อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เซียวเหอกลับมาถึงเรือน ก็พบว่าหนิงซวงมีสีหน้ากังวลยิ่งนักสายตาของเขาเผลอมองไปทางเรือนของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงประตูหน้าต่างปิดสนิท ราวกับต้องการตัดขาดจากทุกสิ่งเซียวเหออดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา "นางเป็นอย่างไรบ้าง?"หนิงซวงมองไปยังประตูเรือนที่ปิดสนิทด้วยความกังวลเต็มหัวใจ ก่อนจะตอบว่า "คุณหนูกลับมาแล้วก็ขังตัวเองไว้ในห้อง บ่าวพูดอะไรก็ไม่ตอบเจ้าค่ะ"เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หนิงซวงก็ลดเสียงลง ก่อนจะกระซิบข้างหูเซียวเหอ "แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ไม่ได้ยินเจ้าค่ะ"และนี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดหากได้ยินเสียงร้องไห้ อย่างน้อยก็ยังแสดงว่าเฉียวเนี่ยนสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้แต่ตอนนี้ นางไม่ร้อง ไม่โวยวาย ปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง กลับยิ่งทำให้เป็นห่วงมากกว่าเดิมจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "หรือให้บ่าวไปเคาะประตูดีขอรับ?"เขาคิดว่าเซียวเหอคงอยากปลอบโยนเฉียวเนี่ยนสักสองสามคำแต่เซียวเหอกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย "ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวสักพักเถิด"กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก และหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนของตนเขารู้ดีว่
หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
ฟังคำตอบเฉียวเนี่ยนแล้ว เซียวเหอไม่รู้ทำไม ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย"หากเจ้าปล่อยวางได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี"อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องเสียใจเพราะไอ้คนเลอะเลือนอย่างเซียวเหิงอีกเฉียวเนี่ยนหยักยิ้มขึ้น หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เริ่มฝึกต่อ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ลองฝังเข็มแล้ว!”นางรู้สึกว่าการไปพบเซียวเหิงในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักเซียวเหิงจะหย่าหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านางคือต้นเหตุของเรื่องนี้เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเห็นด้วยแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากฝังเข็มบนขาของท่านพี่เซียว ไม่ทราบว่าท่านพี่เซียวจะกล้าให้ฝังหรือไม่“ความจริง เรื่องแรงปักของเข็ม ความลึกตื้น และอื่นๆ นางก็เข้าใจดีอยู่แล้วเซียวเหอไหนเลยจะฟังไม่ออก นี่นางกำลังใช้ ‘วิธียั่วยุ’ หรือ?จึงหัวเราะขึ้นมา “หากบอกว่าไม่กล้า ข้าคงขี้ขลาดชัดเจนเกินไป”เฉียวเนี่ยนยิ้มกว้างขึ้น “คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่ขี้ขลาดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ขณะพูด นางยังยกนิ้วของตัวเองขึ้นทำท่า “นิดหน่อย” ประกอบเซียวเหอทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ อย่างจ
วาจาที่เจือไปด้วยการตำหนิ มันเด่นชัดมากยิ่งแม่เซียวพูดว่า ‘แม้จะจริงใจ‘ ด้วยแล้วเห็นได้ชัดว่า นางก็ไม่ได้เชื่อใจหลินยวนทั้งหมดเช่นกัน...หลินยวนจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่นางก็ไม่กล้าขัดคำแม่เซียว จึงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้ารับ “เป็นข้าเองที่ไม่ควรทำตามอำเภอใจ...”ฮูหยินหลินยืนอยู่ข้างๆ มองหลินยวนที่มีท่าทางเสียใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีพวกเขาย่อมเชื่อว่าหลินยวนบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ดีว่า เรื่องนี้มันคือความผิดของหลินยวนได้ยินเพียงแม่เซียวพูดว่า "แต่ว่า เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้เหิงเอ๋อร์หย่าเจ้าแน่นอน รอให้เขาหายโกรธก่อน แม่จะให้เขามารับเจ้า"ยังคงเหมือนวาจาเมื่อครู่ทว่า เซียวเหิงจะหายโกรธตอนไหน จะมารับนางเมื่อไหร่ กลับไม่ได้บอกหลินยวนสะอื้นไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นแม่เซียวพูดปลอบใจหลินยวนอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไปฮูหยินหลินจึงออกไปส่งแม่เซียวข้างนอกพวกท่านทั้งสองออกไปได้ไม่นาน หลินยวนก็ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้องตัวเอง"เป็นเพราะเฉียวเนี่ยน! หากไม่ใช่นาง ท่านพี่เหิงจะเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาได้ยังไง!" นางตะคอกไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
วันเวลา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพริบตาเดียวก็หนึ่งเดือนแล้วหนึ่งเดือนผ่านมานี้ เฉียวเนี่ยนไม่เคยย่างก้าวออกจากเรือนของเซียวเหอเลยแม้แต่ก้าวเดียวในทุกๆ วัน นอกจากฝึกขว้างก้อนหินแล้ว บางครั้งนางยังไปอ่านตำราพิชัยสงครามกับเซียวเหอ หรือไม่ก็เล่นหมากล้อมกับเซียวเหอ ชีวิตถือว่าผ่านไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยความหมายเซียวเหิงไม่เคยมาอีกหรือพูดให้ถูกคือ นอกจากสาวใช้ที่มาทำความสะอาดทุกวันแล้ว ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาที่นี่อีกเลยบางครั้งเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่า เรือนของเซียวเหอเปรียบเสมือนดินแดนอันสันโดด ที่สามารถตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิงหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อย...ทว่า อย่างไรก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝันที่แท้จริง...วันนี้ แม่เซียวส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อเซียว อยากให้ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกัน ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งนับตั้งแต่เซียวเหอได้รับบาดเจ็บ ตลอดปีมีเพียงวันเกิดพ่อเซียวและแม่เซียวสองวันเท่านั้นที่เขาจะออกไปพบปะทานข้าวร่วมกับครอบครัว ปีนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันเพียงแต่เซียวเหอรู้สึกเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเล็กน้อย จึงกล่า
เซียวเหอก็ยกแก้วตาม "ลูกเองก็ขอให้ท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว"เฉียวเนี่ยนย่อมยกแก้วขึ้นตามเซียวเหอเช่นกันอารมณ์ของพ่อเซียวก็คลายลงไปไม่น้อย ดูแล้วมีความสุขอย่างมาก ทว่าสายตากลับมองไปที่เซียวเหิงลูกสามคน ยกแก้วเหล้าให้สองคน มีเพียงเซียวเหิงคนเดียวที่ไม่ยก ทำให้พ่อเซียวสีหน้าครึมลงอีกครั้งเหมือนจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงขึ้นอีกครา เซียวเหิงถึงได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นตรงหน้า "ขอให้ท่านพ่ออายุยืนยาว"พ่อเซียวถึงได้ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง และดื่มเหล้าจนหมดถ้วยแต่เพิ่งดื่มเหล้าหมดก็พูดขึ้นมาอีกว่า "หากเจ้าไม่ทำให้ข้าโกรธ ข้าคงมีอายุยืนยาวได้จริงๆ !"บรรยากาศเย็นลงทันทีแม่เซียวตบพ่อเซียวเบาๆ ด้วยความเคืองพ่อเซียวจึงเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดของตนได้ทำลายบรรยากาศที่เพิ่งจะดีขึ้นไป และอดแสดงสีหน้าอึดอัดออกมาไม่ได้แต่ไม่คิดเลยว่า เซียวเหิงกลับหัวเราะเยาะเสียงเบา "หึ"ความหมายเหยียดหยามชัดเจนทำให้พ่อเซียวระงับความโกรยไม่ไหวทันที "เจ้าหมายความว่าอย่างไร!"เซียวเหิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา สุ้มเสียงราบเรียบ "ก็แค่ตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็กลายเป็นคนอกตัญญูแล้ว ลูกชายของตระกูลเซีย
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” ท่านโหวหลินตกใจมาก ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วฮูหยินหลินเองก็เบิกตากว้างอย่างกะทันหัน มองหลินเย่ว์ด้วยความไม่เชื่อหลินยวนก็ตกใจมากเช่นกัน ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมหลินเย่ว์ถึงทำตัวผิดปกติเช่นนี้ก่อนหน้านี้ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?เพราะเฉียวเนี่ยนตายแล้วรึ?แต่ในขณะนี้ หลินยวนไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้นเฉียวเนี่ยนตาย แล้วนางจะปัดความรับผิดชอบเรื่องของย่าเฉาได้อย่างไร?นางจะโยนความผิดให้ใคร?ทำเช่นไรดี?หลินยวนรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุดแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อของนาง “เจ้าเป็นใครกันแน่? พูดมา!”หลินยวนตกใจกลัวนางไม่เคยเห็นหลินเย่ว์ดุร้ายเช่นนี้มาก่อนน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด แต่ก็ยืนกรานว่าตัวเองเป็นบุตรสาวสายตรงแห่งจวนโหว“พี่ใหญ่ อย่าขู่ข้าเลย... ข้าเป็นน้องสาวของพี่นะ!”“หมอตำแยพูดเองกับปากว่า ข้าถูกนางสลับตัว! นางพูดเองกับปาก!”“ข้าหน้าเหมือนแม่มากเลยนะ พี่ใหญ่ ดูข้าสิ! ข้าจะไม่ใช่ลูกของแม่ได้อย่างไร!”นางปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่!มิเช่นนั้น ด้วยสภาพของคนในตระกูลหลินยามนี้ พวกเขาจ
คิดไม่ได้แล้ว คิดต่อไม่ได้แล้ว...นางจะทนไม่ไหวแล้ว!ในขณะนั้นเอง มามาหลายคนคนที่พาหลินยวนลงไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็พาหลินยวนกลับมา "ทูลฮูหยิน เอวของคุณหนูรองไม่มีปานเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ย่าเฉาจึงรีบเอ่ยว่า "นางไม่ใช่ตั้งแต่แรก จะมีได้อย่างไร!"หลินยวนร้องไห้ตะโกน "ท่านแม่ ไม่ใช่เช่นนั้น! ท่านอย่าฟังคำพูดเหลวไหลของหญิงชั่ว!"ฮูหยินหลินราวกับโดนค้อนหนักทุบจนหัวเริ่มมึนงงนางไม่เคยสงสัยหลินยวนเลย เพียงแต่คนที่นางส่งไปไม่เคยได้เบาะแสอะไรกลับมาเลยก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งที่นางสงสัยว่ายวนเอ๋อร์กับเนี่ยนเนี่ยนเป็นพี่น้องฝาแฝด และหมอตำแยที่ทำคลอดให้นางขโมยไปคนหนึ่งฉะนั้น นางจึงรักลูกทั้งสองคนและตัดใจจากลูกทั้งสองคนไม่ได้...นางอยากจะเชื่อว่านางคลอดลูกฝาแฝดมากกว่าที่จะสงสัยว่าหลินยวนไม่ใช่ลูกของนาง!หายใจเข้าลึกๆ หลายที ฮูหยินหลินก็ดูเหมือนจะมีแรงกลับมา จึงยกมือขึ้นและเรียกเด็กรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป "ไป ไปตามท่านโหวกลับมา! ตามท่านโหวน้อยกลับมาด้วย!"เรื่องนี้ นางทนรับคนเดียวไม่ไหวจริงๆเด็กรับใช้รีบรับคำและจากไปทันทีแต่หลินยวนยังคงร้องไห้ "ท่านแม่ ท่านไม่ควรเชื่อคำพูดของ
ชาวแคว้นจิ้งเชื่อว่าเด็กๆ เป็นของขวัญจากสวรรค์เหล่านางฟ้าบนสวรรค์เลือกครอบครัวที่เหมาะสม แล้วส่งเด็กๆ ลงมาทีละคนเด็กบางคนซุกซน ไม่ยอมลงมา นางฟ้ากริ้วโกรธ ก็เลยต้องลงมือรอยปานเล็กๆ นั่นต้องเป็นรอยที่นางฟ้าจิ้มแน่นอนส่วนรอยที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ต้องเป็นรอยที่นางฟ้าหยิกแน่นอนและรอยที่ใหญ่กว่านั้น อืม ต้องเป็นเด็กที่ซุกซนมาก นางฟ้าทนไม่ไหว จึงเตะลงมาฮูหยินหลินรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อก่อน ยามที่นางดูแม่นมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เนี่ยนเนี่ยน นางก็เคยพูดว่า เด็กคนนี้ต้องซุกซนมากแน่ๆ ถึงโดนนางฟ้าหยิกที่เอวเนี่ยนเนี่ยนมีปานที่เอวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลินก็ค่อยๆ หันไปมองหลินยวน "เจ้ามีปานหรือไม่?"หลินยวนตกใจส่ายหัวไม่หยุด "ท่านแม่ อย่าฟังหญิงคนนี้พูดจาเหลวไหล..."แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ ฮูหยินหลินก็ออกคำสั่ง "ใครก็ได้เข้ามาที! พาตัวนางออกไป ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วหาปาน!""เจ้าค่ะ!"มามาคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างตอบรับและพาหลินยวนออกไปหลินยวนไม่ยอมและดิ้นรน แต่นางจะสู้แรงเหล่ามามาได้อย่างไร?ในไม่ช้า ห้องโถงด้านหน้าก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งฮูหยินหลินแทบจะนั่งไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยัง
ขณะนั้น หลินยวนที่ถูกขังอยู่นอกเรือนลั่วเหมยก็เบิกตากว้างทันทีด้วยความไม่เชื่อด้านข้างมีสาวใช้กระซิบว่า "คุณหนู ท่านโหวน้อยเป็นอะไรไป ทำไมถึงดูเหมือนคนบ้าเช่นนี้? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?"หลินยวนขมวดคิ้วนิดๆ นางเองก็ไม่รู้แต่การที่หลินเย่ว์คลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนางโอกาสที่ดีที่จะไปแสดงความน่าสงสารต่อหน้าฮูหยินหลิน เพื่อให้ฮูหยินหลินสงสารนาง!นางรู้ดีว่าแม้ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินจะช่วยชีวิตนางไว้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รักนางเหมือนเมื่อก่อนบางที วันนี้นางอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเรียกความรักของพวกเขากลับคืนมาได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลินยวนจึงไปหาฮูหยินหลินแต่ได้รับแจ้งว่า ฮูหยินหลินกำลังต้อนรับแขกอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อแสดงความน่าสงสารของตน หลินยวนจึงมาที่ห้องโถงด้านหน้า โดยตั้งใจไม่มองแขกคนนั้นเลย นางเพียงแค่น้ำตาคลอเบ้าเดินไปหาฮูหยินหลินและคุกเข่าลง "ท่านแม่ ได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ยวนเอ๋อร์ด้วย! ท่านพี่ไม่รู้เป็นอะไร ไล่ยวนเอ๋อร์ออกจากเรือนลั่วเหมย! ฮือๆ ๆ พี่ใหญ่ยังผลักยวนเอ๋อร์ด้วย ข้อเท้าของยวนเอ๋อร์เคล็ดเลยเจ้าค่ะ!"ฮูหยินหลินมองหลินยวนที่คุ
ไม่รู้ว่าตบหน้าตนเองไปนานแค่ไหน หลินเย่ว์ก็เหมือนนึกบางอย่างออก รีบรวบรวมเศษผ้าเหล่านั้นกลับเข้าไปซุกไว้ในอกของตนแล้วลุกขึ้นเปิดประตูออกไปข้างนอกเขาต้องไปหาเนี่ยนเนี่ยนออกจากประตู ก็เห็นต้นหวยขนาดใหญ่วัยเด็ก เนี่ยนเนี่ยนชอบปีนขึ้นไปเล่นบนต้นไม้มากที่สุดโขดหินจำลองที่อยู่ไม่ไกลก็เป็นสถานที่ที่เนี่ยนเนี่ยนชอบเล่นมากที่สุดเช่นกัน ครั้งหนึ่ง นางตกจากโขดหินจำลอง ทำให้เขาตกใจแทบแย่ แต่นางกลับยิ้มร่าเริง ไม่คิดอะไรมากศาลาหลังนั้น เขาเคยเล่นหมากรุกกับนางด้วยกันครั้นที่เด็กน้อยเพิ่งหัดเล่น นางชอบเล่นตุกติกมากที่สุด หมากกระดานหนึ่ง ต้องแก้เกมเป็นสิบๆ ครั้งต้นท้อเหล่านั้น ออกผลทั้งใหญ่และหวานมาก เนี่ยนเนี่ยนจะพาบ่าวรับใช้มาเก็บผลไม้ทุกครั้ง แล้วนำมาทำเป็นขนมหวานอร่อย ยกมาให้เขาที่ห้องหนังสือด้วยตัวเองทางเดินเส้นเล็กนี้ เป็นทางที่เนี่ยนเนี่ยนเดินบ่อยที่สุดเพราะเรือนของนางอยู่ใกล้กับเรือนของเขามากที่สุด ในวัยเด็ก หากนางฝันร้าย นางจะกอดหมอนของตน พาสาวใช้อีกกลุ่มหนึ่ง วิ่งเข้ามาในห้องของเขา แล้วบังคับให้เขาต้องนอนกับนางให้ได้นางพูดว่า: มีพี่ใหญ่อยู่ข้างกาย เนี่ยนเนี่ยนถึงจะวางใจ
ร่างกายของหลินเย่ว์สั่นเทาราวกับว่าเขาสามารถเห็นภาพของเฉียวเนี่ยนเมื่อสามปีก่อนที่ถูกพาตัวไปยังกรมซักล้างและร้องไห้คร่ำครวญนางไม่ยอมจำนน ไม่ยอมอยู่ที่นั่น จึงถูกมามาในกรมซักล้างเฆี่ยนตีครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้น นางก็นอนคว่ำอยู่ในห้องที่มีทั้งลมและฝนรั่วฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายที่ขาดหลุดลุ่ยใช้นิ้วจุ่มเลือดจากบาดแผลเขียนทีละตัวอักษรว่า:พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยหัวใจของเขาเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออกหลินเย่ว์รีบพลิกเศษผ้าเหล่านั้นทีละชิ้นเกือบทุกชิ้นเขียนด้วยเลือดว่า: พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยพี่ใหญ่ รับข้ากลับบ้านด้วยพี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยยยเป็นเวลาสามปีแล้วที่เศษผ้าเปื้อนเลือดเหล่านี้บันทึกทุกครั้งที่นางขอความช่วยเหลือ และทุกครั้งก็เป็นการขอความช่วยเหลือจากเขาหลินเย่ว์เพิ่งตระหนักว่า ในใจของเฉียวเนี่ยน พี่ใหญ่ของเขาสำคัญมากเพียงใดในใจของนาง มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้!แต่เขาทำอะไร?ในขณะที่นางนอนคว่ำอยู่บนเตียงไม้เย็นเฉียบ ขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยเลือดสด เขาทำอะไรอยู่?เขาจะเข้าวังขอความเมตตาจากฮ่องเต้ แต่ถูกพ่อขวางไว้ ให้เขายึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักส่วนรวม.
เขาไม่กล้าคิดต่อได้แต่บังคับตัวเองให้ดึงความคิดอันกระวนกระวายนั้นกลับมาเซียวเหิงใกล้ระเบิดแล้ว เขาจะบ้าตามไม่ได้!ดังนั้น เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า “ใช่ ต้องไม่เป็นอะไร”หลินเย่ว์ราวกับได้แรงกลับคืนมา เขาพยักหน้าและหันหลังเดินจากไปใช่ ต้องไม่เป็นอะไรรอให้เขากลับไปพักชั่วครู่ แล้วค่อยกลับมาหาเนี่ยนเนี่ยน...หลินเย่ว์ขี่ม้ากลับไป แต่ในหัวกลับปรากฏแต่ภาพขณะที่เฉียวเนี่ยนตกลงไปในแม่น้ำไกลจากเขามากไกลจนเขาไม่เห็นหน้านางชัดๆ ไกลจนเขาคว้าแม้แต่เงาของนางไว้ไม่ได้!แต่ทำไมพวกเขาถึงห่างกันได้ขนาดนี้?หรือว่าเขาค่อยๆ ผลักไสนางออกไปเอง?“ท่านโหวน้อย!”ทันใดนั้น เสียงหวานนุ่มนวลก็เรียกสติของหลินเย่ว์กลับคืนมาเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ตกใจที่พบว่าตนมาถึงหน้าจวนโหวตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้“ท่านโหวน้อย!”เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง หลินเย่ว์จึงสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเขาจำนางไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นจำเขาได้ และเมื่อเห็นเขามองมาก็รีบวิ่งมาหาหลินเย่ว์ "คารวะท่านโหวน้อย บ่าวชื่อหลิ่วเหนียง เป็น...สหายของคุณหนูใหญ่ขณะอยู่ในวัง"คำว่าส
"เนี่ยนเนี่ยน!""เนี่ยนเนี่ยน!""ไม่!"เสียงดังสามเสียงดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกันเซียวเหอและหลินเย่ว์ชักดาบออกมาพร้อมกัน ในขณะที่ชายหนวดเคราและเด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเขาก็ถูกปาดคอไปแล้วส่วนเซียวเหิงนั้น เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นและกระโดดลงไปในแม่น้ำฉางหยางเมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวเหอและหลินเย่ว์จึงรีบคว้าตัวเซียวเหิงกลับพร้อมกัน"ปล่อย!" เซียวเหิงตะโกนเสียงทุ้มต่ำและดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปที่ผิวน้ำที่ราบเรียบไร้ระลอกคลื่น พยายามมองหาร่างของเฉียวเนี่ยนเขาพยายามกระโดดลงไปในแม่น้ำอย่างต่อเนื่องแต่สองมือที่อยู่ข้างกายเขาคอยคว้าเขาไว้และดึงเขากลับมาเขาจึงทำได้เพียงปัดมือเหล่านั้นออกเนี่ยนเนี่ยนยังอยู่ในแม่น้ำ เขาต้องไปช่วยเนี่ยนเนี่ยน!“เพียะ!”เสียงตบที่ดังสนั่น ทำให้เซียวเหิงได้สติเซียวเหอกำลังจับคอเสื้อของเซียวเหิงไว้แน่น เสียงแข็งกร้าวเริ่มสั่นคลอน และเอ่ยว่า “เนี่ยนเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร! นางว่ายน้ำเป็น! สิ่งที่เจ้าต้องทำในยามนี้คือพาสมุนหานางที่ปลายน้ำ ไม่ใช่กระโดดลงไป!”หากแม้แต่เซียวเหิงก็กระโดดลงไปด้วย แล้วพวกเขาจะช่วยใคร ช่วยเซียวเหิงหรือช
“อย่าหุนหันพลันแล่น!” เซียวเหอลงจากม้าเป็นคนแรก พร้อมตะโกนใส่พวกโจรภูเขาเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงฉานปรากฏบนคอของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาก็พลันบีบรัดเซียวเหิงและหลินเย่ว์รีบลงจากม้าตามมาติดๆสีหน้าของเซียวเหิงดูมืดมนอย่างยิ่ง และกำหมัดแน่นเขาโกรธตัวเองที่ยามนั้นทำไมไม่กำจัดพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงกลพวกโจรภูเขา!หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จิตใจว้าวุ่น เขาตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง! ปล่อยน้องสาวข้า!"ดวงตาของเฉียวเนี่ยนหม่นหมองนางนึกไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมาด้วยแล้วพลันพบว่า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังไม่อยากเจอหลินเย่ว์ยิ่งไม่อยากได้ยินเขาเรียกนางว่า 'น้องสาว'ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเกลียดพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้?ก่อนที่นางจะครุ่นคิดมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงของชายที่มีหนวดเคราตะโกนว่า "อยากให้พวกข้าปล่อยคนอย่างนั้นหรือ? ง่ายมาก! เอาหัวของเซียวเหิงมาให้พวกเรา!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหอและหลินเย่ว์ก็ตกใจแต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะชักดาบยาวที่เอวออกมาและวางไว้บนคอของตนโด