Masukเมื่อ เจย่า กลับมาพร้อมความฝันจะได้ทำงานใกล้ชิดพี่ชายคนสนิทที่เธอแอบรักมาตลอด แต่พอถึงวันนั้นกลับต้องกลายมาเป็นผู้ช่วยเลขาของ อนาคิน ฝาแฝดขี้แกล้งของเขาคนนั้นที่เธอชังน้ำหน้า แต่ยิ่งใกล้ทำไมหัวใจยิ่งคิดทรยศ? ขณะเดียวกัน โซเฟีย หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความลับ ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้ คีริน รับรักและแต่งงานกับเธอ แม้ต้องแลกมาด้วยคำลวง พลาดรักซ้อนแผนลวง เรื่องราวของหัวใจที่ไม่มีใครควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นรักจริงหรือรักลวงในใจของเขาและเธอ ตัวอย่างบางตอน _________ “โอ๊ย!” เสียงอนาคินร้องเพราะโดนเธอทับเข้าเต็มแรง “อยู่ในห้องทำไมไม่ขานตอบ นึกว่าหายหัวไปไหนแล้ว!!” “เป็นอะไร กลัวผีเหรอ” “ปะ เปล่า เจแค่หนาว” “ถ้าหนาวก็กลับเตียงตัวเองไปเลยนะ จะมาเบียดพี่ทำไม” โฮ่ง!! หมาเห่าเสียงดังอีกครั้ง “อ่า เจกลัวผี!! ที่นี่มีผีหรือเปล่า!!”
Lihat lebih banyakณ บ้านหลังใหญ่ของเจ้าของบริษัทเครื่องเพชร ฤทธา จิวเวลรี่
“คุณแม่ขา~~~” เจริยาหรือเจย่า สาวน้อยตัวเล็กผิวขาวดวงตาสดใส ลูกสาวคนสุดท้องของบ้านนายจิรกิตติ์ วิ่งพรวดเข้ามาในตัวบ้าน เธอเข้ามาและสวมกอดผู้เป็นแม่ที่ยืนรอรับอยู่ “คิดถึงสุดๆ เลยค่ะคุณแม่คุณพ่อ!” เจย่าหันไปหาพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเขากำลังมองมาอย่างอิจฉา เจย่ายิ้มเล็กน้อยแล้วเธอก็รีบผละออกจากแม่ไปกอดพ่อบ้างเพื่อให้ท่านไม่รู้สึกน้อยใจ แต่คนเป็นพ่อกลับแกล้งเบือนหน้าหนีแล้วพูดเสียงดุแต่แฝงไปด้วยความรัก “ดูสิ! กลับมาจากเมืองนอกที ไม่เหลือความเรียบร้อยไว้เลยนะ ยัยลูกสาวของพ่อ” เขาพูดแซวเบาๆ ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของลูกสาวผู้ขี้อาย “โอ๊ยย คุณพ่อก็ปล่อยลูกสาวโตตามยุคสมัยบ้างสิครับ ไม่งั้นลูกสาวพ่อคนนี้จะไม่มีผัวเอานะ!” จอนนี่ หิ้วกระเป๋าของน้องสาวเดินตามเข้ามาพอดี ได้ยินประโยคนั้นของบิดาก็ถึงกับโพล่งขึ้นมาอย่างนึกแกล้ง “ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อยู่กับพ่อกับแม่แบบนี้แหละ จริงไหมคนดีของพ่อ!” คุณพ่อจิรกิตติ์เอ่ยเสียงจริงจัง แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยคำว่าหวงลูกสาวสุดหัวใจ เพราะว่าเจย่าในสายตาพ่อนั้นเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน น่าทะนุถนอม เขาเลยยิ่งหวงเป็นพิเศษ กลัวมากว่าลูกจะไปเจอคนเจ้าชู้ “ว่าแต่ พี่แจมจะมาหาเจไหมคะคุณแม่?” เจย่าที่ยังยืนกอดกับพ่ออยู่หันไปถามถึงพี่สาว ที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วกับมารดาผู้ยืนข้างๆ พลอยเจนแม่ของเธอก็ยิ้มบางให้ก่อนตอบ “เมื่อคืนพี่เขาโทรมาบอกแม่แล้ว ว่าจะมา คงอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้วมั้ง” “เย้~ดีใจที่สุดเลยค่ะ! เราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้งแล้ว”หญิงสาวตัวเล็กโผเข้ากอดแม่อีกรอบ นี่มันก็ผ่านมา 4 ปีแล้ว ที่เธอไม่ได้อยู่กับครอบครัว เพราะต้องไปเรียนที่อังกฤษ แต่ตอนนี้เธอกลับมาเพื่อทำตามความฝัน นั่นก็คือการเป็นเลขาของพี่คีรินชายหนุ่มที่เธอหมายปองมาตั้งแต่ตอนที่อายุได้ 4 ขวบ แค่คิดถึงชื่อเขารอยยิ้มเขินก็แตะต้องมุมปากอย่างไม่รู้ตัว จนคนเป็นพ่อสังเกตเห็น “ยิ้มให้อะไรหวานเชียว คิดถึงผู้ชายอยู่เหรอหะ!”จอนนี่ได้ยินพ่อพูดแบบนั้นก็หัวเราะ เขาเดินเข้ามาใกล้ “สงสัยจะหนีไม่พ้นพี่คีรินล่ะมั้ง เห็นตามติดกันตั้งแต่เด็กแล้วนี่!”จอนนี่แกล้งเอามือเคาะหัวน้องสาวเบาๆ จนเธอย่นหน้าใส่ “พี่น่ะ! มาว่าน้องได้ไง นิสัยไม่ดีเลย” เจย่าทำเสียงงอนแต่แฝงด้วยความน่ารัก จนคุณพ่ออดยิ้มไม่ได้ “จะให้พ่อไปสู่ขอเขาให้เลยไหมล่ะ ถ้ารักเขาขนาดนั้นน่ะ ฮะๆๆ”คำพูดของพ่อเล่นเอาเจย่าเขินหน้าแดงหูร้อนขึ้นมาในทันที ก่อนตอบกลับพ่อด้วยน้ำเสียงเขินอาย “เร็วไปไหมคะคุณพ่อ! เจก็เพิ่งเรียนจบเองนะ แต่ถ้าคุณพ่อเห็นว่าเขาจะเป็นอนาคตของเจได้ เจก็ไม่ขัดนะคะ” คำพูดคำจาของลูกทำคนเป็นพ่อถึงกับชะงักไป พลอยเจนหันมายิ้มกับพ่อของลูกเธอ แล้วพูดขึ้นบ้าง “ลูกเขยแบบนั้นแม่ก็ไม่ขัดเหมือนกัน คีรินเป็นสุภาพบุรุษน่ารัก ถ้ารักกันจริงแม่ก็ยินดีให้คบหานะ” เธอเอ่ยพูดอย่างชอบใจ ซึ่งคนเป็นสามีก็มองเงียบๆ เมียว่าไงเขาก็คงต้องว่างั้นแหละ “แต่ก่อนจะไปขอเขามาเนี่ย ไปถามเขาก่อนไหมครับ ว่าเขารักลูกเราหรือเปล่า?”จอนนี่เสริมขึ้นมาด้วยสีหน้าขบขัน ถึงจะพูดเหมือนล้อเล่นแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงน้อง เพราะเขาก็สังเกตได้ ว่าคีรินเองก็ดูจะมีใจให้เจย่าเช่นกัน หากแต่ว่าจะมีใจให้แบบคนรักหรือว่าแค่น้องสาวอันนี้ก็ไม่แน่ใจ ทางเจย่าที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็หน้าเจื่อน ก้มหน้าลงแบบอายๆ จนแม่ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการไล่ให้จอนนี่ออกไป ผ่านการส่งสายตา ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ก้มหน้าเดินหายขึ้นบ้านไปทันที “ลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด แล้วมาช่วยแม่เตรียมอาหารดีกว่า เดี๋ยวจีน่ากับจูเนียร์ก็มาถึงแล้ว จะได้ไม่ต้องรอนาน” มารดาหันมาพูดกับลูกสาว เจย่าเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้แม่แล้วรีบไปทำตามที่แม่บอก ไม่ได้เห็นหน้าหลานๆ มาหลายปีแล้ว ป่านนี้พวกเขาจะโตแค่ไหนกันนะ หญิงสาวคิดในใจพลางเดินขึ้นห้องตัวเองไปด้วยความสุขปนตื่นเต้นเช้าวันเสาร์ซึ่งวันนี้ก็บรรยากาศดีไม่น้อย เมื่อคืนมีฝนนิดหน่อย พอตื่นมาฝนหยุดตกแล้วบรรยากาศจึงสดชื่น คีรินนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ที่สวนตั้งแต่เช้า พลางนั่งมองคุณเจมส์ทำกายภาพบำบัดอยู่ที่มุมสวนไม่ไกลจากเขา ไม่นานแม่บ้านก็เดินเข้ามาหา “คุณคีรินคะ มีคนมาหาค่ะ” ชายหนุ่มมองแม่บ้านคิ้วขมวด “ใครครับ?” “ฉันถามชื่อเธอไปแล้วเธอบอกว่าไม่บอกค่ะ เธอฝากไว้ว่าถ้าคุณอยากรู้คุณคงจะไปดูเอง ฉันก็เลยไล่เธอกลับแต่เธอค้านว่าไม่กลับค่ะ บอกว่าจะนั่งอยู่ที่หน้าบ้านถ้าคุณคีรินไม่ยอมออกไปหา” คนฟังถอนหายใจยาว “งั้นพี่ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมไปไล่เอง” “ค่ะ” คีรินลุกพรวดเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เขาเปิดประตูเดินออกไปก็เห็นว่าเธอยืนอยู่ข้างกำแพง “มาทำไมกลับบ้านไปซะ มายืนลับๆ ล่อๆ ตรงนี้เดี๋ยวคนอื่นเขาก็กลัวหมดหรอก” เขากอดอกเอ่ยกับเธออย่างไม่มีเยื่อใย “เห็นหน้าก็ไล่กันเลยเหรอคะ” เธอมองเขาด้วยตาสั่นๆ คีรินมองเธออย่างสำรวจ สาใจแล้วจึงหันหน้าหนีไปทางอื่น “ก็ฉันไม่อยากจะพูดหรือคุยอะไรกับเธอนี่” เขากำลังจะหมุนตัวกลับเข้าบ้านแต่ต้องชะงักเสียงที่เธอร้องห้ามไว้ “เดี๋ยวสิพี่! ให้ฉันได้คุยแค่ห้านาทีก็ได้” เขาหันกลับไป
หลายวันต่อมา ณ บริษัทศิลาที่ลอนดอน คีรินเดินลงมายังลานจอดรถเตรียมตัวจะกลับบ้าน “พี่คีริน!” เขาสะดุ้งให้เสียงคุ้นหูจนต้องหันไปมอง “เธอเข้ามาได้ยังไง!” เป็นโซเฟียที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยที่วิ่งตามมา “เข้ามาไม่ได้นะครับคุณ ผมขอโทษนะครับท่านประธาน” คีรินยกมือให้การ์ด “ไม่เป็นไร ปล่อยเธอเถอะ” เขาว่าเสียงเรียบนิ่งแต่สายตาแอบสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสบายดีแล้วนี้ “รู้จักกันเหรอครับ?” การ์ดถามเพื่อความแน่ใจ คีรินยักคิ้วให้เป็นเชิงไล่ การ์ดจึงกลับไปทำหน้าที่ต่อ “พี่คีริน!” เธอเตรียมจะกระโจนเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง แต่เขาดีดตัวออก “จะทำอะไร!” โซเฟียชะงัก เธอลืมไปว่าเธอยังมีความผิด “ฉันจะมาขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่างค่ะ!” เธอมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกผิด คีรินยังคงทำหน้านิ่งเฉยไม่ยิ้มให้เธอเหมือนเมื่อก่อน “แค่นี้ใช่ไหม” หญิงสาวขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงได้ตอบเธอห่างเหินแบบนี้ล่ะ “ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” เขาหมุนตัว เธอรีบวิ่งไปดักหน้า “พี่คีรินย้ายบ้านแล้วเหรอ ฉันยังอยู่บ้านเดิมน่ะ ทำไมตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันถึงยังไม่เห็นพี่สักครั้งเลยล่ะคะ” เธออ้าแขนออกเพราะก
โรงพยาบาล ณ ใจกลางลอนดอน “แม่~” โซเฟียมีสติตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของโรงพยาบาล คนแรกที่เธอเห็นคือแม่นอนหมอบหน้าอยู่ข้างเตียง “โซเฟีย ลูกตื่นแล้ว เป็นยังไงบ้างลูก เลย์ เลย์!! ไปตามหมอ!!” นาตาเลียหันไปเรียกลูกชายที่หลับอยู่บนโซฟา เลย์ลุกงัวเงียก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “เขาล่ะคะแม่?” เมื่อมองไปรอบข้างแล้วไม่เจอใครอีก เธอจึงถามหา “เขาคนไหนลูก ถ้าเป็นซาเวียร์เขาพึ่งจะกลับบ้านไป แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้น”คนเป็นแม่เสียงอ่อนลง “เขายังไม่ได้มา เยี่ยมลูกเลยสักครั้งตั้งแต่ที่รู้ความจริง” โซเฟียน้ำตาคลอใบหน้าของเธอสั่นไหวไม่แพ้หัวใจ “เขารู้ความจริงแล้วเหรอคะ อึก” น้ำตาของเธออาบแก้มภายในไม่กี่วิ จนแม่ต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาให้ “ใช่ลูก วันนั้นซาเวียร์เขาโมโหก็เลยหลุดปากบอกไปหมดแล้ว” หญิงสาวมองหน้าแม่ของเธอน้ำตาไหลไม่หยุด “เขาโกรธมากไหม” นาตาเลียส่ายหน้าเบาๆ “แม่ไม่รู้แต่แม่ว่าเขาคงจะไม่โกรธหรอก เขาน่าจะแค่เสียใจ ลูกตั้งใจพักผ่อนให้หายดี แล้วค่อยไปง้อเขาก็คงไม่สายหรอกนะ” แม่ยกมือลูบหัวให้คนบนเตียง โซเฟียยังคงสะอื้นเธออยากจะลุกไปบอกเขาเดี๋ยวนี้ ลุกไปขอโทษเขา แต่ตอนนี้เนื้อตัวเธอ
“คนอื่นเลิกงานออกไปหมดแล้วนี่” เจย่าชะโงกหน้ามองดูพนักงานคนอื่นที่ทยอยกันกลับบ้าน ก่อนที่เธอจะหันมองไปที่ห้องทำงานของรองประธานบริษัทซึ่งตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เธอลุกเดินไปเปิดประตูหวังเข้าไปหาเขา ประตูที่ถูกแง้มออกเบาๆ นั้นไม่ได้ทำให้คนที่กำลังวุ่นอยู่กับกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้ารู้ตัวเลย เจย่าเผยยิ้มจางก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหา “พี่คินกำลังเครียดอยู่เหรอคะ” เธอเดินเข้าไปยืนข้างๆ เขา พลางก้มลงไปกอดคอเขามองดูสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ “ครับ” เขาตอบแต่ไม่ได้หันมามองหน้า เจย่าขมวดคิ้ว หรือว่าเขาจะโกรธเธอที่ปฏิเสธไม่ไปนอนกับเขาที่คอนโด? “พี่คิน” อนาคินละสายตาจากโต๊ะทำงานและหันมาจ้องหน้าเธออย่างอ่อนโยน “ถ้าวันนี้เจไม่ไปค้างกับพี่ พี่จะขอเคลียร์งานตรงนี้ก่อนนะครับ พี่ว่ามันเยอะไปแล้วน่ะ” เขาบอก เจย่าพยักหน้าเข้าใจแม้จะตีกับความรู้สึกข้างในนิดๆ “เดี๋ยวค่ะ!” เธอจับเก้าอี้หมุนของเขาแล้วดันออกอย่างทุลักทุเล อนาคินมองดูอย่างแปลกใจจึงใช้แรงยันตัวเองเพื่อช่วยเธอก่อนจะเห็นว่าเธอเข้าไปนั่งใต้โต๊ะทำงานพลางดึงเก้าอี้กลับชิดขอบโต๊ะตามเดิม
Ulasan-ulasan