Share

บทที่ 10

Author: หมึกย้อมแผ่นดิน
ลั่วฝานนอนขดตัวอยู่ที่มุมเตียงตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็พบว่าบนร่างของตนมีผ้าห่มคลุมอยู่

อู่ชิงตื่นนอนแต่เช้าแล้ว กำลังช่วยจูอีโหรวตักน้ำและผ่าฟืน

ลั่วฝานลุกขึ้นมา เมื่อมองดูภรรยาทั้งสามที่งดงามราวกับดอกไม้กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ หากทั้งสามคนได้เกิดในยุคหลัง แต่ละคนล้วนเป็นเทพธิดาที่ทุกคนใฝ่หา แต่ในแคว้นต้าเซิ่งที่เสื่อมโทรมและล้าหลังนี้ กลับทำได้เพียงแต่งให้กับคนขี้เกียจอย่างเจ้าของร่างเดิม

ที่บ้านยังพอมีเนื้อเหลืออยู่บ้าง จูอีโหรวจึงต้มข้าวต้มเนื้อแต่เช้า ลั่วฝานดื่มไปหนึ่งถ้วยเล็ก

เมื่อมองภรรยาทั้งหลายที่ผอมซูบและใบหน้าซีดเหลือง ลั่วฝานก็เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าสามคนกินข้าวต้มให้หมด อย่าให้เหลือ ทิ้งไว้นานมันจะบูด”

พูดจบ เขาก็รีบร้อนออกจากบ้านไป

ไผ่ที่แช่ไว้ใกล้จะได้ที่แล้ว ตามหลักการแล้ว แม้ว่าจะเติมปูนขาวลงไป ก็ยังต้องใช้เวลาแช่ถึงสิบวัน

เพียงแต่ว่าทางสวีหย่วนเร่งรัดมา ลั่วฝานจึงทำได้เพียงเร่งรัดขั้นตอน แม้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพในท้ายที่สุด แต่ก็ยังดีกว่ากระดาษป่านมากนัก

หลังจากแช่เสร็จ ขั้นตอนต่อไปคือนำเส้นใยไผ่ไปนึ่งในหม้อนึ่ง เพื่อทำให้เส้นใยนุ่มลงอีก

ลั่วฝานให้คนงานสร้างเตาดินขึ้นในที่โล่ง วางหม้อขนาดใหญ่ไว้ด้านบน จากนั้นนำวัตถุดิบที่แช่ไว้แล้วมาวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ในหม้อนึ่ง

เทปูนขาวลงในน้ำ ต้มนึ่งเป็นเวลาสี่ถึงห้าชั่วยาม

หลังจากผ่านการนึ่งและขจัดสิ่งสกปรกซ้ำๆ เจ็ดถึงแปดครั้ง ก็ใช้เวลาของลั่วฝานไปสองวัน

หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ลั่วฝานก็นำเส้นใยกระดาษที่ต้มแล้วไปใส่ในครกหินแล้วทุบซ้ำๆ เพื่อกำจัดเปลือกเก่าออกไป กระบวนการนี้เหนื่อยมาก ลั่วฝานและช่างฝีมืออีกสองคนผลัดกันทุบอยู่ทั้งวันกว่าวัตถุดิบจะละเอียด

วัตถุดิบที่ทุบละเอียดแล้ว ยังต้องผ่านการล้างอีกสองถึงสามครั้ง เพื่อขจัดสิ่งเจือปนออกให้หมด

จากนั้นคือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการตีเยื่อกระดาษ เทเยื่อกระดาษลงในรางสำหรับทำกระดาษ คนสองคนใช้ไม้ไผ่คนไปมาอย่างแรง จนกระทั่งเยื่อกระดาษกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในราง

ลั่วฝานเตรียมตะแกรงไม้ไผ่และแม่พิมพ์สำหรับทำกระดาษไว้ แล้วช้อนเยื่อกระดาษขึ้นมาจากในรางทีละแผ่น

เกลี่ยกระดาษ ปูให้เรียบ ตากให้แห้ง และตัด!

กระบวนการทั้งหมดนี้ ใช้เวลาของลั่วฝานไปสิบวัน

เมื่อลั่วฝานนำกระดาษเยื่อไผ่ที่ทำเสร็จแล้ววางไว้ตรงหน้าสวีหย่วน เขาก็จ้องมองกระดาษเยื่อไผ่ที่ขาวสะอาดและอ่อนนุ่มนั้น ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

นี่มันเทียบไม่ได้เลยกับกระดาษป่านหยาบๆ ที่ใช้กันทั่วไปในต้าเซิ่ง

“สหายลั่ว? นี่คือกระดาษเยื่อไผ่หรือ?” ใบหน้าของสวีหย่วนเผยความดีใจอย่างบ้าคลั่งจนปิดไม่มิด

ในฐานะพ่อค้า เขาต้องคลุกคลีกับกระดาษอยู่เสมอ ได้เห็นกระดาษดีๆ มาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับกระดาษเยื่อไผ่ของสหายลั่วแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย

“ถูกต้อง นี่คือกระดาษเยื่อไผ่ กระดาษชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเขียน อ่อนนุ่มและทนทานต่อการพับ และไม่ถูกแมลงกัดกินง่าย สามารถเก็บไว้ได้นานนับร้อยปีโดยไม่เสียหาย”

เมื่อได้ยินข้อดีมากมายของกระดาษเยื่อไผ่จากปากของลั่วฝาน สวีหย่วนก็ยิ่งตื่นเต้นยินดี กระดาษที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในแคว้นต้าเซิ่งตอนนี้คือกระดาษป่าน ข้อดีของกระดาษชนิดนี้คือราคาถูก และวัตถุดิบหาได้ง่าย

แต่กลับไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน โดยพื้นฐานแล้วพอใช้ไปไม่กี่ปี ก็จะกลายเป็นสีเหลืองและขึ้นรา โดนน้ำก็จะเปื่อยยุ่ย

“กระดาษเยื่อไผ่นี่ มันจะดีจริงอย่างที่สหายลั่วพูดหรือ?” บนใบหน้าของสวีหย่วนแสดงความสงสัย

ลั่วฝานได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มจางๆ แล้วกล่าวกับสวีหย่วน “ไปตักน้ำมาหนึ่งอ่าง”

“เอาน้ำมาทำอะไร?” สวีหย่วนไม่เข้าใจเล็กน้อย

แต่เขาก็ยังสั่งให้คนยกน้ำมาหนึ่งอ่าง

ลั่วฝานยิ้มอย่างมั่นใจ หยิบกระดาษเยื่อไผ่แผ่นหนึ่งออกมา แล้วแช่ลงในอ่างน้ำ

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป ลั่วฝานใช้นิ้วหยิบที่มุมของกระดาษเยื่อไผ่ แล้วดึงกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาจากผิวน้ำ

จากนั้นเขาใช้มือจับที่ปลายทั้งสองข้างแล้วดึง กระดาษที่เปียกน้ำ กลับยังคงความเหนียวไว้ได้ ไม่ฉีกขาดง่ายๆ

คราวนี้ สวีหย่วนถึงกับตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง เขาลองหากระดาษป่านมาหนึ่งแผ่น แล้วแช่ในน้ำตามวิธีของลั่วฝาน

เขาคิดจะเลียนแบบท่าทางของลั่วฝาน เพื่อหยิบกระดาษป่านที่แช่น้ำขึ้นมา แต่พอลองหยิบที่มุมโดยที่ยังไม่ได้ออกแรงเท่าไร กระดาษป่านก็เปื่อยยุ่ยสลายเป็นชิ้นๆ

“มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” สวีหย่วนดีใจจนแทบคลั่ง

เขาแทบจะลูบไล้กระดาษเยื่อไผ่ไม่ยอมวางมือ ทั้งลูบทั้งคลำ เอาจริงเอาจังยิ่งกว่าปฏิบัติต่อภรรยาของตนเองเสียอีก

“กระดาษเยื่อไผ่นี้ไม่เพียงแต่บางราวกับปีกจั๊กจั่น แต่ยังเหนียวทนทานเป็นเลิศ กระดาษดีจริงๆ” สวีหย่วนกล่าวพลางพิจารณา

“บางดั่งปีกจั๊กจั่น ขาวสะอาดดุจหิมะ สะบัดไหวราวแพรไหมไร้สุ้มเสียง ซึมซับหมึกสม่ำเสมอ แยกชัดเข้มจาง อายุกระดาษยืนยาวพันปี ส่องประกายเรืองรอง”

ลั่วฝานกล่าวออกมา!

“กวีดี กวีดี!”

บทกวีนี้กล่าวถึงข้อดีของกระดาษเยื่อไผ่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สวีหย่วนชื่นชมไม่ขาดปาก

สวีหย่วนกำลังมีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่ เขาหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วตวัดลายเส้นลงบนกระดาษเยื่อไผ่

เขาเขียนบทกวีที่ลั่วฝานเพิ่งขับขานออกมาเมื่อครู่ ลงบนกระดาษเยื่อไผ่แผ่นนั้น
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 30

    ระยะเวลาในการแช่ไม้ไผ่ โดยทั่วไปยิ่งนานยิ่งดี กระดาษก็จะยิ่งอ่อนนุ่มแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เพื่อดึงดูดลูกค้า ลั่วฝานก็ยังยืนกรานที่จะแช่ไว้ครึ่งเดือน ถึงจะเริ่มขั้นตอนที่สองนั่นคือการนึ่ง“จางเหลียว หม่าเหลียง พยายามกำจัดสิ่งเจือปนออกไปให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่นิดเดียว” ลั่วฝานขมวดคิ้ว สั่งการหม่าเหลียงและจางเหลียวค่อนข้างมีความสามารถ อีกทั้งยังฉลาดมาก ส่วนจางหู่กลับดูซื่อ ๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถข่มขวัญคนที่คิดไม่ซื่อได้“เถ้าแก่ กระดาษของเรานี้เรียกว่าอะไรหรือขอรับ”หม่าเหลียงมองเยื่อไผ่ที่นึ่งไปแล้วสามครั้ง เอ่ยถามขึ้น“คิดไว้แล้ว เรียกว่ากระดาษเหวินหย่าเซวียน!”“จิ๊ ๆ ช่างเป็นชื่อที่ดีจริง ๆ”หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดการผลิตชุดใหม่ก็เสร็จสิ้น ผลิตได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นกว่าแผ่น หักที่ต้องให้โรงกระดาษหยางจี้ห้าพันแผ่น ยังเหลืออีกห้าพันแผ่น ลั่วฝานตั้งใจจะเก็บไว้หาคู่ค้าเพิ่มอีกสักสองสามรายขนกระดาษหนึ่งหมื่นแผ่นขึ้นรถม้า ลั่วฝานพาหม่าเหลียงและจางหู่มุ่งหน้าไปยังเมืองลวี่วั่งออกจากบ้านแต่เช้า พอใกล้ถึงตอนเที่ยงก็มาถึงเมืองลวี่วั่ง ลั่วฝานอาศัยความทรงจำตามหาโรงก

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 29

    อีกทั้งลั่วฝานยังรู้ดีว่าหลี่หน้าบากไม่มีทางมีเงินมากขนาดนี้ได้ เป็นไปได้เพียงว่ามีคนว่าจ้างให้หลี่หน้าบากมาฆ่าคน“ให้ตายเถอะ เงินแท้ตั้งสองร้อยห้าสิบตำลึง หลี่หน้าบากไปร่ำรวยมาจากไหนตั้งแต่เมื่อใดกัน?” จางหู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความประหลาดใจเมื่อหวนนึกถึงเถ้าแก่ร้านขายธัญพืชที่จงใจถ่วงเวลาเมื่อครู่ ลั่วฝานก็แสยะยิ้มเย็นชา “ดูท่าว่า พวกเขาคงวางแผนกันไว้ล่วงหน้าแล้ว คิดจะดักปล้นฆ่าพวกเรากลางทาง”“เถ้าแก่ ท่านหมายความว่าเถ้าแก่ร้านขายธัญพืชคนนั้นมีปัญหาหรือขอรับ?” จางเหลียวขมวดคิ้วกล่าว“จางเหลียว เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้ารู้จักกับเถ้าแก่ร้านขายธัญพืช?” สีหน้าของจางหู่เปลี่ยนไปทันที ตวาดเสียงกร้าว“จางหู่” ลั่วฝานพูดขัดจางหู่ขึ้นมา ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่จางเหลียว เมื่อครู่ในมือของจางเหลียวถือมีดตัดฟืน ทั้งยังอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา หากเขามีความคิดไม่ดี ข้าคงตายไปนานแล้ว”จางเหลียวประสานหมัดกล่าว “ขอบคุณเถ้าแก่มากขอรับ”จางหู่ตะโกนอย่างเดือดดาล “หากข้ารู้นะว่าไอ้สารเลวหน้าไหนมันคิดร้ายต่อพี่ชายของข้า ข้าจางหู่จะชกมันให้ตายไปเลย”“กลับเข้าเมืองก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อย ๆ คิ

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 28

    จากนั้นก็ทะยานพรวดขึ้น โถมเข้าใส่ม้าตัวนั้น ฉากต่อมา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงจนอ้าปากค้างเห็นจางหู่กอดรวบหัวม้าไว้ คำรามลั่นแล้วเหวี่ยงออกไปสุดแรง!ม้าชั้นดีที่หนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันชั่ง ถูกจางหู่เหวี่ยงกระเด็นไปไกลถึงสิบเมตรหัวหน้าโจรป่าที่นั่งอยู่บนหลังม้า ถูกม้าทับอยู่ใต้ท้องในทันที กระอักเลือดออกมาคำโต ไม่นานก็สิ้นใจตายโจรป่าที่เหลืออีกสองสามคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงอย่างหนัก แววตาฉายแววหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัดจางหู่ในยามนี้ ในสายตาของพวกเขา ไม่ต่างอะไรไปจากอสูรสงครามตนหนึ่งเลย“จางหู่ ลั่วฝาน พวกเจ้าจงไปตายเสีย!” โจรป่าสองสามคนคำรามลั่น ควบม้าเงื้อดาบพุ่งเข้าใส่จางหู่ลั่วฝานเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่นคนเหล่านี้รู้ชื่อของข้าได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นคนรู้จักกัน?ลั่วฝานมัวแต่คิดไม่ตก พลันเห็นจางหู่คำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าใส่คนทั้งห้าเห็นเพียงจางหู่พลิกตัวหลบคมดาบยาวที่ฟันเข้ามาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ชกหมัดตรงเข้าที่ท้องของม้าอย่างจังม้าร้องโหยหวนออกมาเสียงหนึ่ง ร่างกายอ่อนยวบ โซซัดโซเซล้มลงกับพื้นจางหู่ฉวยโอกาสนั้นจับโจรที่อยู่บนหลังม้า ทุ่มลงกับพื้นจนมึนงงไป

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 27

    เถ้าแก่ร้านขายธัญพืชยิ้มประจบประแจง “นั่นน่ะสิขอรับ ใครบ้างจะไม่รู้ว่ากระดาษของเฉิงซินถังตระกูลหวังนั้นดีที่สุดในเมืองหย่งอัน ไอ้คนสิ้นไร้ไม้ตอกนั่นมันจะไปนับเป็นอะไรได้ ถึงกล้ามาแย่งธุรกิจกับตระกูลหวัง”“ฮ่า ๆ พูดได้ดี”ชายร่างผอมบางมองไปยังเถ้าแก่ร้านขายธัญพืช “เจ้าวางใจได้ ต่อไปธัญพืชของตระกูลหวังข้า จะให้เจ้าเป็นคนจัดหาให้”เถ้าแก่ร้านขายธัญพืชได้ยินดังนั้น บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มตื่นเต้นยินดีในทันที “ขอบคุณเถ้าแก่หวังมากขอรับ”ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม พอออกมาจากตำบลได้ราวสองลี้ ลั่วฝานก็พลันสังเกตเห็นว่ามีคนติดตามอยู่รอบ ๆลั่วฝานสงสัยอย่างมากว่า เมื่อครู่เถ้าแก่ร้านขายธัญพืชจงใจถ่วงเวลา ทำให้ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วก็ยังไม่สามารถกลับไปถึงเมืองหย่งอันได้“เถ้าแก่ ไม่น่าไว้วางใจเลยขอรับ” จางเหลียวขมวดคิ้ว กวาดตามองไปรอบทิศ“มีอันใดหรือ? มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?” ลั่วฝานเอ่ยถาม“ด้านหน้าคล้ายกับมีคนอยู่ขอรับ อาจจะเป็นพวกโจรป่าดักปล้น” จางเหลียวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของจางเหลียว ลั่วฝานก็ทอดสายตาไปเบื้องหน้า พลันเห็นคบเพลิงสี่ห้าอันสว่างวาบขึ้นท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนช่วงเวลาเช

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 26

    ธัญพืชสิบสือ ก็คือหนึ่งพันชั่งในยุคโบราณ นี่ถือเป็นการค้าที่ใหญ่มากอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ร้านขายธัญพืชเองก็ใช่ว่าจะหาธัญพืชจำนวนมากขนาดนี้ออกมาได้ง่าย ๆ“เถ้าแก่ รอไม่ได้ ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวุ่นวายเพราะภัยสงคราม ยามค่ำคืนเกรงว่าจะมีพวกโจรออกอาละวาด” จางเหลียวขมวดคิ้วมุ่นเตือนสติลั่วฝานได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “เถ้าแก่ ตอนนี้ท่านมีธัญพืชอยู่เท่าใด?”เถ้าแก่ร้านขายธัญพืชกล่าวว่า “มีธัญพืชไม่ถึงสามสือขอรับ หากพวกท่านต้องการ ข้าก็สามารถขายให้พวกท่านได้ทั้งหมด”ธัญพืชสามสือก็ไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ที่บ้านมีคนกินข้าวอยู่สิบกว่าชีวิต ในแต่ละวันต้องบริโภคข้าวสารสิบกว่าชั่ง สามสือก็พอจะประทังไปได้หนึ่งเดือนทว่า ในขณะที่ลั่วฝานกำลังคิดจะจ่ายเงินแล้วกลับเข้าเมืองนั้นเอง เถ้าแก่ร้านขายธัญพืชก็พลันกล่าวขึ้นว่า “เดี๋ยวจะมีธัญพืชมาส่งอีกชุดหนึ่งแล้วขอรับ ท่านรออีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็พอ น่าจะมีสักประมาณห้าสือ”หนึ่งชั่วยามหรือ? ลั่วฝานหันไปมองจางเหลียว แล้วกล่าวว่า “จะสามารถกลับไปถึงเมืองหย่งอันก่อนฟ้ามืดได้หรือไม่?”จางเหลียวเงยหน้ามองดูสีของท้องฟ้า พยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็น่าจะทันอยู่ขอรับ”เม

  • พลิกชะตาคุณชายตกอับ   บทที่ 25

    “ออกไปนอกเมืองหรือขอรับ?” สีหน้าของจางเหลียวตกตะลึง“มีอันใดหรือ?” ลั่วฝานเอ่ยถาม“เถ้าแก่ ท่านอาจยังไม่ทราบ ตอนนี้ด้านนอกเมืองหย่งอันวุ่นวายไปหมดแล้วขอรับ ได้ยินมาว่าด่านชายแดนถูกตีแตกแล้ว ช่วงนี้จึงมีผู้อพยพจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันอยู่ที่นอกเมือง” จางเหลียวขมวดคิ้วกล่าว“ผู้อพยพ?” ลั่วฝานได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ฉายแววระมัดระวังขึ้นมา“พวกเราจำเป็นต้องออกไปนอกเมืองจริง ๆ หรือขอรับ?” จางเหลียวเอ่ยถามลั่วฝานพยักหน้า “เจ้าก็รู้ว่าราคาข้าวสารอาหารแห้งในเมืองมันแพงเพียงใด คนสิบกว่าชีวิตต้องกินต้องใช้ ธัญพืชถือเป็นรายจ่ายก้อนโตทีเดียว”หากคิดจะประหยัดต้นทุน ก็ทำได้เพียงออกไปรับซื้อธัญพืชตามหมู่บ้านนอกเมืองเท่านั้น แต่ตอนนี้ด้านนอกเมืองมีผู้อพยพอยู่ เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดลั่วฝานก็ยังคงตัดสินใจที่จะออกไปนอกเมืองความมั่งคั่งย่อมต้องเสาะหามาจากในภยันตราย หากปราศจากความกล้า ก็อย่าได้คิดทำการใหญ่“พวกเราฟังเถ้าแก่ขอรับ” จางเหลียวกล่าวลั่วฝานพยักหน้า เตรียมตัวจะออกจากบ้าน ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหลังเดินกลับไปบอกจูอีโหรวว่า “ตอนกลางวันข้า

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status