แชร์

บทที่ 275

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
ในเวลานี้ เฉียวเนี่ยนได้ทิ้งสาวใช้ที่นําทางไปแล้ว และรีบวิ่งออกไปนอกจวนอย่างรวดเร็ว

แม้นางจะไม่รู้จักทางออกจากจวน แต่ก็รู้ทิศทางคร่าวๆ อยู่

นางไม่คิดว่าชิวอวี่จะกล้าเล่นลูกไม้ที่จวนราชครูจริงๆ ด้วย

เทียบเชิญนี้ส่งโดยราชครู แต่ราชครูไม่อยู่ในงานเลี้ยง นี่ไม่เท่ากับเห็นนางเป็นคนโง่หรอกหรือ?

ยังมีฮูหยินรองคนนั้น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร สามารถเลี้ยงชิวอวี่ออกมาเลวแบบนั้นได้ เกรงว่าในใจจะมืดมนยิ่งกว่าชิวอวี่เสียอีก!

เฉียวเนี่ยนยิ่งคิดยิ่งกระวนกระวาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทําไมราชครูถึงช่วยคนชั่ว

ตราประทับนั้น เป็นของราชครูชัดๆ!

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างหลัง"หยุดนะ!"

เฉียวเนี่ยนสะดุ้งโหยง หันกลับไปมอง ก็เห็นเด็กรับใช้ที่นําทางก่อนหน้านี้กําลังพาคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามมาแล้ว!

เฉียวเนี่ยนรีบวิ่งหนีทันที แต่เด็กรับใช้เหล่านี้คุ้นเคยกับเส้นทางของจวนราชครูมากเกินไป ไม่นานเฉียวเนี่ยนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่หนีเสือปะจระเข้

ชิวอวี่เดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคนรับใช้ เขาถอดหน้ากากที่สุภาพเรียบร้อยออกไปแล้ว ตอนนี้เขาก็เหมือนอยู่ในหอจุ้ยเซียง ดูชั่วร้ายเป็นพิเศษ!

เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ระ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1050

    ทุกคนหันไปตามเสียง มองเห็นว่าที่ไม่ไกลมีขบวนทัพหนึ่งกำลังเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้าท่ามกลางนั้น รถม้าคันหนึ่งใหญ่โต ยิ่งกว่ารถม้าที่เมืองจี๋เสียงเสียอีกโดยเฉพาะธงที่ปักบนรถม้าโบกสะบัดไปตามลม ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น ยังพอมองเห็นอักษร "มู่"“รถม้าของตระกูลมู่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” พี่สี่กดเสียงต่ำถาม น้ำเสียงเจือด้วยความกังวลเรื่องที่เฉียวเนี่ยนเป็นคนตระกูลมู่ ทุกคนต่างก็รู้แล้ว ตอนนี้พอเห็นรถม้าของตระกูลมู่ จึงอดคิดไม่ได้ว่าต้องมาเพราะเฉียวเนี่ยนแน่พี่รองกลับสุขุมกว่า เอ่ยเสียงขรึมว่า “กิจการของตระกูลมู่กระจายอยู่ทั่วไป ในนครหลวงเองก็มีหลายแห่ง ไม่น่าแปลกนัก”“แต่รถม้าใหญ่ขนาดนี้ กลับเหมือนของเจ้าตระกูลพวกเขา” พี่สามว่าพลางมองไปยังเฉียวเนี่ยน จากนั้นก็พูดต่อ “หรือว่า เราแย่งรถม้าของเขามาให้เนี่ยนเนี่ยนนั่งดี? รถม้านั่นต้องนั่งสบายแน่”“……”นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่าพี่สามมีนิสัยคล้ายโจรอยู่บ้างฉู่จืออี้มองขบวนทัพที่กำลังเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้า แววตาแฝงความเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่ต้องแย่ง พวกเขามาส่งรถม้าให้เอง”ได้ฟังเช่นนั้น เฉียวเนี่ยนถึงกับชะงัก ห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1049

    แคว้นถังไม่เหมือนกับกลุ่มชนเตอร์กิก เพราะมีตระกูลมู่คอยสนับสนุน แคว้นถังจึงมีกำลังเข้มแข็ง กำลังรบย่อมเหนือกว่าแคว้นจิ้งหากเซียวเหิงพลาดพลั้งขึ้นมา คงไม่อาจจินตนาการผลลัพธ์ได้พาองครักษ์พยัคฆ์ไปเมืองอู้ด้วยจะดีกว่าฉู่จืออี้กลับขมวดคิ้ว “แล้วคนใต้บังคับบัญชาของเจ้า มีใครใช้การได้บ้างหรือไม่?”เซียวเหอยิ้มเล็กน้อย “อาจไม่เทียบได้กับองครักษ์พยัคฆ์ของท่านอ๋อง แต่ก็มีผู้ที่ใช้การได้อยู่บ้าง จะสืบเรื่องของตระกูลเมิ่ง คงไม่ยาก”ฟังดังนั้นฉู่จืออี้จึงวางใจลงได้เขารู้จักนิสัยของเซียวเหอดี ว่าไม่ใช่คนที่พูดอวดอ้างเกินจริงแม้แต่คำว่า ‘มีอยู่บ้าง’ นั้นยังเป็นเพียงคำถ่อมตัวในเมื่อเมื่อครั้งก่อนเคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ความสามารถจะด้อยกว่าเขาได้อย่างไร?ฝากเมืองหลวงไว้กับเขา ฉู่จืออี้ย่อมวางใจยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ฝากไว้กับเขา แล้วจะฝากไว้กับใครได้อีกเล่า?สถานการณ์ในเมืองหลวงนั้นซับซ้อนยากหยั่งรู้ มีคนแอบซ่อนเจตนาร้ายอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีผู้ที่เลือกจะวางตัวเป็นกลาง เขาไม่อาจรู้ได้เลยหลายปีมานี้ เสด็จพี่ก็ทรงประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้อย่างยากลำบากคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของฉู่จ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1048

    เกอซูอวิ๋นรับถ้วยชาไป แต่กลับชะงักไปเล็กน้อยคำว่าพระอนุชานางยังไม่ทันได้เรียนรู้ แต่สามคำว่าน้องชายแท้ๆ นางยังฟังเข้าใจอยู่!ทันใดนั้นจึงตระหนักว่าตนพลั้งปากไป เกอซูอวิ๋นอดไม่ได้แลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้วเงียบปากลงเพียงแค่ท่าทางแลบลิ้นนี้ กลับน่ารักซุกซนยิ่งนัก ทำให้เฉียวเนี่ยนพลอยชื่นใจสายตามองไปทางเซียวเหออย่างอดไม่ได้ก็เห็นเซียวเหอกำลังดื่มชา สีหน้าสงบแต่เพียงจากการที่เขายื่นชาให้เกอซูอวิ๋นเมื่อครู่ และเกอซูอวิ๋นรับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ก็ดูออกว่าการอยู่ร่วมกันของคนทั้งสองในช่วงหลายวันนี้ คงจะราบรื่นไม่น้อยเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็วางใจได้นางรู้ว่าเกอซูอวิ๋นเป็นสตรีที่ดี เซียวเหอก็เป็นบุรุษที่หาได้ยากหากทั้งสองเป็นดังที่ฉู่จืออี้กล่าว ท้ายที่สุดจิตใจตรงกัน เดินไปด้วยกันได้จริง ก็นับว่าเป็นคู่ครองที่งดงามยิ่งนักขณะกำลังคิดอยู่ ฉู่จืออี้กลับเอ่ยถึงเรื่องสำคัญอีกครั้ง “การเคลื่อนกำลังของทหารรักษาพระองค์ ต้องคอยระวังทางตระกูลเมิ่งกับองค์รัชทายาท หากคนของเจ้าไม่พอ ก็ให้เจ้าใช้การองครักษ์พยัคฆ์ได้”การยกถ้วยชาของเซียวเหอชะงักไปเล็กน้อยเขาเงยหน้าขึ้นมองฉู่จืออี้อย่างแปลกใจ “ห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1047

    ราวกับเทพธิดาลงมาโปรดมวลมนุษย์พอเเฉียวเนี่ยนห็นนาง ใจก็พลันเอ่อล้นด้วยความยินดีไม่อาจห้ามได้เกอซูอวิ๋นก็เป็นเช่นกันทันทีที่เท้าแตะพื้น ก็กระโจนเข้ามาหาเฉียวเนี่ยน รีบคว้าตัวเฉียวเนี่ยนเข้ามากอดไว้แน่น “เนี่ยนเนี่ยน ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ!”“ข้าก็คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน!” เฉียวเนี่ยนยิ้มตอบ พลางตบหลังเกอซูอวิ๋นเบาๆ ก่อนจะผละออกจากนางด้านข้าง หนิงซวงก็ทำปากยื่นพลางพูดหยอก “คุณหนูกับองค์หญิงสนิทสนมกันปานนี้ ทำเอาบ่าวอย่างข้ารู้สึกหมั่นไส้นัก!”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ดึงหนิงซวงเข้ามากอดทันที “หมั่นไส้อะไรกันเล่า? คนที่ข้าคิดถึงที่สุดก็คือเจ้านี่แหละ!”พอได้ฟังเฉียวเนี่ยนกล่าวเช่นนี้ หนิงซวงก็ยิ้มกว้างออกมา ทั้งสามจึงพากันโอบกอดเดินเข้าจวนไปฉู่จืออี้ยืนอยู่ด้านข้าง พอทักทายกับเซียวเหอเสร็จ ก็เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า“ช่วงนี้ในราชสำนักยังมีเสียงวิจารณ์เรื่องที่เจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เสด็จพี่น่าจะจัดการได้”ฉู่จืออี้เอ่ยเสียงเรียบ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเซียวเหอมิได้เข้าวัง ข่าวสารบางเรื่องจึงไม่รู้ทั่วถึงตอนนี้ได้ฟังฉู่จืออี้กล่าว เขาก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1046

    ซูกงกงมองตัวอักษรบนสมุดรายงานนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเขาลอบมองฉู่จืออี้หนึ่งครั้ง แล้วเหลือบออกไปยังเฉียวเนี่ยนอีกหนึ่งครั้ง ก่อนเอ่ยกับฮ่องเต้ว่า “ฮ่องเต้ กระหม่อมเห็นว่าตั้งแต่แม่ทัพเซียวได้คุมอำนาจทัพมา ยังไม่เคยกระทำอันบุ่มบ่ามเช่นนี้เลย ครานี้... ปัญหาคงอยู่ที่ท่านหญิงเฉียวกระมัง”เรื่องนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็รู้แก่ใจ แต่มีเพียงซูกงกงที่กล้าเอ่ยออกมาฉู่จืออี้ปรายตาไปทางซูกงกงครั้งหนึ่ง ในใจเข้าใจดีว่าคำพูดของซูกงกงนั้นแท้จริงแล้วก็คือสิ่งที่ฮ่องเต้อยากจะเอ่ย“เฉียวเนี่ยนเข้ามา!”ฮ่องเต้กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นเฉียวเนี่ยนได้ยินดังนั้น ใจหนึ่งก็สะท้าน แต่ก็รู้ว่าหลีกหนีไม่พ้นนางจึงก้าวเข้าสู่ห้องทรงอักษร คุกเข่าลงคำนับฮ่องเต้สั่งให้นางลุกขึ้น แล้วมองนางพลางถอนหายใจหนัก “เราจะไม่พูดเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องที่เจ้าสามารถออกมาจากกรมซักล้างได้ ก็เพราะเขานำเอาความชอบจากศึกสามปีไปแลกมา เจ้ารู้หรือไม่?”เรื่องนี้เฉียวเนี่ยนเคยได้ยินเซียวเหิงเอ่ยมาก่อนทว่านางกลับไม่รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่น้อยในสายตาของนาง เป็นเพราะความลำเอียงของตระกูลหลินและความไม่เชื่อใจของเซียวเหิงต่างหาก ที่ทำ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1045

    ขณะพูด นัยน์ตาของเต๋อกุ้ยเฟยก็สลดลงโดยไม่รู้ตัว “เฉียวเนี่ยน เจ้าลองมองให้ดีๆ เถิด ตอนนี้ผู้ที่กำลังขมขื่นเป็นเจ้าหรือว่าจวนโหวกันแน่”เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของเฉียวเนี่ยนก็หมองหม่นลงเช่นกันจวนโหว...“ทุกวันนี้ คนมีฝีมือในจวนโหวก็ลดน้อยถอยลง มารดาของเจ้ามัวจมอยู่กับโลกในอดีตทั้งวัน บิดาของเจ้าผมขาวโพลน แก่กว่าเดิมไปราวกับเป็นสิบปี ส่วนพี่ใหญ่ของเจ้า... ช่างเถิด ไม่พูดดีกว่า พูดไปมากเจ้าก็มิอยากฟังอยู่ดี”เต๋อกุ้ยเฟยยังคงหยอกล้อกับเสี่ยวจือเนี่ยน ฟังเสียงหัวเราะแว่วแผ่วของนาง ราวกับจะละลายหัวใจคนได้นางจึงอดไม่ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ยังจำได้หรือไม่ ครั้งแรก ตอนฮูหยินหลินอุ้มเจ้าเข้ามาในวังให้เราดู ตอนนั้นเจ้าก็ยังตัวเล็กเท่าเสี่ยวจือเนี่ยน ไม่คิดเลยว่าเพียงพริบตาก็ผ่านมาหลายปีแล้ว...”เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวในอดีต ย่อมทำให้ใจหวนสะท้อนเจ็บปวดเฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนส่งเสี่ยวจือเนี่ยนคืนให้แม่นม แล้วจึงเอ่ยว่า “ไม่แปลกใจเลยที่กุ้ยเฟยทรงเป็นสหายรักของฮูหยินหลิน หม่อมฉันไม่คาดคิดจริงๆ ว่าจะถูกเรียกเข้าวังมาเพียงเพื่อเรื่องนี้”เต๋อกุ้ยเฟยเผยสีหน้าจำใจ “เจ้าอย่าเข้าใจผิด เร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status