้านขึ้นมาจิบ “ทำไมถึงได้ทำตัวเถลไถลแบบนี้ล่ะคิน นายควรจะแยกแยะได้แล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบแล้ว” อนาคินถอนหายใจยาวให้การบ่นแกมสั่งสอนของพี่ชาย “ก็เพราะรู้ว่าเรื่องอะไรไง คินถึงไม่อยากมา” เขาตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะได้ยินเสียงของพ่อแทรกขึ้น “แต่เพราะยังต้องใช้เงินพ่ออยู่ใช่ไหม ถึงจำเป็นต้องมานะ” สองหนุ่มหันไปมองหน้าพ่อที่เดินมานั่งตรงหัวโต๊ะ คีรินที่ยืนจิบกาแฟอยู่ก็หาที่นั่ง “เมื่อไหร่จะเป็นผู้เป็นคนสักทีอนาคิน ลูกก็ 28-29 แล้วน่ะ ลูกชายของพ่อมีกันสามคนและลูกคือคนที่พ่อเป็นห่วงที่สุด ขนาดน้องสาวลูกพ่อยังไม่เห็นว่าต้องห่วงอะไรขนาดนี้เลย” เสี่ยโอมบ่นความในใจของเขาออกมาพลางจ้องคนที่เขาบ่นใ
‘ฮื้อๆ เจเจ็บ ฮื้อ พี่คินนิสัยไม่ดี แง’มือเล็กๆ ของยัยเด็กน้อยยกขึ้นถูที่ดวงตาของตัวเองเพราะถูกคนที่โตกว่านั้นผลักจนล้ม ‘สำออยน่า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นางผีเสื้อสมุทรมาให้อุลตร้าแมนเคนจิจัดการซะดีๆ’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้เลย แถมยังพยายามทำให้น้องลุกขึ้นมาเล่นกับตัวเองให้ได้ ‘ไม่เอา พี่คินเล่นแรง เจไม่เล่นด้วยหรอก อึก’ ‘โอ้ย ถ้าเธอจะไม่เล่นกับฉัน แล้วจะมาบ้านฉันทำไมทุกวันหะ’ อนาคินวัยเก้าขวบยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างไม่พอใจ ‘คิน นี้ทำอะไรให้น้องเจนะ’คีรินพี่พึ่งช่วยพ่อพาน้องสาวของเขาเข้านอนกลางวันเดินเข้ามานั่งลงข้างเด็กหญิงก่อนจะพาน้องลุกขึ้น ‘ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราไปนอนกลางวันกันดีกว่า’ คีรินลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยนโดยมีอนาคินยืนมองอยู่อย่างขัดใจ ‘พี่คินไม่ดีเลย’เด็กหญิงฟ้องพลางชี้นิ้วไปที่คนต้นเรื่อง ‘งั้นคนดีไปกับพี่คีรินนะครับ’คีรินรีบจูงมือเด็กหญิงออกไป ‘ยัยตัวดี’ส่วนหนุ่มน้อยอีกคนก็ทำได้เพียงมองตาขวางใส่ทั้งคู่ ‘จะไปไหนยัยแว่น’ อนาคินวัยมหาลัยได้พาเพื่อมาดักรอเจย่าที่โรงเรียนมัธยมซึ่งพึ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน ‘หลีกไปนะพี่คิน เจจะกลับบ้าน’ หญิงสาวถอยไปหนึ
รถหรูคันหนึ่งแล่นมาจอดในรั้วบ้านศิลาแดง อนาคินกำลังจะกดรีโมตปิดประตูรั้ว แต่เผลอทำกุญแจหล่นเพราะฤทธิ์เมาที่พึ่งดื่มมากับสาว “โอ๊ย มืดก็มืด แล้วกุญแจจะตกไปทำไมเนี้ย” เขาก้มลงหาแถวหน้ารถ และไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันขับเข้ามาจอดที่ข้างรั้วบ้านเช่นกัน “อ้าว ประตูเปิดอยู่นี่ ให้พี่ขับเข้าไปเลยไหม?” จอนนี่ถาม เจย่าหันมาปฏิเสธทันที “อย่าเลยค่ะ ตอนนี้เขาคงหลับกันหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เจเห็นพี่คีรินแวบๆ ขอเจไปทักทายแป๊บเดียว แล้วเราค่อยกลับนะ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูรถวิ่งไปทันที ทิ้งให้พี่ชายนั่งงงๆ กับความไวของน้อง ที่เขาจะเอ่ยห้ามก็ไม่ทัน “พี่คีริน!” หญิงสาวรีบวิ่งเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้อยู่ เธอกอดเขาแน่นอย่างไม่เขินอายเพราะด้วยแรงคิดถึงที่มีมากโข ในขณะเดียวกันที่คนเมายืนชะงักนิ่งอย่างแปลกใจ “พี่คีรินเจคิดถึงพี่ที่สุดเลยค่ะ” ชายหนุ่มเริ่มคุ้นกับน้ำเสียงพลางรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกตอนที่เขาคิดว่าอ้อมกอดนี้คงเป็นของเธอแน่ๆ เจย่า อนาคินรีบหันหน้ามามองเจ้าของเรียวแขนสวย มุมปากของเขากระตุกยิ้มตอนที่เธอเงยขึ้นมาจ้องหน้า “อะ! พี่คิน!!” เมื่อได้สบตากันเจย่าก็รีบดั
ศิลาแดง ร่างใหญ่สองร่างนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมทางเข้าบ้าน พวกเขาหันจ้องหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับรอใครบางคนที่กำลังจะผิดนัด “อ้าว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้านอนกันอีกเหรอ?” คุณหญิงครีมหอมที่ลงมาหาน้ำดื่ม เอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสองนั่งเงียบอยู่ข้างล่าง “ก็เจ้าคินน่ะสิคุณ ผมอุตส่าห์โทรนัดให้กลับมาคุยกันที่บ้านวันนี้ แถมมันยังรับปากผมซะดิบดี แต่สุดท้ายเวลานี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย!” เสี่ยโอมถอนหายใจหนักมองเข็มนาฬิกาบนผนังอย่างไม่สบอารมณ์ “แบบนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้งคะ สงสัยคงไปเมาอยู่ที่ไหนสักที่" ครีมหอมตอบ ขณะเดินเข้าไปลูบไหล่คีรินที่นั่งไม่ห่างจากตรงที่เธอยืน “อืม ผมว่าคุณแม่คงพูดถูกแล้วแหละครับ” คีรินพึมพำ “เราไปอาบน้ำเข้านอนกันเถอะครับคุณพ่อ” เขาหันไปบอกกับบิดาเนื่องจากเห็นว่าวันนี้ทำงานหนัก คนเป็นพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว “แล้วเรื่องงานล่ะลูก?” เสี่ยโอมที่เรียกลูกชายอีกคนกลับมาเพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ เขาเอ่ยถามออกมาอย่างหัวเสีย ก็คนที่นั่งข้างกันดันไปหน้าเหมือนกับคนที่ผิดนัดอีก “ไว้วันหลังค่อยคุยเถอะครับคุณพ่อ ที่คินไม่มาวันนี้ คงเพราะเร