รถหรูคันหนึ่งแล่นมาจอดในรั้วบ้านศิลาแดง อนาคินกำลังจะกดรีโมตปิดประตูรั้ว แต่เผลอทำกุญแจหล่นเพราะฤทธิ์เมาที่พึ่งดื่มมากับสาว
“โอ๊ย มืดก็มืด แล้วกุญแจจะตกไปทำไมเนี้ย” เขาก้มลงหาแถวหน้ารถ และไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันขับเข้ามาจอดที่ข้างรั้วบ้านเช่นกัน “อ้าว ประตูเปิดอยู่นี่ ให้พี่ขับเข้าไปเลยไหม?” จอนนี่ถาม เจย่าหันมาปฏิเสธทันที “อย่าเลยค่ะ ตอนนี้เขาคงหลับกันหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เจเห็นพี่คีรินแวบๆ ขอเจไปทักทายแป๊บเดียว แล้วเราค่อยกลับนะ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูรถวิ่งไปทันที ทิ้งให้พี่ชายนั่งงงๆ กับความไวของน้อง ที่เขาจะเอ่ยห้ามก็ไม่ทัน “พี่คีริน!” หญิงสาวรีบวิ่งเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้อยู่ เธอกอดเขาแน่นอย่างไม่เขินอายเพราะด้วยแรงคิดถึงที่มีมากโข ในขณะเดียวกันที่คนเมายืนชะงักนิ่งอย่างแปลกใจ “พี่คีรินเจคิดถึงพี่ที่สุดเลยค่ะ” ชายหนุ่มเริ่มคุ้นกับน้ำเสียงพลางรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกตอนที่เขาคิดว่าอ้อมกอดนี้คงเป็นของเธอแน่ๆ เจย่า อนาคินรีบหันหน้ามามองเจ้าของเรียวแขนสวย มุมปากของเขากระตุกยิ้มตอนที่เธอเงยขึ้นมาจ้องหน้า “อะ! พี่คิน!!” เมื่อได้สบตากันเจย่าก็รีบดันตัวเองผละออก เพราะพึ่งรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอกำลังโหยหา ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจ อนาคินเผยยิ้มมองร่างสวยตรงหน้าที่แทบไม่เชื่อสายตาว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เขารู้จัก แต่พอได้จ้องตาเธออีกรอบเขาก็หลุดจากห้วงความคิดนั้น แล้วรีบแซวเธอด้วยน้ำเสียงกวนส้นตีน “ทำไม! ตกใจมากเหรอ ที่จำฉันเป็นคีรินนะ” เขายื่นหน้ามาใกล้เธอ หญิงสาวก็เบือนหน้าหนี “ถ้าพวกพี่ไม่ใช่ฝาแฝดกัน เจก็คงจะไม่จำผิดหรอก” ใช่แล้วก็พวกเขาเหมือนกันมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็แทบจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ “ชิ! กระแดะน่ะเดี๋ยวนี้มาหาผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ แถมดูแต่งตัวสิ” อนาคินจ้องเธอในชุดเดรสสั้นเหนือหัวเข่าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ก่อนจะเผยยิ้มอย่างพอใจ ไม่มียัยเด็กแว่นหนาคนนั้นอีกแล้วสินะ “แล้วพี่มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ดึกแล้วทำไมไม่รู้จักไปหลับไปนอน หรือว่าเป็นผีไม่มีญาติคอยออกมาขอส่วนบุญหรือไง ไอ้ขี้เก๊ก!” เขาที่ยังอึ้งกับรูปร่างของเธออ้าปากค้างอึ้งรอบสอง ให้กับคำพูดที่กล้าต่อปากของหญิงสาว “เจย่า!!!” เขาแผดเสียงเรียกชื่อเธอดังพลันจะเดินเข้าใส่ แต่ร่างเล็กกลับรู้ทันก้าวถอยและวิ่งหนีออกไปจากบ้าน ชายหนุ่มรีบวิ่งตามออกไป “รีบออกรถเลยพี่จอน” เมื่อมาถึงรถหรูเปิดประทุน เธอก็สั่งคนขับรถส่วนตัวของตัวเอง จนเขาหันมาจ้องหน้าอย่างนึกงงพึ่งลงไปไม่ถึงสามนาทีเองนี้ “เจย่า!!!” สองพี่น้องรีบมองไปที่เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังเดินมา จอนนี่มองดูด้วยคิ้วขมวดมุ่นเพราะกำลังพินิจพิเคราะห์ดูว่าไอ้หนุ่มตรงหน้ามันคือแฝดผู้พี่หรือผู้น้องกันแน่ ขณะที่หนุ่มรุ่นน้องยกมือไหว้ทักทายเขาอย่างคุ้นเคย “อ้าว พระพรหมลิขิตให้น้องพี่มาเจอกับไอ้คินเนี่ยนะ” เขาท้วงทันทีเมื่อนึกออก จนน้องสาวหันมาถลึงตาใส่ “บ้าเหรอพี่จอน กับพี่คินนะก็คงเป็นแค่เวรกรรมนั่นแหละที่นำมาพบ” คำว่าเวรกรรมหญิงสาวไม่ลืมหันไปจ้องที่หน้าของเขา ทำอนาคินไม่มีอะไรจะพูด “จะไปได้หรือยังพี่จอน” เธอย้ำกับพี่ชายเพราะเห็นพี่เอาแต่นิ่ง ทำให้จอนนี่ต้องจำเป็นพาน้องกลับ พอเมื่อรถเคลื่อนออกไปจากตรงนี้ อนาคินก็มองไปที่หน้าสวยที่ยังจ้องเขาอยู่ พลางยักคิ้วให้จนหญิงสาวทำตาเขียวส่งมา ชายหนุ่มยืนนิ่งมอง แต่มุมปากดันเผยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยคาดโทษถึงเธอเบาๆ “ถ้าเจอกันอีกเธอโดนดีแน่ ยัยเจย่า” ระหว่างทางเจย่าทำสีหน้าบอกบุญไม่รับจนพี่ชายต้องเอ่ยแซว “พี่บอกแล้วว่าดึกขนาดนี้จะมาทำไม เป็นไงล่ะคนที่ยังไม่นอนบ้านนั้นเวลานี้ก็คงจะมีแค่เจ้าคินนั่นแหละ” “พี่จอนก็อย่าซ้ำเติมเจได้ไหมคะ แค่เจได้เห็นหน้าพี่คินก่อนพี่คีรินเจก็ว่าตัวเองซวยพอแล้วนะ!” “ฮาฮ่า” “ยังจะมาขำน้องอีก” “ก็มันตลกนี่ แต่ก่อนพี่เห็นว่าคินจะแกล้งเราแรงแค่ไหนก็ไม่เห็นจะตอบโต้ นอกจากร้องไห้ไปฟ้องพ่อบ้างล่ะฟ้องลุงโอมบ้างล่ะ แต่พอกลับมารอบนี้เจเปลี่ยนไปพี่ก็อดขำไม่ได้น่ะ” คนพูดขำไปพูดไปทั้งยังต้องตั้งใจขับรถ “พี่จอนต้องดีใจสิคะถึงจะถูก หรือพี่ชอบให้น้องสาวตัวเองถูกเอาเปรียบไปจนตายกัน” เจย่าโต้ แม้การกระทำของเธอจะดูสู้คนมากขึ้น แต่กิริยาท่าทางก็ยังดูน่ารักด้วยบุคลิกโดยรวมที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานอยู่แล้ว พอมาเริ่มหัวแข็งมันก็เลยดูขัดๆ จนทำพี่ชายแบบเขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่ “โอเคๆ แต่เจก็อย่าไปโกรธไปเกลียดคินมันเลย เดี๋ยวเกลียดอะไรจะได้อย่างนั้นเอานะรู้ไหม” เขาพูดหยอกน้องขึ้นมาอีกจนเจย่าต้องรีบโต้ตอบ “ไม่มีทาง! ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแหละที่เขาจะได้เห็นหน้าเจ” “ขนาดนั้นเลย!” “ใช่ ปล่อยคนเจ้าชู้กะล่อนแบบพี่คินให้จำเจในแบบที่เขาเคยจำเถอะ เพราะเจไม่ได้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเพื่อให้เขาเห็น” เจย่ากอดอกแววตาสายความเคืองถึงคนที่เธอพูดถึงจนพี่ชายต้องรีบปรามไว้ “ครับๆ แม่คนสวยของคีริน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็จะได้สมหวังแล้วนี้ เพราะจะได้ไปเป็นคุณเจริยาเลขาของท่านรองประธาน อนาวิน สมใจแล้ว” คนฟังอมยิ้มขึ้นมาในทันทีเมื่อเธอได้หวนนึกถึงความอ่อนโยนของคีรินผู้ที่หน้าตาพิมพ์เดียวกันกับอนาคินทุกระเบียบนิ้วแต่กลับแตกต่างที่นิสัยและทัศนคติ.ในเวลาเดียวกันเจย่าก็กำลังเดินห้างกับพี่สาวก่อนที่คนเป็นพี่จะต้องพาลูกและสามีกลับบ้านต่างจังหวัด “เจน้องดูเสื้อผ้าร้านนี้สิสวยๆ ทั้งนั้นเลยพี่ว่าเราเข้าไปเลือกดูหน่อยดีไหม เดี๋ยวพี่จะซื้อให้สักสองสามชุด” หญิงสาวมองหน้าพี่ของเธอก่อนรีบส่ายหน้า “ไม่เอา พี่จะมาซื้อให้เจทำไมล่ะ” “ต้องซื้อสิ อาทิตย์หน้าน้องเจของพี่ต้องไปเป็นเลขาคนสวยของคีรินแล้วไม่ใช่เหรอ” เมื่อได้ยินคำถามแกมชมเช่นนั้นคนฟังก็เผยยิ้ม ตั้งแต่มาถึงเธอก็ยังไม่ได้เจอพี่คีรินเลยนี้น่า ถ้าจะไปเจอกันครั้งแรกที่บริษัทเลยในรอบหลายปี เธอก็อยากจะดูดีที่สุดในสายตาเขาเช่นกัน “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ช่วยดูให้เจด้วยนะว่าชุดไหนสวยชุดไหนเจใส่แล้วออร่าจับนะ” “ได้แน่นอน” พี่สาวเอ่ยพลางรีบพากันเข้าไปในร้าน แจมมี่จับชุดที่คิดว่าจะเข้ากับน้องสาวของเธอมาสี่ห้าชุด แล้วให้เจย่าเข้าไปเปลี่ยนทีละชุดออกมาให้เธอดู “พี่คินขาเนเน่หิวข้าวแล้วน่ะ พี่คินพาเนเน่ไปกินข้าวหน่อยสิ” ซึ่งทางด้านนอกอนาคินได้พาสาวคู่นอนของเขามาเดินห้างแก้เบื่อ สายตาคมเหลือบไปเห็นสาวสวยคุ้นตาแวบๆ จากที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อกี้ก็เผยยิ้ม เขารีบหันมาบอกผู้หญิงข้างกาย “แล้วเธออยาก
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในอาณาเขตเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษลาวาเลนเต้ “คุณพ่อเรียกหนูเหรอคะ?” หญิงสาวตัวเล็กผอมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ทองยาวสวยโดยกำเนิดแบบหาได้ยาก เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงานด้วยท่าทีตื่นเต้น นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาโทรหาลูกสาวแบบเธอให้มาพบ “ฉันได้ยินข่าวมาว่านายเจมส์ผู้บริหารของบริษัทศิลาที่นาย อศิร ศิลาหัตร์ทัยเป็นเจ้าของ มันประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำกายภาพบำบัด….” กาเบรียลหัวหน้าแก๊งลาวาเลนเต้เอ่ย ทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ทำโซเฟียบุตรสาวที่ยืนฟังอยู่เกิดความฉงนสงสัย“คุณพ่อหมายถึงอะไรคะ?” กาเบรียลหันมาจ้องหน้าเธอพร้อมตอบกลับเสียงเข้ม“ฉันอนุญาตให้แกเรียกฉันว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่” โซเฟียก้มหน้างุดในทันที เธอก็แค่ลูกนอกสมรสที่เขาไม่ต้องการ“เอาล่ะ แต่ฉันจะยอมรับแกเป็นลูกก็ได้หากแกทำงานนี้ให้ฉันสำเร็จ” โซเฟียเงยหน้าขึ้นมาจ้องบิดาทันที“นายอศิรส่งลูกชายของเขาที่อายุไล่เลี่ยกับแกมาบริหารงานแทนไอ้เจมส์ที่ต้องรักษาตัว” เขาพูดพร้อมเว้นช่วงเพื่อพิสูจน์ความหัวไวของคนตรงหน้า“คุณท่านจะให้หนูไปตีสนิทกับเขางั้นเหรอคะ” กาเบรียลเผยยิ้มอย่างชอบใจ“ไม่ใช่
รุ่งเช้าวันต่อมา “อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ” คีรินที่พึ่งเดินลงมาจากบ้านเห็นน้องชายฝาแฝดนั่งหัวโด่รออยู่ที่โต๊ะทานข้าว เขาก็มองไปที่เจ้าตัวด้วยคิ้วขมวด อนาคินเองก็เหลือบหางตามามองพี่ชายฝาแฝดของเขาเล็กน้อย “ก็เห็นว่าคุณพ่อมีเรื่องด่วนนี้ นี่คินก็รีบมาสุดๆ แล้วนะ” คนพูดยักไหล่ในขณะที่ทำคนฟังส่ายหน้า “นี่ขนาดรีบนะ ปล่อยให้พี่กับพ่อรอกันทั้งคืน” คีรินบ่นเบาๆ พลางหันไปหยิบแก้วกาแฟจากแม่บ้านขึ้นมาจิบ “ทำไมถึงได้ทำตัวเถลไถลแบบนี้ล่ะคิน นายควรจะแยกแยะได้แล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบแล้ว” อนาคินถอนหายใจยาวให้การบ่นแกมสั่งสอนของพี่ชาย “ก็เพราะรู้ว่าเรื่องอะไรไง คินถึงไม่อยากมา” เขาตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะได้ยินเสียงของพ่อแทรกขึ้น “แต่เพราะยังต้องใช้เงินพ่ออยู่ใช่ไหม ถึงจำเป็นต้องมานะ” สองหนุ่มหันไปมองหน้าพ่อที่เดินมานั่งตรงหัวโต๊ะ คีรินที่ยืนจิบกาแฟอยู่ก็หาที่นั่ง “เมื่อไหร่จะเป็นผู้เป็นคนสักทีอนาคิน ลูกก็ 28-29 แล้วน่ะ ลูกชายของพ่อมีกันสามคนและลูกคือคนที่พ่อเป็นห่วงที่สุด ขนาดน้องสาวลูกพ่อยังไม่เห็นว่าต้องห่วงอะไรขนาดนี้เลย” เสี่ยโอมบ่นความในใจของเขาออกมาพลางจ้องคนที่เขาบ่นใ
‘ฮื้อๆ เจเจ็บ ฮื้อ พี่คินนิสัยไม่ดี แง’มือเล็กๆ ของยัยเด็กน้อยยกขึ้นถูที่ดวงตาของตัวเองเพราะถูกคนที่โตกว่านั้นผลักจนล้ม ‘สำออยน่า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นางผีเสื้อสมุทรมาให้อุลตร้าแมนเคนจิจัดการซะดีๆ’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้เลย แถมยังพยายามทำให้น้องลุกขึ้นมาเล่นกับตัวเองให้ได้ ‘ไม่เอา พี่คินเล่นแรง เจไม่เล่นด้วยหรอก อึก’ ‘โอ้ย ถ้าเธอจะไม่เล่นกับฉัน แล้วจะมาบ้านฉันทำไมทุกวันหะ’ อนาคินวัยเก้าขวบยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างไม่พอใจ ‘คิน นี้ทำอะไรให้น้องเจนะ’คีรินพี่พึ่งช่วยพ่อพาน้องสาวของเขาเข้านอนกลางวันเดินเข้ามานั่งลงข้างเด็กหญิงก่อนจะพาน้องลุกขึ้น ‘ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราไปนอนกลางวันกันดีกว่า’ คีรินลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยนโดยมีอนาคินยืนมองอยู่อย่างขัดใจ ‘พี่คินไม่ดีเลย’เด็กหญิงฟ้องพลางชี้นิ้วไปที่คนต้นเรื่อง ‘งั้นคนดีไปกับพี่คีรินนะครับ’คีรินรีบจูงมือเด็กหญิงออกไป ‘ยัยตัวดี’ส่วนหนุ่มน้อยอีกคนก็ทำได้เพียงมองตาขวางใส่ทั้งคู่ ‘จะไปไหนยัยแว่น’ อนาคินวัยมหาลัยได้พาเพื่อมาดักรอเจย่าที่โรงเรียนมัธยมซึ่งพึ่งเลิกเรียนและกำลังจะกลับบ้าน ‘หลีกไปนะพี่คิน เจจะกลับบ้าน’ หญิงสาวถอยไปหนึ
รถหรูคันหนึ่งแล่นมาจอดในรั้วบ้านศิลาแดง อนาคินกำลังจะกดรีโมตปิดประตูรั้ว แต่เผลอทำกุญแจหล่นเพราะฤทธิ์เมาที่พึ่งดื่มมากับสาว “โอ๊ย มืดก็มืด แล้วกุญแจจะตกไปทำไมเนี้ย” เขาก้มลงหาแถวหน้ารถ และไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันขับเข้ามาจอดที่ข้างรั้วบ้านเช่นกัน “อ้าว ประตูเปิดอยู่นี่ ให้พี่ขับเข้าไปเลยไหม?” จอนนี่ถาม เจย่าหันมาปฏิเสธทันที “อย่าเลยค่ะ ตอนนี้เขาคงหลับกันหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เจเห็นพี่คีรินแวบๆ ขอเจไปทักทายแป๊บเดียว แล้วเราค่อยกลับนะ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูรถวิ่งไปทันที ทิ้งให้พี่ชายนั่งงงๆ กับความไวของน้อง ที่เขาจะเอ่ยห้ามก็ไม่ทัน “พี่คีริน!” หญิงสาวรีบวิ่งเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้อยู่ เธอกอดเขาแน่นอย่างไม่เขินอายเพราะด้วยแรงคิดถึงที่มีมากโข ในขณะเดียวกันที่คนเมายืนชะงักนิ่งอย่างแปลกใจ “พี่คีรินเจคิดถึงพี่ที่สุดเลยค่ะ” ชายหนุ่มเริ่มคุ้นกับน้ำเสียงพลางรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกตอนที่เขาคิดว่าอ้อมกอดนี้คงเป็นของเธอแน่ๆ เจย่า อนาคินรีบหันหน้ามามองเจ้าของเรียวแขนสวย มุมปากของเขากระตุกยิ้มตอนที่เธอเงยขึ้นมาจ้องหน้า “อะ! พี่คิน!!” เมื่อได้สบตากันเจย่าก็รีบดั
ศิลาแดง ร่างใหญ่สองร่างนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมทางเข้าบ้าน พวกเขาหันจ้องหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับรอใครบางคนที่กำลังจะผิดนัด “อ้าว สองพ่อลูกคู่นี้ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้านอนกันอีกเหรอ?” คุณหญิงครีมหอมที่ลงมาหาน้ำดื่ม เอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสองนั่งเงียบอยู่ข้างล่าง “ก็เจ้าคินน่ะสิคุณ ผมอุตส่าห์โทรนัดให้กลับมาคุยกันที่บ้านวันนี้ แถมมันยังรับปากผมซะดิบดี แต่สุดท้ายเวลานี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย!” เสี่ยโอมถอนหายใจหนักมองเข็มนาฬิกาบนผนังอย่างไม่สบอารมณ์ “แบบนี้คงไม่กลับมาแล้วมั้งคะ สงสัยคงไปเมาอยู่ที่ไหนสักที่" ครีมหอมตอบ ขณะเดินเข้าไปลูบไหล่คีรินที่นั่งไม่ห่างจากตรงที่เธอยืน “อืม ผมว่าคุณแม่คงพูดถูกแล้วแหละครับ” คีรินพึมพำ “เราไปอาบน้ำเข้านอนกันเถอะครับคุณพ่อ” เขาหันไปบอกกับบิดาเนื่องจากเห็นว่าวันนี้ทำงานหนัก คนเป็นพ่อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว “แล้วเรื่องงานล่ะลูก?” เสี่ยโอมที่เรียกลูกชายอีกคนกลับมาเพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ เขาเอ่ยถามออกมาอย่างหัวเสีย ก็คนที่นั่งข้างกันดันไปหน้าเหมือนกับคนที่ผิดนัดอีก “ไว้วันหลังค่อยคุยเถอะครับคุณพ่อ ที่คินไม่มาวันนี้ คงเพราะเร